ข้าพเจ้าเชื่อวางใจในพระเจ้า
ส่วนหนึ่งของ |
ศาสนาคริสต์ |
---|
สถานีย่อย |
ข้าพเจ้าเชื่อวางใจในพระเจ้า[1] (ศัพท์โปรเตสแตนต์) หรือ ข้าพเจ้าเชื่อในพระเจ้า[2] (ศัพท์คาทอลิก) (อังกฤษ: I believe in GOD; Credo) เป็นวรรคที่ 1 ในหลักข้อเชื่อของอัครทูต และเป็นหลักธรรมคำสอนของคริสต์ศาสนาที่สำคัญที่สุด หรือที่เรียกว่าแก่นธรรมของศาสนาคริสต์
ความเชื่อ
[แก้]ความเชื่อ ในทางคริสต์ศาสนาหมายถึง มีความเชื่อในการทรงไถ่บาปของพระเยซูคริสต์ คือ บาปกำเนิด บาปจากการประพฤติ ทั้งหมดในชีวิตตั้งแต่กำเนิดจนถึงสิ้นชีวิต จึงส่งผลให้บุคคลได้รับความรอดและได้รับผลคือแผ่นดินสวรรค์อันเป็นนิจนิรันดร์ของพระเจ้า
พระคัมภีร์ว่าอย่างไร? ก็ว่า“อับราฮัมเชื่อพระเจ้า และพระองค์ทรงถือว่าท่านเป็นคนชอบธรรม”
— โรม 4:3
คือว่าถ้าท่านจะยอมรับด้วยปากของท่านว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในใจว่า พระเจ้าได้ทรงให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด
— โรม 10:9
ความเชื่อในทางนิกายโปรเตสแตนต์เชื่อว่า เพียงความเชื่ออย่างเดียวก็ได้รับการไถ่จากพระคริสต์ ดังนั้นผู้ที่มีความเชื่อเมื่อสิ้นชีวิตแล้วจึงไปรอคอยการพิพากษาครั้งสุดท้ายในสถานที่ที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้[3] แต่ความเชื่อในทางนิกายโรมันคาทอลิกเชื่อว่า เพียงความเชื่ออย่างเดียวก็ยังไม่เพียงพอที่จะได้รับความรอด แต่ต้องอาศัยการประพฤติปฎิบัติที่ดีด้วย และเมื่อสิ้นชีวิตหากผู้นั้นยังมีความบริสุทธิ์ที่จะรวมเป็นหนึ่งกับพระเจ้ายังไม่เพียงพอ ผู้นั้นจะต้องไปแดนชำระก่อน เมื่อพ้นแดนชะรำแล้วจึงจะได้รับความรอด[4] ส่วนการประพฤติปฎิบัติที่ดีนั้นโปรเตสแตนต์เชื่อว่าไม่ได้เป็นเจตนาที่จงใจกระทำ แต่เป็นสิ่งที่เป็นการส่งผลมาจากความเชื่อ
ความวางใจ
[แก้]ความวางใจ หรือ ความวางใจในพระเจ้า ในทางคริสต์ศาสนาหมายถึง การวางใจในการทรงงานของพระเจ้า[5] ในการจัดเตรียมหนทางของพระเจ้า คือ การทรงห้ามความกังวลและความกระวนกระวาย[6]
“เพราะเหตุนี้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่าจะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่าจะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารไม่ใช่หรือ? และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มไม่ใช่หรือ? จงดูนกทั้งหลายบนฟ้า พวกมันไม่ได้หว่าน ไม่ได้เกี่ยว ไม่ได้รวบรวมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของพวกท่าน ผู้สถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงพวกมันไว้ ท่านไม่ประเสริฐกว่าพวกมันหรือ? มีใครในพวกท่านที่โดยความกระวนกระวาย สามารถต่ออายุของตนให้ยืนนานขึ้นอีกนิดหนึ่งได้ ท่านกระวนกระวายถึงเครื่องนุ่งห่มทำไม? จงพิจารณาดูว่าดอกไม้ในทุ่งนานั้นเติบโตขึ้นอย่างไร มันไม่ทำงาน มันไม่ปั่นด้าย แต่เราบอกพวกท่านว่า แม้แต่กษัตริย์ซาโลมอนเมื่อทรงบริบูรณ์ด้วยศักดิ์ศรีก็ไม่ได้แต่งพระองค์งามเท่าดอกไม้เหล่านี้สักดอกหนึ่ง และถ้าพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าที่ทุ่งนาอย่างนั้น ซึ่งเป็นอยู่วันนี้และรุ่งขึ้นต้องทิ้งในเตาไฟ โอ พวกมีความเชื่อน้อย พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหรือ? เหตุฉะนั้นอย่ากระวนกระวายและกล่าวว่าจะเอาอะไรกิน? หรือจะเอาอะไรดื่ม? หรือจะเอาอะไรนุ่งห่ม? เพราะว่าบรรดาคนต่างชาติแสวงหาสิ่งทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของพวกท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการสิ่งทั้งปวงนี้ แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้ “เพราะฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงวันพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้ก็มีเรื่องกระวนกระวายของมันเอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว
— มัทธิว 6:25-34
แล้วพาท่านทั้งสองออกมากล่าวว่า “ข้าแต่ท่าน ข้าพเจ้าต้องทำอย่างไรจึงจะได้รับความรอด?” เปาโลกับสิลาสจึงกล่าวว่า “จงวางใจในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วท่านและครอบครัวจะได้รับความรอด”
— กิจการอัครทูต 16:30-31
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ ธรรมนูญแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทย ค.ศ. 1998, หลักข้อเชื่อของอัครทูต, สภาคริสตจักรแห่งประเทศไทย
- ↑ บทภาวนาของคริสตชน ฉบับปรับปรุง ค.ศ. 2010, หลักข้อเชื่อของอัครทูต, คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพิธีกรรม
- ↑ หลักความเชื่อของคริสต์ศาสนิกชนชาวโปรเตสแตนต์, สภาคริสตจักรแห่งประเทศไทย
- ↑ หลักความเชื่อและการปฏิบัติตนของคริสต์ศาสนิกชนชาวโรมันคาทอลิก, คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพิธีกรรม
- ↑ กิจการอัครทูต 16:30-31, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011
- ↑ มัทธิว 6:25-34, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011