พระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ
พระเจ้าเจมส์ที่ 2 และ 7 | |
---|---|
พระบรมสาทิสลักษณ์โดย เซอร์ ก็อดเฟรย์ คเนลเลอร์ เมื่อปี 1684 | |
พระมหากษัตริย์เเห่งอังกฤษ, สกอตแลนด์ และ ไอร์แลนด์ | |
ครองราชย์ | 6 กุมภาพันธ์ 1685 – 11 ธันวาคม 1688 |
ราชาภิเษก | 23 เมษายน 1685 |
ก่อนหน้า | พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 |
รัชกาลถัดไป | พระเจ้าวิลเลียมที่ 3 และที่ 2 และ พระราชินีนาถแมรีที่ 2 |
พระราชสมภพ | 14 ตุลาคม [ตามปฎิทินเก่า: 24 ตุลาคม] 1633 พระราชวังเซนต์เจมส์, ลอนดอน |
สวรรคต | 16 กันยายน ค.ศ. 1701[1] (N.S.) พระราชวังแซ็ง-แฌร์แม็ง-อ็อง-แล, ฝรั่งเศส | (67 ปี)
ฝังพระบรมศพ | คริสตจักรอังกฤษ บาซิลคา, ปารีส [2] |
คู่อภิเษก | แอนน์ ไฮด์ (สมรส 1660; 1671) แมรีแห่งโมดีนา (สมรส 1673; 1701) |
พระราชบุตร more... | |
ราชวงศ์ | สจวต |
พระราชบิดา | พระเจ้าชาร์ลที่ 1 แห่งอังกฤษ |
พระราชมารดา | อ็องเรียต มารีแห่งฝรั่งเศส |
ศาสนา | โรมันคาทอลิก ก่อนหน้า. คริสตจักรแห่งอังกฤษ |
ลายพระอภิไธย |
พระเจ้าเจมส์ที่ 2[3]แห่งอังกฤษ (พ.ศ. 2228 – พ.ศ. 2232) หรือ พระเจ้าเจมส์ที่ 7 แห่งสกอตแลนด์ เป็นพระมหากษัตริย์อังกฤษ พระมหากษัตริย์ไอร์แลนด์ และพระมหากษัตริย์สกอตแลนด์ เสด็จขึ้นครองราชบัลลังก์อังกฤษเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2228 ถึง 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2232 นับว่าเป็นพระมหากษัตริย์อังกฤษพระองค์สุดท้ายที่นับถือนิกายโรมันคาทอลิก
เมื่อเทียบกับช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ไทย พระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษทรงครองราชย์ในเวลาเดียวกันกับระหว่างรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชในสมัยกรุงศรีอยุธยา
พระเจ้าเจมส์เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 2 ในพระเจ้าชาลส์ที่ 1 แห่งอังกฤษและพระนางเฮนเรียตตา มาเรีย พระราชสมภพที่พระราชวังเซนต์เจมส์ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ในปี พ.ศ. 2176 และทรงขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นดยุกแห่งยอร์ก ในปี พ.ศ. 2187 ในระหว่างที่เกิดสงครามกลางเมืองในอังกฤษขึ้นทรงพำนักอยู่ที่เมืองอ็อกซฟอร์ด ภายในฐานที่มั่นของผู้สนับสนุนระบอบการปกครองภายใต้พระมหากษัตริย์
ต่อมาในปี พ.ศ. 2189 เมื่อได้ประกาศยุติสงครามกลางเมืองแล้ว ดยุกแห่งยอร์กทรงถูกกักกันให้อยู่ในเขตพระราชวังเซนต์เจมส์ ภายใต้คำสั่งของรัฐสภาหรือคณะผู้แทนราษฎร และในปี พ.ศ. 2191 ก็ทรงหลบหนีออกมาจากพระราชวังโดยการปลอมพระองค์และไปประทับอยู่ที่เมืองเฮก ซึ่งในปัจจุบันกรุงเฮกคือเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศเนเธอร์แลนด์
ภายหลังจากที่พระเจ้าชาลส์ที่ 1 ทรงถูกปลงพระชนม์ โดยในข้อหากบฏต่อแผ่นดินในปี พ.ศ. 2192 ทางราชสำนักจึงออกประกาศแต่งตั้งให้ดยุกที่ 1 แห่งยอร์ก ซึ่งเป็นพระราฃโอรสของพระเจ้าชาลส์ที่ 1 ขึ้นครองราชสมบัติแทน โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระเจ้าชาลส์ที่ 2
พระเจ้าชาลส์ที่ 2 ทรงผ่านการรับรองโดยรัฐสภาแห่งสก็อตแลนด์และรัฐสภาแห่งไอร์แลนด์ และในปี พ.ศ. 2194 ทรงเข้ารับการราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์สกอตแลนด์ด้วย ถึงกระนั้นก็ตามพระองค์ก็ยังทรงไม่วางใจในความมั่นคงและในด้านความปลอดภัยของพระองค์เอง จึงทรงหลบหนีไปยังประเทศฝรั่งเศสในเวลาต่อมา
ต่อมาพระเจ้าเจมส์ทรงมองหาที่ลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศสเช่นเดียวกับพระเชษฐาของพระองค์ และพระองค์ทรงได้รับการช่วยเหลือจากนักรบฝรั่งเศสที่อยู่ภายใต้การนำของ Turenne ซึ่งเป็นแม่ทัพผู้เกรียงไกรแห่งประเทศฝรั่งเศส
ในปี พ.ศ. 2199 เมื่อพระเชษฐาของพระองค์คือพระเจ้าชาลส์ ได้ทรงเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับประเทศสเปนซึ่งเป็นศัตรูกับฝรั่งเศสในเวลานั้น พระองค์ทรงได้ทรงเข้าร่วมกับทหารสเปนภายใต้การนำของหลุยส์ที่ 2 Prince of Condé ซึ่งเป็นราชนิกูลของราชงศ์บูร์บง แห่งฝรั่งเศส และเป็นหนึ่งในนักรบที่เก่งฉกาจที่สุด แห่งศตวรรษที่ 17 ความองอาจทางด้านการทหารทำได้รับสมญานามว่า "The Great Condé" (le Grand Condé) และยังถูกขนานขามว่าเป็น "the French Alexander" หรือพระเจ้าอเล็กซานเดอร์แห่งฝรั่งเศส อีกด้วย
ในปี พ.ศ. 2203 โอลิเวอร์ ครอมเวลล์ ซึ่งได้ยึดอำนาจและดำรงตำแหน่ง “เจ้าผู้อารักขา” (Lord Protector) แห่งเครือจักรภพแห่งอังกฤษ ได้ถึงแก่อสัญกรรมลงด้วยไข้มาเลเรีย ณ กรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 3 กันยายน พระเจ้าชาลส์ได้ทรงกลับคืนสู่บัลลังก์
แม้ว่าพระเจ้าเจมส์เคยเป็นรัชทายาทโดยการถือสิทธิ์ของพระองค์เอง แต่ดูเหมือนว่าพระองค์ทรงปรารถนาที่จะราชาภิเษกเช่นเดียวกัน ในปี พ.ศ. 2203 พระเจ้าเจมส์ ซึ่งภายหลังได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นดยุกแห่งออลบานี ในแคว้นสกอตแลนด์ ได้สมรสกับแอนน์ ไฮด์ บุตรีของหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของพระเจ้าชาลส์ หรือเอ็ดเวิร์ด ไฮด์ ขุนนางแห่งคราเรนดอ
ในปี พ.ศ. 2208 – พ.ศ. 2210 พระเจ้าเจมส์ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดและเป็นผู้บัญชาการแห่งกองทัพราชนาวีอังกฤษอีกด้วย ต่อมาในระหว่างปี พ.ศ. 2215 – พ.ศ. 2217 ได้เกิดสงครามชื่อว่า Third Anglo-Dutch Wars ขึ้น ซึ่งสงครามนี้เกิดขึ้นจากการที่ในปี พ.ศ. 2211 อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ และสวีเดน ได้ลงนามในสัญญาเข้าร่วมกันเป็นพันธมิตร เพื่อต่อต้านฝรั่งเศส ซึ่งต่อมาภายหลังพระเจ้าชารส์ที่ 2 ได้ทรงไปเซ็นสัญญาลับสุดยอด หรือสนธิสัญญาข้อตกลงว่าด้วยสันติภาพ Treaty of Dove กับฝรั่งเศสอีกในปี พ.ศ. 2213 ยังผลให้เกิดสงคราม The Third Anglo-Dutch War ขึ้นมาในที่สุด และในภายหลังอังกฤษเข้าร่วมกับฝรั่งเศสเพื่อบุกเนเธอร์แลนด์ ในปี พ.ศ. 2215 ผลพวงของการเกิดสงครามนี้ทำให้อังกฤษได้ดินแดนบางส่วนของเนเธอร์แลนด์ไป และตั้งชื่อใหม่ว่า นิวยอร์ก “New York” เพื่อเป็นเกียรติแก่พระองค์ ส่วนพื้นที่ทางริมฝั่งแม่น้ำฮัดสันถูกเปลี่ยนชื่อเป็นอัลบานี เพื่อเป็นเกียรติแก่พระองค์เช่นเดียวกัน และพระองค์ก็ทรงเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัทเดอะรอยัลแอฟริกันคัมพะนี ซึ่งดำเนินกิจการเกี่ยวกับการค้าทาส
อ้างอิง
[แก้]ก่อนหน้า | พระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้าชาลส์ที่ 2 | พระมหากษัตริย์อังกฤษ (ราชวงศ์สจวต) (ค.ศ. 1685 – ค.ศ. 1688) |
พระเจ้าวิลเลียมที่ 3 ร่วมกับ พระราชินีนาถแมรีที่ 2 | ||
ว่าง | พระมหากษัตริย์สกอตแลนด์ (ราชวงศ์สจวต) (ค.ศ. 1685 – ค.ศ. 1688) |
ว่าง | ||
ว่าง | พระมหากษัตริย์ไอร์แลนด์ (ราชวงศ์สจวต) (ค.ศ. 1685 – ค.ศ. 1688) |
ว่าง |
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2176
- บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2244
- พระเจ้าเจมส์ที่ 2 และ 7
- พระมหากษัตริย์อังกฤษ
- ราชวงศ์สจวต
- ดยุกแห่งยอร์ก
- พระมหากษัตริย์ไอร์แลนด์
- ดยุกแห่งออลบานี
- เอิร์ลไอร์แลนด์
- คริสต์ศาสนิกชนนิกายโรมันคาทอลิกชาวอังกฤษ
- บุคคลในสงครามมหาสัมพันธมิตร
- ภาคีสมาชิกราชสมาคมแห่งลอนดอน
- พระมหากษัตริย์พระราชสวามี
- พระมหากษัตริย์สกอตแลนด์
- ไนต์ออฟเดอะการ์เตอร์
- จอมพลสูงสุด