คลื่นความร้อนในเอเชีย พ.ศ. 2566
พื้นที่ | |
---|---|
เริ่มต้น | เมษายน พ.ศ. 2566 |
ความสูญเสีย | |
ผู้เสียชีวิต |
|
ผู้รับการพยาบาล | 450–460 (อินเดีย) |
ตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2566 เป็นต้นมา คลื่นความร้อนซึ่งร้อนจนทำลายสถิตินั้นส่งผลกระทบต่อประเทศหลายแห่งในเอเชีย อันรวมถึงประเทศจีน ประเทศไทย ประเทศบังกลาเทศ ประเทศเวียดนาม และประเทศอินเดีย ทั้งยังส่งผลให้เกิดสถิติใหม่หลายรายการในภูมิภาคนี้
เอเชียกลาง
[แก้]ในประเทศแถบเอเชียกลางมีสถิติอากาศร้อนสูงผิดปรกติ เช่น ในประเทศคาซัคสถาน อุณหภูมิสูงถึง 33.6 องศาเซลเซียส[1] และในประเทศเติร์กเมนิสถาน อุณหภูมิสูงถึง 42.4 องศาเซลเซียส[2]
เอเชียตะวันออก
[แก้]จีน
[แก้]ประเทศจีนเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อน โดยมีอุณหภูมิสูงถึง 42.4 องศาเซลเซียสในมณฑลยูนนานเมื่อวันที่ 18 เมษายน และมีรายงานว่า 1 วันก่อนหน้านี้ สถานีวัดอากาศกว่า 100 แห่งบันทึกอุณหภูมิได้สูงเป็นประวัติการณ์[3] นอกจากนี้ ในหลายมณฑลมีอุณหภูมิเกิน 35 องศาเซลเซียส[4]
แนวปะทะอากาศเย็นที่พัดไปทางใต้และตะวันออกช่วงวันที่ 22–23 เมษายน ส่งผลให้อุณหภูมิลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และเกิดฝนตกหนักกับหิมะถล่มในทางเหนือ โดยเฉพาะในมณฑลฉ่านซีมีรายงานว่า เกิดหิมะหนาถึง 24 เซนติเมตร[5]
ญี่ปุ่น
[แก้]ในประเทศญี่ปุ่น อุณหภูมิที่เมืองมินามาตะเมื่อเดือนเมษายนสูงถึง 30.2 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นสถิติใหม่สำหรับพื้นที่นี้[1]
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
[แก้]กัมพูชา
[แก้]ความต้องการน้ำที่ทวีขึ้นในประเทศไทยทำให้ประเทศกัมพูชาขาดแคลนน้ำ กระทรวงทรัพยากรน้ำและอุตุนิยมวิทยาของประเทศกัมพูชาพยากรณ์ว่า อากาศจะร้อนต่อไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม และฝนจะตกน้อยกว่าปีก่อน นอกจากนี้ รูปแบบสภาพอากาศยังได้รับผลกระทบจากเอลนีโญ เป็นผลให้เกิดความร้อนซึ่งจะดำเนินต่อไปจนถึงเดือนสิงหาคม[6]
ไทย
[แก้]ในประเทศไทย อุณหภูมิสูงเกิน 45 องศาเซลเซียสเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยจังหวัดตากมีความร้อนสูงถึง 45.4 องศาเซลเซียสเมื่อวันที่ 15 เมษายน[3] ซึ่งทำลายสถิติเดิมของจังหวัดแม่ฮ่องสอน คือ 44.6 องศาเซลเซียส[7]
รัฐบาลไทยออกคำเตือนเกี่ยวกับสุขภาพ โดยเฉพาะความเสี่ยงที่เป็นลมแดด[1][7] ในวันที่ 22 เมษายน มีคำเตือนโดยเจาะจงให้ประชาชนอยู่ในที่ร่ม[8]
ความร้อนครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน[2] การใช้งานเครื่องปรับอากาศและตู้เย็นที่ทวีขึ้นทำให้ไฟฟ้าตกในบางพื้นที่[6] อย่างไรก็ดี ฝนที่ตกในกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 25 เมษายน ก็ช่วยบรรเทาความร้อนได้บ้าง[9]
นอกจากความร้อนที่ต้องเผชิญแล้ว ผู้คนหลายพันคนยังต้องหลบหลีกออกมาจากจังหวัดเชียงใหม่เพราะมลพิจากการเผาป่ารายปีในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยและในประเทศเมียนมา[6]
ฟิลิปปินส์
[แก้]ในประเทศฟิลิปปินส์ อุณหภูมิสูงถึง 37 องศาเซลเซียส[10] และเมื่อวันที่ 21 เมษายน ดัชนีความร้อนสูงถึง 48 องศาเซลเซียสในเมืองบูตูอัน ซึ่งสูงสุดในประเทศนี้[11]
ไฟดับที่โรงเรียนมัธยมศึกษาทำให้นักเรียนเกือบ 150 คนได้รับผลกระทบจากลมแดด มีนักเรียน 2 คนต้องได้รับการนำส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน[10] รัฐบาลประกาศให้โรงเรียนใช้ดุลพินิจโยกย้ายไปเรียนออนไลน์ได้ตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน[12] จึงมีโรงเรียน 839 แห่งจัดให้เรียนออนไลน์เพื่อป้องกันมิให้นักเรียนล้มป่วยในช่วงอากาศร้อนนี้[13][9]
เมียนมา
[แก้]เมื่อวันที่ 25 เมษายน สถานีวัดอากาศ 4 แห่งในประเทศเมียนมา ซึ่งทำหน้าที่บันทึกอุณหภูมิรายเดือน พบว่า รัฐมอญมีความร้อนสูงสุด โดยสูงถึง 43 องศาเซลเซียส วันถัดมา อากาศในเมืองพะโคสูงถึง 42.2 องศาเซลเซียส[9]
ลาว
[แก้]ในประเทศลาว มีสถิติว่า เมื่อวันที่ 19 เมษายน อุณหภูมิที่แขวงไชยบุรีสูงถึง 42.9 องศาเซลเซียส[2][14]
สิงคโปร์
[แก้]ในประเทศสิงคโปร์ อากาศร้อนสูงสุดถึง 36.7 องศาเซลเซียสในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนเมษายน[10]
เวียดนาม
[แก้]ในประเทศเวียดนาม เมื่อเดือนมีนาคม จังหวัดฮหว่าบิ่ญมีสถิติอากาศสูงสุดในรอบ 27 ปี โดยสูงถึง 41.4 องศาเซลเซียส[15]
เอเชียใต้
[แก้]บังกลาเทศ
[แก้]ในประเทศบังกลาเทศ ที่เมืองธากา อุณหภูมิสูงเกิน 40 องศาเซลเซียสเมื่อวันที่ 15 เมษายน ทำให้ผิวถนนละลาย[1] การใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นยังทำให้ไฟดับในหลายพื้นที่[2][14] และมีรายงานความสูญเสียจากความร้อนครั้งนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ[16] ซึ่งรวมถึงผลกระทบต่อการผลิตข้าวและผลไม้ โดยคาดการณ์ว่า ปริมาณข้าวจะลดลงถึงร้อยละ 40[16]
ปากีสถาน
[แก้]ในประเทศปากีสถาน เมื่อวันที่ 23 เมษายน เมือง 9 แห่งมีอุณหภูมิที่ 40 องศาเซลเซียสหรือสูงกว่านั้น[17]
ศรีลังกา
[แก้]เมื่อวันที่ 17 เมษายน กรมอุตุนิยมวิทยาของประเทศศรีลังกาเตือนถึงอุณหภูมิที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจนถึง "ระดับที่ต้องระมัดระวัง"[18] และนับตั้งแต่วันที่ 27 เมษายนเป็นต้นมา อุณหภูมิในประเทศนี้อยู่ที่ 39–40 องศาเซลเซียส[19]
อินเดีย
[แก้]ในประเทศอินเดียเมื่อวันที่ 18 เมษายนนั้น เมือง 6 แห่งทางภาคเหนือและภาคตะวันออกมีอุณหภูมิสูงเกิน 44 องศาเซลเซียส ส่วนเมืองนิวเดลีมีอุณหภูมิสูงถึง 40.4 องศาเซลเซียส[1]
ความร้อนครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 คนเมื่อวันที่ 16 เมษายนในงานมอบรางวัลที่เมืองนวีมุมไบ[20][21] และมีประชาชน 50–60 คนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล[21]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 Ratcliffe, Rebecca; Ellis-Petersen, Hannah (2023-04-19). "Severe heatwave engulfs Asia causing deaths and forcing schools to close". The Guardian (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). ISSN 0261-3077. สืบค้นเมื่อ 2023-04-22.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 Mishra, Stuti (2023-04-20). "One in three people on the planet hit by 'monster Asian heatwave'". The Independent (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-04-23.
- ↑ 3.0 3.1 Ward, Taylor; Regan, Helen (2023-04-19). "Large swathes of Asia are sweltering through record breaking temperatures". CNN (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-04-22.
- ↑ Freedman, Andrew (2023-04-18). "Deadly heat wave envelops large swath of Asia, including India and China". Axios (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-04-22.
- ↑ "Weather tracker: heatwave grips parts of Asia and heavy snow hits Scandinavia". The Guardian (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2023-04-24. ISSN 0261-3077. สืบค้นเมื่อ 2023-05-01.
- ↑ 6.0 6.1 6.2 Hunt, Luke (April 24, 2023). "Smoke and Heat: Breaking Records in Southeast Asia". The Diplomat (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2023-04-28.
- ↑ 7.0 7.1 Stillman, Dan (April 17, 2023). "Historic Asia heat breaks hundreds of records, with extremes in Thailand and China". The Washington Post (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0190-8286. สืบค้นเมื่อ 2023-04-22.
- ↑ Saksornchai, Jintamas (2023-04-22). "Heat wave in Thailand prompts warning to stay indoors". Associated Press (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-04-22.
- ↑ 9.0 9.1 9.2 Ratcliffe, Rebecca (2023-04-27). "'Endless record heat' in Asia as highest April temperatures recorded". The Guardian (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). ISSN 0261-3077. สืบค้นเมื่อ 2023-05-01.
- ↑ 10.0 10.1 10.2 Dancel, Raul (20 April 2023). "Record heatwave of up to 45 deg C scorches much of Asia, and it's going to get worse". The Straits Times. สืบค้นเมื่อ 25 April 2023.
- ↑ Velasco, Raheema (24 April 2023). "Explainer: What is the heat index?". CNN Philippines. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-07-06. สืบค้นเมื่อ 25 April 2023.
- ↑ "Devastating heatwave continues in Southeast Asia". EFE. 24 April 2023. สืบค้นเมื่อ 25 April 2023.
- ↑ "Some schools implement distance learning amid extreme heat". GMA News Online (ภาษาอังกฤษ). 25 April 2023. สืบค้นเมื่อ 2023-05-01.
- ↑ 14.0 14.1 Hodgson, Camilla (2023-04-22). "Climate graphic of the week: Asia's prolonged April heatwave concerns scientists". Financial Times. สืบค้นเมื่อ 2023-04-25.
- ↑ "Hòa Bình nóng nhất trong 27 năm" (ภาษาเวียดนาม). 23 March 2023. สืบค้นเมื่อ 2023-04-22.
- ↑ 16.0 16.1 Sumon, Shehab (2023-04-30). "Record heat threatens health, food security of Bangladeshis". Arab News (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-05-02.
- ↑ Mishra, Stuti (2023-04-27). "Fears for Asia's summer after recent 'monster' heatwave". The Independent (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-05-01.
- ↑ "Met dept. issues heatwave alerts". The Sunday Times (Sri Lanka) (ภาษาอังกฤษ). 17 April 2023. สืบค้นเมื่อ 2023-05-01.
- ↑ "Killing the heat wave tactically". Daily Mirror (Sri Lanka) (ภาษาอังกฤษ). 27 April 2023. สืบค้นเมื่อ 2023-05-01.
- ↑ Banerjee, Shoumojit (2023-04-17). "Maharashtra heat-stroke deaths | As toll rises to 13, Opposition MVA spars with ruling Shinde-Fadnavis government". The Hindu. ISSN 0971-751X. สืบค้นเมื่อ 2023-04-22.
- ↑ 21.0 21.1 Suri, Manveena; Subramaniam, Tara (2023-04-18). "13 people die of heatstroke in India after attending government award ceremony". CNN (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-04-22.