ข้ามไปเนื้อหา

วินโดวส์ 11

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วินโดวส์ 11
รุ่นของระบบปฏิบัติการวินโดวส์เอ็นที
หน้าจอแสดงผลของวินโดวส์ 11 รุ่น 21H2 แสดงการติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่พร้อมแถบงานที่ถูกจัดกลุ่มตรงกลางและเมนูเริ่มต้นในธีมสว่าง
ผู้พัฒนาไมโครซอฟท์
เขียนด้วย
ตระกูลระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์ วินโดวส์
รหัสต้นฉบับ
เผยแพร่สู่
กระบวนการผลิต
24 มิถุนายน 2021; 4 ปีก่อน (2021-06-24)
พร้อมใช้งาน
โดยทั่วไป
5 ตุลาคม 2021; 4 ปีก่อน (2021-10-05)
รุ่นล่าสุด24H2 (10.0.26100.4770) / 22 กรกฎาคม 2025; 3 เดือนก่อน (2025-07-22)[5]
กลุ่มเป้าหมาย
ทางการตลาด
คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
พร้อมใช้ใน88 ภาษา[6][7]
รายชื่อภาษา
อาฟรีกานส์, แอลเบเนีย, อัมฮารา, อาหรับ, อาร์มีเนีย, อัสสัม, อาเซอร์ไบจาน, เบงกอล (บังกลาเทศ), เบงกอล (อินเดีย), บาสก์, เบลารุส, บอสเนีย, บัลแกเรีย, คาตาลัน, เคิร์ดกลาง, เชอโรคี, จีน (ประยุกต์), จีน (ดั้งเดิม), โครเอเชีย, เช็ก, เดนมาร์ก, ดารี - เปอร์เซีย (อัฟกานิสถาน), ดัตช์, เยอรมัน, กรีก, อังกฤษ (สหราชอาณาจักร), อังกฤษ (สหรัฐ), เอสโตเนีย, ฟินแลนด์, ฟิลิปีโน, ฝรั่งเศส (แคนาดา), ฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส), กาลิเซีย, จอร์เจีย, คุชราต, เฮาซา, ฮีบรู, ฮินดี, ฮังการี, ไอซ์แลนด์, อิกโบ, อินโดนีเซีย, ไอริช, อิตาลี, ญี่ปุ่น, กันนาดา, คาซัค, เขมร, คีเช, คินยาร์วานดา, กอนกานี, เกาหลี, คีร์กีซ, ลาว, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, ลักเซมเบิร์ก, มาซิโดเนีย, มลายู, มาลายาลัม, มอลตา, เมารี, มราฐี, มองโกเลีย, เนปาล, โซโทเหนือ, นอร์เวย์ (บ็อกมาล), นอร์เวย์ (ไนนอสก์), โอเดีย, เปอร์เซีย (อิหร่าน), ปัญจาบ (อาหรับ), ปัญจาบ (กูร์มูคี), โปแลนด์, โปรตุเกส (บราซิล), โปรตุเกส (โปรตุเกส), เคชวา, โรมาเนีย, รัสเซีย, เกลิกสกอต, เซอร์เบีย (ซิริลลิก บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา), เซอร์เบีย (ซิริลลิก เซอร์เบีย), เซอร์เบีย (ละติน), สินธิ (อาหรับ), สิงหล, สโลวัก, สโลวีเนีย, สเปน (สเปน), สเปน (เม็กซิโก), สวาฮีลี, สวีเดน, ทาจิก, ทมิฬ, ตาตาร์, เตลูกู, ไทย, ทิกรินยา, เซ็ตสวานา, ตุรกี, เติร์กเมน, ยูเครน, อูรดู, อุยกูร์, อุซเบกิสถาน, วาเลนเซีย, เวียดนาม, เวลส์, โวลอฟ, โคซา, โยรูบา, ซูลู
วิธีการอัปเดต
แพลตฟอร์มx64, ARM64
ชนิดเคอร์เนลผสม (วินโดวส์เอ็นที เคอร์เนล)
ยูเซอร์แลนด์วินโดวส์เอพีไอ
ดอตเน็ตเฟรมเวิร์ก
ยูนิเวอร์แซลวินโดวส์แพลตฟอร์ม
วินโดวส์ซับซิสเท็มฟอร์ลินุกซ์
วินโดวส์ซับซิสเท็มฟอร์แอนดรอยด์
ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ปริยายวินโดวส์ เชลล์ (กราฟิก)
รุ่นก่อนหน้าวินโดวส์ 10 (2015)
เว็บไซต์ทางการhttps://www.microsoft.com/th-th/windows/windows-11
สถานะการสนับสนุน
ดูที่ §ภาพรวมรุ่นในการพัฒนาในแต่ละเวอร์ชัน

วินโดวส์ 11[8][9] (อังกฤษ: Windows 11) คือระบบปฏิบัติการ วินโดวส์เอ็นที รุ่นหลักปัจจุบันของ ไมโครซอฟท์ ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2021 ถือเป็นรุ่นต่อจาก วินโดวส์ 10 (2015) โดยสามารถอัปเกรดได้ฟรีสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ วินโดวส์ 10 ที่ตรงตามข้อกำหนดของระบบ ส่วน วินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2025 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ วินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ ได้เปิดตัวในปี 2024 วินโดวส์ 11 เป็น วินโดวส์เวอร์ชันหลักรุ่นแรกที่ไม่มีรุ่นสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ หลังจากการยุติการผลิต วินโดวส์ 10 โมบายล์

วินโดวส์ 11 นำเสนอ ส่วนติดต่อผู้ใช้แบบกราฟิก ที่ออกแบบใหม่ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากโครงการ วินโดวส์ 10X ที่ถูกยกเลิกไป ซึ่งรวมถึงเมนู เริ่มต้น ที่อยู่ตรงกลาง แผง วิตเจ็ต แยกต่างหากที่แทนที่ หน้าต่างแบบเคลื่อนไหว และฟีเจอร์การจัดการหน้าต่างใหม่ นอกจากนี้ยังผสานรวมเทคโนโลยีการเล่นเกมจาก เอกซ์บอกซ์ซีรีส์เอกซ์และซีรีส์เอส เช่น ไดนามิกสูงอัตโนมัติ และ DirectStorage บนฮาร์ดแวร์ที่รองรับ ไมโครซอฟท์ เอดจ์ ที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานจาก โครเมียม ยังคงเป็นเว็บเบราว์เซอร์เริ่มต้น แทนที่ อินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ ขณะที่ ไมโครซอฟท์ ทีมส์ ถูกรวมไว้ในอินเทอร์เฟซ ไมโครซอฟท์ ยังได้ขยายการรองรับแอปพลิเคชันจากภายนอกใน ไมโครซอฟท์สโตร์ รวมถึงความเข้ากันได้กับแอป แอนดรอยด์ ที่จำกัดผ่านความร่วมมือกับ อเมซอน แอพสโตร์

วินโดวส์ 11 มีข้อกำหนดระบบที่สูงกว่าการอัปเกรดระบบปฏิบัติการทั่วไปอย่างมาก ซึ่ง ไมโครซอฟท์ ระบุว่าเป็นเพราะข้อกังวลด้านความปลอดภัย ระบบปฏิบัติการนี้ต้องการฟีเจอร์ต่างๆ เช่น UEFI, การบูตอย่างปลอดภัย และ โมดูลแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ เวอร์ชัน 2.0 การสนับสนุนอย่างเป็นทางการจำกัดเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้โปรเซสเซอร์ อินเทล คอร์ รุ่นที่ 8 หรือใหม่กว่า, โปรเซสเซอร์ เอเอ็มดี Ryzen รุ่นที่ 2 หรือใหม่กว่า หรือชิป ควอลคอมม์ สแนปดรากอน 850 หรือใหม่กว่า ข้อจำกัดเหล่านี้ไม่ครอบคลุมระบบจำนวนมาก จึงทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ใช้และสื่อต่างๆ แม้ว่าการติดตั้งบนฮาร์ดแวร์ที่ไม่รองรับจะสามารถทำได้ในทางเทคนิค แต่ ไมโครซอฟท์ ไม่รับประกันการเข้าถึงการอัปเดตหรือการสนับสนุน วินโดวส์ 11 ยังยุติการสนับสนุนโปรเซสเซอร์ 32 บิตทั้งหมด โดยทำงานบนสถาปัตยกรรม x86-64 และ ARM64 เท่านั้น

การพัฒนา

[แก้]

หลังจากการเปิดตัววินโดวส์ 10 ไมโครซอฟท์ระบุว่าวินโดวส์ 10 จะเป็นวินโดวส์ "เวอร์ชันสุดท้าย"[10][11] โดยจะเป็นระบบปฏิบัติการที่ให้บริการอัปเดตใหม่ ๆ เมื่อเวลาผ่านไปแทน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ไมโครซอฟท์ประกาศรับสมัครงานซึ่งมีการพูดถึง "การฟื้นฟูครั้งใหญ่" ของวินโดวส์[12] ก็มีการคาดเดาเกี่ยวกับเวอร์ชันใหม่ของวินโดวส์ โดยวินโดวส์เวอร์ชันใหม่ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้ชื่อรหัส "ซันแวลลีย์" ได้รับการตั้งค่าให้ปรับปรุงอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของระบบให้ทันสมัยขึ้น[13]

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2021[14] มีรูปภาพหน้าจอที่อ้างว่าเป็นวินโดวส์ 11 รุ่นเบตา ปรากฏบนโลกออนไลน์ หลังจากนั้นก็มีข้อมูลที่เกี่ยวกับวินโดวส์ 11 รั่วไหลออกมา และต่อมาในวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ข้อมูลรุ่นชื่อ วินโดวส์ 11 เอสอี ก็รั่วไหลออกมา[15] โดยทั้งสองรุ่นต้องมีชิป TPM 2.0 และ UEFI เนื่องจากเป็นวินโดวส์แบบโออีเอ็ม[16][17] ซึ่งภาพหน้าจอและรุ่นที่หลุดออกมาแสดงให้เห็นว่า อินเทอร์เฟซของวินโดวส์ 11 มีความคล้ายคลึงกับ วินโดวส์ 10 เอกซ์ ที่ถูกยกเลิก พร้อมกับการออกแบบใหม่ของ out-of-box experience (OOBE) และแบรนด์วินโดวส์ 11[18]

วันที่ 21 มิถุนายน 2021 ไมโครซอฟท์ได้เปิดเผยว่ากำลังพัฒนาระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 11 ในเอกสารสนับสนุนโดยบังเอิญ[9][19]

วินโดวส์ 11 ถือเป็นระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์ วินโดวส์รุ่นแรกที่หยุดการสนับสนุนสถาปัตยกรรม ไอเอ-32 และเออาร์เอ็มวี 7 อย่างเป็นทางการ โดยตัวระบบปฏิบัติการจะรองรับสถาปัตยกรรม เอกซ์86-64 และ เออาร์เอ็ม 64 เท่านั้น

การเปิดตัว

[แก้]

ในการประชุมนักพัฒนาที่ไมโครซอฟท์ บิลด์ 2021 สัตยา นาเดลลา ซีอีโอของไมโครซอฟท์ ได้เกริ่นถึงวินโดวส์รุ่นถัดไปในระหว่างการนำเสนอ ตามคำบอกเล่าของนาเดลลา เขาได้เตรียมการเป็นเวลาหลายเดือน และบอกใบ้ว่า จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้[20] หลังจากการนำเสนอของนาเดลลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ไมโครซอฟท์ก็เริ่มส่งคำเชิญร่วมงานของวินโดวส์โดยเฉพาะในวันที่ 24 มิถุนายน 2021 เวลา 11.00 น.[21][22] ซึ่งการที่งานเริ่มเวลา 11.00 น. ถือเป็นเวลาที่ไม่ปกติสำหรับไมโครซอฟท์ นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ยังเผยแพร่วิดีโอบนยูทูบเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน โดยเป็นเสียงเริ่มต้นใช้งานวินโดวส์ที่มีความยาว 11 นาที ทำให้หลายคนคาดเดาว่าชื่อระบบปฏิบัติการใหม่จากไมโครซอฟท์นั้น คือ วินโดวส์ 11[23][24]

ในวันที่ 24 มิถุนายน 2021 ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัว วินโดวส์ 11 อย่างเป็นทางการ โดยชูจุดขายหลักว่าเป็น "วินโดวส์ที่ถูกคิดใหม่ทำใหม่ทั้งหมด" พร้อมกับการเปิดเผยรายละเอียดฟังก์ชันใหม่ในส่วนของนักพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ เช่น ไมโครซอฟท์ สโตร์, ชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ วินโดวส์ เอสดีเค "โปรเจกต์ รียูเนียน", แนวทางการออกแบบส่วนต่อประสาน ฟลูเอนท์ ดีไซน์ ซิสเท็ม, และหัวข้ออื่น ๆ อีกมากมาย

คุณสมบัติ

[แก้]

ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้และการออกแบบ

[แก้]

บิลด์รุ่นพัฒนาของวินโดวส์ 11 ที่หลุดออกมานั้นแสดงให้เห็นว่ามีการอัปเดตส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ให้เป็นไปตามแนวทางระบบฟลูเอนต์ดีไซน์ของไมโครซอฟท์ โดยมีลักษณะโปร่งแสง เงา และขอบโค้งให้พบได้อยู่ทั่วไปในระบบ[25] มีการออกแบบเมนูเริ่มต้นใหม่ ซึ่งเลิกการใช้งานลักษณะแถบด้านขวาไป และทาสก์บาร์ยังถูกปรับให้มีลักษณะทันสมัยและอยู่ตรงกลางเป็นค่าเริ่มต้นด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้สามารถเลือกปรับให้ทาสก์บาร์ชิดซ้ายดังเดิมได้[18][26] คุณสมบัติทาสก์วิวที่ถูกเพิ่มเข้ามาในวินโดวส์ 10 ได้รับการออกแบบแบบรีเฟรช การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ในระบบ ได้แก่ ไอคอนระบบใหม่ แอนิเมชัน เสียง และวิดเจ็ต[27][28] โดยส่วนมากของส่วนต่อประสานและเมนูเริ่มต้นนั้นได้รับแรงบัลดาลใจอย่างมามาจากวินโดวส์ 10 เอ็กซ์ที่เพิ่งถูกยกเลิกไป[26]

วินโดวส์ 11 นั้นยังมีฟอนต์ใหม่ด้วย นั่นคือ Segoe UI Variable ซึ่งเป็นฟอนต์ที่ถูกออกแบบให้มีสเกลที่ดีขึ้นและรองรับกับหน้าจอที่มี DPI สูงในยุคใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฟอนต์ Segoe UI เดิมไม่รองรับ[29]

เอกซ์บอกซ์ ฟูลสกรีนเอกซ์พีเรียนซ์

[แก้]

เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2568 ไมโครซอฟท์ได้เผยหน้าตาส่วนต่อประสานผู้ใช้งานรูปแบบใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์เครื่องเล่นเกมพีซีแบบพกพาในชื่อ "เอกซ์บอกซ์ ฟูลสกรีนเอกซ์พีเรียนซ์" (Xbox Full Screen Experiences) ซึ่งเป็นรูปแบบส่วนต่อประสานที่ได้รับการพัฒนาโดยทีมพัฒนาซอฟต์แวร์เอกซ์บอกซ์ ในรูปแบบนี้วินโดวส์ 11 จะทำการบูตตัวเองเข้าสู่แอปเอกซ์บอกซ์โดยตรงโดยไม่โหลดโปรแกรมอื่น ๆ รวมถึงวินโดวส์ เอกซ์พลอเรอร์ขึ้นมาทำงาน ยกเว้นโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับการตั้งค่าอุปกรณ์ เอกซ์บอกซ์เกมบาร์ และแอปพลิเคชันที่จำเป็นต้องใช้งาน เช่น สตีม เอปิกเกมส์สโตร์ หรือแบตเทิลเน็ต เพื่อลดการใช้ทรัพยากรของเครื่อง ประหยัดพลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพเฉพาะสำหรับการเล่นเกมอย่างเดียวเท่านั้น รวมถึงมอบประสบการณ์ในการใช้งานอุปกรณ์ให้เสมือนว่ากำลังใช้งานอุปกรณ์คอนโซลแทนพีซี ด้วยการรองรับอินพุตจากอุปกรณ์เกมแพดเต็มรูปแบบ และให้ประสบการณ์ในการป้อนอินพุตต่าง ๆ เหมือนกับบนอุปกรณ์เอกซ์บอกซ์โดยตรง

ส่วนต่อประสาน เอกซ์บอกซ์ ฟูลสกรีนเอกซ์พีเรียนซ์ จะเริ่มใช้งานในอุปกรณ์ชุด อาร์โอจี เอกซ์บอกซ์ อัลลาย และอาร์โอจี เอ็กซ์บอกซ์ อัลลาย เอกซ์ เป็นชุดแรกในวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2568 และจะเริ่มเปิดให้อุปกรณ์อื่นใช้งานส่วนต่อประสานนี้ได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2569 เป็นต้นไปโดยขึ้นกับผู้ผลิตอุปกรณ์ว่าจะรองรับหรือไม่ ทั้งนี้ผู้ผลิตที่ประกาศรองรับประกอบด้วย อาร์โอจี อัลลาย อาร์โอจี อัลลาย เอกซ์ เอ็มเอสไอ คลอว และเลอโนโว ลีเกียน โก เป็นต้น อย่างไรก็ตามในเดือนกันยายน พ.ศ. 2568 มีผู้ค้นพบว่าไมโครซอฟท์ได้สุ่มเปิดใช้งาน เอกซ์บอกซ์ ฟูลสกรีนเอกซ์พีเรียนซ์ ให้กับผู้ใช้บางส่วนของโครงการวินโดวส์ 11 อินไซเดอร์ที่ติดตั้ง วินโดวส์ 11 เวอร์ชัน 25H2 บนอุปกรณ์เครื่องเล่นเกมพีซีพกพา โดยการเปิดฟีเจอร์ดังกล่าวเป็นการเปิดใช้งานแบบผู้ใช้ต้องเลือกเข้าไปเปิดเอง (Opt-in) โดยเลือกว่าให้ระบบปฏิบัติการบูตเข้าระบบแบบใด ระหว่าง เอกซ์บอกซ์ ฟูลสกรีนเอกซ์พีเรียนซ์ หรือ วินโดวส์ เดสก์ท็อป ซึ่งจากการทดสอบบนอุปกรณ์จริง พบว่าในโหมดเอกซ์บอกซ์ ฟูลสกรีนเอกซ์พีเรียนซ์ วินโดวส์ 11 สามารถรีดประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ดีขึ้นอีกราว ๆ 20-25% จากวินโดวส์ 11 เวอร์ชัน 24H2 และลดการใช้งานแรมลงไปได้สูงถึง 2 กิกะไบต์ รวมถึงการสลับโหมดระหว่างเอกซ์บอกซ์ ฟูลสกรีนเอกซ์พีเรียนซ์ กับวินโดวส์ เดสก์ท็อป ก็ทำได้โดยการกดเลือก "วินโดวส์ เดสก์ท็อป" จากหน้าสลัปแอปของ เอกซ์บอกซ์ ฟูลสกรีนเอกซ์พีเรียนซ์ วินโดวส์ 11 จะทำการโหลดคอมโพเนนต์ที่เหลือขึ้นมาเหมือนตอนบูตเข้าระบบปฏิบัติการแบบปกติ

วิดเจ็ต

[แก้]

วินโดวส์ 11 มีแถบวิดเจ็ตที่สามารถเข้าถึงได้โดยการคลิกที่ปุ่มวิดเจ็ตที่อยู่บนทาส์กบาร์ ตัววิดเจ็ตจะแสดงข่าวสาร กีฬา สภาพอากาศ และหุ้นจากเอ็มเอสเอ็น ในรุ่นนักพัฒนาที่หลุดออกมานั้น ไม่สามารถลากวิดเจ็ตหรือจัดเรียงวิดเจ็ตใหม่ได้ และการเข้าถึงแถบวิดเจ็ตนั้นจำเป็นต้องลงชื่อเข้าใช้คอมพิวเตอร์ด้วยบัญชีของไมโครซอฟท์ ซึ่งคุณสมบัตินี้มาแทนที่เมนูข่าวสารและความสนใจบนทากส์บาร์ ซึ่งปรากฏในวินโดวส์ 10 รุ่นล่าสุด[30][26]

วินโดวส์ ซับซิสเท็ม ฟอร์ แอนดรอยด์

[แก้]

วินโดวส์ 11 จะอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันแอนดรอยด์ลงในระบบได้โดยตรง โดยรองรับแอปพลิเคชันจาก แอมะซอน แอปสโตร์ผ่านไมโครซอฟท์ สโตร์ ตัวติดตั้งแอปพลิเคชันบนวินโดวส์จากแอมะซอน แอปสโตร์ และการติดตั้งแอปพลิเคชันโดยตรงบนวินโดวส์ 11 ด้วยไฟล์แพ็คเกจของแอนดรอยด์ คุณสมบัตินี้จะทำงานบนแอนดรอยด์ซับซิสเท็ม ซึ่งถูกพัฒนาต่อยอดขึ้นมาจาก ลินุกซ์ซับซิสเท็ม ที่ใช้งานอยู่เดิมในวินโดวส์ 10 ร่วมกับการใช้งานแอนดรอยด์ โอเพนซอร์ส โปรเจ็กต์ หรือ AOSP จนเกิดเป็นสภาพแวดล้อมของแอนดรอยด์ในวินโดวส์ 11 โดยตรง อนึ่งไมโครซอฟท์ประกาศสิ้นสุดโครงการซับซิสเท็ม ฟอร์ แอนดรอยด์เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2567 และการสนับสนุนได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568 ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถติดตั้งซับซิสเท็ม ฟอร์ แอนดรอยด์ได้อีกต่อไป

ราคาการอัปเกรด

[แก้]

การอัปเกรดแบบอัตโนมัติจะอนุญาตให้คอมพิวเตอร์ที่มีอายุไม่เกิน 4 ปี และใช้วินโดวส์ 10 รุ่น 21H1 ได้สิทธิ์อัปเกรดไปวินโดวส์ 11 โดยอัตโนมัติผ่านอัปเดตในช่วงเดือนมกราคม 2022 แต่หากคอมพิวเตอร์ไม่สามารถอัปเกรดได้ ก็สามารถอัปเกรดได้ด้วยตนเองภายใต้ใบอนุญาตแบบดิจิทัลเดิมที่ใช้งานร่วมกับวินโดวส์ 10 แต่อาจจะได้ความสามารถไม่เต็มที่เท่าคอมพิวเตอร์ที่สามารถรันวินโดวส์ 11 ได้สมบูรณ์

ทั้งนี้การอัปเกรดจะเป็นการอัปเกรดแบบใช้รุ่นไหนรุ่นนั้น เช่นหากใช้ วินโดวส์ 10 โฮม จะได้รับอัปเกรดเป็น วินโดวส์ 11 โฮม หรือหากใช้ วินโดวส์ 10 โปร ก็จะได้รับอัปเดตเป็น วินโดวส์ 11 โปร เช่นกัน ทั้งนี้ เอส โหมด จะมีให้ใช้งานในเวอร์ชันโฮมเท่านั้น นั่นคือหากอัปเกรดจาก วินโดวส์ 10 เอส จะถูกอัปเกรดให้เป็น วินโดวส์ 11 โฮมเอส แต่หากใช้งาน วินโดวส์ 10 โปรเอส จะไม่สามารถอัปเกรดได้นอกจากต้องออกจาก เอส โหมด กลับเป็น วินโดวส์ 10 โปร ก่อนถึงจะสามารถอัปเกรดได้

ปัญญาประดิษฐ์

[แก้]

ในการอัปเดตครั้งต่อๆ มา ไมโครซอฟท์ ได้เพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ มากมายที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เช่น คำบรรยายสด การกำจัดเสียงรบกวนในพื้นหลังในการประชุมทางวิดีโอ การสร้างเฟรมอัตโนมัติของเว็บแคมที่ติดตามการเคลื่อนไหวของผู้ใช้[31] และ Bing Chat ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในช่องค้นหาบนแถบงาน[32] ภายหลังการรวม GPT-4 เข้ากับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Microsoft บริษัทได้ประกาศว่าภายในฤดูร้อนปี 2566 Microsoft Copilot ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่จะเพิ่มการรวม GPT-4 ลงในแถบงานของ Windows[33]

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2024 ไมโครซอฟท์ ได้ประกาศเปิดตัว Recall อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ใช้ฮาร์ดแวร์ เครื่องเร่งความเร็วปัญญาประดิษฐ์ เพื่อจัดเก็บภาพรวมกิจกรรมของผู้ใช้ (รวมถึงเนื้อหาที่ถอดความโดยใช้คำบรรยายสด) และช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลเหล่านั้นได้ ฟีเจอร์นี้มีเฉพาะในอุปกรณ์ที่ได้รับการรับรองภายใต้แบรนด์ "Copilot+ PC" เท่านั้น[34][35][36] เนื่องด้วยมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านความปลอดภัยของ Recall ทาง ไมโครซอฟท์ จึงประกาศในเดือนมิถุนายน 2024 ว่าจะเลื่อนการเปิดตัวฟีเจอร์ดังกล่าวออกไป เพื่อให้สามารถทดสอบและรับคำติชมผ่านโปรแกรม วินโดวส์อินไซเดอร์ ได้[37] ในเดือนกรกฎาคม 2025 Microsoft ได้เปิดตัว Copilot Vision ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สแกนหน้าจอของผู้ใช้และใช้ Copilot เพื่อวิเคราะห์เนื้อหา[38]

การอัปเดตและการสนับสนุน

[แก้]

เวอร์ชั่น

[แก้]
เวอร์ชั่น ชื่อรหัส ชื่อทางการตลาด บิลด์ (Build) วันที่เปิดตัว สนับสนุนจนถึง (และสถานะการสนับสนุนตามสี)
GAC[a] LTSC[b]
  • Home, Pro, SE,
  • Pro Education,
  • Pro for Workstations
  • Education,
  • Enterprise,
  • IoT Enterprise
Enterprise IoT Enterprise
21H2 Sun Valley 22000 5 ตุลาคม 2021; 4 ปีก่อน (2021-10-05) 10 ตุลาคม 2023; 2 ปีก่อน (2023-10-10) 8 ตุลาคม 2024; 12 เดือนก่อน (2024-10-08)
22H2 Sun Valley 2 2022 Update[c] 22621 20 กันยายน 2022; 3 ปีก่อน (2022-09-20) 8 ตุลาคม 2024; 12 เดือนก่อน (2024-10-08) 14 ตุลาคม 2025; 25 วันก่อน (2025-10-14)
23H2 Sun Valley 3 2023 Update[d] 22631 31 ตุลาคม 2023; 2 ปีก่อน (2023-10-31) 11 พฤศจิกายน 2025; อีก 2 วัน (2025-11-11) 10 พฤศจิกายน 2026; อีก 11 เดือน (2026-11-10)
24H2 Hudson Valley 2024 Update 26100 1 ตุลาคม 2024; 13 เดือนก่อน (2024-10-01)[e] 13 ตุลาคม 2026; อีก 10 เดือน (2026-10-13) 12 ตุลาคม 2027; อีก 22 เดือน (2027-10-12) 9 ตุลาคม 2029; อีก 3 ปี (2029-10-09) 10 ตุลาคม 2034; อีก 8 ปี (2034-10-10)[f]
25H2 TBA TBA 26200 ฤดูใบไม้ร่วง 2025 TBD
Legend:   เวอร์ชั่นเก่าที่หยุดการสนับสนุนแล้ว[g]   เวอร์ชั่นเก่าที่ยังได้รับการสนับสนุน[h]   เวอร์ชั่นล่าสุด[i]   เวอร์ชั่นตัวอย่าง[j]
Notes:
  1. General Availability Channel ช่องทางความพร้อมใช้งานทั่วไป.
  2. Long-Term Servicing Channel ช่องทางการให้บริการระยะยาว.
  3. มีการเผยแพร่การอัปเดต 5 รายการ:
    "Moment 1" พร้อมบิลด์ 22621.675 เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2022; 3 ปีก่อน
    "Moment 2" พร้อมบิลด์ 22621.1344 เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2023; 2 ปีก่อน
    "Moment 3" พร้อมบิลด์ 22621.1778 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2023; 2 ปีก่อน
    "Moment 4" พร้อมบิลด์ 22621.2361 เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2023; 2 ปีก่อน
    "Moment 5" พร้อมบิลด์ 22621.3235 เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2024; 19 เดือนก่อน
  4. การอัปเดตที่มีชื่อรหัสว่า "Moment 5" ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2024; 19 เดือนก่อน พร้อมด้วยรุ่น 22631.3235
  5. วินโดวส์ 11 เวอร์ชัน 24H2 พร้อมใช้งานทั่วไปสำหรับพีซี Copilot Plus ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2024; 16 เดือนก่อน
  6. การสนับสนุนกระแสหลักจนถึง 9 ตุลาคม 2029; อีก 3 ปี
  7. วินโดวส์ 11 รุ่นที่มีสีนี้ถึงวันหมดอายุแล้วและไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ไมโครซอฟท์ อีกต่อไป
  8. วินโดวส์ 11 รุ่นที่มีสีนี้จะไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุดของ วินโดวส์ s 11 อีกต่อไป แต่ยังคงได้รับการสนับสนุนจาก ไมโครซอฟท์
  9. Windows 11 รุ่นที่มีสีนี้คือ Windows 11 เวอร์ชันสาธารณะล่าสุด (โดย SKU)
  10. วินโดวส์ 11 บิลด์ ที่มีสีนี้คือรุ่น วินโดวส์อินไซเดอร์พรีวิว และไม่ใช่เวอร์ชันสาธารณะล่าสุด

ความต้องการระบบ

[แก้]
ความต้องการฮาร์ดแวร์ของวินโดวส์ 11[39][40]
ส่วนประกอบ ความต้องการขั้นต่ำ
หน่วยประมวลผลกลาง หน่วยประมวลผลกลางแบบ 64 บิต (เอกซ์86-64 หรือ เออาร์เอ็ม 64) ความเร็วสัญญาณนาฬิกาขั้นต่ำ 1 กิกะเฮิร์ตซ์ ขั้นต่ำ 2 คอร์
แรม ขั้นต่ำ 4 กิกะไบต์ (สำหรับพีซีทั่วไป)
ขั้นต่ำ 16 กิกะไบต์ (สำหรับโคไพล็อต+พีซี)
พื้นที่เก็บข้อมูล ขั้นต่ำ 64 กิกะไบต์ (สำหรับพีซีทั่วไป)
ขั้นต่ำ 256 กิกะไบต์ (สำหรับโคไพล็อต+พีซี)
โปรแกรมระบบ UEFI
ความปลอดภัย ซีเคียวบูต ต้องถูกเปิดใช้งาน
Trusted Platform Module (TPM) เวอร์ชัน 2.0
หน่วยประมวลผลกราฟิก หน่วยประมวลผลกราฟิกที่รองรับ ไดเรกต์เอกซ์ 12 ขึ้นไป และไดร์เวอร์แบบ WDDM 2.0
แสดงผล หน้าจอขนาด 9 นิ้วขึ้นไปบนความละเอียด 720p และค่าสีแบบ 8 บิต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและบัญชีไมโครซอฟท์ ต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและบัญชีไมโครซอฟท์ในการตั้งค่าครั้งแรก
ความต้องการเสริมสำหรับคุณสมบัติบางประการ
คุณสมบัติ ความต้องการขั้นต่ำ
5G โมเด็มที่รองรับ 5G
Auto HDR หน้าจอแสดงผลที่รองรับ HDR
การยืนยันตนแบบชีวภาพ และวินโดวส์ ฮัลโหล กล้องอินฟราเรดที่เรืองแสงได้ในที่มืด หรือตัวอ่านลายนิ้วมือ
BitLocker to Go อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบยูเอสบี (ใช้งานได้เฉพาะวินโดวส์ 11 โปร หรือรุ่นสูงกว่า)
Hyper-V Second Level Address Translation (SLAT)
DirectStorage หน่วยจัดเก็บข้อมูลแบบ เอ็นวีเอ็ม เอกซ์เพรส เอสเอสดี (NVMe SSD)
ไดเรกต์เอกซ์ 12 อัลติเมต หน่วยประมวลผลกราฟิกต้องรองรับและทำงานบนแอปพลิเคชันที่รองรับ
ระบบเสียงสามมิติรอบทิศทาง อุปกรณ์และแอปพลิเคชันต้องรองรับ
การยืนยันตนแบบหลายทาง ต้องใช้งานคู่กับ รหัสประจำตัวบุคคล (PIN) การยืนยันตนแบบชีวภาพ หรืออุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่รองรับไว-ไฟ และ/หรือ บลูทูธ
การรู้จำคำพูด ไมโครโฟน
ไว-ไฟ 6E ตัวรับสัญญาณไว-ไฟที่รองรับ ควบคู่กับอุปกรณ์เครือข่ายที่รองรับ
วินโดวส์ โปรเจกต์ชัน ตัวรับสัญญาณไว-ไฟที่รองรับ ไว-ไฟ ไดเรกต์ และ WDDM 2.0

ความต้องการระบบของวินโดวส์ 11 มีส่วนคล้ายกับวินโดวส์ 10 แต่วินโดวส์ 11 จะรองรับสถาปัตยกรรมแบบ 64 บิต เท่านั้น อันได้แก่สถาปัตยกรรม เอกซ์86-64 หรือ เออาร์เอ็ม 64 และได้ตัดการสนับสนุนสถาปัตยกรรม 32 บิต อันได้แก่สถาปัตยกรรม ไอเอ-32 และ เออาร์เอ็มวี 7 ออกไป ไม่รองรับโปรแกรมไบออสแบบดั้งเดิม และกำหนดว่าต้องใช้ UEFI ควบคู่กับซีเคียวบูต และ TPM 2.0[41][42][43][44] ในทำนองเดียวกัน ระบบปฏิบัติการเรียกแรมและหน่วยความจำมากขึ้น นั่นคือต้องมีแรมขั้นต่ำ 4 กิกะไบต์ และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 64 กิกะไบต์ และ S mode จะรองรับเฉพาะเวอร์ชันโฮมเท่านั้น ไม่รองรับในเวอร์ชันอื่น ๆ อีกต่อไป[45] โดยในวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ไมโครซอฟท์ได้เปิดเผยว่าหน่วยประมวลผลที่รองรับการใช้งานร่วมกับวินโดวส์ 11 จะประกอบไปด้วย อินเทล คอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 8 (คอฟฟี่เลค แคนนอนเลค และวิสกี้เลค) ขึ้นไป, เอเอ็มดี เซนพลัส (ยกเว้น ไรเซน เจนเนอเรชันที่ 1), และควอลคอมม์ สแน็ปดรากอน 850 ขึ้นไป[46] ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ อยู่ระหว่างการพิจารณาให้วินโดวส์ 11 รองรับหน่วยประมวลผล อินเทล คาบี้ เลค และเอเอ็มดี เซน ซึ่งใช้มาตรฐาน TPM เวอร์ชัน 1.2 ด้วยเช่นกัน หลังจากที่ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้ว่าการตัดการรองรับซีพียูสองรุ่นนี้ออกไป จะทำให้อายุขัยคอมพิวเตอร์ในรอบ 3 ปีสั้นลง

การรองรับ TPM 2.0 มีขึ้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบ ป้องกันการโจมตีในระดับเฟิร์มแวร์และฮาร์ดแวร์ รวมถึงการโจมตีจากช่องโหว่ซีโร่เดย์เป็นต้น รวมถึงเพิ่มความปลอดภัยให้กับการยืนยันตนทางชีวภาพผ่านวินโดวส์ ฮัลโหล การเข้ารหัสฮาร์ดดิสก์และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลด้วยบิตล็อกเกอร์ และเพื่อเพิ่มความมั่นใจในความเป็นส่วนตัวของข้อมูลซึ่งเป็นแนวคิดหลักในการพัฒนาวินโดวส์ 11 ตั้งแต่ต้น โดย TPM ที่รองรับมีทั้งแบบชิปติดตั้งแยกบนเมนบอร์ดสำหรับเครื่องที่ไม่รองรับตั้งแต่ต้น และแบบที่ผนวกมากับหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ ๆ ที่สามารถเปิดใช้งานได้ผ่านโปรแกรม UEFI โดยตรง ทั้งนี้ไมโครซอฟท์ยังอนุญาตให้ผู้ผลิตสามารถออกคอมพิวเตอร์รันวินโดวส์ 11 โดยไม่ต้องติดตั้งหรือเปิดใช้งาน TPM ตั้งแต่โรงงานได้ตามปกติ แต่ตัวเครื่องจะต้องได้รับการอนุมัติจากไมโครซอฟท์ก่อนเสมอ

ต่อมาในเวอร์ชัน 24H2 ไมโครซอฟท์ได้ปรับความต้องการระบบสำหรับอุปกรณ์ที่จะใช้ตราสัญลักษณ์ โคไพล็อต+พีซี ในการทำตลาด ซึ่งโคไพล็อต+พีซีเป็นฟีเจอร์ที่ระบบปฏิบัติการได้ผนวกความสามารถของปัญญาประดิษฐ์เข้ามาเป็นฐานของระบบ และทำให้สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์บางฟีเจอร์ได้โดยไม่ต้องอาศัยการเชื่อมต่อหาปัญญาประดิษฐ์ที่ทำงานอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ของไมโครซอฟท์ ในรูปแบบนี้วินโดวส์ 11 ต้องการซีพียูที่มีหน่วยประมวลผลเชิงนิวรอล พื้นที่จัดเก็บข้อมูลขั้นต่ำ 256 กิกะไบต์ และแรมขั้นต่ำ 16 กิกะไบต์ โดยในอุปกรณ์ชุดแรกโคไพล็อต+พีซีจะรองรับอุปกรณ์ที่ใช้ ควอลคอมม์ สแน็ปดรากอน เอกซ์ เอลีท เพียงตัวเดียว ต่อมาไมโครซอฟท์ได้ขยายการรองรับไปยังอุปกรณ์สถาปัตยกรรมเอกซ์ 86-64 เพิ่มเติม คือเอเอ็มดี ไรเซน เอไอ และอินเทล คอร์ อัลทรา

การรองรับแบบไม่เป็นทางการ

[แก้]

ไมโครซอฟท์อนุญาตให้ติดตั้ง วินโดวส์ 11 บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่รองรับ TPM 2.0 โปรแกรม UEFI รวมถึงซีเคียวบูตได้เสมือนกับการติดตั้งบนอุปกรณ์ปกติ โดยการติดตั้งจำเป็นต้องดัดแปลงค่ารีจิสทรีเพื่อบายพาสตัวตรวจสอบความต้องการของตัวติดตั้งในระหว่างขั้นตอนการติดตั้ง หรือระหว่างการอัปเดตด้วยตนเอง การติดตั้งในรูปแบบนี้ไมโครซอฟท์อนุญาตให้ติดตั้งเพื่อใช้ในการทดสอบหรือการทดลองใช้งานได้ แต่ไม่แนะนำให้ติดตั้งเพื่อใช้งานแบบปกติ เนื่องจากว่าผู้ใช้จะต้องรับความเสี่ยงของอุปกรณ์ด้วยตนเอง จากการที่อุปกรณ์จะไม่ได้รับอัปเดตตัวเองอีกต่อไป รวมถึงหากเกิดปัญหาใด ๆ ไมโครซอฟท์จะไม่รับผิดชอบหรือช่วยเหลือในการแก้ปัญหาทุกกรณีด้วยเช่นกัน แม้ว่าวินโดวส์ 11 ที่ติดตั้งในรูปแบบนี้จะใช้ใบอนุญาตแบบถูกลิขสิทธิ์ก็ตาม

ต่อมาในเวอร์ชัน 24H2 ไมโครซอฟท์ได้เพิ่มความต้องการ SSE4.2 และ POPCNT ในหน่วยประมวลผลกลาง หรือกล่าวได้ว่าหน่วยประมวลผลกลางต้องเป็นแบบเอกซ์86-64 วี 2 ทำให้ระบบปฏิบัติการไม่สามารถติดตั้งและใช้งานบนพีซีที่ใช้หน่วยประมวลผลรุ่นเก่า ๆ ได้แก่ เอเอ็มดี เอฟเอกซ์ (2011) และอินเทล คอร์ไอ รุ่นแรก (2008) กล่าวคือตั้งแต่อินเทล คอร์ทู (คอร์ทู ดูโอ และคอร์ทู ควอด) และเอเอ็มดี เค10 (ฟีนอม 2 และแอทลอน 2) ลงไป ในทำนองเดียวกันไมโครซอฟท์ได้ยกเลิกการรองรับหน่วยประมวลผลแบบเออาร์เอ็มวี 8.0 และยกระดับความต้องการขั้นต่ำเป็นเออาร์เอ็มวี 8.1 ขึ้นไป กล่าวคือระบบปฏิบัติการไม่สามารถติดตั้งและใช้งานได้กับหน่วยประมวลผลตั้งแต่ควอลคอมม์ สแน็ปดรากอน 835 ลงไป

แอปพลิเคชันจากบุคคลที่ 3

[แก้]

ภายหลังจากที่วินโดวส์ 11 เปิดตัวต่อสาธารณะ ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันภายนอกได้เพิ่มความต้องการในแอปพลิเคชันของตนเพื่อความปลอดภัย โดยอาศัยว่าถ้าวินโดวส์ 11 ได้รับการติดตั้งแบบไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข หรือฟีเจอร์ความปลอดภัยบางอย่างไม่ได้ถูกเปิดใช้งาน แอปพลิเคชันก็จะไม่สามารถทำงานได้ด้วย เช่น โปรแกรมป้องกันการโกง แวนการ์ด ของไรออตเกมส์ที่ใช้งานในลีกออฟเลเจนดส์และวาโลแรนต์ตั้งแต่อัปเดตปี 2024 เป็นต้นไป ตัวโปรแกรมจะบล็อกไม่ให้ผู้เล่นสามารถเข้าเล่นทั้งสองเกมได้อีก หากโปรแกรมพบว่าระบบปฏิบัติการไม่เปิดใช้งานซีเคียวบูต และ TPM 2.0 หรือได้รับการติดตั้งด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Programming language tools: Windows gets versatile new open-source terminal". ZDNet. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 3, 2020. สืบค้นเมื่อ August 31, 2020.
  2. "Microsoft is open-sourcing Windows Calculator on GitHub". ZDNet. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 3, 2019. สืบค้นเมื่อ August 31, 2020.
  3. "GitHub - microsoft/Windows-Driver-Frameworks". Microsoft. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 14, 2017. สืบค้นเมื่อ August 31, 2020.
  4. "windows forms". Microsoft. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 13, 2020. สืบค้นเมื่อ August 31, 2020.
  5. "July 22, 2025—KB5062660 (OS Build 26100.4770) Preview". Microsoft Support. Microsoft.
  6. "Available Language Packs for Windows 11". January 7, 2022.
  7. "Language Packs for Windows 11".
  8. Baxter, Daryl (June 16, 2021). "Windows 11 will let you switch back to the classic Start menu - here's how". TechRadar. สืบค้นเมื่อ June 17, 2021.
  9. 1 2 "Microsoft once again confirms Windows 11 name in support document". MSPoweruser. 2021-06-20. สืบค้นเมื่อ 2021-06-23.
  10. "Windows forever: Windows 10 builds will continue even after Microsoft ships it". PCWorld (ภาษาอังกฤษ). 2015-04-30. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 2, 2021. สืบค้นเมื่อ 2021-06-16.
  11. "Windows 10 Takes Its Place as Microsoft's 'Forever OS' -- Redmondmag.com". Redmondmag (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 9, 2021. สืบค้นเมื่อ 2021-06-16.
  12. Warren, Tom (2021-01-04). "Microsoft planning 'sweeping visual rejuvenation of Windows'". The Verge (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 10, 2021. สืบค้นเมื่อ 2021-06-16.
  13. "Everything we know about Windows' big Sun Valley release so far". Windows Central. 2021-06-03. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 9, 2021. สืบค้นเมื่อ 2021-06-16.
  14. "传说中的Windows11,测试版/The legendary Windows 11, beta version". Baidu. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 15, 2021. สืบค้นเมื่อ June 17, 2021.
  15. Allan, Darren (June 17, 2021). "Windows 11 SE could take cues from the worst version of Windows 10". TechRadar (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-06-17.
  16. Buria, Taras (2021-06-16). "How to install Windows 11 without TPM 2.0". Winaero (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2021-06-17.
  17. Mott, Nathaniel (June 17, 2021). "Windows 11: Everything We Know About Microsoft's Next OS". Tom's Hardware. สืบค้นเมื่อ June 17, 2021.
  18. 1 2 "Windows 11 Build Leaks, Shows a New Desktop UI, Start Menu, and More". reviewgeek. June 15, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 16, 2021. สืบค้นเมื่อ June 15, 2021.
  19. Parmar, Mayank (2021-06-20). "Windows 11 confirmed in a new Microsoft support document". Windows Latest (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2021-06-21.
  20. "Satya Nadella teases major updates coming soon to Windows during Build 2021 keynote". Windows Central. May 25, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 5, 2021. สืบค้นเมื่อ June 15, 2021.
  21. "Microsoft to reveal its next generation of Windows on June 24th". The Verge. June 2, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 11, 2021. สืบค้นเมื่อ June 15, 2021.
  22. "Microsoft Windows Event - Watch the June 24 LIVE stream". Microsoft. June 2, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 16, 2021. สืบค้นเมื่อ June 15, 2021.
  23. "Windows Startup Sounds – Slo-fi Remix". YouTube. Microsoft. June 10, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 12, 2021. สืบค้นเมื่อ June 15, 2021.
  24. "Microsoft teases new Windows 11 startup sound with 11-minute video". The Verge. June 10, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 12, 2021. สืบค้นเมื่อ June 15, 2021.
  25. "Windows 11 Leaks Indicate a Dramatic New Look Is Coming Soon". Gizmodo (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 16, 2021. สืบค้นเมื่อ June 16, 2021.
  26. 1 2 3 Warren, Tom (June 15, 2021). "Windows 11 leak reveals new UI, Start menu, and more". The Verge.
  27. "Leak Shows Off 'Windows 11' Ahead of Next Week's Microsoft Event". PCMAG (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 16, 2021. สืบค้นเมื่อ June 16, 2021.
  28. Arif Bacchus (June 16, 2021). "Microsoft Windows 11 preview: 11 new features we are most excited for". Digital Trends. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 17, 2021. สืบค้นเมื่อ June 19, 2021.
  29. "Windows 11 features already in preview: Everything you can try right now". XDA Developers. 18 June 2021.
  30. Bowden, Zac (16 June 2021). "Windows 11: This is the new 'Widgets' panel with news, weather, and more". Windows Central.
  31. Kelly, Samantha Murphy (28 กุมภาพันธ์ 2023). "Microsoft Windows 11 update puts AI front and center | CNN Business". CNN (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 15 กรกฎาคม 2025.
  32. Warren, Tom (28 กุมภาพันธ์ 2023). "Microsoft brings its new AI-powered Bing to the Windows 11 taskbar". The Verge (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 15 กรกฎาคม 2025.
  33. Cunningham, Andrew (2023-05-23). "Built-in ChatGPT-driven Copilot will transform Windows 11 starting in June". Ars Technica (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-07-15.
  34. Shakir, Umar (2024-05-20). "Recall is Microsoft's key to unlocking the future of PCs". The Verge (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2025-08-01.
  35. Kastrenakes, Jacob (2024-05-20). "Microsoft announces Copilot Plus PCs with built-in AI hardware". The Verge (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2025-08-01.
  36. Null, Christopher. "Everything You Need to Know About Microsoft Copilot+ PCs". Wired (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 1059-1028. สืบค้นเมื่อ 2025-08-01.
  37. Warren, Tom (2024-06-13). "Microsoft's all-knowing Recall AI feature is being delayed". The Verge (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2025-08-01.
  38. Roth, Emma (2025-07-22). "Windows 11's new update will add a bunch of AI features". The Verge (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2025-08-01.
  39. "Windows 11: Minimum Hardware Requirements" (PDF). Microsoft. June 2021. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ June 24, 2021. สืบค้นเมื่อ June 25, 2021.
  40. "Compatibility for Windows 11- Compatibility Cookbook". Microsoft Docs. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 24, 2021. สืบค้นเมื่อ June 24, 2021.
  41. "Windows 11 Specifications - Microsoft". Windows (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ June 24, 2021.
  42. Hanson, Matt (June 24, 2021). "Windows 11 system requirements are bad news for old laptops and PCs". TechRadar. สืบค้นเมื่อ June 24, 2021.
  43. Paul Thurrott (June 24, 2021). "Microsoft Unveils Windows 11". Thurrott.com. สืบค้นเมื่อ June 24, 2021.
  44. "Compatibility for Windows 11- Compatibility Cookbook". docs.microsoft.com.
  45. greg-lindsay. "Windows 11 requirements - What's new in Windows". docs.microsoft.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ June 24, 2021.
  46. "Windows Processor Requirements". docs.microsoft.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ June 26, 2021.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)