ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วินโดวส์วิสตา"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Sli20Tw7N96mrv (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{รอการตรวจสอบ}}
{{เก็บกวาด}}
{{กล่องข้อมูล ระบบปฏิบัติการ
{{กล่องข้อมูล ระบบปฏิบัติการ
| name = วินโดวส์วิสตา
| name = วินโดวส์วิสตา

รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:49, 12 ตุลาคม 2551

วินโดวส์วิสตา
ภาพหน้าจอ วินโดวส์วิสตา
ผู้พัฒนาไมโครซอฟท์
ตระกูลไมโครซอฟท์ วินโดวส์
รูปแบบ
รหัสต้นฉบับ
Closed source / Shared source
วันที่ปล่อยให้
ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์
RTM: November 8, 2006;
Vol. Lic.: November 30, 2006;
Retail: January 30 2007
รุ่นเสถียร6.0 Service Pack 1 (SP1) (Build 6001)
(6001.18000.080118-1840) / 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 (2008-02-04) [1]
วิธีการอัปเดตWindows Update
แพลตฟอร์ม
ที่รองรับ
x86, x86-64
ชนิดเคอร์เนลHybrid kernel
ส่วนติดต่อผู้ใช้ปริยายGraphical user interface
สัญญาอนุญาตไมโครซอฟท์ EULA
เว็บไซต์วิสตาประเทศไทย

วินโดวส์วิสตา (Windows Vista) คือระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์ วินโดวส์รุ่นล่าสุด ที่พัฒนาต่อมาจากวินโดวส์เอกซ์พี และวินโดวส์เซิร์ฟเวอร์ 2003 ปัจจุบันได้วางจำหน่ายให้กับองค์กรธุรกิจวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 และวางจำหน่ายให้กับผู้ใช้ทั่วไปวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2550

ไมโครซอฟท์ประกาศใช้ชื่อ วินโดวส์วิสตา อย่างเป็นทางการแก่สื่อมวลชนในวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 แทนที่ชื่อรหัส ลองฮอร์น (Longhorn) โดยคำว่า วิสตา ในภาษาอังกฤษ หมายถึงมุมมอง หรือทิวทัศน์

วินโดวส์วิสตาได้มีความสามารถใหม่หลายร้อยรายการ ไม่ว่าจะเป็นระบบแสดงผลกราฟิกใหม่ โปรแกรมใหม่ ความสามารถค้นหาที่ดีกว่าเดิม รวมถึงระบบองค์ประกอบภายในอย่างในส่วนเน็ตเวิร์ก ระบบเสียง การพิมพ์ และการแสดงผลที่ได้ถูกออกแบบและเขียนขึ้นมาใหม่ และยังได้รวมดอตเน็ตเฟรมเวิร์ก 3.0 ซึ่งช่วยผู้พัฒนาระบบสามารถพัฒนาแอปพลิเคชันได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม

การพัฒนา

วินโดวส์วิสตา ได้เริ่มพัฒนาครั้งแรกภายใต้ชื่อรหัส ลองฮอร์น (Longhorn) ในปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2544 และในภายหลังก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อมาใช้เป็น วินโดวส์วิสตา

ความสามารถใหม่

  • Windows Aero - ระบบวินโดวส์แอโร่ ระบบการแสดงผลกราฟิกใหม่ โดยจะมีลักษณะเป็นแบบโปร่งแสง สามารถมองเห็นหน้าต่างอื่นในฉากหลังได้
  • Window Desktop Manager - Window Desktop Manager หรือเรียกสั้นๆ ว่า WDM เดิมถูกเรียกว่า Desktop Compositing Engine หรือ DCE โดยถูกเพิ่มเติมมาพร้อมกับวินโดวสวิสตา ซึ่งทำให้วินโดวส์ แอโร สามารถใช้งานได้ โดยผู้ใช้ต้องติดตั้ง DirectX 9 โดย WDM จะคล้ายกับ Quartz Compositor ใน Mac OS X ซึ่งไม่สามารถจัดการผ่านทางหน้าจอได้โดยตรง

Windows Media Center, Windows Movie Maker ที่ให้ความละเอียดสูง และ Windows DVD Maker และยังมีคุณลักษณะทั้งหมดของ Windows Vista Business ด้วย ซึ่งได้แก่ ระบบเครือข่ายของสำนักงาน เครื่องมือการจัดการแบบรวมศูนย์ และคุณลักษณะขั้นสูงของการสำรองข้อมูลของระบบ และ Windows Vista Ultimate มีคุณลักษณะการรักษาความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูลแบบใหม่ทั้งหมดซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพการทำงานที่วางใจได้ของ Windows Vista ให้สูงขึ้นกว่าเดิมทั้งระบบ

นอกจากนี้ Windows Vista Ultimate ยังสนับสนุนคุณลักษณะของระบบเคลื่อนที่ใหม่ใน Windows Vista ซึ่งได้แก่ Windows Tablet และ Touch Technology, Windows SideShow, Windows Mobility Center

ประเภทผลิตภัณฑ์

วินโดวส์วิสตามีสายผลิตภัณฑ์อยู่ทั้งหมด 6 รุ่นด้วยกันโดยได้ออกแบบมาให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก หรือสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและในทุกรุ่นยกเว้น Windows Vista Starter จะสามารถรองรับหน่วยประมวลผลกลางทั้งชนิด 32 บิต และ 64 บิต เพื่อให้เหมาะสมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานมากขึ้น

รุ่นของวินโดวส์วิสตา
รายละเอียด กล่องผลิตภัณฑ์
Windows Vista Starter
Microsoft Windows Vista Starter เป็นวินโดวส์วิสตาเวอร์ชันต่ำสุดและมีราคาถูกที่สุด โดยจะวางขายในกลุ่มประเทศที่ถูกจัดว่าเป็นกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีและจะไม่วางจำหน่ายในกลุ่มประเทศที่จัดว่าพัฒนาแล้วทางเทคโนโลยี[2] เพื่อตอบสนองต่อกลุ่มตลาดผู้ใช้ที่เพิ่งเริ่มใช้คอมพิวเตอร์ มีงบประมาณที่จำกัด หรือทำงานไม่มาก

ข้อจำกัดของ Microsoft Windows Vista Starter ประการหนึ่งคือสามารถเปิดใช้งานโปรแกรมได้ไม่เกินสูงสุด 3 โปรแกรมในครั้งเดียว (แต่ไม่ได้มีข้อจำกัดในการเปิดหน้าจอของโปรแกรมที่ทำงาน)[3] นอกจากนั้น Microsoft Windows Vista Starter จะอ้างอิงหน่วยความจำหลัก (RAM) ได้สูงสุดไม่เกิน 1GB เท่านั้น[4] ตลอดจนไปถึงในรุ่นนี้รองรับเฉพาะหน่วยประมวลผลกลางที่เป็น 32 บิตเท่านั้น

นอกเหนือไปจากนั้นแล้วยังมีขีดจำกัดทางด้านการทำงานของเครือข่ายๆต่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการไม่สามารถแบ่งปันแฟ้มร่วมกันได้ เป็นต้น[5]

Windows Vista Home Starter Box
Windows Vista Home Basic
Microsoft Windows Vista Home Basic เป็นวินโดวส์วิสตารุ่นที่มีความสามารถที่ต่ำสุดในบรรดาวินโดวส์วิสตารุ่นปกติที่มีวางจำหน่ายทั่วโลก (ไม่นับ Windows Vista Starter) สามารถรองรับหน่วยประมวลผลกลางทั้ง 32 บิต และ 64 บิต โดยถ้าใช้แบบ 64 บิต จะสามารถรองรับหน่วยความจำหลัก (RAM) ได้สูงสุด 8 GB[6]

สำหรับ Windows Vista Home Basic จะมีข้อจำกัดทางด้านการแสดงผลที่จะไม่มีการแสดงผลแบบ Aero ซึ่งเป็นคุณสมบัติในการทำงานแบบใหม่ของ Microsoft Windows Vista [7] ตลอดจน Mobility Center, Windows Media Center และคุณสมบัติอื่นๆ

ราคาจำหน่ายโดยประมาณที่กำหนดโดยไมโครซอฟท์สำหรับแบบบรรจุภัณฑ์สำเร็จ รุ่นเต็มอยู่ที่ราคาโดยประมาณ 199 เหรียญดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ในขณะที่ถ้าเป็นการปรับรุ่นอยู่ที่ 99.95 เหรียญดอลลาร์สหรัฐโดยประมาณ[8]

Windows Vista Home Basic Box
Windows Vista Home Premium
Microsoft Windows Vista Home Premium เป็นรุ่นที่มีความสามารถสูงกว่า Microsoft Windows Vista Home Basic โดยมีคุณสมบัติทางด้านการแสดงผลแบบ Aero ซึ่งเป็นคุณสมบัติใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาในวินโดวส์วิสตา นอกจากนั้นแล้วยังเพิ่มคุณสมับติทางด้านการจัดการสื่อต่างๆโดยผ่านโปรแกรมและคุณสมบัติเฉพาะ เช่น Windows Media Center, Windows Media Extender, Windows DVD Maker, เกมต่างๆ และ Windows Movie Maker in HD[7]

ส่วนข้อจำกัดของ Windows Vista Home Premium อยู่ที่จะไม่มีคุณสมบัติทางด้านธุรกิจ เช่น Windows Fax and Scan และ Windows Complete PC Backup and Restore เป็นต้น

สำหรับการใช้งานแบบ 64 บิต Microsoft Windows Vista Home Premium สามารถอ้างอิงหน่วยความจำหลัก (RAM) ได้มากสุด 16GB[6]

ราคาจำหน่ายโดยประมาณที่กำหนดโดยไมโครซอฟท์สำหรับแบบบรรจุภัณฑ์สำเร็จ รุ่นเต็มอยู่ที่ราคาโดยประมาณ 239 เหรียญดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ในขณะที่ถ้าเป็นการปรับรุ่นอยู่ที่ 159 เหรียญดอลลาร์สหรัฐโดยประมาณ[9]

Windows Vista Home Premium Box
Windows Vista Business
Microsoft Windows Vista Business ออกแบบมาเพื่อสำหรับการใช้งานในเชิงธุรกิจ และมีความสามารถทางธุรกิจมากกว่ารุ่น Home Premium นอกจากการแสดงผลแบบ Aero แล้ว คุณสมบัติในการส่งโทรสารผ่าน Windows Fax and Scan ก็ยังมีอยู่ด้วยเช่นกัน รวมไปถึงคุณสมบัติ Shadow Copy ซึ่งสามารถบันทึกความเปลี่ยนแปลงของไฟล์รุ่นต่างๆได้ ทำให้สามารถนำข้อมูลสำคัญที่ถูกแก้ไขกลับคืนมาได้ [10]

อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติทางด้านการจัดการสื่อและความบันเทิงที่มีอยู่ใน Windows Vista Home Premium นั้นจะไม่มีอยู่ใน Windows Vista Business[7] คุณสมบัติเหล่านั้นได้แก่ Windows Media Center, การรองรับ Windows Media Extender, Windows Movie Maker in HD เป็นต้น

สำหรับการใช้งานแบบ 64 บิต Microsoft Windows Vista Business สามารถอ้างอิงหน่วยความจำหลัก (RAM) ได้มากสุด 120GB ขึ้นไป[6]

ราคาจำหน่ายโดยประมาณที่กำหนดโดยไมโครซอฟท์สำหรับแบบบรรจุภัณฑ์สำเร็จ รุ่นเต็มอยู่ที่ราคาโดยประมาณ 299 เหรียญดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ในขณะที่ถ้าเป็นการปรับรุ่นอยู่ที่ 199 เหรียญดอลลาร์สหรัฐโดยประมาณ[10]

Windows Vista Business Box
Windows Vista Enterprise
Microsoft Windows Vista Enterprise ถูกออกแบบมาสำหรับองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่มีความสลับซับซ้อนทางด้านระบบสารสนเทศ โดยมีคุณสมบัติที่มากกว่า Microsoft Windows Vista Business เช่น Windows Bitlocker Drive Encryption, คุณสมบัติการทำงานส่วนติดต่อผู้ใช้หลายภาษา (Multilingual User Interface) และคุณสมบัติที่สำคัญคือ Subsystem for Unix Application (SUA) ที่ออกแบบมาเพื่อให้โปรแกรมบนระบบปฏิบัติการ Unix สามารถทำงานบน Windows Vista Enterprise ได้อย่างไม่มีปัญหา [11]

สำหรับการใช้งานแบบ 64 บิต Microsoft Windows Vista Enterprise สามารถอ้างอิงหน่วยความจำหลัก (RAM) ได้มากสุด 120GB ขึ้นไป[6]

การจำหน่าย Microsoft Windows Vista Enterprise จะไม่มีการวางจำหน่ายเป็นการทั่วไป โดยจำหน่ายแก่องค์กรที่ซื้อลิขสิทธิ์เป็นจำนวนมาก (Volume Licensing)[12] ซึ่งได้ซื้อสิทธิพิเศษที่เรียกว่า "Microsoft Software Assurance" [13]

Not Box
Windows Vista Ultimate
Microsoft Windows Vista Ultimate เป็นรุ่นของ Microsoft Windows Vista ทั่วไปที่มีความสามารถสูงมากที่สุดในกลุ่ม ซึ่งมีความสามารถเทียบเท่ากับ Home Premium และ Business รวมกัน และเพิ่มความสามารถทางด้านความปลอดภัยมากขึ้นด้วยการเพิ่มคุณสมบัติ Windows Bitlocker Drive Encryption หรือการเข้ารหัสทั้งดิกส์ไดรฟ์เพื่อความปลอดภัย[7] ตลอดไปถึงความสามารถอื่นๆอย่างเช่นการทำงานส่วนติดต่อผู้ใช้หลายภาษา (Multilingual User Interface)[14]

สำหรับการใช้งานแบบ 64 บิต Microsoft Windows Vista Ultimate สามารถอ้างอิงหน่วยความจำหลัก (RAM) ได้มากสุด 120GB ขึ้นไป[6]

ราคาจำหน่ายโดยประมาณที่กำหนดโดยไมโครซอฟท์สำหรับแบบบรรจุภัณฑ์สำเร็จ รุ่นเต็มอยู่ที่ราคาโดยประมาณ 399 เหรียญดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ในขณะที่ถ้าเป็นการปรับรุ่นอยู่ที่ 259 เหรียญดอลลาร์สหรัฐโดยประมาณ[14]

Windows Vista Ultimate Box

จากเอกสารคำแนะนำของไมโครซอฟท์[15] ได้ให้คำแนะนำสำหรับการปรับรุ่น (Upgrade) ไปสู่วินโดวส์วิสตาเอาไว้ดังนี้

- สำหรับผู้ที่ใช้ Microsoft Windows XP Home Edition คำแนะนำคือปรับรุ่นไปสู่ Microsoft Windows Vista Home Basic

- สำหรับผู้ที่ใช้ Microsoft Windows XP Tablet PC Edition และ Microsoft Windows XP Media Center Edition คำแนะนำคือปรับรุ่นไปสู่ Microsoft Windows Vista Home Premium

- สำหรับผู้ที่ใช้ Microsoft Windows XP Professional, Professional x64 Edition และ Tablet PC Edition คำแนะนำคือปรับรุ่นไปสู่ Microsoft Windows Vista Business

รูปแบบการมองเห็น

  • วินโดวส์แอโร - เป็นรูปแบบการมองเห็นที่ถูกพัฒนาขึ้น พร้อมกับเครื่องมือจัดการรูปแบบการมองเห็นที่เรียกว่า Window Desktop Manager โดยวินโดวส์แอโร ถูกสนับสนุนการมองเห็นแบบ 3 มิติ เช่น หน้าต่างที่สามารถพลิกได้แบบ 3 มิติทำให้สะดวกขึ้นในการย้ายหน้าต่าง, การมองเห็นแบบโปร่งใส, การมองเห็นภาพเล็กๆ ขอ งหน้าต่างขณะที่นำเมาส์ชี้ที่ทาสก์บาร์, วินโดวส์ เอะนิเมะชัน และเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ซึ่งแสดงถึงความต้องการของการ์ดจอที่มีคุณภาพสูงในระดับหนึ่ง คือ 128 MB เป็นอย่างต่ำ ซึ่งวินโดวส์แอโร พร้อมกับความสามารถหน้าต่างที่สามารถพลิกได้แบบ 3 มิตินั้นไม่ได้ถูกรวมในรุ่น Starter และ Home Basic
  • วินโดวส์ วิสต้า สแตนดาร์ด - เป็นรูปแบบการมองเห็นที่ด้อยกว่าวินโวส์ แอโร่ ซึ่งจะไม่มีการมองเห็นแบบโปร่งใส, วินโดวส์ เอะนิเมะชัน และเอฟเฟ็กต์ต่างๆ แต่จะมีหน้าต่างที่สามารถพลิกได้แบบ 3 มิติซึ่งยังคงต้องใช้ WDM ซึ่งเป็นส่วนประกอบของวินโดวส์แอโร ซึ่งการมองเห็นแบบนี้จะถูกตั้งค่าแรกเริ่มในรุ่น Home Basic แต่จะไม่มีในรุ่น The Starter
  • วินโดวส์ วิสต้า เบสิค - เป็นรูปแบบการมองเห็นที่คล้ายวินโดวส์ เอ๊กซ์พี วิสช่วลสไตล์ แต่จะมีการเพิ่มอะนิเมะชั่นบ้างเล็กน้อยซึ่งจะปรากฏบนแถบสถานะการทำงาน (Progress Bar) ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ WDM จะไม่มีการมองเห็นแบบโปร่งใส, วินโดวส์ เอะนิเมะชันหรือหน้าต่างที่สามารถพลิกได้แบบ 3 มิติที่ต้องใช้ WDM และความต้องการของการ์ดแสดงผลจะคล้ายกับ XP ซึ่งเหมาะสำหรับการ์ดแสดงผลที่ไม่สามารถแสดงผลแบบ วินโดวส์แอโร จะถูกกำหนดเป็นค่าแรกเริ่ม

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น

อ้างอิง

  1. http://windowsvistablog.com/blogs/windowsvista/archive/2008/02/04/announcing-the-rtm-of-windows-vista-sp1.aspx
  2. http://www.microsoft.com/windows/products/windowsvista/editions/starter/default.mspx
  3. http://windowshelp.microsoft.com/Windows/en-US/Help/83f968d5-844e-408c-a7c4-69ff50f0ff541033.mspx
  4. http://www.microsoft.com/thailand/windows/products/windowsvista/editions/starter/default.mspx
  5. http://windowshelp.microsoft.com/Windows/en-US/Help/44526469-b916-4442-9372-4f566795bbcf1033.mspx
  6. 6.0 6.1 6.2 6.3 6.4 http://www.microsoft.com/windows/products/windowsvista/editions/64bit.mspx
  7. 7.0 7.1 7.2 7.3 http://www.microsoft.com/windows/products/windowsvista/editions/choose.mspx
  8. http://www.microsoft.com/windows/products/windowsvista/editions/homebasic/default.mspx
  9. http://www.microsoft.com/windows/products/windowsvista/editions/homepremium/default.mspx
  10. 10.0 10.1 http://www.microsoft.com/windows/products/windowsvista/editions/business/default.mspx
  11. http://www.microsoft.com/windows/products/windowsvista/enterprise/features/operatingsystem.mspx
  12. http://www.microsoft.com/windows/products/windowsvista/enterprise/buy.mspx
  13. http://www.microsoft.com/licensing/sa/default.mspx
  14. 14.0 14.1 http://www.microsoft.com/windows/products/windowsvista/editions/ultimate/default.mspx
  15. http://download.microsoft.com/download/8/0/7/80797240-6627-4b1e-afb7-4daf7f4cea51/TH_Windows_Vista_Edition.pdf


แม่แบบ:Link FA