ข้ามไปเนื้อหา

โอวหยาง เพ่ย์ซาน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก โอวหยัง เพ่ยซัน)
โอวหยัง เพ่ยซัน
เกิดวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2496
เฉิน เจี่ยอิง (陳潔英)
ฮ่องกง
เสียชีวิตวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 (63 ปี)
ฮ่องกง
คู่สมรสกัวฟง (พ.ศ. 2520 - 2560)
อาชีพนักแสดง
ปีที่แสดงปีพ.ศ. 2513-2536
ผลงานเด่นบท "อึ้งย้ง" เรื่อง "มังกรหยกภาค 2" (ปีพ.ศ. 2526)
สังกัด"ชอว์บราเดอร์" (พ.ศ. 2513 - 2518)
"ค่ายอาร์ทีวี" (พ.ศ. 2518 - 2521)
"ค่ายทีวีบี" (พ.ศ. 2521 - 2531)
"ค่ายเอทีวี" (พ.ศ. 2532 - 2537)
ฐานข้อมูล
IMDb

โอวหยัง เพ่ยซัน (จีน:歐陽珮珊) มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "ซูซานน่า โอวหยัง" (Susanna Au-yang) เป็นอดีตนักแสดงหญิงเจ้าบทบาทชาวฮ่องกง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วเอเชีย ในช่วงยุค 70s และ 80s เป็นอย่างมาก

"โอวหยัง เพ่ยซัน" ได้ชื่อว่าเป็น นักแสดงหญิงเจ้าบทบาท ที่สามารถเล่นบทบาทได้หลากหลาย ทั้งเป็นคนดีหรือนางร้าย ทั้งบทที่ฉลาดหรือใสซื่อบริสุทธิ์ เธอก็เล่นได้หมด อีกทั้งตัวเธอเอง ก็รับแสดงทั้งบทนำและบทสมทบ มีทั้งบทนางเอก, นางรอง, ตัวประกอบ และ รับเชิญ ด้วยความที่เป็นคนง่าย ๆ ไม่เกี่ยงบทเธอจึงมีงานแสดงมากมาย ในอดีตบทบาทที่เธอร่วมแสดง และได้รับความนิยม มีหลายเรื่องด้วยกัน เช่น "กระบี่สะท้านบู๊ลิ้ม", "เทพบุตรชาวดิน", "สองเทพบุตรโลกันต์", "วีรบุรุษเส้าหลิน" เป็นต้น แต่บทบาทของเธอที่ผู้ชมละครชุดของฮ่องกง ประทับใจมากที่สุด คือ การสวมบทบาทเป็น อึ้งย้ง (ในวัยกลางคน) จากเรื่อง มังกรหยกภาค 2 เวอร์ชันในปีพ.ศ. 2526 ที่เธอสามารถสวมบทบาทเป็น อึ้งย้งในวัยคุณแม่ได้อย่างสง่างาม ดูมีพลัง และน่าเคารพยำเกรง เป็นอย่างมาก จนมีหลายคนชื่นชมเธอว่าเป็น "อึ้งย้ง" (ในวัยกลางคน) ที่เล่นดีที่สุด ของ มังกรหยกภาค 2 เคียงข้างกับดาราสาว องเหม่ยหลิง ที่ถูกยกย่องว่าเป็น "อึ้งย้ง" (วัยสาว) ที่เล่นดีที่สุด ของ มังกรหยกภาค 1 ที่ถูกสร้างขึ้นเป็นละคร ภาค 1 และภาค 2 ต่อเนื่องในปีเดียวกัน

ด้วยนิสัยเรียบง่ายเป็นกันเองของเธอ ทำให้เธอเป็นดาราที่มีผู้คนมากมายรักและให้ความเคารพทั้งคนในและนอกวงการ

ปัจจุบันเธอได้เสียชีวิตไปแล้ว ด้วยโรคมะเร็งเมื่อปีพ.ศ. 2560 เหลือทิ้งไว้แต่ผลงานที่กลายเป็นความทรงจำของผู้ชมละครชุดของฮ่องกง ถือได้ว่าเธอเป็นอีกหนึ่งตำนาน ของอดีตดาราสาวชาวฮ่องกง คนหนึ่งที่เคยโด่งดังอย่างมากทั่วทวีปเอเชีย [1][2][3][3][4][5][6][7][8]

ประวัติ

[แก้]

โอวหยังเพ่ยซัน เกิดเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2496 ที่ฮ่องกง ชื่อจริงคือ "เฉินเจี่ยอิง" เริ่มต้นงานแสดงจากภาพยนตร์จอเงินเมื่อปีพ.ศ. 2513 ด้วยภาพยนตร์จีนภาษากวางตุ้งเรื่อง "The Fairy of Keng-Fa 1970" หลังจากนั้นก็มีผลงานภาพยนตร์จีนภาษากวางตุ้ง ตามมาอีกหลายเรื่อง อาทิเช่น กุมารทองคะนองฤทธิ์ (The Mighty Couple 1971) โดยร่วมแสดงกับ นักแสดงหญิงเจ้าบทบาท ฝงเป๋าเป่า ก็สร้างชื่อให้เธอพอสมควร ต่อมาเมื่อภาพยนตร์จีนภาษาจีนกลาง เริ่มได้รับความนิยมในฮ่องกงมากกว่า ภาพยนตร์จีนภาษากวางตุ้ง

เธอจึงตัดสินใจหันไปรับงานละครในวงการทีวีภายใต้สังกัดสถานีโทรทัศน์ RTV เมื่อปีพ.ศ. 2518 งานละครชิ้นแรก เรื่อง Illegal Commission เล่นประกบกับ หลิวซงเหริน

ต่อมาในปีพ.ศ. 2519 เธอได้พบรักกับนักแสดงสมทบอย่าง "กังฟง" (Kwok Fung) ในระหว่างการถ่ายทำละครทีวี ของค่าย RTV ที่ทั้งคู่ร่วมแสดงใน เรื่อง "สวรรค์นี้...ไม่มีคำตอบ" (No Words to Ask Heaven 1976)" หลังจากนั้นทั้งคู่ตัดสินใจคบกันในฐานะแฟน ต่อมาในปีเดียวกัน ผลงานที่ทำให้เธอเริ่มโด่งดังในวงการละครทีวีอย่างเต็มตัว คือเรื่อง "สามก๊ก" (The Three Kingdoms 1976) โดยเธอรับบทเป็น เตียวเสี้ยน ในละครเรื่องนี้ เธอได้พบรักกับนักแสดงชายสมทบ "กัวฟง" (Kwok Fung) ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นคู่ชีวิตของเธออีกด้วย ผลงานเรื่องนี้ทำให้เธอกลายเป็นนักแสดงหญิงเบอร์ต้น ๆ ของทางค่ายRTV ผลงานเด่นต่อมาเรื่อง "ยอดวีรสตรีชิวจิ่น แห่งหังโจว (The Ten Assassinations 6 - Chiu Shin 1977) โดย โอวหยังเพ่ยซัน รับบทเป็น "ชิวจิ่น" วีรสตรีในสมัยการปฏิวัติประชาธิปไตยของ ดร.ยัดซุนเซ็น ในปีเดียวกันเธอได้ตัดสินใจแต่งงานกับ นักแสดงสมทบ อย่าง กัวฟง ในปีพ.ศ. 2520

เธอร่วมแสดงละครกับทางค่ายRTV มา 3 ปี จนถึงกลางปีพ.ศ. 2521 เธอได้ตัดสินใจย้ายไปเป็นนักแสดงในสังกัดของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี และช่วงนี้เองที่ชื่อเสียงของเธอได้รับความนิยม เพิ่มมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี จะมอบบทบาทนางรอง และสมทบให้เธอ มากกว่าบทนางเอก ก็ตาม แต่ชื่อเสียงของเธอกลับโด่งดังมากกว่า ตอนที่เธอรับบทนางเอกกับทางค่าย RTV ซะอีก

ละครเรื่องแรกในสังกัดค่าย TVB ของโอวหยังเพ่ยซัน คือ ละครฟอร์มใหญ่ที่สร้างจากผลงานอมตะของโกวเล้ง เรื่อง "ฤทธิ์มีดสั้น" (The Romantic Swordsman 1978) โดยเธอบทเป็น "ซุนเซียวอั๊ง" หรือ "ซันเสี่ยวหง" และมีดารานำแสดงโดย จูเจียง, หวง ซิ่งซิ่ว, หลี่หลินหลิน,หลิวตัน และ เฉินฟู่เซิง ฯลฯ ซึ่งเป็นผลงานแจ้งเกิดให้เธออีกรอบ ในฐานะนักแสดงหญิงคนใหม่ของสังกัดค่าย ทีวีบี

ผลงานเด่นต่อมา คือเรื่อง "กระบี่สะท้านบู๊ลิ้ม" (One Sword 1978) โดยเธอรับบทเป็น "อีหลัน" ในเรื่องนี้นำแสดงโดย เจิ้งเส้าชิว และ หวงซิ่งซิ่ว. ละครเรื่องนี้สร้างชื่อเสียงให้เธอโด่งดัง เพิ่มมากขึ้น และละครอนวสากลเรื่อง "แฝดคนละฝา" (Between the Twins 1978) ได้ประชันบทบาทกับ หวังหมิงฉวน

ถัดมาในปีพ.ศ. 2522 ปีนี้เธอโด่งดังมากมายกับผลงานละครที่ได้รับความนิยมหลายเรื่อง โดยเธอมีละครกำลังภายในฟอร์มใหญ่แห่งปี เรื่อง "ชอลิ้วฮียง" (Chor Lau Heung 1979) ที่นำแสดงโดย เจิ้งเส้าชิว เจ้าหย่าจือ และหวังหมิงฉวน โดยเธอรับบทสมทบเป็นไข่มุกดำ “เฮ็กเตียงจู” เมื่อได้ออกฉายละครเรื่องนี้โด่งดังเป็นอย่างมากทั่วเอเชีย ทำให้ดาราที่นำแสดงในเรื่องนี้โด่งดังทุกคน รวมถึงตัวของ โอวหยังเพ่ยซันเองด้วย ถึงแม้ว่าในละครเรื่องนี้เธอจะได้รับบทสมทบ แต่ก็สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับ ตัวเธอเป็นอย่างมากเช่นกัน และในปีเดียวกัน ผลงานสร้างชื่อให้เธออีกเรื่องเป็นละครแนวสากลยอดนิยมเรื่อง "เทพบุตรชาวดิน" (Man in the Net 1979) นำแสดงโดย โจวเหวินฟะ เจิ้งอวี้หลิง และ เยิ่นต๊ะหัว โดยมีเธอรับบทเป็น "โอวเสี่ยวหว๋า" และละครสากลอีกเรื่อง "กามเทพเมิน" (The Passenger 1979) นำแสดงโดย จูเจียง หวงซู่อี๋ หลี่ซือฉี กัวฟง และ หลีโหย่วฮุ่ย

ต่อมาในปีพ.ศ. 2523 เริ่มด้วยละครแนวสากล เรื่อง "พยัคฆ์ร้ายซีไอดี" (New CID 1980) และเรื่อง "อดีตรักวันวาน" (Don't Look Now 1980) ทั้งสองเรื่องไม่ค่อยดัง จนมาถึง ละครแนวสากลย้อนยุคสุดฮิตเรื่อง "เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้" (The Bund 1980) ที่นำแสดงโดย โจวเหวินฟะ หลี่เหลียงเหว่ย เจ้าหย่าจือ ทังเจิ้นเยี่ย จิ้งไต้อิง และมี เธอ รับบทรับเชิญที่โดเด่นเป็น "ซาคายูริ" ละครเรื่องนี้โด่งดังถล่มทลายทั่วเอเชีย เรตติ้งในฮ่องกงติดท๊อปยอดนิยมสูงสุดตลอดกาล จนทำให้ TVB ต้องสร้างภาคต่อออกมาอีก 2 ภาค ได้แก่ "เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้" ภาค 2 (The Bund II 1980) และ เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ภาค 3 (The Bund III) โดยในภาค 3 นี้เธอได้เป็นนางเอกเต็มตัว ในบท "เอี้ยชิวอิ๋ง" คู่กับ หลี่เหลียงเหว่ย

ปีถัดมาพ.ศ. 2524 ในปีนี้เธอมีผลงานกำลังภายใน 2 เรื่อง ได้แก่เรื่อง "สองเทพบุตรโลกันต์" (The Kung Fu Master From Fat Shan 1981) นำแสดงโดย หลี่เหลียงเหว่ย หวงเย่อหัว หยางพ่านพ่าน โดยเธอ รับบทเป็น "เถี่ยเอี้ยนชิว" และเรื่อง "วีรบุรุษเส้าหลิน" (The Young Heroes of Shaolin 1981) ละครเรื่องนี้มีดาราดังมากมายร่วมนำแสดงโดย เช่น สือซิว ต่งเหว่ย เหมียวเฉียวเหว่ย หวงเย่อหัว หวงซิ่งซิ่ว และ เซียะหลี โดยเธอรับบทเป็น "เหยาเหลิ่งชุ่ย" และผลงานแนวสากล เรื่อง "สายรักสายเลือด" (Bloodline 1981) โดยเธอร่วมแสดงนำกับ เซี่ยเสียน และ เหยาเหว่ย

ในปีพ.ศ. 2525 ละครสั้นกำลังภายในเรื่อง "ฤทธิ์ฝ่ามืออรหันต์" (The Buddha's Magic Palm 1982) ร่วมนำแสดงกับ ชิเหม่ยเจิน และ จิ้งไต้อิง โดยเธอรับบทเป็น ฉิวอวี้หลาน ผลงานต่อมาในเดียวกันเป็นละครกำลังภายในฟอร์มใหญ่แห่งปีเรื่อง "จอมยุทธพเนจร" (The Mavericks 1982) โดยเธอรับบทนำเป็น "ถังเหล่ย" เรื่องนี้ถือได้ว่า เป็นละครเรื่องแรกที่เธอได้เล่นร่วมกับสามีของเธอ กัวฟง ที่ย้ายค่ายมาจาก RTV อีกทั้งยังเป็นหนังจีนแนวยุทธจักรกำลังภายในเรื่องแรกของโจวเหวินฟะอีกด้วย นำแสดงโดย โจวเหวินฟะ และดาราสาวดาวรุ่ง จวงจิ้งเอ๋อ และผลงานต่อมาในปีเดียวกันเป็นละครแนวสืบสวน สอบสวน เรื่อง เปาปุ้นจิ้น ตอน รองเท้าที่สวมผิด (All In The Wrong Shoes 1982) นำแสดงโดย เจ้าหย่าจือ โจวซิ่วหลัน เป็นต้น และยังมีละครสากลย้อนยุคแนวดราม่าเรื่องเยี่ยม อย่าง "รอยฝันรอยสลาย" (Lady Sings the Blues 1982) นำแสดงโดย หวังหมิงฉวน และ กัวฟง สามีของเธอ ละครดราม่าเรื่องนี้ทำให้ เธอและ หวังหมิงฉวนได้รับคำชมเป็นอย่างมาก

ปีพ.ศ. 2526 ปีนี้ชื่อเสียงของเธอโด่งดังเป็นอย่างมาก และนับได้ว่าเป็นปีทองของเธอ กับการที่เธอสวมบทบาทเป็น อึ้งย้ง (วัยกลางคน) ในละครกำลังภายในฟอร์มใหญ่แห่งปีเรื่อง "มังกรหยกภาค 2" (Return of the Condor Heroes 1983) มังกรหยกภาค 2 ซึ่งเป็นภาคของ เอี้ยก้วย กับ เซียวเหล่งนึ่ง ที่สร้างต่อจากมังกรหยก ภาค 1 ซึ่งเป็นภาคก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง ในปีเดียวกัน โดยมี หลิวเต๋อหัว รับบทเป็น เอี้ยก้วย, เฉินอวี้เหลียน รับบทเป็น เซียวเหล่งนึ่ง และ เหลียงเจียเหยิน รับบทเป็น ก๊วยเจ๋ง วัยกลางคน บทบาทอึ้งย้ง (วัยกลางคน) ในละครมังกรหยกภาค 2 นี้ เธอได้รับคำชมเป็นอย่างมาก เพราะเธอสามารถสวมบาทบาทนี้ ได้อย่างมีพลัง ดูมีอำนาจ ดุ และน่ายำเกรง และก็ดูเป็นคนดี ได้ในเวลาเดียวกัน ในปีเดียวกันเธอก็มีผลงานละครแนวสากลเรื่อง "พยัคฆ์สาวมือปราบ" (Woman on The Beat 1983) โดยเธอรับบทเป็นตำรวจสาว "เจิ้งซุ่นหว๋า" ร่วมนำแสดงกับ สือซิว และ เจิ้งอวี้หลิง

ปีพ.ศ. 2527 เธอมีผลงานแนวสากลถึง 3 เรื่องด้วยกัน อาทิเช่น ละครรักวัยรุ่นเรื่อง "แฝดผิดฝา" (再版人 :The Clones) ที่มี เหลียงเฉาเหว่ย และ หลิวเจียหลิง แสดงนำ, ถัดมาละครเรื่อง "ยอดคุณพ่อ" (father knows best 1984) นำแสดงโดย หวงวิ่นไฉ และ หวง ซิ่งซิ่ว, ตามต่อด้วยเรื่อง "รักในสายรุ้ง" (畫出彩虹 :Rainbow Round My Shoulder)นำแสดงโดย หลินจุ้นเสียน จาง ม่านอวี้ และ หลันเจี๋ยอิง

ในปีพ.ศ. 2528 ในปีนี้เธอมีผลงานเด่น ๆ มากมายหลายเรื่อง เช่นกัน อาทิเช่น ผลงานละครแนวสากลฟอร์มใหญ่แห่งปี เรื่อง"เทพบุตรทรนง" (The Rough Ride 1985) นำแสดงโดย เหลียงเฉาเหว่ย องเหม่ยหลิง หลี่เหลียงเหว่ย และ เฉินหมิ่นเอ๋อ โดยในละครสากลเรื่องนี้เธอรับบทเป็น "เหอเพ่ยเพ่ย" ต่อด้วยละครสากลแนวดราม่าปนตลกเรื่อง "คอนโดมีเนียม" (The Condo 1985) นำแสดงโดย เจิงเจียง อู๋ม่งต๋า เหมียวเฉียวเหว่ย เฉินหมิ่นเอ๋อ และ กงฉือเอิน และละครแนวสากลเข้ม อีกเรื่อง คือ "จอมบงการ" (The Pitfall 1985) โดยเธอรับบทเป็น "เจี่ยงหยางหนัน" ร่วมนำแสดงกับ เยิ่นต๊ะหัว และ เจิ้งอวี้หลิง ส่งท้ายปีด้วยละครฟอร์มใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 18 ปีของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี เรื่อง "ขุนศึกตะกูลหยาง" (The Yang’s Saga 1985) โดยมี 5 พยัคฆ์ทีวีบี เป็นตัวเอก และมีดาราแถวหน้าเกือบทั้งค่ายมาเป็นดารารับเชิญ และบทบาทของเธอที่ได้รับเป็นสะใภ้ใหญ่ นามว่า "จางจินติ้ง"

ในปีพ.ศ. 2529 ผลงานเด่นๆ ของเธอในปีนี้คือ "เทพเจ้าหวังต้าเซียน" (The Legend Of Wong Tai Sin 1986) นำแสดงโดย เจิ้งเส้าชิว เฉินซิ่วจู จวงจิ้งเอ๋อ และ เติ้งชุ่ยเหวิน โดยเธอรับบทเป็น "จื่อเทียนเจียว" และละครเรื่อง "ลิขิตฮ่องเต้ ( Heir to the Throne Is 1986) นำแสดงโดย หลิวเต๋อหัว หลันเจี๋ยอิง และ โจวไห่เม่ย โดยเธอรับบทเป็น "หลี่โห้ว"

ปีพ.ศ. 2530 ผลงานละครเรื่อง "ยอดทรนง" (When Silken Hands Get Rough 1987) โดยเธอรับบท "จุ้ยเตี๋ย" ซึ่งละครได้รับความนิยม ตามด้วยละครยอดนิยมอีกเรื่อง เลือดอำมหิต (The Conspiracy 1987) นำแสดงโดย เซี่ยเสียน กวนหลี่เจี๋ย เส้าเหม่ยฉี และ หลิวเหม่ยเจียน โดยเธอรับบท "ชาเฟยลี่"

และในปีพ.ศ. 2531 ผลงานเรื่องสุดท้ายก่อนที่เธอจะหมดสัญญากับทางช่อง และย้ายไปเป็นนักแสดงที่ค่ายเอทีวี คือละครสากลแนวตลกเบาสมองเรื่อง "พ่อม่ายทีเด็ด" (PATERNAL AFFAIRS 1988) โดยเล่นกับ เจิงเจียง กลางปีเดียวกันเธอได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงกับค่ายเอทีวี และเริ่มมีผลงานในปีถัดมา เธอมีผลงานมากมายกับทางค่ายเอทีวี แต่ทว่า..ชื่อเสียงของเธอกลับไม่ได้รับความนิยม เหมือนแต่ก่อน อาจด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่เปลี่บนไปรวมถึงวัยที่เพิ่มมากขึ้น ด้วย

ในปีพ ศ. 2532 เริ่มงานกับสถานีโทรทัศน์เอทีวี ทางค่ายให้เธอรับบทเด่นทันทีเป็นซูสีไทเฮา กับละครฟอร์มใหญ่ของทางค่ายในเรื่อง "13 ฮ่องเต้ ราชวงศ์ชิง ภาค 4" ตอน ล้างชาติราชวงศ์ชิง (RISE AND FALL OF QING DYNASTY - THE FORBIDDEN CITY IN JEOPARDY 1992) นำแสดงโดย ทังเจิ้นเยี่ย, ชีเหม่ยเจิน และ เซียะหลี ต่อมาก็มีผลงานตามมาอีกหลายเรื่อง อาทิเช่นเรื่อง "กระบี่ไร้เทียมทาน ภาค 2" (Reincarnated II 1993) ในปีพ.ศ. 2536 ที่นำแสดงโดย ฉีเส้าเฉียน

และในปีพ.ศ. 2536 เธอได้ประกาศอำลาวงการบันเทิงอย่างถาวร และมีผลงานเรื่องสุดท้ายเป็นละครแนวดราม่าเข้มข้นอิงอัตชีวประวัติเรื่อง "สามพี่น้องตระกูลซ่ง" (The Soong Sisters 1994) ที่จะออกฉายในปีพ.ศ. 2537 โดยเธอรับบท "ซ่งไอ่หลิง" ซึ่งเป็นพี่สาวคนโตของสามศรีพี่น้องตระกูลซ่ง

หลังจากนั้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2537 เธอก็ได้ห่างหายไปจากวงการ และชื่อเสียงของเธอก็ค่อย ๆ จางหายกลายเป็นอดีต มีข่าวว่าเธอหันไปศึกษาแนวแพทย์แผนจีนโบราณโดยเฉพาะการฝังเข็ม พร้อมทั้งเรียนทางด้านงานศิลปะที่เธอชอบไปด้วย จนถึงขั้นมีการเปิดทั้งโรงเรียนสอนชี่กง และเปิดสอนการปั้นดินญี่ปุ่น

ต่อมาก็มีข่าวว่าเธอป่วยเป็นมะเร็ง และเสียชีวิตในปีพ.ศ. 2560

ชีวิตส่วนตัว

[แก้]

แต่งงาน

[แก้]

ในอดีต เธอเป็นนักแสดง ไม่กี่คนในวงการบันเทิง ที่แทบจะไม่มีข่าวฉาวด้านความรักเลย เธอเป็นคนรักเดียวใจเดียว และซื่อสัตย์ กับความรักมาก เหมือนกับดาราชาย กัวฟง สามีที่อยู่เคียงข้างเธอจนถึงวันที่เธอหมดลมหายใจ

ย้อนกลับไปในปีพ.ศ. 2519 เธอได้พบรักกับนักแสดงสมทบอย่าง "กัวฟง" (Kwok Fung) ในระหว่างการถ่ายทำละครทีวี ของค่าย RTV ที่ทั้งคู่ร่วมแสดงใน เรื่อง "สวรรค์นี้...ไม่มีคำตอบ" (No Words to Ask Heaven 1976)" หลังจากนั้นทั้งคู่ตัดสินใจคบกันเป็นแฟน ในขณะที่ตอนนั้น โอวหยังเพ่ยซัน เป็นนักแสดงหญิงเบอร์ต้น ๆ ของทางช่อง RTV แต่กัวฟงเป็นแค่นักแสดงชายสมทบ มีหลายคนมองว่า กัวฟงไม่เหมาะสมกับเธอเลย แต่ถึงกระนั้น ตัวของโอวหยังเพ่ยซัน เองก็ไม่แคร์ จนในที่สุดเขาก็ได้กลายเป็นคู่ชีวิตของเธอ เมื่อเธอได้แต่งงานกับเขา เมื่อวันที่ 9 กันยายน ปีพ.ศ. 2520

ตั้งแต่นั้นทั้งสองเป็นคู่รักที่หวานชื่นและรักกันมาก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม จนได้รับการชื่นชมว่า เป็นคู่รักที่ดีที่สุดคู่หนึ่งของวงการบันเทิงฮ่องกง และเป็นที่รับทราบกันโดยทั่วไปว่า ตัวของ กัวฟง เองก็เป็นสามีที่ดี ของเธอ มากจริง ๆ ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะไม่มีบุตรด้วยกันก็ตาม แต่ก็มีลูกชายบุญธรรม ชื่อว่า "กัวเจี๋ยฮุย" (Guo Jiahui) ที่เป็นลูกของทางญาติพี่น้องนั่นเอง

เสียชีวิต

[แก้]

โอวหยังเพ่ยซัน เริ่มมีอาการป่วยเป็นเป็นสัญญาณของเส้นโลหิตในสมองแตก เมื่อเดือนเมษายนปีพ.ศ. 2560 ช่วงระหว่างเดินทางไปพักผ่อนกับสามี กัวฟง ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ทำให้ต้องรีบนำเธอส่งโรงพยาบาล ก่อนที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดสมองหลายครั้ง ต่อมา แพทย์พบว่าเธอยังป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดในระหว่างการผ่าตัดครั้งที่ 3 เธอจึงต้องรีบรุดกลับฮ่องกงเพื่อรับการรักษาต่อ แต่ทว่า ไม่มีวิธีทางการทางแพทย์ใดๆ เลยที่จะรักษาเธอได้ จนกระทั่งเธอได้จากไปอย่างสงบ ช่วงเวลาราวบ่ายสองโมง ในวันที่ 9 ก.ค.ปีเดียวกัน สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับแฟน ๆ ละคร โดยเฉพาะกับ "กัวฟง" สามีของเธอเป็นอย่างมาก

พิธีศพของเธอจัดขึ้นตามแบบศาสนาคริสต์ ที่เธอนับถือ มีแฟน ๆ ละครมาร่วมไว้อาลัยรวมถึงเพื่อนนักแสดงที่เคยร่วมงานกับเธอหลายคนมาร่วมในพิธี อาทิเช่น เดวิด เจียง เหมียวเฉียวเหว่ย และ ชี เหม่ยเจิน เป็นต้น

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

[แก้]

ในช่วงที่ มังกรหยก ภาค 2 (1983) ออกอากาศ โอวหยังเพ่ยซัน ได้รับคำชมมากมายว่า สามารถเล่นบท อึ้งย้ง วัยกลางคนได้ดีมากสานต่อ อึ้งย้งวัยสาว องเหม่ยหลิง ได้เนียนราวกับเป็นคน ๆ เดียวกันแสดงแต่มีอายุมากขึ้นและมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าภาคก่อน

ถึงแม้ผู้คนส่วนใหญ่จะชื่นชมเธอ แต่ก็ไม่วายมีบางคนไม่เห็นด้วยและคิดว่า หมีเซียะ แสดงบท อึ้งย้ง วัยกลางคน ในมังกรหยก ภาค2 (1976) ของยุคก่อน ได้ดีกว่า โอวหยังเพ่ยซัน

แต่อย่างไรก็ตามช่วงนั้น โอวหยังเพ่ยซัน เคยให้สัมภาษณ์ว่า เธอไม่กลัวการถูกเปรียบเทียบ

ผลงาน

[แก้]

ละครโทรทัศน์ค่าย(RTV

[แก้]
年份 劇名 角色
1975年 子夜
1975年 疑雲
1975年 别後 舒媚
1976年 靜默的革命(第12集 皮草與破棉胎) Lucy
1976年 半生缘
1976年 三國春秋 貂蟬
1976年 七世姻緣
1976年 無語問蒼天
1976年 大丈夫 朱女
1976年 十大奇案-薄扶林之虎
1977年 職業女性-文員
1977年 慾海花 趙飛燕
1977年 真功夫
1977年 七武器之多情環 郭玉娘
1977年 浪淘沙 白安妮
1977年 十大刺客之秋瑾 秋瑾
1978年 追族 利嘉萱
年份 劇名 角色
1978年 小李飛刀之魔劍俠情 孫小紅
1978年 一加一 (第13集 新婚之喜) 李雁
1978年 一劍鎮神州 伊蘭
1978年 孖生姊妹 溫良玉
1979年 幻海奇情(第六輯) 阿敏
1979年 抉擇 古阿花
1979年 楚留香 黑珍珠
1979年 網中人 區曉華
1980年 上海灘 山口香子
1980年 發現灣 杜若林
1980年 新C.I.D. 王小雯
1980年 執到寶 余麗人
1980年 上海灘龍虎鬥 葉秋盈
1981年 情謎 柯素心
1981年 佛山贊先生 帖燕秋
1981年 英雄出少年 姚冷翠
1982年 七彩如來神掌 裘玉蘭
1982年 郎歸晚 朱秀媚
1982年 孤城客 唐蕾
1982年 福星高照 楊萍
1983年 留種 秀秀
1983年 警花出更 鄭舜華
1983年 神鵰俠侶 黃蓉
1984年 再版人 程詩華
1984年 老爺大過天 劉可兒
1984年 畫出彩虹 鄧麗娟
1985年 挑戰 何佩佩
1985年 種計 蔣仰男
1985年 大廈 劉菁
1985年 楊家將 楊大娘
1986年 真命天子 呂后
1986年 黃大仙 招金珊
1987年 快活良緣 晉慕婷
1987年 靜待黎明 醉蝶
1987年 飲馬江湖 沙妃莉
1988年 風流父子兵 賽海棠
年份 劇名 角色
1989年 捉鬼家族 金清傑
1989年 司机大佬 張燕嫻
1990年 難兄難弟 上官玲
1990年 鬼做你老婆 梅詩韻
1991年 豪門 白素媚
1992年 清裝追女子(招財進寶) 侯太
1992年 滿清十三皇朝IV之危城爭霸 慈禧太后
1992年 烈火雄風 霍美莉
1993年 中國教父(再見黃埔灘) 葉桂生
1993年 天蠶變之再與天比高 不老神仙
1993年 新朱門怨 沈家大少奶
1994年 宋氏姊妹 宋藹玲

ภาพยนตร์

[แก้]
年份 片名 角色
1970年 瓊花仙子 瓊花
1971年 瘋狂殺手(冷面飛霜絕情劍) 林燕萍
1971年 千鈞一發
1971年 日月神童 小月亮
1973年 黑帶仇 小紅
1973年 石破天驚
1974年 黑色星期五
1974年 早婚
1975年 男人四十一條龍 吳太
1975年 遊戲人間三百年 春香/玫瑰
1975年 伏虎神探
1975年 古惑女光棍才
1977年 被迫(精武指) 李彩雲
1977年 出籠(女童院) 阿蘭
1978年 廟街女強人
1978年 交貨 李湘雲(國際刑警)
1979年 灣仔四條女 白麗莎
1979年 絕代雙驕 慕容菁
1980年 阿Sir劈炮 素貞
1980年 無翼蝙蝠 雷鳳/西門落
1983年 大俠沈勝衣 白冰
1993年 重案組 深瑜(王太)

อ้างอิง

[แก้]
  1. 朱文俊; 陳穎(攝影) (2002-04-17). "ประวัติของ โอวหยัง เพ่ยซัน". 香港蘋果日報. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-08-12. สืบค้นเมื่อ 2018-08-10.
  2. "โอวหยังเพ่ยซัน ดาราสาวผู้จากไป". 星洲日報. 2017-07-16. สืบค้นเมื่อ 2018-08-10.
  3. 3.0 3.1 "เรื่องราวบางส่วนของ อดีตดาราสาวโอวหยังเพ่ยซัน". 頭條日報. 2017-07-15. สืบค้นเมื่อ 2018-08-10.
  4. "ชีวิตเสี้ยวหนึ่ง". 蘋果日報. 2017-07-10. สืบค้นเมื่อ 2018-08-10.
  5. "บทความ อดีตดาราสาวโอวหยังเพ่ยซัน". หมวด :บันเทิงเอเชีย. 2017-07-09. สืบค้นเมื่อ 2018-08-10.
  6. "เรื่องราว โอวหยังเพ่ยซัน". 词条人人可编辑. สืบค้นเมื่อ 2018-08-10.
  7. "อึ้งย้งรุ่นแม่ โอวหยังเพ่ยซัน". khaosod. 2017-7-10. สืบค้นเมื่อ 2018-08-10. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  8. "รายชื่อ 50 หนังจีนสะท้านพิภพ". hollywood. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-07-27. สืบค้นเมื่อ 2018-08-12.

แหล่งข้อมูล

[แก้]