ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เจ้าสามกรม"
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
พุทธามาตย์ (คุย | ส่วนร่วม) ย้อนการแก้ไขที่ 9191618 สร้างโดย 113.53.17.251 (พูดคุย) |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{ความหมายอื่น|เจ้าสามกรมในสมัยกรุงศรีอยุธยา|เจ้าสามกรมสมัยอื่น|เจ้าสามกรม (แก้ความกำกวม)}} |
{{ความหมายอื่น|เจ้าสามกรมในสมัยกรุงศรีอยุธยา|เจ้าสามกรมสมัยอื่น|เจ้าสามกรม (แก้ความกำกวม)}} |
||
'''เจ้าสามกรม''' เป็นคำเรียกพระราชโอรส 3 พระองค์ใน[[สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ]]ที่ประสูติแต่พระสนม ได้แก่ ''' |
'''เจ้าสามกรม''' เป็นคำเรียกพระราชโอรส 3 พระองค์ใน[[สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ]]ที่ประสูติแต่พระสนม ได้แก่ '''กรมหมื่นจิตรสุนทร''' '''กรมหมื่นสุนทรเทพ''' และ '''กรมหมื่นเสพภักดี''' พระองค์เจ้าทั้ง 3 พระองค์เป็นพระราชโอรสที่มีพระชันษาเป็นผู้ใหญ่และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสด็จสวรรคตของ[[เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์]] (เจ้าฟ้ากุ้ง) ภายหลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เจ้าสามกรมถูก[[สำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์]]ทั้ง 3 พระองค์ |
||
== พระประวัติ == |
== พระประวัติ == |
||
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศมีพระราชโอรสที่ประสูติแต่พระสนมหลายพระองค์ |
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศมีพระราชโอรสที่ประสูติแต่พระสนมหลายพระองค์ ที่ถือว่าเป็นผู้ใหญ่มี 4 พระองค์ ได้แก่ พระองค์เจ้าแขก พระองค์เจ้ามังคุด พระองค์เจ้ารถ และพระองค์เจ้าปาน ภายหลังการเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแห่งกรุงศรีอยุธยาของสมเด็จพระราชบิดาของพระองค์แล้ว พระองค์เจ้าทั้ง 4 พระองค์ได้รับการสถาปนาให้ทรงกรม ได้แก่ |
||
* พระองค์เจ้าแขก ได้รับการสถาปนาที่ [[กรมหมื่นเทพพิพิธ]] |
* พระองค์เจ้าแขก ได้รับการสถาปนาที่ [[กรมหมื่นเทพพิพิธ]] |
||
* พระองค์เจ้ามังคุด ได้รับการสถาปนาที่ '''กรมหมื่นจิตรสุนทร''' |
* พระองค์เจ้ามังคุด ได้รับการสถาปนาที่ '''กรมหมื่นจิตรสุนทร''' |
||
บรรทัด 13: | บรรทัด 13: | ||
หลังจากนั้นไม่นาน กรมหมื่นสุนทรเทพทำเรื่องกราบทูลสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเป็นการลับว่า พระมหาอุปราชกรมพระราชวังบวรเสด็จเข้ามาลอบทำชู้กับเจ้าฟ้านิ่มและเจ้าฟ้าสังวาลย์ถึงในพระราชวังหลายครั้ง สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชดำรัสให้หาพระมหาอุปราชกรมพระราชวังบวรเพื่อนำตัวมาสอบความ เมื่อพระมหาอุปราชกรมพระราชวังบวรรับเป็นสัจแล้ว จึงมีพระราชดำรัสลงพระราชอาญาเฆี่ยน แล้วให้เสนาบดีและลูกขุนพิพากษาโทษ ท้าวพระยามุขมนตรีและลูกขุนกราบบังคมทูลว่า โทษของพระมหาอุปราชกรมพระราชวังบวรเป็นมหันตโทษขอพระราชทานให้[[สำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์]]ตามขัตติยประเพณี สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวตรัสขอชีวิตไว้แต่ให้นาบพระนลาฏแล้วถอดให้เป็นไพร่เสีย ส่วนเจ้าฟ้านิ่มและเจ้าฟ้าสังวาลย์ให้ลงพระราชอาญาเฆี่ยนองค์ละ 30 ที พร้อมทั้งถอดเป็นไพร่เช่นกัน เจ้าฟ้าสังวาลย์อยู่ได้ 3 วันก็สิ้นพระชนม์ ส่วนพระมหาอุปราชกรมพระราชวังบวรต้องรับพระราชอาญาเฆี่ยนและเสด็จสวรรคตลง สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสให้นำพระศพทั้งสองไปฝังยัง[[วัดไชยวัฒนาราม]] |
หลังจากนั้นไม่นาน กรมหมื่นสุนทรเทพทำเรื่องกราบทูลสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเป็นการลับว่า พระมหาอุปราชกรมพระราชวังบวรเสด็จเข้ามาลอบทำชู้กับเจ้าฟ้านิ่มและเจ้าฟ้าสังวาลย์ถึงในพระราชวังหลายครั้ง สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชดำรัสให้หาพระมหาอุปราชกรมพระราชวังบวรเพื่อนำตัวมาสอบความ เมื่อพระมหาอุปราชกรมพระราชวังบวรรับเป็นสัจแล้ว จึงมีพระราชดำรัสลงพระราชอาญาเฆี่ยน แล้วให้เสนาบดีและลูกขุนพิพากษาโทษ ท้าวพระยามุขมนตรีและลูกขุนกราบบังคมทูลว่า โทษของพระมหาอุปราชกรมพระราชวังบวรเป็นมหันตโทษขอพระราชทานให้[[สำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์]]ตามขัตติยประเพณี สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวตรัสขอชีวิตไว้แต่ให้นาบพระนลาฏแล้วถอดให้เป็นไพร่เสีย ส่วนเจ้าฟ้านิ่มและเจ้าฟ้าสังวาลย์ให้ลงพระราชอาญาเฆี่ยนองค์ละ 30 ที พร้อมทั้งถอดเป็นไพร่เช่นกัน เจ้าฟ้าสังวาลย์อยู่ได้ 3 วันก็สิ้นพระชนม์ ส่วนพระมหาอุปราชกรมพระราชวังบวรต้องรับพระราชอาญาเฆี่ยนและเสด็จสวรรคตลง สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสให้นำพระศพทั้งสองไปฝังยัง[[วัดไชยวัฒนาราม]] |
||
ภายหลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิต |
ภายหลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิตขณะมีพระอิสริยยศที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคล เสด็จขึ้นครองราชย์มีพระนามว่า [[สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร]] แต่ก่อนพิธีบรมราชาภิเษกนั้นเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ อันเนื่องมาจากเจ้าสามกรมได้พยายามแย่งชิงราชสมบัติ แต่สมเด็จพระเจ้าอุทุมพรทรงขอให้พระราชาคณะ 5 รูป มี[[สมเด็จพระสังฆราช วัดสวรรคเจดีย์|พระเทพมุนี]]เป็นประธาน ไปเกลี้ยกล่อมจนสำเร็จ และพระองค์ได้ราชาภิเษกขึ้นครองราชย์ ต่อมา เจ้าสามกรมถูกจับกุมตัวและสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ โดยนำพระศพไปฝัง ณ [[วัดโคกพระยา]]ตามโบราณราชประเพณี |
||
== พระโอรสธิดา == |
== พระโอรสธิดา == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 23:39, 31 ธันวาคม 2563
เจ้าสามกรม เป็นคำเรียกพระราชโอรส 3 พระองค์ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศที่ประสูติแต่พระสนม ได้แก่ กรมหมื่นจิตรสุนทร กรมหมื่นสุนทรเทพ และ กรมหมื่นเสพภักดี พระองค์เจ้าทั้ง 3 พระองค์เป็นพระราชโอรสที่มีพระชันษาเป็นผู้ใหญ่และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสด็จสวรรคตของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) ภายหลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เจ้าสามกรมถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ทั้ง 3 พระองค์
พระประวัติ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศมีพระราชโอรสที่ประสูติแต่พระสนมหลายพระองค์ ที่ถือว่าเป็นผู้ใหญ่มี 4 พระองค์ ได้แก่ พระองค์เจ้าแขก พระองค์เจ้ามังคุด พระองค์เจ้ารถ และพระองค์เจ้าปาน ภายหลังการเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแห่งกรุงศรีอยุธยาของสมเด็จพระราชบิดาของพระองค์แล้ว พระองค์เจ้าทั้ง 4 พระองค์ได้รับการสถาปนาให้ทรงกรม ได้แก่
- พระองค์เจ้าแขก ได้รับการสถาปนาที่ กรมหมื่นเทพพิพิธ
- พระองค์เจ้ามังคุด ได้รับการสถาปนาที่ กรมหมื่นจิตรสุนทร
- พระองค์เจ้ารถ ได้รับการสถาปนาที่ กรมหมื่นสุนทรเทพ
- พระองค์เจ้าปาน ได้รับการสถาปนาที่ กรมหมื่นเสพภักดี
เจ้าสามกรมทรงขัดแย้งกับเจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ขณะดำรงพระยศเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล สาเหตุหนึ่งมาจากการที่กรมพระราชวังบวรมีพระบัณฑูรให้ตำรวจมานำตัวเจ้ากรม ปลัดกรมและนายเวรปลัดเวรของเจ้าสามกรมมาถามความว่า เจ้ากรมนั้นเป็นแต่หมื่น เหตุใดจึงตั้งบรรดาศักดิ์กันในกรมให้เป็นขุนซึ่งนับว่าทำสูงเกินว่าศักดิ์ จึงมีพระบัณฑูรให้ลงพระราชอาญาโบยหลังคนละ 15 ทีบ้างคนละ 20 ทีบ้าง
หลังจากนั้นไม่นาน กรมหมื่นสุนทรเทพทำเรื่องกราบทูลสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเป็นการลับว่า พระมหาอุปราชกรมพระราชวังบวรเสด็จเข้ามาลอบทำชู้กับเจ้าฟ้านิ่มและเจ้าฟ้าสังวาลย์ถึงในพระราชวังหลายครั้ง สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชดำรัสให้หาพระมหาอุปราชกรมพระราชวังบวรเพื่อนำตัวมาสอบความ เมื่อพระมหาอุปราชกรมพระราชวังบวรรับเป็นสัจแล้ว จึงมีพระราชดำรัสลงพระราชอาญาเฆี่ยน แล้วให้เสนาบดีและลูกขุนพิพากษาโทษ ท้าวพระยามุขมนตรีและลูกขุนกราบบังคมทูลว่า โทษของพระมหาอุปราชกรมพระราชวังบวรเป็นมหันตโทษขอพระราชทานให้สำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ตามขัตติยประเพณี สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวตรัสขอชีวิตไว้แต่ให้นาบพระนลาฏแล้วถอดให้เป็นไพร่เสีย ส่วนเจ้าฟ้านิ่มและเจ้าฟ้าสังวาลย์ให้ลงพระราชอาญาเฆี่ยนองค์ละ 30 ที พร้อมทั้งถอดเป็นไพร่เช่นกัน เจ้าฟ้าสังวาลย์อยู่ได้ 3 วันก็สิ้นพระชนม์ ส่วนพระมหาอุปราชกรมพระราชวังบวรต้องรับพระราชอาญาเฆี่ยนและเสด็จสวรรคตลง สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสให้นำพระศพทั้งสองไปฝังยังวัดไชยวัฒนาราม
ภายหลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิตขณะมีพระอิสริยยศที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคล เสด็จขึ้นครองราชย์มีพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร แต่ก่อนพิธีบรมราชาภิเษกนั้นเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ อันเนื่องมาจากเจ้าสามกรมได้พยายามแย่งชิงราชสมบัติ แต่สมเด็จพระเจ้าอุทุมพรทรงขอให้พระราชาคณะ 5 รูป มีพระเทพมุนีเป็นประธาน ไปเกลี้ยกล่อมจนสำเร็จ และพระองค์ได้ราชาภิเษกขึ้นครองราชย์ ต่อมา เจ้าสามกรมถูกจับกุมตัวและสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ โดยนำพระศพไปฝัง ณ วัดโคกพระยาตามโบราณราชประเพณี
พระโอรสธิดา
บัญชีพระนามเจ้านาย ในคำให้การชาวกรุงเก่า ระบุพระนามพระโอรสธิดาของเจ้าสามกรมไว้ดังนี้[1]
- พระองค์เจ้าชายมังคุด กรมหมื่นจิตรสุนทร
มีพระโอรสธิดา 3 พระองค์ ประสูติแต่พระองค์เจ้าหญิงกระแห คือ
- พระองค์เจ้าหญิงเต (ชะฎา)
- พระองค์เจ้าชายสุทิน (สูวดี)
- พระองค์เจ้าชายแฉ่ง (ชมภู)
พระธิดา 1 พระองค์ไม่ปรากฏนามหม่อมมารดา คือ
- หม่อมเจ้าหญิงมวน
และพระธิดาอีก 1 พระองค์ประสูติแต่หม่อมมูล คือ
- หม่อมเจ้าหญิงสิริวัฒน์
- พระองค์เจ้าชายรถ กรมหมื่นสุนทรเทพ
มีพระธิดา 1 พระองค์ที่ประสูติแต่พระองค์เจ้าหญิงยี่สุ่น คือ
- พระองค์เจ้าหญิงมวน (ม่วง)
มีพระโอรสธิดา 4 พระองค์ประสูติแต่หม่อมทองอยู่ คือ
- หม่อมเจ้าหญิงองุ่น (อรุณ)
- หม่อมเจ้าชายขี้หมู (สูจี)
- หม่อมเจ้าชายสุนปุก (สีพี)
- หม่อมเจ้าหญิงอำพัน
และพระโอรสอีก 2 พระองค์ประสูติแต่หม่อมชื่น คือ
- หม่อมเจ้าชายสุชน
- หม่อมเจ้าชายชุมแสง
- พระองค์เจ้าชายปาน กรมหมื่นเสพภักดี
มีพระโอรสธิดา 1 พระองค์ ประสูติแต่หม่อมเจ้าจัน คือ
- หม่อมเจ้าชายไพฑูรย์
อ้างอิง
- พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ภาค 2. สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช พิมพ์ขึ้นเป็นส่วนพระราชกุศลทานมัยในงานพระศพ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวรเสฐสุดา, พระอรรคชายาเธอ กรมขุนอรรควรราชกัญญา, สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนพิจิตรเจษฎจันทร์ และสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนสวรรคโลกลักษณวดี. 2455.
- ↑ คำให้การชาวกรุงเก่า, พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และและเอกสารอื่น. นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2553. 800 หน้า. หน้า 628-9. ISBN 978-616-7146-08-9