ผลต่างระหว่างรุ่นของ "รชฏ พิสิษฐบรรณกร"
Pongsak ksm (คุย | ส่วนร่วม) |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 58: | บรรทัด 58: | ||
ในปี พ.ศ. 2563 รอ. รชฏ พิสิษฐบรรรกร ได้ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าพรรคภราดรภาพ ซึ่งมีบุญญา หลีเหลด ดำรงตำแหน่งรองหัวพรรค และสมบูรณ์ จิตตระบูรณ์ เป็นเลขาธิการพรรคภราดรภาพ |
ในปี พ.ศ. 2563 รอ. รชฏ พิสิษฐบรรรกร ได้ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าพรรคภราดรภาพ ซึ่งมีบุญญา หลีเหลด ดำรงตำแหน่งรองหัวพรรค และสมบูรณ์ จิตตระบูรณ์ เป็นเลขาธิการพรรคภราดรภาพ |
||
== เครื่องราชอิสริยาภรณ์ == |
|||
{{ท.ช.|2548}}<ref>http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2548/00177225.PDF</ref> |
|||
==อ้างอิง== |
==อ้างอิง== |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:23, 17 กรกฎาคม 2563
ร้อยเอก รชฏ พิสิษฐบรรณกร | |
---|---|
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 28 เมษายน พ.ศ. 2516 |
พรรคการเมือง | ภราดรภาพ |
ร้อยเอก รชฏ พิสิษฐบรรณกร หัวหน้าพรรคภราดรภาพ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคไทยรักไทย และอดีตนายทหารสัญญาบัตรกองทัพบกชาวไทย
ประวัติ
เกิดเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2516 สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนทิวไผ่งาม และสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย, ได้เข้าศึกษาต่อโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 34 ขณะเข้ารับการศึกษาได้รับเลือกเป็นหัวหน้าทีมบาสเก็ตบอลทีมโรงเรียนเตรียมทหารและได้รับการไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งประธานรุ่นที่ 34, เข้าศึกษาโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 45 ได้รับเลือกให้เป็น หัวหน้านักเรียนหลักสูตรส่งทางอากาศ ศูนย์สงครามพิเศษ และหัวหน้านักเรียนหลักสูตรจู่โจมศูนย์การทหารราบ หัวหน้านักเรียนหลักสูตรชั้นนายร้อยทหารราบ, ปริญญาโทหลักสูตรนักบริหารจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง, ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัย S.T. Philippines , ได้รับการอบรมหลักสูตรจากสถาบันพระปกเกล้าเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2 สมัยและอดีตเลขานุการคณะรัฐมนตรี 3 สมัย
การทำงาน
เมื่อสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยได้รับราชการที่กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 8 จังหวัดเลย และกรมทหารพรานกองทัพภาคที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่นายทหารเสริมกำลังพิเศษ กองทัพภาคที่ 2 (ทหารเสือ) ก่อนจะย้ายมารับราชการ ทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ และกองบังคับการ กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ โดยทำหน้าที่ถวายอารักขา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ จากนั้นได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรกรุงเทพมหานคร 2 สมัย และเลขานุการรัฐมนตรีพาณิชย์ 3 สมัย
ด้านธุรกิจ
ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร เป็นประธานกรรมการ บริหารสายการบิน R Airlines มีอากาศยานแบบ Airbus A321 และ A320 และ A 319โดยมีภารกิจเช่าเหมาลำจากกองทัพบกรับส่งทหารใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ในปี 2561 ร.อ.รชฎ พิสิษฐบรรณกรได้เป็นประธาน กรรมการบริหาร สหมงคลประกันภัยจำกัด (มหาชน) และกลุ่มอาร์กรุ๊ป
ปี 2563 ร.อ.รชฎ พิสิษฐบรรณกรได้เป็นประธาน กรรมการบริหาร สหมงคลประกันภัยจำกัด (มหาชน) และกลุ่มอาร์กรุ๊ป
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธาน กรรมการบริษัทสหมงคลประกันภัย จำกัด(มหาชน) และกลุ่มอาร์กรุ๊ป
ด้านกีฬา
เป็นประธานสโมสรฟุตบอลเลยซิตี้ซึ่งเป็นทีมที่เคยได้แชมป์ลีกภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาแล้วถึง 2 สมัย รวมถึงเป็นโปรโมเตอร์ของสนามมวยเวที ลุมพินี จัดรายการมวยในชื่อ"ศึกอาร์แอร์ไลน์"
งานการเมือง
ลาออกจากราชการ เพื่อมาทำงานด้านการเมืองการเมือง โดยได้ลงรับสมัครเลือกตั้งในเขต 4 กรุงเทพมหานคร (เขตพญาไท) สังกัดพรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 โดยพบกับคู่แข่งคนสำคัญ คือ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่ง ร.อ.รชฏ สามารถเอาชนะไปได้อย่างเฉียดฉิว (ร.อ.รชฏได้ 30,352 คะแนน, นายพุทธิพงษ์ได้ 28,423 คะแนน)[1]
และในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาอีกครั้งเป็นสมัยที่ 2 แต่ผลการเลือกตั้งในครั้งนั้นถือเป็นโมฆะจากคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ
หลังจากรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 แล้ว ร.อ.รชฎพร้อมกับสมาชิกพรรคไทยรักไทยบางส่วน ได้ย้ายไปสังกัดพรรคมัชฌิมาธิปไตย ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมา และ ร.อ.รชฏก็ได้มีตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการพรรค และเป็นรองหัวหน้าพรรคตามลำดับ
ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ร.อ.รชฏได้ลงเลือกตั้งอีกครั้งในเขต 4 กรุงเทพมหานคร (เขตบางซื่อ, เขตหลักสี่, เขตจตุจักร) ซึ่งในครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งในเขตใหญ่และเป็นการเลือกตั้งแบบ 3 คน ตามรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2550 ปรากฏว่า ร.อ.รชฏและทีมพรรคมัชฌิมาธิปไตยไม่ได้รับการเลือกตั้ง[2]
ในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขานุการรัฐมนตรีพาณิชย์ 3สมัย ก่อนที่ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต 4 กทม. รองเลขาธิการและรองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตยและต้องยุติบทบาททางการเมืองเป็นระยะเวลา 5 ปี เนื่องจากคำพิพากษาคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2551[3]
ในสมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการองค์การคลังสินค้า
ในปี พ.ศ. 2561 ได้สังกัด พรรคภราดรภาพ ได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค โดยลงสมัครเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง
ในปี พ.ศ. 2563 รอ. รชฏ พิสิษฐบรรรกร ได้ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าพรรคภราดรภาพ ซึ่งมีบุญญา หลีเหลด ดำรงตำแหน่งรองหัวพรรค และสมบูรณ์ จิตตระบูรณ์ เป็นเลขาธิการพรรคภราดรภาพ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2548 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)[4]