ข้ามไปเนื้อหา

ปาฏลีบุตร

พิกัด: 25°36′45″N 85°7′42″E / 25.61250°N 85.12833°E / 25.61250; 85.12833
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ปาฏลีบุตร
แปลนเมืองปาฏลีบุตร เทียบกับปัฏนาในปัจจุบัน
ปาฏลีบุตรตั้งอยู่ในประเทศอินเดีย
ปาฏลีบุตร
แสดงที่ตั้งภายในประเทศอินเดีย
ปาฏลีบุตรตั้งอยู่ในรัฐพิหาร
ปาฏลีบุตร
ปาฏลีบุตร (รัฐพิหาร)
ชื่ออื่นPātaliputtā (บาลี)
ที่ตั้งอำเภอปัฏนา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย
ภูมิภาคเอเชียใต้
พิกัด25°36′45″N 85°7′42″E / 25.61250°N 85.12833°E / 25.61250; 85.12833
ค่าระดับความสูง53 m (174 ft)
ความยาว14.5 กิโลเมตร (9.0 ไมล์)
ความกว้าง2.4 กิโลเมตร (1.5 ไมล์)
ความเป็นมา
ผู้สร้างพระเจ้าอชาตศัตรู
สร้าง490 ปีก่อนคริสต์ศักราช
ละทิ้งกลายเป็นปัฏนาในสมัยใหม่
เกี่ยวเนื่องกับหรยังกะ, ศิศุนาค, นันทะ, เมารยะ, ศุงคะ, คุปตะ, ปาละ
ผู้บริหารจัดการกรมสำรวจโบราณคดีอินเดีย

ปาฏลีบุตร (IAST: Pāṭaliputra) เป็นนครในอินเดียโบราณที่ติดกับปัฏนาในปัจจุบัน[1] เดิมสร้างขึ้นโดย พระเจ้าอชาตศัตรู เจ้าแห่งแคว้นมคธใน 490 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในฐานะป้อมขนาดเล็ก (Pāṭaligrāma) ใกล้แม่น้ำคงคา[2] พระเจ้าอุทัยภัทรทรงวางรากฐานเมืองปาฏลีบุตรที่จุดบรรจบกันระหว่างแม่น้ำ Son กับแม่น้ำคงคา

เมืองนี้กลายเป็นเมืองหลวงของมหาอำนาจในอินเดียโบราณ เช่น จักรวรรดิศิศุนาค (ป. 413–345 ปีก่อน ค.ศ.) จักรวรรดินันทะ (ป. 460 หรือ 420 –  325 ปีก่อน ค.ศ.) จักรวรรดิเมารยะ (ป. 320–180 ปีก่อน ค.ศ.) จักรวรรดิคุปตะ (ป. ค.ศ. 320–550) และจักรวรรดิปาละ (ป. ค.ศ. 750–1200) ในสมัยเมารยะ เมืองนี้เป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยMegasthenes นักการทูต นักเดินทาง และนักประวัติศาสตร์ชาวกรีก ระบุว่า ในสมัยจักรวรรดิเมารยะ (ป. 320–180 ปีก่อน ค.ศ.) ปาฏลีบุตรเป็นนครแห่งแรกของโลกที่มีรูปแบบการปกครองตนเองในท้องถิ่นที่มีประสิทธิภาพสูง[3] ในสมัยใหม่ ลอเรนซ์ วัดเดลล์เป็นบุคคลแรกที่ระบุที่ตั้งของเมืองนี้เมื่อ ค.ศ. 1892 ผ่านการตีพิมพ์ Discovery Of The Exact Site Of Asoka's Classic Capital[4] มีการขุดค้นทางโบราณคดีในบริเวณใกล้เคียงปัฏนาสมัยใหม่อย่างกว้างขวาง[5][6] การขุดค้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 รอบปัฏนาปรากฏหลักฐานกำแพงปราการขนาดใหญ่ชัดเจน ซึ่งรวมทั้งโครงไม้เสริม[7][8]

ศัพทมูลวิทยา

[แก้]

ในภาษาสันสกฤต "Pāṭali-" สื่อถึงต้น pāṭalī (Bignonia suaveolens)[9] ส่วน "-putrá" (पुत्र) แปลว่า "ลูกชาย"

ศัพทมูลวิทยาแบบดั้งเดิมอันหนึ่ง[10]ระบุว่าเมืองนี้ตั้งชื่อตามพืช[11] รายงานจาก Mahāparinibbāṇa Sutta (พระสูตรที่ 16 ของทีฆนิกาย) ปาฏลีบุตรเป็นสถานที่ "ที่ฝักของต้น Pāṭali แตกออก"[12] ในขณะที่รายงานหนึ่งระบุว่า Pāṭaliputra หมายถึงบุตรแห่ง Pāṭali ผู้เป็นพระราชธิดาในราชา Sudarsan องค์หนึ่ง[13] เนื่องจากเมืองนี้เดิมมีชื่อว่า Pāṭali-grāma (หมู่บ้าน "Pāṭali") ทำให้นักวิชาการบางส่วนเชื่อว่า Pāṭaliputra เป็นรูปดัดแปลงจาก Pāṭalipura, "เมือง Pāṭali"[14] ปาฏลีบุตรยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า กุสุมาปุระ (นครดอกไม้)

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Unravelling Pataliputra".
  2. Kulke, Hermann; Rothermund, Dietmar (2004), A History of India, 4th edition. Routledge, Pp. xii, 448, ISBN 978-0-415-32920-0.
  3. Schwanbeck, E.A. (4 October 2008). Ancient India as described by Megasthenes and Arrian (First published 1657) (23 ed.). Bibliolife.
  4. Discovery Of The Exact Site Of Asoka's Classic Capital, 1892
  5. "Patna". Encyclopædia Britannica. Encyclopædia Britannica Online. Encyclopædia Britannica Inc., 2013. Web. 13 Dec. 2013 <"Patna | India". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 November 2011. สืบค้นเมื่อ 2011-01-30.>.
  6. "Heritage wall for Metro corridor plan". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 November 2016.
  7. "A relic of Mauryan era". The Times of India. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 November 2017.
  8. Valerie Hansen Voyages in World History, Volume 1 to 1600, 2e, Volume 1 pp. 69 Cengage Learning, 2012
  9. "Pāṭali". A Sanskrit English Dictionary: Etymologically and Philologically Arranged (16th Reprint ed.). New Delhi: Motilal Banarsidass Publishing House. 2011. p. 615. ISBN 978-8120831056.
  10. Encyclopaedia of Religion and Ethics, p.677
  11. Folklore, Vol. 19, No. 3 (30 September 1908), pp. 349–350 เก็บถาวร 10 พฤษภาคม 2018 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  12. "Mahāparinibbāṇa Sutta (DN 16), translated from the Pali by Ṭhānissaro Bhikkhu". Dīgha Nikāya of the Pali Canon. dhammatalks.org. 2022. สืบค้นเมื่อ 9 October 2022.
  13. Journal of Francis Buchanan (1812), p.182
  14. Language, Vol. 4, No. 2 (June , 1928), pp. 101–105 เก็บถาวร 10 พฤษภาคม 2018 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน

ข้อมูล

[แก้]

อ่านเพิ่ม

[แก้]
  • Bernstein, Richard (2001). Ultimate Journey: Retracing the Path of an Ancient Buddhist Monk (Xuanzang) who crossed Asia in Search of Enlightenment. Alfred A. Knopf, New York. ISBN 0-375-40009-5