ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กึนเทอร์ ฟ็อน คลูเกอ"
บรรทัด 34: | บรรทัด 34: | ||
== ช่วงชีวิตตอนต้นและอาชีพ == |
== ช่วงชีวิตตอนต้นและอาชีพ == |
||
คลูเกอเกิดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1882 ใน[[พอซนาน|โพเซิน]] [[ปรัสเซีย]] และปัจจุบันคือทางตะวันตกของ[[โปแลนด์]]{{sfn|Barnett|1989|pp=395–396}} พ่อของเขา แม็กซ์ ฟ็อน คลูเกอ ซึ่งมาจากครอบครัวทหารปรัสเซียชนชั้นสูง ด้วยการเป็นผู้บัญชาการที่มีความโดดเด่น แม็กซ์เป็นนายทหารตำแหน่งยศพลโทใน[[กองทัพบกปรัสเซีย]] ซึ่งประจำการอยู่ใน[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]] เขาได้แต่งงานกับ lise Kühn-Schuhmann{{sfn|Barnett|1989|pp=395–396}} ในปี ค.ศ. 1881 คลูเกอเป็นหนึ่งในลูกชายสองคน ซึ่งมีน้องชายที่ชื่อว่า ว็อล์ฟกัง (ค.ศ. 1892-1976){{sfn|Barnett|1989|pp=395–396}} ว็อล์ฟกังได้ปฏิบัติหน้าที่ในสงครามโลกสองครั้ง ได้รับเลื่อนยศตำแหน่งเป็นพลโท 1943, และเป็นผู้บัญชาการป้อมปราการดันเคิร์ก ระหว่างเดือนกรกฏาคม ถึง เดือนกันยายน ค.ศ. 1944{{sfn|Mitcham|2008|p=201}} |
คลูเกอเกิดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1882 ใน[[พอซนาน|โพเซิน]] [[ปรัสเซีย]] และปัจจุบันคือทางตะวันตกของ[[โปแลนด์]]{{sfn|Barnett|1989|pp=395–396}} พ่อของเขา แม็กซ์ ฟ็อน คลูเกอ ซึ่งมาจากครอบครัวทหารปรัสเซียชนชั้นสูง ด้วยการเป็นผู้บัญชาการที่มีความโดดเด่น แม็กซ์เป็นนายทหารตำแหน่งยศพลโทใน[[กองทัพบกปรัสเซีย]] ซึ่งประจำการอยู่ใน[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]] เขาได้แต่งงานกับ lise Kühn-Schuhmann{{sfn|Barnett|1989|pp=395–396}} ในปี ค.ศ. 1881 คลูเกอเป็นหนึ่งในลูกชายสองคน ซึ่งมีน้องชายที่ชื่อว่า ว็อล์ฟกัง (ค.ศ. 1892-1976){{sfn|Barnett|1989|pp=395–396}} ว็อล์ฟกังได้ปฏิบัติหน้าที่ในสงครามโลกสองครั้ง ได้รับเลื่อนยศตำแหน่งเป็นพลโท ในปี ค.ศ. 1943, และเป็นผู้บัญชาการแห่งป้อมปราการดันเคิร์ก ระหว่างเดือนกรกฏาคม ถึง เดือนกันยายน ค.ศ. 1944{{sfn|Mitcham|2008|p=201}} |
||
ในปี ค.ศ. 1901 คลูเกอได้รับหน้าที่ในกรมทหารปืนใหญ่ภาคสนามที่ 46 แห่งกองทัพบกปรัสเซีย เขาได้ทำหน้าที่ใน[[คณะเสนาธิการใหญ่ (เยอรมนี)|คณะเสนาธิการทั่วไป]] ระหว่างปี ค.ศ. 1910 และ ค.ศ. 1918 ได้รับเลื่อนตำแหน่งยศเป็นร้อยเอกบนแนวรบด้านตะวันตกในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขายังคงประจำการอยู่ใน[[ไรชส์แวร์]]ภายหลังความขัดแย้ง จนได้เป็นพันเอกในปี ค.ศ. 1930 พลตรีในปี ค.ศ. 1933 และพลโทในอีกหนึ่งปีต่อมา{{sfn|Barnett|1989|pp=395–396}} วันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1934 คลูเกอได้บัญชาการแก่กองพลที่ 6 ใน[[มึนส์เทอร์]]{{sfn|Barnett|1989|pp=395–396}} คำประกาศ[[แวร์มัคท์]]ของ[[อดอล์ฟ ฮิตเลอร์]]ในปี ค.ศ. 1935 ได้เร่งรัดการกำหนดของเขาให้กับกองพลน้อยที่ 6 และกองทัพกลุ่มที่ 6 ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นกองทัพที่ 4 {{sfn|Barnett|1989|pp=395–396}} |
ในปี ค.ศ. 1901 คลูเกอได้รับหน้าที่ในกรมทหารปืนใหญ่ภาคสนามที่ 46 แห่งกองทัพบกปรัสเซีย เขาได้ทำหน้าที่ใน[[คณะเสนาธิการใหญ่ (เยอรมนี)|คณะเสนาธิการทั่วไป]] ระหว่างปี ค.ศ. 1910 และ ค.ศ. 1918 ได้รับเลื่อนตำแหน่งยศเป็นร้อยเอกบนแนวรบด้านตะวันตกในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขายังคงประจำการอยู่ใน[[ไรชส์แวร์]]ภายหลังความขัดแย้ง จนได้เป็นพันเอกในปี ค.ศ. 1930 พลตรีในปี ค.ศ. 1933 และพลโทในอีกหนึ่งปีต่อมา{{sfn|Barnett|1989|pp=395–396}} วันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1934 คลูเกอได้บัญชาการแก่กองพลที่ 6 ใน[[มึนส์เทอร์]]{{sfn|Barnett|1989|pp=395–396}} คำประกาศ[[แวร์มัคท์]]ของ[[อดอล์ฟ ฮิตเลอร์]]ในปี ค.ศ. 1935 ได้เร่งรัดการกำหนดของเขาให้กับกองพลน้อยที่ 6 และกองทัพกลุ่มที่ 6 ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นกองทัพที่ 4 {{sfn|Barnett|1989|pp=395–396}} |
||
บรรทัด 45: | บรรทัด 45: | ||
=== การบุกครองโปแลนด์ === |
=== การบุกครองโปแลนด์ === |
||
ฮิตเลอร์ได้อนุมัติเค้าโครงสำหรับ[[การบุกครองโปแลนด์|การรุกรานโปแลนด์]]ของ[[กองบัญชาการใหญ่กองทัพบกเยอรมัน]]กับกองทัพสองกลุ่มในช่วงการบรรยายสรุปทางทหาร เมื่อวันที่ 26-27 เมษายน ค.ศ. 1939{{sfn|Kennedy|2015|p=71}} กองทัพที่ 4 ของคลูเกอได้รับมอบหมายให้เป็นกองกำลังของ[[กองทัพกลุ่มเหนือ]]ภายใต้การบัญชาการโดย[[เฟดอร์ ฟ็อน บ็อค]]{{sfn|Barnett|1989|pp=396–397}} การทัพโปแลนด์ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อวันที่ 1 กันยายน โดยใช้ประโยชน์จากชายแดนที่ยืดยาวติดกับประเทศเยอรมนี กองทัพที่ 4 ได้เคลื่อนทัพไปทางตะวันออกเข้าสู่ฉนวนจากทางตะวันตกของ[[พอเมอเรเนีย]]เพื่อเข้าสมทบกับกองทัพที่ 3 เมืองท่าเรือดันท์ซิชได้ถูกยึดครองภายในวันแรก{{sfn|Barnett|1989|pp=79–80}} |
|||
{{โครงส่วน}} |
|||
ในวันต่อมา ด้วยความวิตกกังวลต่อแนวป้องกันของโปแลนด์ที่แข็งแกร่งตามแนวแม่น้ำเบรดาไม่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน กองทัพที่ 4 ได้ข้ามแม่น้ำ ทำการปิดล้อมกองพลทหารราบที่ 9 กองพลทหารราบที่ 27 และกองพลน้อยทหารม้าพอเมอเรเนียของโปแลนด์ไว้ในฉนวน คลูเกอได้ส่งกองพลยานเกราะที่ 10 จากกองทัพของเขาเองให้ข้ามแม่น้ำวิสตูล่า ไปสมทบกับกองทัพที่ 3 เมื่อวันที่ 3 กันยายน{{sfn|Kennedy|2015|p=82}} กองทัพน้อยยานเกราะที่ 19 ([[ไฮนทซ์ กูเดรีอัน]]) ได้เข้ายึดครองเมืองเบรสท์ เมื่อวันที่ 17 กันยายน ภายหลังสามวันของการสู้รบใน[[ยุทธการที่เบรสท์-ลีตอฟสก์]]{{sfn|Kennedy|2015|p=98}} กองทัพกลุ่มเหนือได้รับแจ้งข่าวว่า การบุกครองโปแลนด์ทางตะวันออกของกองทัพในวันเดียวกัน และได้รับคำสั่งให้อยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ Bug เมืองเบรสท์ได้ถูกส่งไปให้กับกองทัพโซเวียต เมื่อวันที่ 22 กันยายน สำหรับการโอบล้อมต่อกองกำลังโปแลนด์ในช่วงเริ่มต้นของการบุกครอง คลูเกอได้รับการยกย่องจากฮิตเลอร์ว่าเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการที่เก่งกาจที่สุดของเขา{{sfn|Barnett|1989|pp=396–397}} |
|||
=== ยุทธการที่ฝรั่งเศส === |
=== ยุทธการที่ฝรั่งเศส === |
||
[[ไฟล์:Bundesarchiv_Bild_146-1973-023-19,_Frankreich,_Günther_v._Kluge,_Adolf_Hitler.jpg|thumb|Kluge with Hitler during a troop visit in France, 1940]] |
|||
{{โครงส่วน}} |
{{โครงส่วน}} |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:51, 28 กันยายน 2564
กึนเทอร์ ฟ็อน คลูเกอ | |
---|---|
จอมพล กึนเทอร์ ฟ็อน คลูเกอ | |
ชื่อเล่น | แดร์คลูเกอฮันส์ |
เกิด | 30 ตุลาคม ค.ศ. 1882 โพเซิน, ราชอาณาจักรปรัสเซีย, จักรวรรดิเยอรมัน |
เสียชีวิต | 19 สิงหาคม ค.ศ. 1944 แม็ส, นาซีเยอรมนี | (61 ปี)
รับใช้ | เยอรมนี เยอรมนี ไรช์เยอรมัน |
แผนก/ | กองทัพเยอรมัน 1901–1919 ไรชส์แวร์ 1919–1935 แวร์มัคท์ 1935–1944 |
ประจำการ | 1901–1944 |
ชั้นยศ | จอมพล |
หน่วย | 46th Field Artillery Regiment XXI Corps |
บังคับบัญชา | 4th Army Army Group Centre |
การยุทธ์ | สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง |
บำเหน็จ | กางเขนเหล็กกางเขนอัศวินประดับด้วยใบโอ๊กและดาบ |
กึนเทอร์ อดอล์ฟ แฟร์ดีนันท์ ฟ็อน คลูเกอ (30 ตุลาคม ค.ศ. 1882 – 19 สิงหาคม ค.ศ. 1944) ยังเป็นรู้จักกันคือ ฮันส์ กึนเทอร์ ฟ็อน คลูเกอ เป็นจอมพลชาวเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งได้บัญชาการการรบทั้งแนวรบตะวันออกและแนวรบตะวันตก เขาได้บัญชาการแก่กองทัพที่ 4 ของแวร์มัคท์ในช่วงการบุกครองโปแลนด์ในปี ค.ศ. 1939 และยุทธการที่ฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1940 ได้รับเลื่อนตำแหน่งยศเป็นจอมพลไรช์ คลูเกอยังคงบัญชาการกองทัพที่ 4 ในปฏิบัติการบาร์บาร็อสซา(การบุกครองสหภาพโซเวียต) และยุทธการที่มอสโกในปี ค.ศ. 1941
ท่ามกลางวิกฤตของการรุกตอบโต้กลับของโซเวียตในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1941 คลูเกอได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการแห่งกองทัพกลุ่มกลาง เข้ามาแทนที่กับจอมพล เฟดอร์ ฟ็อน บ็อค สมาชิกหลายคนของกลุ่มทหารเยอรมันฝ่ายต่อต้านอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ซึ่งทำหน้าที่ในคณะเสนาธิการของเขา รวมทั้งเฮ็นนิง ฟ็อน เทร็สโค คลูเกอได้รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของผู้วางแผนก่อกบฏ แต่ปฏิเสธที่จะให้การสนับสนุนยกเว้นแต่เพียงฮิตเลอร์จะถูกสังหาร การบัญชาการของเขาในแนวรบด้านตะวันออกได้ดำเนินไปจนถึงเดือนตุลาคม ค.ศ. 1943 เมื่อคลูเกอได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
ภายหลังจากได้พักฟื้นรักษาตัวเป็นเวลานาน คลูเกอได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ตะวันตก(OB West) ในเขตยึดครองฝรั่งเศสในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1944 ภายหลังคนก่อนหน้านี้ จอมพล แกร์ท ฟ็อน รุนท์ชเต็ท ถูกสั่งปลดเพราะมีความเชื่อว่าจะพ่ายแพ้สงคราม กองกำลังของคลูเกอไม่สามารถหยุดยั้งแรงผลักดันของการบุกครองนอร์ม็องดีของฝ่ายสัมพันธมิตรไว้ได้ และเขาเริ่มตระหนักแล้วว่าสงครามทางด้านตะวันตกกำลังจะพ่ายแพ้แล้ว แม้ว่าคลูเกอจะไม่ได้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในแผนลับ 20 กรกฎาคม แต่ภายหลังการก่อรัฐประหารได้ล้มเหลว เขาได้กระทำอัตวินิบาตกรรมในวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1944 หลังจากที่ถูกเรียกตัวกลับไปยังกรุงเบอร์ลินเพื่อเข้าพบกับฮิตเลอร์ ดังนั้นตำแหน่งของคลูเกอร์จึงถูกแทนที่โดยจอมพล วัลเทอร์ โมเดิล
ช่วงชีวิตตอนต้นและอาชีพ
คลูเกอเกิดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1882 ในโพเซิน ปรัสเซีย และปัจจุบันคือทางตะวันตกของโปแลนด์[1] พ่อของเขา แม็กซ์ ฟ็อน คลูเกอ ซึ่งมาจากครอบครัวทหารปรัสเซียชนชั้นสูง ด้วยการเป็นผู้บัญชาการที่มีความโดดเด่น แม็กซ์เป็นนายทหารตำแหน่งยศพลโทในกองทัพบกปรัสเซีย ซึ่งประจำการอยู่ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขาได้แต่งงานกับ lise Kühn-Schuhmann[1] ในปี ค.ศ. 1881 คลูเกอเป็นหนึ่งในลูกชายสองคน ซึ่งมีน้องชายที่ชื่อว่า ว็อล์ฟกัง (ค.ศ. 1892-1976)[1] ว็อล์ฟกังได้ปฏิบัติหน้าที่ในสงครามโลกสองครั้ง ได้รับเลื่อนยศตำแหน่งเป็นพลโท ในปี ค.ศ. 1943, และเป็นผู้บัญชาการแห่งป้อมปราการดันเคิร์ก ระหว่างเดือนกรกฏาคม ถึง เดือนกันยายน ค.ศ. 1944[2]
ในปี ค.ศ. 1901 คลูเกอได้รับหน้าที่ในกรมทหารปืนใหญ่ภาคสนามที่ 46 แห่งกองทัพบกปรัสเซีย เขาได้ทำหน้าที่ในคณะเสนาธิการทั่วไป ระหว่างปี ค.ศ. 1910 และ ค.ศ. 1918 ได้รับเลื่อนตำแหน่งยศเป็นร้อยเอกบนแนวรบด้านตะวันตกในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขายังคงประจำการอยู่ในไรชส์แวร์ภายหลังความขัดแย้ง จนได้เป็นพันเอกในปี ค.ศ. 1930 พลตรีในปี ค.ศ. 1933 และพลโทในอีกหนึ่งปีต่อมา[1] วันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1934 คลูเกอได้บัญชาการแก่กองพลที่ 6 ในมึนส์เทอร์[1] คำประกาศแวร์มัคท์ของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ในปี ค.ศ. 1935 ได้เร่งรัดการกำหนดของเขาให้กับกองพลน้อยที่ 6 และกองทัพกลุ่มที่ 6 ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นกองทัพที่ 4 [1]
คลูเกอเชื่อว่า "ลัทธิแสนยนิยมที่หยาบประด้าง" ของฮิตเลอร์จะนำพาเยอรมนีไปสู่หายนะ ในช่วงวิกฤตการณ์ซูเดเทินลันท์ เขาเป็นสมาชิกของกลุ่มลับต่อต้านสงครามซึ่งนำโดยลูทวิช เบ็ค และ Ernst von Weizsäcker ได้คาดหวังว่าจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในดินแดนข้อพิพาท วิกฤตดังกล่าวได้ถูกเบี่ยงเบนโดยข้อตกลงมิวนิก เมื่อวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1938 แม้ว่าเขาจะวิพากษ์วิจารณ์ถึงพวกนาซีเป็นการส่วนตัว แต่คลูเกอมีความเชื่อมั่นในหลักการของเลเบินส์เราม์ (พื้นที่อยู่อาศัย) และภาคภูมิใจในการฟื้นแสนยานุภาพของแวร์มัคท์[3]
เขาได้มีชื่อเล่นว่า เดอ คลูเกอ ฮันส์ ("เคลฟเวอร์ ฮันส์") ตามชื่อของม้าเยอรมันที่สามารถคำนวณคิดเลขได้[4]
สงครามโลกครั้งที่สอง
การบุกครองโปแลนด์
ฮิตเลอร์ได้อนุมัติเค้าโครงสำหรับการรุกรานโปแลนด์ของกองบัญชาการใหญ่กองทัพบกเยอรมันกับกองทัพสองกลุ่มในช่วงการบรรยายสรุปทางทหาร เมื่อวันที่ 26-27 เมษายน ค.ศ. 1939[5] กองทัพที่ 4 ของคลูเกอได้รับมอบหมายให้เป็นกองกำลังของกองทัพกลุ่มเหนือภายใต้การบัญชาการโดยเฟดอร์ ฟ็อน บ็อค[6] การทัพโปแลนด์ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อวันที่ 1 กันยายน โดยใช้ประโยชน์จากชายแดนที่ยืดยาวติดกับประเทศเยอรมนี กองทัพที่ 4 ได้เคลื่อนทัพไปทางตะวันออกเข้าสู่ฉนวนจากทางตะวันตกของพอเมอเรเนียเพื่อเข้าสมทบกับกองทัพที่ 3 เมืองท่าเรือดันท์ซิชได้ถูกยึดครองภายในวันแรก[7]
ในวันต่อมา ด้วยความวิตกกังวลต่อแนวป้องกันของโปแลนด์ที่แข็งแกร่งตามแนวแม่น้ำเบรดาไม่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน กองทัพที่ 4 ได้ข้ามแม่น้ำ ทำการปิดล้อมกองพลทหารราบที่ 9 กองพลทหารราบที่ 27 และกองพลน้อยทหารม้าพอเมอเรเนียของโปแลนด์ไว้ในฉนวน คลูเกอได้ส่งกองพลยานเกราะที่ 10 จากกองทัพของเขาเองให้ข้ามแม่น้ำวิสตูล่า ไปสมทบกับกองทัพที่ 3 เมื่อวันที่ 3 กันยายน[8] กองทัพน้อยยานเกราะที่ 19 (ไฮนทซ์ กูเดรีอัน) ได้เข้ายึดครองเมืองเบรสท์ เมื่อวันที่ 17 กันยายน ภายหลังสามวันของการสู้รบในยุทธการที่เบรสท์-ลีตอฟสก์[9] กองทัพกลุ่มเหนือได้รับแจ้งข่าวว่า การบุกครองโปแลนด์ทางตะวันออกของกองทัพในวันเดียวกัน และได้รับคำสั่งให้อยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ Bug เมืองเบรสท์ได้ถูกส่งไปให้กับกองทัพโซเวียต เมื่อวันที่ 22 กันยายน สำหรับการโอบล้อมต่อกองกำลังโปแลนด์ในช่วงเริ่มต้นของการบุกครอง คลูเกอได้รับการยกย่องจากฮิตเลอร์ว่าเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการที่เก่งกาจที่สุดของเขา[6]
ยุทธการที่ฝรั่งเศส
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การบุกครองสหภาพโซเวียต
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ยุทธการที่มอสโก
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
กองทัพกลุ่มกลาง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
แนวรบด้านตะวันตก
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
แผนลับต่อต้านฮิตเลอร์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
รางวัลเกียรติยศ
- กางเขนเหล็ก (ค.ศ. 1914) ชั้นที่ 2 และชั้นที่ 1
- กางเขนอัศวินแห่งเครื่องราชอิสรยาภรณ์ราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์น ประดับด้วยดาบ[10]
- เข็มกลัดกางเขนเหล็ก (ค.ศ. 1939) ชั้นที่ 2 (5 กันยายน ค.ศ. 1939) และชั้นที่ 1[11]
- กางเขนอัศวินติดใบโอ๊กคาดดาบแห่งกางเขนเหล็ก
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 Barnett 1989, pp. 395–396.
- ↑ Mitcham 2008, p. 201.
- ↑ Barnett 1989, pp. 396–398.
- ↑ Margaritis 2019, p. 29.
- ↑ Kennedy 2015, p. 71.
- ↑ 6.0 6.1 Barnett 1989, pp. 396–397.
- ↑ Barnett 1989, pp. 79–80.
- ↑ Kennedy 2015, p. 82.
- ↑ Kennedy 2015, p. 98.
- ↑ Hürter 2007, p. 639.
- ↑ Thomas 1997, p. 378.
- ↑ 12.0 12.1 12.2 12.3 Scherzer 2007, p. 451.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Hoffman, Peter, (tr. Richard Barry) (1977). The History of the German Resistance, 1939–1945. Cambridge, MA: MIT Press. ISBN 978-0-262-08088-0.
- Knopp, Guido (2007). Die Wehrmacht: Eine Bilanz. C. Bertelsmann Verlag. München. ISBN 978-3-570-00975-8.
- Moczarski, Kazimierz; Mariana Fitzpatrick; Jürgen Stroop (1981). Conversations With an Executioner. Prentice-Hall. ISBN 0-13-171918-1.
- Scherzer, Veit (2007). Die Ritterkreuzträger 1939–1945 Die Inhaber des Ritterkreuzes des Eisernen Kreuzes 1939 von Heer, Luftwaffe, Kriegsmarine, Waffen-SS, Volkssturm sowie mit Deutschland verbündeter Streitkräfte nach den Unterlagen des Bundesarchives [The Knight's Cross Bearers 1939–1945 The Holders of the Knight's Cross of the Iron Cross 1939 by Army, Air Force, Navy, Waffen-SS, Volkssturm and Allied Forces with Germany According to the Documents of the Federal Archives] (ภาษาเยอรมัน). Jena, Germany: Scherzers Miltaer-Verlag. ISBN 978-3-938845-17-2.
- Shirer, William L. (1990). The Rise and Fall of the Third Reich. New York: Simon & Schuster. ISBN 0-671-72868-7.
- Wheeler-Bennett, Sir John (2005) [1953]. The Nemesis of Power: German Army in Politics, 1918 – 1945. New York: Palgrave Macmillan Publishing Company. ISBN 978-1-4039-1812-3.
- Die Wehrmachtberichte 1939–1945 Band 1, 1. September 1939 bis 31. Dezember 1941 [The Wehrmacht Reports 1939–1945 Volume 1, 1 September 1939 to 31 December 1941] (ภาษาเยอรมัน). München, Germany: Deutscher Taschenbuch Verlag GmbH & Co. KG. 1985. ISBN 978-3-423-05944-2.
ก่อนหน้า | กึนเทอร์ ฟ็อน คลูเกอ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
จอมพล เฟดอร์ ฟ็อน บ็อค | แม่ทัพกลุ่มกลาง (19 ธันวาคม 1941 – 12 ตุลาคม 1943) |
จอมพล แอ็นสท์ บุช | ||
จอมพล แกร์ท ฟ็อน รุนท์ชเต็ท | แม่ทัพกลุ่ม D (2 กรกฎาคม 1944 – 15 สิงหาคม 1944) |
จอมพล แกร์ท ฟ็อน รุนท์ชเต็ท | ||
จอมพล แกร์ท ฟ็อน รุนท์ชเต็ท | ผู้บัญชาการใหญ่ตะวันตก (2 กรกฎาคม 1944 – 15 สิงหาคม 1944) |
จอมพล วัลเทอร์ โมเดิล (รักษาการแทน) | ||
จอมพล แอร์วีน ร็อมเมิล | แม่ทัพกลุ่ม B (19 กรกฎาคม 1944 – 17 สิงหาคม 1944) |
จอมพล วัลเทอร์ โมเดิล |