ปิปรหวา
ปิปะระหะวา ปิปรหวา, ปิปราห์วา | |
---|---|
หมู่บ้าน | |
![]() ซากของสถูปแห่งปิปะระหะวา | |
พิกัด: 27°26′35″N 83°07′40″E / 27.4430°N 83.1278°E | |
ประเทศ | ![]() |
รัฐ | อุตตรประเทศ |
District | สิทธัตถนคร |
เขตเวลา | UTC+05:30 (IST) |
จุดหมายแสวงบุญใน |
แดนพุทธภูมิ |
---|
![]() |
ปิปะระหะวา (เทวนาครี: पिपरहवा, Piprahwa, ปิปรหวา) หรือในไทยนิยมเรียกว่า ปิปราห์วา[1] เป็นหมู่บ้านและแหล่งโบราณคดีใกล้กับเมืองสิทธัตถนครในรัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ตั้งอยู่ห่างไป 9 ไมล์จากลุมพินีวัน และอยู่ในบริเวณที่อดีตมีความสำคัญในพุทธประวัติของพระโคตมพุทธเจ้า นอกจากนี้ปิปรหวาเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่เพาะปลูกข้าวกาลานามัก[2]
ปิปรหวาสถูป
[แก้]ในปิปรหวาเป็นที่ตั้งของ ปิปรหวาสถูป ที่ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่ประดิษฐานพระสรีรังคารของพระโคตมพุทธเจ้า ในมหาปรินิพพานสูตรบรรยายว่าหลังพระองค์เสด็จปรินิพพาน ชาวสากยะ (ศากยะ) แห่งกปีลวัตถุ (กบิลพัสดุ์) ซึ่งเป็นดินแดนที่พระองค์ประสูติ และชาวมัลละแห่งกุสินารา ซึ่งเป็นดินแดนที่พระองค์ปรินิพพาน ได้มีข้อถกเถียงกันว่าใครจะเป็นผู้สร้างสถูปบรรจุพระสรีรังคารของพระโคตมพุทธเจ้า โทณพราหมณ์ได้เข้ามาคลายความขัดแย้งและเสนอให้แบ่งพระสรีรังคารเป็นแปดส่วนเท่า ๆ กันระหว่างแปดอาณาจักรเพื่อไม่ให้การรบราเพื่อแย่งพระบรมสารีริกธาตุเกิดขึ้น โดยดินแดนของชาวศากยะได้รับหนึ่งส่วนจากแปดส่วน และแบ่งประดิษฐานในแปดสถูปที่สร้างขึ้น และอีกสองสถูปเพิ่มเติม ได้แก่ สถูปที่สร้างขึ้นครอบซากของฐานบัลลังก์ที่ใช้ถวายพระเพลิง และอีกสถูปครอบบรรจุภัณฑ์ที่บรรจุพระอัฐิของพระโคตมพุทธเจ้ามา[3]
ในปี ค.ศ. 1897 วิลเลียม แคล็กซ์เทิน เพ็พเพ วิศวกรและเจ้าของที่ดินชาวอังกฤษได้เกิดความสนใจในเนินดินในปิปรหวา เนื่องกับในเวลานั้นเขาได้ทราบข่าวการค้นพบลุมพินีสตมภ์ในลุมพินีที่บ่งบอกสถานที่ประสูติของพระโคตมพุทธเจ้า[4] เพ็พเพจึงนำคณะเข้าสำรวจปิปรหวาสถูป โดยได้รับคำชี้แนะจากนักภารตวิทยา วินเซนต์ สมิธ ว่าเป็นตัวอย่างสถูปพุทธโบราณในยุคแรก ๆ ที่ไม่สามัญโดยอาจมีอายุย้อนไปถึงรัชสมัยขอบพระเจ้าอโศก[5] คณะสำรวจทำการขุดค้นสถูปอิฐลึก 18 ฟุต จนพบกับกล่องบรรจุไหห้าไห ภายในเป็นชิ้นส่วนกระดูก เครื่องประดับทองคำ และอัญมณีที่ประดับอย่างวิจิตร[6] รวมแล้วมีหินมีค่าและกึ่งมีค่ามากกว่า 1,800 ชิ้น และชิ้นส่วนกระดูกซึ่งเชื่อว่าเป็นที่เคารพบูชาอย่างสูง[7] หนึ่งในไหดังกล่าวมีจารึกอักษรพราหมี ว่า สุกิติ-ภตินํ สภคินิกนมฺ ส-ปุต-ทลนมฺ อิยํ สลิล-นิธเน พุธส ภควเต สกิยนมฺ ซึ่งเมื่อถอดความโดยเกออร์จ บือห์เลอร์ ได้ความว่า "ศาลพระธาตุของพระพุทธะผู้ประเสริฐนี้ (บริจาคโดย) พี่น้องแห่งศากยะ-ศุกิติ (Sakya-Sukiti brothers) และสัมพันธ์เนื่องกับพี่/น้องสาว บุตร และภรรยา"[8] จากจารึกนี้จึงอนุมานได้ว่าพระธาตุที่พบในไหคือพระบรมสารีริกธาตุ พระอัฐิของพระโคตมพุทธเจ้า[9]
พระธาตุ
[แก้]ไม่นานหลังการค้นพบ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ อดีตทูตแห่งสยาม ซึ่งบวชเป็นภิกษุในศรีลังกา ได้เสด็จถึงปิปรหวา และทรงทราบว่าเพ็พเพจะมอบพระธาตุที่ค้นพบแก่รัฐบาลเจ้าอาณานิคมอังกฤษ[10][11] พระองค์ได้ตรัสโน้มน้าวให้รัฐบาลอังกฤษมอบพระธาตุแก่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งสยามเพื่อที่จะทรงแบ่งกับชุมชนชาวพุทธในประเทศอื่น ๆ ต่อไป ท้ายที่สุด คำโน้มน้าวและเพื่อเป็นการเอาใจชาวพุทธซึ่งกำลังเกิดกรณีที่พุทธคยา สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าซึ่งพึ่งค้นพบได้ไม่นาน ว่ายังคงอยู่ใต้การดูแลของชาวฮินดู รวมถึงเป็นการแสดงทีท่าสัมพันธไมตรีกับสยาม ซึ่งในเวลานั้นมีมหาอำนาจยุโรปอื่น ๆ ทั้งฝรั่งเศส รัสเซีย และดัตช์ รายล้อม รัฐบาลอังกฤษจึงยอมส่งมอบพระธาตุจากปิปรหวาแก่สยาม[12] โดยมีพิธีส่งมอบในปี ค.ศ. 1899 ณ กรุงเทพมหานคร[13][14]
หลังจากนั้น พระธาตุที่ค้นพบจากปิปรหวา ได้กระจายไปประดิษฐานทั่วโลก เช่น ในพระบรมบรรพต วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ในกรุงเทพมหานคร,[14] เจดีย์ชเวดากอง ในย่างกุ้ง และ วัดพระมหามุนี ในมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า, วัดทีปทุตตาราม (Dipaduttamarama Temple) ในโคลอมโบ, วัสกฑุเววิหาร (Waskaduwe Vihara) ในกลุตระ และ มรีจิวัฏฏสถูป (Marichiwatta stupa) ในอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
ส่วนอัญมณีและทองคำที่ค้นพบ บางส่วนเก็บรักษาและสืบทอดมาถึงรัฐบาลอินเดียในปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงตัวผอบที่ค้นพบที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์อินเดีย ในโกลกาตา[15] ตลอดจนที่พิพิธภัณฑ์กบิลพัสดุ์ในปิปรหวา ตัวเพ็พเพเองได้รับอนุญาตจากรัฐให้เก็บ 'วัตถุซ้ำ' (duplicate items) บางส่วนกับตัวเอง[16] วัตถุเหล่านี้ที่เพ็พเพเก็บไว้กับตนเองได้นำไปจัดแสดงทั่วโลก เช่น ที่พิพิธภัณฑ์รีทแบร์คในซือริค, พิพิธภัณฑ์รูบินในนิวยอร์ก, พิพิธภัณฑ์บรรดาอารยธรรมเอเชียในสิงคโปร์, พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่มหานครในนิวยอร์ก และ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกาหลีในโซล[17]
ในปี ค.ศ. 2025 บริษัทประมูลวัตถุมีค่า ซอเธบีส์สาขาลอนดอนประกาศว่าจะมีการประมูลขายพระธาตุอัญมณีที่ยังหลงเหลือกับครอบครัวของเพ็พเพ ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากพุทธศาสนิกชนทั่วโลก จนกระทั่งต่อมารัฐบาลอินเดียได้เข้าแทรกแซง[18] การประมูลจึงถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด[19]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "เชิญชวนประชาชนสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากสาธารณรัฐอินเดีย ครั้งแรกในไทย". ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร.
- ↑ Mishra 2005.
- ↑ Chamberlain-Nyudo, Sylvain (2007). Mahaparinirvana Sutra. Shannon, MS: Threefold Lotus Kwoon.
- ↑ Peppé, W. C. (July 1898). "The Piprāhwā Stūpa, containing relics of Buddha". Journal of the Royal Asiatic Society. 30 (3): 573–588.
- ↑ Allen, Charles (2008). The Buddha and Dr. Fuhrer: An archaeological scandal. London: Haus Publishing. ISBN 978-1-905791-93-4.
- ↑ Peppe 1898, pp. 573–588.
- ↑ Guy, John (2023). Tree and Serpent: Early Buddhist Art in Ancient India. New York: Metropolitan Museum of Art. p. 104. ISBN 978-1-58839-693-8.
- ↑ Bühler 1898, p. 388.
- ↑ Peppe 1898, pp. 584–85.
- ↑ Smith, Vincent (1898). "Government Correspondence 1898/741". Government Correspondence. 741 (741).
- ↑ "The relics of Buddha". The Standard. Reuters. December 19, 1898. สืบค้นเมื่อ February 14, 2019.
- ↑ Rey, Himanshu Prabha (2014). The Return of the Buddha. Routledge. pp. 106–110.
- ↑ Loos, Tamara (2016). Bones around my neck. Cornell University. p. 120.
- ↑ Falk, Harry (2017). "The Ashes of the Buddha". Bulletin of the Asia Institute. 27: 53.
- ↑ Smith, Vincent (1898). "Government Correspondence". British Library (740 /III-2790-2).
- ↑ "Next stop Nirvana". Rietberg Museum Newsletter. November 2018.
- ↑ Regan, Helen (6 May 2025). "India slams auction of jewels linked to the Buddha, calls for their return". CNN. สืบค้นเมื่อ 6 May 2025.
- ↑ Sullivan, Helen (8 May 2025). "Sotheby's halts Buddha jewels auction after India threat". BBC News. สืบค้นเมื่อ 13 May 2025.
บรรณานุกรม
[แก้]- Allen, Charles (2008). The Buddha and Dr Führer: an archaeological scandal (1st ed.). London: Haus Publishing. ISBN 978-1-905791-93-4.
- Allen, Charles (2012), "What happened at Piprahwa: A chronology of events relating to the excavation in January 1898 of the Piprahwa Stupa in Basti District, North-Western Provinces and Oude (Uttar Pradesh), India, and the associated 'Piprahwa Inscription', based on newly available correspondence", Zeitschrift für Indologie und Südasienstudien, 29: 1–19, OCLC 64218646
- Bühler, Georg (April 1898). "Preliminary note on a recently discovered Sakya inscription". Journal of the Royal Asiatic Society of Great Britain and Ireland (Correspondence: Note 14): 387–389. JSTOR 25207982.
- Dani, AH (1997), Indian Palaeography (3rd ed.), New Delhi: Munshiram Manoharlal Publishers, p. 56, ISBN 978-8121500289
- Fleet, J. F. (1907). "The Inscription on the Piprahwa Vase". Journal of the Royal Asiatic Society of Great Britain and Ireland. 39: 105–130. doi:10.1017/S0035869X00035541. JSTOR 25210369. S2CID 250345482.
- Jinavaravansa, P. C.; Jumsai, Sumet (2003). "The Ratna Chetiya Dipaduttamarama, Colombo". Journal of the Royal Asiatic Society of Sri Lanka. New. 48: 213–236. JSTOR 23731479.
- Mishra, S (2005-09-15), "Kalanamak: the future of Indian scented rice?", Down To Earth magazine, New Delhi: Society for Environmental Communications, สืบค้นเมื่อ 2014-11-29
- Peppe, WC (July 1898), "The Piprahwa Stupa, containing relics of Buddha", With a Note by V.A. Smith. Journal of the Royal Asiatic Society of Great Britain and Ireland (Article XXIII): 573–88, JSTOR 25208010
- Sharda, Shailvee (4 May 2015), "UP's Piprahwa is Buddha's Kapilvastu?", Times of India
- Smith, V. A. (Oct., 1898), The Piprāhwā Stūpa, Journal of the Royal Asiatic Society of Great Britain and Ireland, p. 868
- Srivastava, KM (1979), "Kapilavastu and Its Precise Location", East and West, 29 (1/4): 61–74, JSTOR 29756506
- Srivastava, KM (1980). "Archaeological Excavations at Piprāhwā and Ganwaria and the Identification of Kapilavastu". The Journal of the International Association of Buddhist Studies. 13 (1): 103–110.
- Srivastava, KM (1996). Excavations at Piprahwa and Ganwaria (Memoirs of the Archaeological Survey of India No 94) (PDF). New Delhi: Archaeological Survey of India.
- Srivathsan, A (2012-08-20), "Gautama Buddha, four bones and three countries", Colombo Telegraph, Colombo, Sri Lanka, สืบค้นเมื่อ 2014-11-29
- Tuladhar, Swoyambhu D. (November 2002), "The Ancient City of Kapilvastu - Revisited" (PDF), Ancient Nepal (151): 1–7