ข้ามไปเนื้อหา

เอี้ยก้วย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

เอี๊ยก้วย (อังกฤษ:Yang Guo ,จีนตัวเต็ม: 楊過; จีนตัวย่อ: 杨过; พินอิน: Yáng Guò) เป็นตัวละครในนิยายกำลังภายใน บทประพันธ์โดย กิมย้ง ที่นำเอาประวัติศาสตร์จีนช่วงหนึ่งซึ่งตรงกับราชวงศ์ซ้องใต้ (หนานซ้อง-น่ำซ้อง) หรือประมาณ พ.ศ. 1669-1822 ซึ่งตรงกับสมัยสุโขทัย มาผูกปมเข้ากับบทประพันธ์ ให้ชื่อเรื่องตามภาษาจีนว่า จอมยุทธคู่อินทรีเทพยดา (หรือจอมยุทธจ้าวอินทรีหรือจอมยุทธเทพอินทรี แล้วแต่ผู้แปล) กิมย้งได้ผูกเรื่องให้เชื่อมโยงต่อจากเรื่องจอมยุทธล่าอินทรี (มังกรหยกภาค 1) แต่คนไทยรู้จักเรื่องจอมยุทธคู่อินทรีเทพยดาในชื่อมังกรหยกภาค 2 ทั้งที่เนื้อเรื่องไม่ได้เกี่ยวกับมังกรหรือหยก ที่เป็นเช่นนี้มีผู้สันนิษฐานว่า อาจเพราะผู้แปลฉบับภาษาไทยท่านแรกเห็นว่าเป็นนิยายจีน มังกรเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำชาติที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ ส่วนหยกเป็นหินประดับที่มีค่าในความรู้สึกนึกคิดของชาวจีน

เนื้อเรื่องจอมยุทธคู่อินทรีเทพยดา

[แก้]

เอี้ยก้วยเป็นบุตรชายของเอี้ยคังกับมกเนี่ยมชื้อ ซึ่งเอี้ยคังเป็นตัวร้ายจากมังกรหยกภาค 1 เอี้ยก้วยเกิดมาโดยไม่เคยพบบิดาของตนเอง โดยบทประพันธ์ได้บรรยายไว้ว่า เมื่อครั้งนั้น มกเนี่ยมชื้อเสียความบริสุทธิ์ให้เอี้ยคังบนยอดเขามือเหล็กแล้วนางก็ได้ตั้งท้อง แต่เอี้ยคังก็มาเสียชีวิตก่อนที่เอี้ยก้วยจะเกิดจากการซัดฝ่ามือใส่อึ้งย้ง โดยไม่ทราบว่าอึ้งย้งใส่เสื้อเกราะขนเม่นอ่อนอยู่ ซึ่งมีพิษติดอยู่ด้วย จึงถึงแก่ความตาย เมื่อมกเนี่ยมชื้อคลอดเด็กชาย ก๊วยเจ๋งซึ่งเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเอี้ยคังได้ตั้งชื่อให้ว่า เอี้ยก้วย โดยมีเนื้อความดังนี้

ก๊วยเจ๋งคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้าและบิดาของทารกนี้เป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน แต่น่าเสียดายที่ผลบั้นปลายชีวิตของเขาไม่ดี ข้าพเจ้าไม่สามารถแสดงคุณธรรมแห่งมิตรภาพได้เต็มที่ เป็นความคับแค้นในชีวิตจริง ๆ แต่หวังว่าเมื่อทารกนี้โตขึ้น หากทำความผิดแล้วย่อมปรับปรุงแก้ไขตนเอง จึงขอตั้งชื่อหนูน้อยนี้ว่า "ก้วย" (ผิดพลาด) ชื่อรองว่า "เก้ยจือ"(ปรับปรุงตัว) ขอจงเป็นผู้อุทิศตนเพื่อคุณธรรม”

เมื่อเอี้ยก้วยเริ่มรู้ความ มีหลายครั้งที่เขาพยายามถามมารดาเกี่ยวกับเรื่องราวของเอี้ยคังบิดาตน แต่มกเนี่ยมชื้อไม่เคยตอบและได้แต่ร้องไห้ เอี้ยก้วยวาดฝันว่าบิดาของเขาต้องเป็นยอดวีรบุรุษ แต่อาจจะถูกลอบทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต ทำให้มารดาต้องเลี้ยงดูเขาด้วยอาชีพจับงูขายเพียงลำพังอย่างยากลำบาก

ต่อมามกเนี่ยมชื้อ ก็เสียชีวิตเพราะงูกัด เอี้ยก้วยจึงเหลือตัวคนเดียว ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอดด้วยการลักเล็กขโมยน้อย หลายครั้งที่ถูกผู้อื่นเหยียดหยามรุมรังแก ส่งผลให้เขารังเกียจโกรธแค้นผู้คน สิ่งแวดล้อมเช่นนี้ทำให้เขาต้องรู้จักเอาตัวรอด นำความฉลาดของตนมาพลิกสถานการณ์อยู่เสมอ จนใคร ๆ รู้สึกว่าเอี้ยก้วยเจ้าเล่ห์แสนกล เชื่อมั่นในตนเอง เชื่อใจใครยาก จนคล้ายคนสอนยาก ดื้อด้าน แท้จริงแล้วเอี้ยก้วยทำไปเพื่อป้องกันตัวเอง ซึ่งเป็นผลจากประสบการณ์ที่เคยอยู่อย่างโดดเดี่ยวอย่างยากลำบากมาก่อน เหตุนี้ใคร ๆ จึงมักกล่าวว่า เอี้ยก้วยมีนิสัยประหลาด เป็นเพราะขัดแย้งกับวัฒนธรรมจีนในขณะนั้นตามความเชื่อของลัทธิขงจื้อ ที่เด็กควรเป็นผู้ว่านอนสอนง่ายกับผู้ใหญ่

ขณะที่ก๊วยเจ๋งกับอึ้งย้งกำลังเดินทางกลับไปยังเกาะดอกท้อ เพื่อตามหาข่าวคราวของอึ้งเอี๊ยะซือ บังเอิญพบเอี้ยก้วยวัยประมาณ 14 ปี ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาคล้ายเอี้ยคัง เมื่ออึ้งย้งสอบถามทราบว่าเด็กที่ตนพบนั้นเป็นลูกของเอี้ยคัง ก้วยเจ๋งจึงรับไปเลี้ยงดูที่เกาะดอกท้ออยู่ 1 ปีกว่า พร้อม ๆ กับก๊วยพู้บุตรสาวคนเดียวผู้เอาแต่ใจ และสองพี่น้องตระกูลบู๊ ซึ่งเป็นศิษย์ของก๊วยเจ๋งและอึ้งย้ง ทั้งนี้เพราะก๊วยเจ๋งรู้สึกผิดต่อเอี้ยคังอยู่ตลอดเวลา ที่ไม่ได้ตักเตือนเอี้ยคังให้กลับใจเป็นคนดีได้

อึ้งย้งไม่ไว้ใจเอี้ยก้วยเนื่องจากเป็นลูกของเอี้ยคังผู้ทรยศบ้านเมืองแถมยังมีนิสัยประหลาด และยังกระล่อน เจ้าเล่ห์เพทุบายคล้ายเอี้ยคังอีกด้วย จึงสอนแต่ปรัชญาเพียงให้อ่านออกเขียนได้ แต่ไม่สอนวรยุทธให้ ต่างกับการดูแลก๊วยพู้และพี่น้องตระกูลบู๊ ทั้งนี้เพราะหวังว่าเอี้ยก้วยจะเป็นคนดีในอนาคต แต่กลับทำให้เอี้ยก้วยรู้สึกขุ่นเคืองใจตามประสาเด็ก คิดว่าอึ้งย้งไม่ชอบตนเอง จึงลำเอียงเช่นนี้

นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก๊วยพู้และพี่น้องตระกูลบู๊มักเล่นรุมรังแกเอี้ยก้วยตามประสาเด็ก ที่ไม่รู้กำลังตนว่าเล่นกันแค่ไหนจึงเรียกว่าแรงเกินไป และไม่คิดว่าเอี้ยก้วยนั้นมีนิสัยจ้องจะเอาคืน ซึ่งเป็นผลจากประสบการณ์ชีวิตที่เลวร้าย การถูกรุมในวันหนึ่งทำให้เอี้ยก้วยถึงขีดสุด เผลอใช้วิชาพลังคางคกทำร้ายสองพี่น้องตระกูลบู๊ (เอี้ยก้วยเคยเรียนวิชาเดินลมปราณมาจากมารดา และวิชาพลังคางคงมาจากอ้าวเอี้ยงฮง ยอดฝีมือฝ่ายอธรรมในอดีต ที่ฝึกวิชาจนกลายเป็นบ้า เนื่องจากธาตุไฟเข้าแทรก เคยรับเอี้ยก้วยเป็นลูกบุญธรรม และสอนวรยุทธให้ในช่วงสั้น ๆ ก่อนจะมาพบก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง)

อึ้งย้งซึ่งไม่ไว้ใจเอี้ยก้วยเป็นทุนเดิม เมื่อทราบว่าเขาใช้วิชาพลังคางคงของอ้าวเอี้ยฮงทำร้ายพี่น้องตระกูลบู๊และได้ฆ่าขอทานคนหนึ่งตายโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงขอให้ก๊วยเจ๋งส่งเอี้ยก้วยไปอยู่กับสำนักช้วนจิน ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับก๊วยเจ๋งมานาน แล้วก๊วยเจ๋งเองก็เป็นศิษย์ของคูชู่กีเจ้าสำนัก คงช่วยขัดเกลานิสัยของเอี้ยก้วยได้ดีกว่าตน โดยหารู้ไม่ว่าตลอดการเดินทางขึ้นหุบเขาจงหน่ำซังได้เจอเรื่องราวผิดปกติโดยก๊วยเจ๋งถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโจรลามกซึ่งเดินทางไปประลองฝีมือเพื่อเลือกคู่ในวันเกิดครบรอบอายุ 20 ปีของเสียวเล้งนึ่ง และได้เจอกับกระบวนท่าเจ็ดดาวเหนือของนักพรตช้วนจินก่าแต่ก๊วยเจ๋งก็สามารถฝ่าไปได้ การส่งเอี้ยก้วยไปอยู่กับสำนักช้วนจิน ยิ่งไปตัดรอนการไว้เนื้อเชื่อใจของเอี้ยก้วยต่อผู้อื่นให้ลดลง ทั้งที่เขาพยายามไขว่คว้าใครสักคนมาเป็นที่พึ่งทางใจให้กับชีวิต โดยเฉพาะเมื่อยังเป็นเด็ก ซึ่งก็คือก๊วยเจ๋ง แต่ก๊วยเจ๋งและอึ้งย้งไม่เข้าใจจิตวิทยาในข้อนี้

เอี้ยก้วยวัย 14 ปี ไม่ได้มีชีวิตที่แสนสุขในสำนักช้วนจิน ตามที่ก๊วยเจ๋งเคยบอกเขา เนื่องจากทั้งอาจารย์และศิษย์พี่ต่างกลั่นแกล้ง ส่วนหนึ่งมาจากนิสัยของเอี้ยก้วยที่ไม่ยอมลงให้ใคร จนอาจารย์ไม่สอนวรยุทธให้ นอกจากเพียงสอนให้ท่องเคล็ดวิชา จนเขาไม่สามารถต่อสู้กับศิษย์คนอื่น ๆ ในวันประลองยุทธ เพื่อดูพัฒนาการของศิษย์แต่ละคนที่จัดขึ้นทุกครึ่งปีของสำนักได้ เอี้ยก้วยบาดเจ็บปางตาย จนในที่สุดต้องใช้วิชาพลังคางคกป้องกันตัว แล้วหนีไปยังสำนักสุสานโบราณ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังของสำนักช้วนจิน ขณะนั้นเซียวเหล่งนึ่งวัย 20 ปี เป็นเจ้าสำนัก มียายซุนสาวใช้วัยชราเป็นผู้ดูแล

ยายซุนช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้เอี้ยก้วย เขาซาบซึ้งน้ำใจของยายซุน เริ่มให้ความไว้วางใจคนอีกครั้ง แต่เซียวเหล่งนึ่งถือกฎสำนักเคร่งครัด ที่ไม่รับศิษย์ผู้ชาย จึงให้ส่งเขากลับไป ยายซุนเป็นห่วงเอี้ยก้วยจะโดนทำร้ายอีก จึงไปส่งเขาเพื่อให้แน่ใจ แต่ยายซุนต้องประมือกับพวกนักพรตช้วนจินจนเสียชีวิต ก่อนตายได้ขอให้เซียวเหล่งนึ่งรับดูแลเอี้ยก้วยไปชั่วชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งเดียวและสิ่งสุดท้ายที่ยายซุนขอ เหล่งนึ่งจึงยอมรับเอี้ยก้วยเป็นศิษย์ เอี้ยก้วยเรียกนางว่า "โกวโกว" ซึ่งแปลว่าอาหญิง ไม่ยอมเรียกอาจารย์ โดยให้เหตุผลว่าตนไม่ชอบเตียจี้เก่ง อาจารย์สำนักช้วนจิน จนนำไปฝันละเมอด่าอาจารย์บ่อย ๆ ซึ่งอาจทำให้เหล่งนึ่งได้ยินและเข้าใจผิด

เซียวเหล่งนึ่ง แม้จะเย็นชาเพราะนางได้ฝึกวิชาขจัดอารมณ์กับความโลภนานาประการโดยกำจัดให้น้อยไป 12 อย่าง สร้างให้มากขึ้น 12 อย่าง เป็นการตรงข้ามคือคิดน้อย ระลึกน้อย โลภน้อย ทำงานน้อย พูดน้อย หัวเราะน้อย ทุกข์น้อย สุขน้อย ดีใจน้อย โกรธน้อย ทำชั่วน้อย ทำดีน้อย ของสำนักตั้งแต่เด็ก นางสละเตียงหยกของตัวเองให้เอี้ยก้วยนอนเพื่อจะเพิ่มพลังลมปราณของเขาในการฝึกวิชา และมักตามใจเอี้ยก้วย เขาจึงรู้ว่าแท้จริงแล้วนางมีจิตใจดีและอ่อนโยน เอี้ยก้วยฉลาดและหัวไว ตั้งใจเรียนยุทธของสำนักสุสานโบราณ เพราะไม่เคยมีใครสอนยุทธให้อย่างจริงจังมาก่อน และเพื่อไม่ให้ใครมารังแกตนได้อีก อันเป็นปมในใจของเขา เอี้ยก้วยจึงฝึกวรยุทธขั้นพื้นฐานของสำนักอย่างรวดเร็วภายใน 4 ปี

ความผูกพันระหว่างเอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งก่อตัวขึ้นโดยไม่มีใครรู้ตัวว่านี่คือ ความรักแบบหนุ่มสาว เพราะเอี้ยก้วยเคารพเหล่งนึ่งในฐานะอาจารย์ แม้เขาจะชอบหยอกเย้านางบ้าง เพราะเดาใจของนางออก แต่เหล่งนึ่งก็ไม่แสดงปฏิกิริยา แม้ 2 ปีต่อมา เอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งจะต้องร่วมกันฝึกวิชาสตรีหยก (ผู้แปลบางท่านเรียกคัมภีร์สาวหยก, คัมภีร์ดรุณี หรือคัมภีร์สุรางคนางค์) ที่ต้องระบายความร้อนจากการเดินลมปราณ จึงไม่สวมเสื้อผ้าขณะฝึก ก็ยังไม่รู้สึกว่าต่างเริ่มมีใจให้กัน

จนวันที่ลี้หมกโช้วศิษย์บุกเข้าสำนัก เพื่อชิงคัมภีร์สตรีหยกของสำนักสุสานโบราณ เอี้ยก้วยห่วงใยเหล่งนึ่งอย่างไม่ห่วงชีวิตและได้ใช้วิชาเดินลมปราณกลับตาลปัตรถ่ายเลือดตัวเองให้เสียวเล้งนึ่ง ทำให้นางซาบซึ้ง แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกนี้ด้วยกันทั้งคู่ เมื่อนางตัดสินใจปิดประตูพันชั่งปิดตายสุสานโบราณ ไม่ให้ทุกคนเข้าออกอีก ขังทั้งสี่คนเอาไว้ คือ เอี้ยก้วย เซียวเหล่งนึ่ง ลี้หมกโช้ว และอั้งเล้งปอ ซึ่งเป็นศิษย์ของลี้หมกโช้ว แต่เอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งก็พบทางออกอีกทางของสุสานโดยบังเอิญ แต่ลี้หมกโช้วและศิษย์ของนางก็ตามออกมาได้ เอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งสร้างบ้านอยู่ด้วยกันบนเขา โดยตกลงกันว่าหากฝึกวิชาเก้าอิมจินเกงจนพัฒนาขึ้นหรือสำเร็จแล้ว จะลงจากเขาไปท่องยุทธภพ

วันหนึ่งเอี้ยก้วยได้พบอ้าวเอี้ยงฮงพ่อบุญธรรม หลังจากไม่ได้พบหน้ากันประมาณ 6 ปี อ้าวเอี้ยงฮงประสงค์จะถ่ายทอดวรยุทธให้เอี้ยก้วยต่อ แต่กลัวเหล่งนึ่งจะแอบดูวิชาของตน จึงใช้วิชากลับตาลปัตรแอบสกัดจุดนางไม่ให้นางคลายจุดเองได้ ป้องกันการแอบดู แล้วจึงพาเอี้ยก้วยไปถ่ายทอดวิชาในที่ห่างไกลออกไป ระหว่างนั้นอึ้งจื่อเพ้งนักพรตสำนักช้วนจินที่มีใจต่อเหล่งนึ่งตั้งแต่แรกเห็น ถือโอกาสพรากพรหมจรรย์ของนางโดยใช้ผ้าปิดตาไว้ เหล่งนึ่งคิดว่าเป็นเอี้ยก้วย เพราะที่นั่นไม่มีใครอื่นอีก

เมื่อฝึกวิชาเสร็จ เอี้ยก้วยก็กลับมาเปิดผ้าผูกตาเซียวเหล่งนึ่งออกและช่วยคลายจุดให้นาง เซียวเหล่งนึ่งให้เอี้ยก้วยเลิกเรียกนางว่าอาหญิง เอี้ยก้วยไม่เคยคิดจะหาคำเรียกเป็นอย่างอื่นมาก่อน เพราะไม่มีคำอื่นใดจะให้เกียรตินางเท่าคำนี้แล้ว ยิ่งทำให้เซียวเหล่งนึ่งโกรธ เพราะคิดว่าเขาไม่รับผิดชอบในตัวของนาง จึงยื่นคำขาดว่าเคยคิดจะรับนางเป็นภรรยาหรือไม่ เอี้ยก้วยผู้ไม่รู้เรื่องพาซื่อตอบว่า “ไม่เคย” เขาเคารพนางเสมอมา ยิ่งทำให้นางโกรธจนกระอักเลือดและหนีจากไป

เส้นใยบาง ๆ เส้นสุดท้ายภายใต้จิตสำนึกของการกลัวถูกทอดทิ้งในวัยเด็กหวนกลับมาเยือน เมื่อเหล่งนึ่งกำลังจากไป โดยสกัดจุดเอี้ยก้วยไว้ หลังจากเขาคลายจุดได้ก็ตั้งใจว่า หากพบนางและนางต้องการให้เขารับนางเป็นภรรยา ก็จะยินดี

เขาได้พบอ้าวเอี้ยงฮงพ่อบุญธรรม ขณะตามหาเหล่งนึ่ง ทำให้เอี้ยก้วยใจชื้นขึ้นมาอีกครั้ง ที่ได้พบคนรู้จัก แต่ระหว่างที่เอี้ยก้วยพบพ่อบุญธรรมนั้น เป็นเวลาที่พ่อบุญธรรมกำลังประลองยุทธกับอั้งชิกกง ต่างคนต่างบอกกระบวนท่าวรยุทธให้เอี้ยก้วยเป็นผู้แสดงฝีมือ ทำให้เอี้ยก้วยได้เรียนรู้ท่าไม้ตีสุนัข ฯลฯ เพิ่มขึ้น สุดท้ายอวุโสทั้งสองก็สิ้นใจพร้อมกัน เพราะเหน็ดเหนื่อยที่ต้องสู้กันข้ามวันข้ามคืนโดยไม่หยุดพัก

เอี้ยก้วยเดินทางมาพบก๊วยเจ๋งอีกครั้งในงานชุมนุมชาวยุทธ์ โดยเล่าว่าตนออกจากสำนักช้วนจินและอยู่อย่างคนเร่ร่อน ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดว่าเขายังมีวรยุทธไม่ถึงขั้น สองพี่น้องตระกูลบู๊ยังคงไม่ชอบเอี้ยก้วยเหมือนเดิม และยิ่งอิจฉาที่ก๊วยเจ๋งให้ความสำคัญกับเอี้ยก้วย รวมถึงก๊วยพู้ ซึ่งสองพี่น้องตระกูลบู๊หลงรักก็ดูจะพอใจในตัวของเอี้ยก้วยด้วย

อึ้งย้งกำลังตั้งครรภ์ จึงมอบตำแหน่งเจ้าสำนักพรรคกระยาจกให้กับลู่อู่คา ร่างกายอึ้งย้งช่วงนี้ไม่ค่อยแข็งแรงนัก เอี้ยก้วยเข้าใช้พลังวัตรช่วยเหลือ อึ้งย้งรู้สึกแปลกใจที่เขามีพลังวัตรสูง แต่ก็ไม่ได้ถามไถ่ เพราะรู้นิสัยของเอี้ยก้วยว่า ถ้าอยากบอกเอี้ยก้วยก็จะบอกเอง

ในงานชุมนุมชาวยุทธ มีการเลือกผู้นำยุทธภพคนใหม่ แต่ชาวยุทธชาวมองโกลได้แก่ ราชครูกิมลุ้น (หรือราชครูจักรทอง) ฮวบอ๋องพร้อม ศิษย์ทั้งสอง คือหลวงจีนตะละปาและองค์ชายฮั่วตู เข้ามาป่วนในงานชุมนุม ก๊วยเจ๋งเคยประมือกับศิษย์สองคนนี้แล้ว แต่ไม่เคยพบกับกิมลุ้น อึ้งย้งเสนอวิธีการประลอง โดยให้ประลอง 3 รอบ ให้คนที่เก่งที่สุด สู้กับคนที่เก่งระดับกลาง แล้วคนที่เก่งระดับกลางสู้กับคนที่เก่งน้อยที่สุด แค่นี้ก็จะได้ชนะ 2 ใน 3 รอบ แต่ผลผิดคาดเมื่อฮั่วตูซึ่งฝีมือด้อยที่สุดในผู้ลงประลองฝ่ายมองโกล กลับใช้วิธีสกปรก ซัดอาวุธลับ ทำให้ชนะไป

ขณะนั้นเอี้ยก้วยได้กลิ่นหอมของเซียวเล่งนึ่งที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กลอยมาแต่ไกล เซียวเหล่งนึ่งปรากฏตัวกลางงานชุมนุมชาวยุทธ เขาและเธอต่างยินดีที่ได้พบกัน จนลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว การประลองยุทธเกือบทำให้เซียวเหล่งนึ่งบาดเจ็บ เอี้ยก้วยจึงโกรธ ใช้วิชาไม้ตีสุนัขและวิชาของสุสานโบราณสู้กับฮั่วตูและหลวงจีนตะละปาจนชนะ เป็นที่ชื่นชมของชาวยุทธ โดยเฉพาะก๊วยเจ๋ง เมื่อใครถามว่าผู้ใดเป็นอาจารย์ของเอี้ยก้วย เขาก็ตอบว่า “เซียวเหล่งนึ่ง” ผู้คนต่างขบขันเพราะคิดว่าเขาพูดเล่น ไม่มีทางที่เด็กสาวที่ดูอ่อนวัยจนดูอายุไล่เลี่ยเอี้ยก้วยจะเป็นอาจารย์ของเอี้ยก้วยได้ แม้แต่อึ้งย้งยังไม่แน่ใจ มีกลุ่มคนที่ทราบเรื่องนี้ดีแค่กลุ่มเดียวคือนักพรตช้วนจินที่มาร่วมงานด้วย

ราชครูกิมลุ้นขอประลองกับเซียวเหล่งนึ่ง เพราะดูว่าสมควรจะได้รับตำแหน่งเจ้ายุทธภพหรือไม่ เซียวเหล่งนึ่งเห็นว่าเป็นการเรียนรู้แลกเปลี่ยนวิชา ไม่ได้คิดถึงเรื่องตำแหน่ง จึงยินดีรับคำท้า นางรับจักรทองของกิมลุ้นได้หลายกระบวนท่า แต่ฝีมือของกิมลุ้นสูงมาก สุดท้ายก๊วยเจ๋งจึงออกหน้าช่วยเหลือ จนกิมลุ้นแพ้ จึงกลับออกไปจากงานด้วยความอับอายและเจ็บแค้น

เซียวเหล่งนึ่งไม่รับตำแหน่งผู้นำชาวยุทธ และบอกว่าเธอเป็นภรรยาเอี้ยก้วย เมื่อก๊วยเจ๋งประกาศยกก๊วยพู้ให้แต่งงานกับเอี้ยก้วย เอี้ยก้วยเองก็เผยว่าเขารักเซียวเหล่งนึ่งและจะแต่งงานกับนาง เหล่าชาวยุทธได้เปลี่ยนท่าทีจากที่เคยยกย่องคนทั้งคู่มาเป็นประณามหยาดเหยียด เพราะขนบประเพณีที่เข้มข้นจากปรัชญาของลัทธิขงจื้อทำให้คนในสมัยนั้นเชื่อว่า ศิษย์กับอาจารย์จะรักและแต่งงานกันไม่ได้ ส่วนก๊วยพู้รู้สึกถูกหักหน้าที่ถูกปฏิเสธ ความรู้สึกชอบพอเอี้ยก้วยเปลี่ยนเป็นความเจ็บใจอยู่ลึก ๆ ที่เอี้ยก้วยไม่เอาใจนางเหมือนคนอื่น ๆ เตียจี้เก่ง อดีตอาจารย์ของเอี้ยก้วยที่ช้วนจิน ก็เปิดโปงว่าเคยเห็นทั้งสองลอบมีสัมพันธ์กัน (ครั้งที่ฝึกวิชาสตรีหยกร่วมกัน โดยต้องถอดเสื้อผ้า) ทั้ง ๆ ที่ความจริงทั้งสองไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบชู้สาว เอี้ยก้วยทนฟังไม่ไหว จึงเกิดการต่อสู้กับนักพรตช้วนจิน การออกอาวุธทำให้พบนัยแฝงของเคล็ดวิชาสตรีหยกขั้นสมบูรณ์ได้โดยบังเอิญคือ เอี้ยก้วยใช้วิชากระบี่ช้วนจิน ในขณะที่เซียวเหล่งนึ่งใช้วิชาสตรีหยก เมื่อประสานกระบี่กัน ก็จะมีพลังที่ยากจะต้านทาน แต่ยังไม่ทันสู้กันจนรู้ผลแพ้ชนะ ก้วยเจ๋งก็เข้าห้ามและขอให้เอี้ยก้วยออกไป

เอี้ยก้วยเลิกสนใจคำครหาพาเซียวเหล่งนึ่งออกมาจากงาน แต่ก๊วยพู้ถูกกิมลุ้นจับตัวไป อึ้งย้งที่ตามไปช่วยก็ตกที่นั่งลำบาก ทั้งสองจึงยื่นมือเข้าช่วย อึ้งย้งซาบซึ้งน้ำใจ และเห็นใจทั้งคู่ แต่ก็กลัวว่าอนาคตของเอี้ยก้วยจะหม่นหมอง จึงปรึกษาเซียวเหล่งนึ่ง นางจึงตัดสินใจจากเอี้ยก้วยไป เพื่อไม่ให้เขาถูกชาวยุทธรุมประณาม เซียวเหล่งนึ่งเดินทางเร่ร่อนไปเรื่อย เพราะไม่อยากกลับสำนักสุสานโบราณโดยไม่มีเอี้ยก้วย และฝึกยุทธ์อย่างหักโหมเพื่อให้ลืมเอี้ยก้วยจนธาตุไฟเข้าแทรกและสิ้นสติไป รู้สึกตัวอีก ครั้งก็มาอยู่ที่หุบเขาไร้รัก

กงซุนจื้อ เจ้าหุบเขาหลงความงามของเหล่งนึ่งตั้งแต่แรกเห็น ต้องการตัวของนาง จึงทำดีให้นางใจอ่อน ส่วนเหล่งนึ่งเองก็อยากลืมเอี้ยก้วยและมีชีวิตใหม่ จึงตกลงแต่งงานกับกงซุนจื้อ เอี้ยก้วยตามหาเซียวเหล่งนึ่งได้พบกับเหตุการณ์มากมาย เช่น พบกับเล็กบ่อซัง ซึ่งมีดวงตาให้ชวนระลึกถึงเซียวเหล่งนึ่ง เขาขอจูบตานาง ได้พบ เทียเอ็ง ซึ่งได้ช่วยเอี้ยก้วยไว้จาการบาดเจ็บจากการต่อสู้กับกิมลุ้นโดยมีไม่เซียวเหล่งนึ่งอยู่ด้วย

อึ้งเอี๊ยะซือ ภูตบูรพาซึ่งมีนิสัยคล้ายเอี้ยก้วย ได้ช่วยรวมพลังลมปราณจากอาการบาดเจ็บหลังสู้กับกิมลุ้น และสอนวิชาพลังดีดและขลุ่ยหยกให้กับเขาไว้เพื่อป้องกันตัวจากลิ้มหมกโช้ว ทำให้พลังวัตรและวรยุทธของเอี้ยก้วยแข็งแกร่งขึ้นอีก นอกจากนี้เขายังได้พบซาโกว ศิษย์ของอึ้งเอี๊ยะซือผู้สติไม่เต็ม แต่รู้เรื่องราวในอดีตเกี่ยวกับพ่อของเขา เอี้ยก้วยจึงหลอกถามนางจนเขาใจไปว่า การตายของเอี้ยคังพ่อของเขาเกี่ยวข้องกับก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง

เอี้ยก้วยคิดแก้แค้นจึงเข้าร่วมกับกิมลุ้นที่กำลังรวมยอดฝีมือจากที่ต่าง ๆ ให้กับกุบไลข่าน เพื่อเข้าโจมตีก๊วยเจ๋ง ซึ่งทำหน้าที่รักษาเมืองเซียงเอี้ยงอยู่ ระหว่างนั้นเฒ่าทารกได้เข้าไปป่วนในค่ายมองโกล เอี้ยก้วยและยอดฝีมือจึงตามเฒ่าทารกไปจนมาถึงหุบเขาไร้รัก เอี้ยก้วยจึงได้พบกับเซียวเหล่งนึ่งอีกครั้ง แต่นางกลับทำเป็นไม่รู้จักเขา เพราะต้องการตัดใจ แต่สุดท้ายความรักมีมากกว่าจึงยอมรับ กงซุนจื้อโกรธมากจึงกำจัดเอี้ยก้วยด้วยพิษหนามดอกรัก เซียวเหล่งนึ่งเองก็ถูกหนามดอกรักเช่นกัน

นางยอมแต่งงานกับกงซุนจื้อเพื่อแลกยาถอนพิษรักษาชีวิตเอี้ยก้วย แต่ไม่รู้ว่ากงซุนจื้อมีแผนชั่ว เพราะยาถอนพิษมีเหลือเพียงเม็ดเดียว และหายไปแล้ว กงซุนเล็กงักลูกสาวของกงซุนจื้อแอบช่วยเหลือเอี้ยก้วย จนทั้งคู่ถูกพ่อผลักลงไปก้นเหว เอี้ยก้วยได้พบยาถอนพิษดอกรักในเสื้อของเขาโดยไม่รู้มาก่อนว่าเฒ่าทารกนำมาซ้อนไว้ที่ตัว แต่ก็ไม่ยอมกิน เพราะมีเพียงเม็ดเดียว เขารักษามันไว้ให้เซียวเหล่งนึ่ง ใต้ก้นเหวนั้นเอี้ยก้วยและกงซุนเล็กงักได้พบคิ้วโชยเซียะ ซึ่งเป็นภรรยาของกงซุนจื้อ และเป็นแม่แท้ ๆ ของกงซุนเล็กงัก

เอี้ยก้วยช่วยคิ้วโชยเซียะขึ้นจากเหวได้และเข้าขัดขวางพิธีแต่งงาน เอี้ยก้วยให้เซียวเหล่งนึ่งกินยาถอนพิษดอกรัก โดยไม่บอกว่าตัวเขาเองยังไม่ได้กิน ด้วยความช่วยเหลือของคิ้วโชยเซียะ เอี้ยก้วยจึงชนะกงซุนจื้อ แต่เขาก็หนีไปได้ คิ้วโชยเซียะกลับมาปกครองหุบเขาไร้รักอีกครั้ง และต่อรองกับเอี้ยก้วยว่าจะให้ยาถอนพิษถ้ายอมแต่งงานกับกงซุนเล็กงัก เอี้ยก้วยไม่ตกลงโดยกงซุนเล็กงักช่วยพูดด้วยอีกแรง คิ้วโชยเวียะจึงเปลี่ยนข้อเสนอให้ไปฆ่าก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง ซึ่งเคยฆ่าพี่ชายนาง แล้วให้ยาไปกินก่อนครึ่งเม็ด ซึ่งมีผลในการรักษาชีวิตได้ 18 วัน

ตลอดการเดินทาง เอี้ยก้วยเต็มไปด้วยความสับสน ใจหนึ่งคิดอยากรักษาตัวเพื่อมีชีวิตอยู่ร่วมกับเซียวเหล่งนึ่งต่อไป และได้แก้แค้นให้พ่อไปในตัว แต่อีกใจเห็นก๊วยเจ๋งเป็นวีรบุรุษ ช่วยเหลือชาติบ้านเมือง จึงไม่อาจลงมือได้ อึ้งย้งมารู้ความจริงจากเหล่งนึ่ง จึงคิดช่วยเอี้ยก้วยด้วยการยอมมอบศีรษะให้ไปแลกยาถอนพิษ แต่ขอให้นางคลอดลูกก่อน ฝ่ายมองโกลใช้เล่ห์กลให้ชาวยุทะฝ่ายมองโกลเข้ามาบุกจวน (ที่พัก) ของก๊วยเจ๋ง โดยจุดไฟเผา ซึ่งเป็นเวลาที่อึ้งย้งคลอดลูกพอดี จึงฝากลูกสาวชื่อก๊วยเซียงไว้กับเซียวเหล่งนึ่ง ขณะกำลังคลอดแฝดอีกคน

เซียวเหล่งนึ่งคิดเอาเด็กไปแลกยาถอนพิษ แต่ระหว่างทางก็พบกิมลุ้นที่กำลังประมือกับเอี้ยก้วย จึงเข้าไปช่วย ลี้หมกโช้วมาได้จังหวะ คว้าเอาเด็กไป โดยเข้าใจผิดว่าเป็นลูกของเอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่ง เอี้ยก้วยตามติดนางไปตลอด โดยอาสาไปหาอาหารและเฝ้ายามให้ เขาจึงได้พบกับอินทรียักษ์รูปร่างอัปลักษณ์ แต่ทึ่งในพละกำลังของอินทรีขณะปราบงูยักษ์ และฟังเขาพูดเข้าใจ เอี้ยก้วยตามอินทรีไปจนถึงถ้ำที่อยู่ของต๊กโกวคิ้วป้ายซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว และบอกอินทรียักษ์ว่า ถ้ามีโอกาสจะกลับมาเยี่ยมใหม่

เรื่องวุ่นวายยิ่งขึ้นเมื่อสองพี่น้องตระกูลบู๊ทะเลาะกันเพราะก๊วยพู้ เอี้ยก้วยจึงมาช่วยตัดปัญหาโดยหลอกว่าอึ้งย้งยกก๊วยพู้ให้เขาแล้ว พอดีเซียวเหล่งนึ่งมาแอบได้ยินเข้าก็เสียใจมาก จึงกลับมาที่จวนของก๊วยเจ๋ง เพื่อมอบกระบี่ของตน ซึ่งเป็นกระบี่คู่กันกับของเอี้ยก้วยให้กับก๊วยพู้ เวลานั้นลี้หมกโช้วปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางการปรับความเข้าใจของสองพี่น้องตระกูลบู๊ ทั้งคู่ร่วมกันสู้กับลี้หมกโช้ว ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้แม่ของทั้งสองต้องตาย แต่กลับโดนเข็มพิษละลายหิมะของนาง เอี้ยก้วยจึงตรงเข้าดูดพิษช่วยเหลือ เพราะเหลือเวลาอีก 2-3 วัน พิษดอกรักก็จะฆ่าเขาอยู่แล้ว

เซียวเหล่งนึ่งเสียใจมากขึ้นเมื่อกลับมาที่จวนของก๊วยเจ๋ง แล้วได้ฟังความจริงโดยบังเอิญจากเตียจี้เก่งและ อึ้งจื่อเพ้งว่า คืนนั้นบนหุบเขาไม่ใช่เอี้ยก้วยแต่เป็นอึ้งจื้อเพ้ง ที่พรากพรหมจรรย์จากนางไป นางจึงติดตามอึ้งจื้อเพ้ง โดยหวังจะเอาชีวิตของเขา แต่ด้วยจิตใจที่ดีของนาง จึงทำไมลง ได้แต่ติดตามไปจนถึงสำนักช้วนจิน ระหว่างทางได้พบกับเฒ่าทารก ซึ่งได้สอนวิชาสองมือขัดแย้งให้กับนาง ทำให้นางสามารถใช้วิชาสตรีหยกได้โดยไม่ต้องมีเอี้ยก้วย

ก๊วยพู้เป็นอีกคนหนึ่งที่บังเอิญได้ยินเตียจี้เก่งและ อึ้งจื่อเพ้งพูดคุยกัน ขณะเข้ามาถามเอี้ยก้วยที่กำลังป่วยไข้ ด้วยอาการถูกเข็มพิษละลายหิมะ และพิษดอกรักทำปฏิกิริยาต่อกัน ถึงน้องสาวที่เอี้ยก้วยจะอุ้มไปแลกยาถอนพิษดอกรัก เมื่อทราบว่าไม่ได้น้องสาวกลับมา จึงเล่าเรื่องที่ได้ยินมาเล่าให้เอี้ยก้วยฟัง เอี้ยก้วยคิดว่าก๊วยพู้พูดจาลบหลู่เซียวเหล่งนึ่ง จึงตบหน้านางเข้า ก๊วยพู้ซึ่งตลอดชีวิตมีแต่คนเอาใจ และไม่เคยถูกใครตีมาก่อน จึงโกรธมาก ใช้กระบี่ที่เซียวเหล่งนึ่งมอบให้จะฆ่าเอี้ยก้วย เอี้ยก้วยกำลังป่วย ไม่มีแรงต่อสู้ เอาแขนขวาขึ้นป้องกัน จึงถูกฟันขาด ก๊วยพู้ตกใจมาก วิ่งไปบอกแม่ ก๊วยเจ๋งโกรธจัดที่ลูกสาวเอาแต่ใจไม่ยั้งคิด แต่อึ้งย้งเข้าปกป้องลูก โดยให้หนีไปอยู่ที่อื่นสักพัก

หลังจากถูกตัดแขน เอี้ยก้วยหนีออกมาจากจวนก๊วยเจ๋ง มาพบกับอินทรียักษ์อีกครั้ง อินทรีช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของเขาด้วยดีงู ซึ่งให้พลังในการรักษาอาการบาดเจ็บ เพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกาย และเพิ่มพลังวัตร เมื่อเอี้ยก้วยอาการดีขึ้น อินทรีจึงพาไปยังสุสานกระบี่ ให้เอี้ยก้วยใช้กระบี่เหล็กดำฝึกวรยุทธเพื่อฟื้นพลัง

เอี้ยก้วยกลับไปที่จวนของก๊วยเจ๋งเพื่อล้างแค้นก้วยพู้ แต่ได้ยินก๊วยเจ๋งอบรมก๊วยพู้ ถึงการเป็นพี่น้องร่วมสาบานระหว่างตรกูลมาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ มาจนถึงรุ่นพ่อ นอกจากนี้ยังมีหนี้บุญคุณที่เอี้ยก้วยได้ช่วยชีวิตตน อึ้งย้ง และก๊วยพู้ไว้หลายครั้ง และเพื่อไม่ให้เป็นการผิดต่อเอี้ยก้วย ก๊วยเจ๋งจะตัดแขนของก๊วยพู้ อึ้งย้งเข้ามาช่วยก๊วยพู้ให้หนีไปได้พอดี เอี้ยก้วยจึงติดตามอึ้งย้งและก๊วยพู้อยู่ห่าง ๆ ไม่ให้รู้ตัว ระหว่างนั้นลี้หมกโช้วได้อุ้มก้วยเซียง ลูกสาวของอึ้งย้งผ่านมา อึ้งย้งจึงตามไปเอาลูกสาวคืน แต่เอี้ยก้วยลอบอุ้มเด็กออกไปโดยไม่ให้อึ้งย้งและลี้หมกโช้วรู้ แต่จงใจผ่านไปให้ก๊วยพู้เห็น เพื่อประชดนางที่เคยว่าตนว่าขโมยน้องของนางไปให้กลายเป็นความจริง

ฝ่ายมองโกลคิดจะใช้สำนักช้วนจินขยายอิทธิพล จึงตกลงกับเตียจี้เก่งผู้ละโมบ และทรยศ จนยอมจับศิษย์ในสำนักที่ไม่เห็นด้วยทุกคนมามัดไว้ และลงมือฆ่า พอถึงตาอึ้งจื่อเพ้งจะถูกฆ่า เซียวเหล่งนึ่งก็ปรากฏตัวและขอลงมือฆ่าอึ้งขื่อเพ้งด้วยตัวเอง เป็นเวลาเดียวกับที่พวกของกิมลุ้นบุกเข้ามา นางจึงต้องประมือกับยอดฝีมือมองโกล อึ้งจื่อเพ้งเห็นว่าเซียวเหล่งนึ่งกำลังพลาดท่ากิมลุ้น จึงเอาตัวเข้าขวางจนบาดเจ็บสาหัส นางเองเมื่อได้เห็นเอี้ยก๊วยปรากฏกายอย่างกะทันหันจึงตกใจหยุกฉงักลงเลยโดนฝ่ามือของนักพรตช้วนจินก่าเข้าด้านหลังและจักรทองของกิมลุ้นเข้าด้านหน้าทำให้บาดเจ็บสาหัส

ระหว่างนั้นเอี้ยก้วยกำลังเดินทางกลับสุสานโบราณ ซึ่งอยู่ด้านหลังของสำนักช้วนจิน เขาได้ยินเสียงเอะอะออกมาจากสำนัก จึงเข้าไปดู และทันพอดีรับร่างของเซียวเหล่งนึ่งที่โดนฝ่ามือของนักพรตช้วนจิน และจักรทองของกิมลุ้นจนกระเด็น นางดีใจมากคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอเอี้ยก้วยอีก เอี้ยก้วยมีวรยุทธและพลังวัตรเพิ่มพูนจนสามารถใช้กระบี่เหล็กกล้าที่ยื่มมาากสุสานกระบี่ต่อกรกับกิมลุ้นที่ใช้วิชานาคคชสารจนกินลุ้นต่อพ่ายแพ้และบาดเจ็บจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดและศิษย์ตัวเองเจ้าชายเคอตูยังทรยศหนีไปแต่เพียงผู้เดียวหลวงจีนตาละปาได้คูกเข่าขอร้องเอี้ยก๊วยจึงได้ปล่อยไป กิมลุ้นเสียใจมากจึงกลับไปมองโกลเพื่อฝึกวิชาต่อ ส่วนเอี้ยก้วยตั้งใจแสดงเจตนารมณ์ด้วยการแต่งงานกับเซียวเหล่งนึ่งในวิหารของนักพรตผู้รักษาพรหมจรรย์ ต่อหน้ารูปปรมาจารย์เฮ้งเต็งเอี๊ยง โดยกล่าวว่าสิ่งที่เฮ้งเต็งเอี๊ยงทำไม่สำเร็จ (คือการแต่งงานมีชีวิตคู่กับลิ้มเอ็งเฉียว) แต่ตนทำสำเร็จแล้ว และได้เจอกับจิวแปะทงจึงเกิดความวุ่นวายขึ้น เอี้ยก๊วยจึงได้พาเสียวเล้งนึ่งที่ยังบาดเจ็บหนีกลับสุสานระหว่างทางจึงได้แวะรับก๊วยเซียงที่แต่แรกเอี้ยก้วยได้นำมาซ่อนไว้ในถ้ำและนำเถาวัลย์ปิดซ่อนไว้ไปด้วย

เซียวเหล่งนึ่งบาดเจ็บสาหัส และเอี้ยก้วยได้พบวิธีรักษาจากจดหมายที่เฮ้งเต็งเอี๊ยงเขียนให้ลิ้มเฉียวเอ็ง อาจารย์ย่าของเซียวเหล่งนึ่ง ทั้งคู่เป็นคู่รักที่ไม่กล้าขัดประเพณี จึงได้แต่เจ็บปวดทั้งสองฝ่าย และเปลี่ยนไปเป็นคอยแต่จะเอาชนะกัน เอี้ยก้วยรีบรักษาเซียวเหล่งนึ่งตามวิธีในจดหมาย แต่โชคร้ายลี้หมกโช้วร่วมมือกับอึ้งย้ง พาก๊วยพู้ สองพี่น้องตระกูลบู๊ และเยลู่ฉี เข้ามาในสุสานเพื่อเอาตัวก๊วยเซียงคืน จนทำให้อาการบาดเจ็บของเหล่งนึ่งทรุดหนักจนเกินเยียวยา เอี้ยก้วยแค้นใจก๊วยพู้อย่างมากที่เป็นต้นเหตุ จึงชิงทารกไปด้วยอีกครั้ง แต่เซียวเหล่งนึ่งขอให้เอี้ยก้วยเอาไปคืน เพื่อที่นางจะได้ชีวิตช่วงสุดท้ายท่องเที่ยวกับเอี้ยก้วยในที่ที่อยากไปสองต่อสอง ระหว่างทางทั้งสองได้พบกับอิดเต็งไต้ซือให้ยาช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยของเซียวเหล่งนึ่ง แต่อาการจะดีอยู่แค่ 10 วัน ถ้าจะให้ดี ควรไปพบนักบวชซึ้งเป็นศิษย์ผู้น้องของตนจากอินเดีย ซึ่งท่านทราบว่าตอนนี้อยู่ที่หุบเขาสิ้นสวาท (ในละครทางโทรทัศน์หรือบางผู้แปลได้แปลเป็นว่าหุบเขาไร้รัก)

อึ้งย้งเคยเชิญนักบวชจากอินเดียผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ไปหายาแก้พิษดอกรักที่หุบเขาไร้รัก แต่ท่านก็ต้องเสียชีวิตด้วยฝีมือลี้หมกโช้ว ซึ่งแปรพรรคมาเข้าพวกกับกงซุนจื้อ เพราะอยากได้ยาถอนพิษดอกรัก แต่นักบวชอินเดียได้พบสมุนไพรชนิดหนึ่งและกำไว้ในมือแน่น อึ้งย้งจึงเชื่อว่าสมุนไพรชนิดนั้น ซึ่งก็คือหญ้าไส้ขาด มีสรรพคุณถอนพิษดอกรักได้

ทุกคนมารวมตัวกันที่หุบเขาไร้รัก เพื่อช่วยทวงยาจากคิ้วโชยเซียะให้เอี้ยก้วย แต่กงซุนจื้อมาชิงเอาไป เหล่งนึ่งจึงออกไปประมือจนได้ยากลับมา แต่นางอ่อนแอมากอยู่แล้ว ยังใช้พลังอีก อาการจึงทรุดหนัก นักบวชจากอินเดียก็เสียชีวิตแล้ว ยากที่จะหาใครช่วยชีวิตนางในตอนนี้ได้ เอี้ยก้วยคิดเช่นนั้นจึงไม่ยอมกินยาและเขวี้ยงลงเหวไป เซียวเหล่งนึ่งหมดสติไปด้วยความเสียใจ ทั้งลี้หมกโช้ว กงซุนจื้อ และคิ้วโชยเซียะต่างพบจุดจบในวันนั้น

อึ้งย้งได้พูดกับเซียวเหล่งนึ่งว่ามีหญ้าไส้ขาดที่ช่วยเอี้ยก้วยได้ แต่เขาไม่ยอมกินแน่ ขอให้นางช่วยเกลี้ยกล่อม เซียวเหล่งนึ่งจึงคิดวิธีได้โดยเขียนข้อความทิ้งไว้ที่หน้าผาว่า ให้มาพบกันในอีก 16 ปีข้างหน้า แล้วนางก็กระโดดหน้าผาลงไป เพื่อไม่ให้เอี้ยก้วยเห็นศพนาง และมีกำลังใจจะอยู่ต่อไป คาดว่าเวลาถึง 16 ปี แม้ทำให้เขาเลิกรักนางไม่ได้ แต่คงพอช่วยให้เขาเลิกคิดสั้นตายตามนางได้ เอี้ยก้วยเห็นข้อความดังกล่าวจึงยอมกินหญ้าไส้ขาดเพื่อรอเซียงเหล่งนึ่ง

เอี้ยก้วยใช้เวลา 10 ปี ในการฝึกวิชากำสลดวิญญาณสลายที่คิดขึ้นเองจากความคิดถึงเซียวเหล่งนึ่งในถ้ำติ๊กโควคิ้วป้าย โดยมีอินทรียักษ์เป็นเพื่อน อีก 5 ปีที่เหลือ ออกท่องยุทธภพช่วยเหลือผู้คน กำจัดความอยุติธรรมพร้อมกับอินทรี จนทุกคนยกย่องเป็นจอมยุทธอินทรี ซึ่งมีเอกลักษณ์คือมีแขนซ้ายเพียงข้างเดียว ใส่หน้ากากหนังคนปิดบังโฉมหน้า เพราะไม่ต้องการให้คนที่รู้จักตนจำเขาได้ ก๊วยเซียงวัยย่างเข้า 16 ปี ได้ยินเรื่องราวของจอมยุทธอินทรีก็เลื่อมใส คิดอยากพบเขา แล้วก็มีคนพาไปพบจริงๆ เอี้ยก้วยไม่ยอมเปิดเผยฐานะ แต่เมื่อเขารู้ว่าเป็นก๊วยเซียงน้อยที่เขาเคยอุ้มก็เอ็นดู และให้เข็มสามเล่มเพื่อให้ขอสิ่งใดก็ได้จากเขา 3 ข้อ ก๊วยเซียงขอ 2 ข้อก่อนคือ ให้เขาถอดหน้ากาก เพื่อเผยโฉมหน้าให้ดู และขอให้เขามาร่วมงานวันเกิดของนางเมื่ออายุ 16 ปี

อึ้งย้งแปลกใจที่ก๊วยเซียงไปรู้จักกับเอี้ยก้วย ก๊วยเซียงขอให้นางเล่าเรื่องของเอี้ยก้วยให้ฟัง อึ้งย้งก็เล่าและเผยว่านางหลอกเขาไว้ว่า มีแม่ชีทางใต้มาช่วยเซียวเหล่งนึ่งไป หากความจริงเปิดเผย ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ก๊วยเซียงคิดจะไปปลอบใจเอี้ยก้วย เมื่อครบกำหนด 16 ปี จึงได้ออกตามหาเอี้ยก้วย ระหว่างทางนางพบกิมลุ้นซึ่งสำเร็จวิชานาคคชสารปัญญาบารมีชั้นที่ 10 แล้ว เมื่อกิมลุ้นรู้ว่าเป็นลูกสาวก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง ก็คิดจะหลอกใช้ แต่กลับรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้จนอยากรับเป็นศิษย์

เอี้ยก้วยไปรอเหล่งนึ่งที่หน้าผา หนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ๆ ก็ไม่พบ จนผมหงอกด้วยความเครียด และรู้ว่าที่จริงเซียวเหล่งนึ่งเขียนข้อความหลอกเขา จึงตัดสินใจกระโดดหน้าผาไป ก๊วยเซียงกับกิมลุ้นตามมาพบพอดี ก๊วยเซียงรีบกระโดดตามลงไป กิมลุ้นจะห้ามก็ไม่ทัน กิมลุ้นบอกอึ้งย้ง และยอดฝีมืออาวุโสว่า ก๊วยเซียงกระโดดหน้าผาไป อึ้งย้ง และยอดฝีมืออาวุโสคิดว่ากิมลุ้นเป็นคนผลักมากกว่า จึงประมือกัน ขณะเดียวกันก็ส่งอินทรีคู่ที่ตนเลี้ยงไว้ลงไปสำรวจดูก้นเหว

เอี้ยก้วยและก๊วยเซียงไม่ตาย เพราะข้างล่างเป็นผืนน้ำ ก๊วยเซียงใช้เข็มเล่มสุดท้ายขอเอี้ยก้วยว่า ไม่ว่าจะพบเซียวเหล่งนึ่งหรือไม่ ก็ขอให้เอี้ยก้วยมีชีวิตอยู่ต่อไป เขายอมตกลง และส่งก๊วยเซียงขึ้นไปกับอินทรีของอึ้งย้ง ตัวเขาเองตามหาเซียวเหล่งนึ่งใต้เหว เพราะเชื่อว่าเมื่อเซียวเหล่งนึ่งกระโดดลงมาก็คงไม่ตายเหมือนกัน เขาดำน้ำจนไปโผล่ในสถานที่หนึ่ง จัดไว้เหมือนสุสานโบราณไม่มีผิด แล้วเขาก็ได้พบกับเซียวเหล่งนึ่งจริง ๆ นางเล่าให้เอี้ยก้วยฟังว่ารักษาตัวจนหายได้อย่างไร

ขณะที่พวกของอึ้งย้งลงไปตามหาเอี้ยก้วยใต้เหว ก๊วยเซียงเมื่อขึ้นมาบนเหวได้ก็ถูกกิมลุ้นจับตัวไปอีก กิมลุ้นใช้ก๊วยเซียงต่อรองก๊วยเจ๋งให้เปิดประตูเมืองเซียงเอี้ย แต่ก๊วยเจ๋งเห็นแก่บ้านเมืองมากกว่าส่วนตัว ก๊วยเซียงเข้าใจข้อนี้ เอี้ยก้วยกับเซียวเหล่งนึ่งมาช่วยก๊วยเซียงไว้ได้ทัน และสู้รบกับทหารมองโกลจนชนะ ทั้งกิมลุ้นและพระเจ้ามองโกลฮ่องเต้ผู้เป็นจอมทัพสิ้นชีวิตในสนามรบโดยโดนเอี้ยก้วยใช้วิชาดีดนิ้วทั้งจี้ซิ้นทงกงดีดก้อนหินไปถูกม้าของพระองค์และขว้างก้อนหินไปโดนเบื้องพระปฤษฎางค์ของพระเจ้ามองโกลถึงแก่มีพระอาการพระปิฐิกัณฐกัฐิ (กระดูกสันหลัง) หักออกจากกันตกจากหลังม้าพระที่นั่งถึงแก่สิ้นพระชนม์ทันที จึงทำให้ทัพมองโกลต้องล่าถอยไปและไม่ได้ทำการสู้รบ 13 ปี หลังจากพระเจ้ามองโกลสิ้นพระชนม์พระเจ้ากุบไลข่านจึงสถาปนาเป็นกษัตริย์แห่งมองโกล และภายหลังพระเจ้ากุบไลข่านจึงได้เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงค์หยวนหลังจากยึดต้าซ่งสำเร็จ


ทางเอี้ยก้วย ก๊วยเจ๋งและพวกได้เดินทางขึ้นเขาฮั่วซัวเพื่อคำนับศพฮั่นชิดกงซึ้งได้ฝังอยู่ข้างๆหลุมศพอาวเอียฮง ระหว่างคุยกันอยู่จึงได้ตั้งอึ้งย้งจึงฉายาใหม่แทนคนเดิมที่ได้เสียชีวิตไปแล้วได้แก่ก๊วยเจ๋งฉายาปักเฮี๊ยบ (ผู้กล้าหาญทางเหนือ) แทนฮั่นชิดกงฉายาปักข่าย (ขอทานทางเหนือ) เอี้ยก้วย ฉายาไซค้วง (ผู้กำแหงหาญทางทิศตะวันตก) แทนอาวเอียฮงฉายาไซตั๊ก (พิษร้ายตะวันตก) และหลวงจีนอิ๊ดเต็งไต้ซือฉายาน่ำเจ็ง (หลวงจีนทางใต้) อึ้งเอียซือฉายาตังเซีย (ภูตร้ายตะวันออก) และ จิวแปะทงฉายาตงงัวนทง (ผู้เฒ่าเด็กดื้อตรงกลาง) และยังจึงได้เจออีเคอซีกับเซียวเซียงจือ ที่ได้ขโมยคัมภัร์เล้งกาเก็งและหลบหนีมาและได้ยังเจอหลวงจีนกั๊กเอี๊ยงกับเตียกุนป้อ (หรือหลังจากนั้นได้เปลี่ยนชื่อเป็นเตียงซำฮงปรมาจารย์ไท้เก๊ก) ที่ออกตามหาเพื่อขอคัมภีร์กลับไปเอี้ยก้วยจึงได้สอนฝ่ามือ 4 ท่ารำอันอ่อนของตัวเองแก่เตียกุนป้อเพื่อสู้กับอีเคอซีและเซียวเซียงจือเพื่อค้นหาตำราเล้งกาเก๊งโดยทราบในภายหลังว่าคือคัมภีร์เก้งเอี๋ยนจินเก็งที่จดแทรกอยู่ในคัมภีร์เล้งกาเก็งจึงกายเป็นเรื่องของมังกรหยกภาค 3 ต่อไป

หลังจากนั้นเอี้ยก้วยจึงได้จูงมือเสียวเล้งนึ่งแล้วบอกคำลาจากทุกคนไปพร้อมกับอินทรีคู่กาย

บุคลิกและนิสัยของเอี้ยก้วย

[แก้]

เอี้ยก้วยมีใบหน้าคล้ายเอี้ยคังผู้พ่อซึ่งหล่อเหลา บุคลิกเป็นคนสนุกสนาน พูดจาเก่ง มีนิสัยคึกคะนองชอบกระโดดโลดเต้น ชอบท่องเที่ยว มีความมั่นใจในตัวเองสูง กล้าคิดกล้าทำไม่เกรงกลัวผู้ใด เฉลียวฉลาด เรียนรู้ได้ไว มีความจำที่ดี และมีไหวพริบเป็นเลิศ

ถ้าพูดถึงความเจ้าเล่ห์เพทุบาย เอี้ยก้วยจะเป็นรองก็เพียงอึ้งย้งคนเดียวเท่านั้น แต่ด้วยช่วงชีวิตในวัยเยาว์ถูกผู้คนเหยียดหยามรังแก ทำให้บางครั้งมองโลกในแง่ร้าย ไม่ยอมใคร หากใครทำร้ายแล้วสู้ไม่ได้ ก็จะหาทางเอาคืน จนดูเหมือนจะต่อต้านสังคม ไม่ค่อยสนใจขนบธรรมเนียมประเพณี ทั้งนี้หากได้ศึกษาประวัติศาสตร์จีนแล้ว จะทำให้ทราบว่า ยุคสมัยนั้นสังคมให้ความสำคัญเคร่งครัดกับขนบประเพณีตามแบบลัทธิขงจื้อ ขณะที่ผู้ประพันธ์ต้องการสื่อให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างคำสอนของลัทธิขงจื้อและลัทธิเต๋า โดยสร้างให้เซียวเหล่งนึ่งไม่เคยเข้าสังคม ใช้ชีวิตอย่างไม่มีกฎเกณฑ์ โดยปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติตามหลักลัทธิเต๋า ซึ่งถ่ายทอดสิ่งนี้ไปยังเอี้ยก้วยอีกด้วย

ความรักคงมั่นสะท้านภพ

[แก้]

ในด้านความรักนั้น เอี้ยก้วยถูกยกย่องให้เป็นบุรุษที่มีจิตใจมั่นคง รักมั่นต่อเซียวเหล่งนึ่งคนเดียว ตลอดทั้งเรื่องเอี้ยก้วยได้พานพบกับสตรีที่งดงามมากมาย แต่ละคนล้วนมีเสนห์แตกต่างกันไป บ้างก็เป็นสาวเรียบร้อยน่าทะนุถนอม บ้างก็เป็นสาวซนแก่นแก้ว บ้างก็แสนดี บ้างก็สง่าน่าเลื่อมใส

และด้วยนิสัยของเอี้ยก้วยนั้น เป็นนิสัยในแบบที่ทำให้สตรีหลงใหลได้ นอกจากจะมีหน้าตาที่หล่อเหลาคมคายแล้ว สิ่งที่พิเศษสุดคือมีวาจาเป็นเอก เป็นคนที่คารมดี ทำให้ผู้หญิงยิ้มได้ อันเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้ชายเจ้าเสน่ห์

มีคนเคยกล่าวไว้ว่า เมื่อใดที่ผู้ชายทำให้ผู้หญิงยิ้มหรือหัวเราะได้อย่างมีความสุข เท่ากับคุณได้หัวใจนางไปครึ่งนึงแล้ว เอี้ยก้วยได้ใจสาว ๆ มากมาย โดยไม่ต้องใช้ความพยายามอันใด เพียงใช้ชีวิตไปตามรูปแบบความเคยชินของตัวเอง ก็มีสาว ๆ มาตกหลุมรักยอมมอบกายถวายชีวิตให้ เอี้ยก้วยอาจจะติดนิสัยชอบพูดจาเย้าแหย่หญิงสาวจนอาจติดเป็นนิสัยแต่ยังเด็ก เขาพูดจาเย้าแหย่เซียวเหล่งนึ่ง ซึ่งขณะนั้นเขานับถือเป็นอาหญิง (โกวโกว) อย่างไม่เกรงกลัว ทั้งที่ใบหน้าของนางมีแต่เรียบเฉย เพราะเอี้ยก้วยเป็นเด็กช่างพูด และรู้ว่าแท้จริงแล้วเซียวเหล่งนึ่งใจดี การอยู่กับหญิงที่มีใบหน้าเรียบเฉย ด้วยการพูดเย้าแหย่ ช่วยลดบรรยากาศเคร่งเครียดลงได้

นิสัยนี้ดูเหมือนจะติดมาโดยไม่เว้นที่เขาจะใช้กับผู้หญิงอื่น แต่ก็มิใช่ด้วยจิตคิดอกุศล ด้วยความคะนองในวันหนุ่ม เพราะในใจของเขานั้น มีเพียงเซียงเหล่งนึ่ง ความรักที่เขามีต่อนางไม่เคยถูกบั่นทอนลดลงเลย แต่กลับยิ่งเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน ๆ

ส่วนความรักของเซียวเหล่งหนึ่งที่มีต่อเอี้ยก้วยนั้น ในตอนที่เซียวเหล่งนึ่งกระโดดลงหน้าผาไป โดยจารึกข้อความทิ้งไว้ให้เอี้ยก้วยรอคอย เซียวเหล่งนึ่งทำเช่นนั้นเพียงเพราะหวังให้ชายซึ่งเป็นที่รัก จะยังคงรักษาชีวิตต่อไปไม่คิดกระโดดตามลงมา เมื่อเวลาผ่านพ้นไปความคะนึงหาที่มีอยู่ย่อมถูกบั่นทอนลงไปบ้าง แต่ในความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ แม้จะมีหญิงงามมากมายให้เลือก แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน แม้ไม่รู้ว่าการรอคอยนี้จะสูญเปล่าหรือไม่ แต่เอี้ยก้วยก็ยังคงมีรักมั่นคง เฝ้ารอคอยผ่านวันเวลาอันปวดร้าว ด้วยพิษแห่งความคิดถึงคะนึงหา จวบจนเวลาผ่านพ้นมาถึงเวลาที่กำหนด เมื่อไม่พานพบหญิงซึ่งเป็นที่รัก เอี้ยก้วยก็ยังคงตัดสินใจกระโดดตามลงไปอยู่ดี ไม่ต่างจากเมื่อสิบหกปีก่อน

ดอกเล้งนึงฮวยและเส้นใต้ทีขีดอยู่ใต้แซ่เอี้ยของเอี้ยก้วย...รหัสที่รู้กันเฉพาะเอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่ง

[แก้]

"แยกจากกันไม่นาน หวังพบพานกันภายหน้า น้ำใจพี่ขนิษฐา กระจ่างจ้าดั่งดวงเดือน สิบหกปีผ่านไป พบกันใหม่ ณ ที่นี้ รักผูกผันนานปี อย่าให้มีผิดคำสัญญา"

คำกลอนนี้สลักไว้ที่ก้อนหินบนหน้าผาไส้ขาด บริเวณที่เซียวเหล่งนึ่งกระโดดลงไป โดยทีเสียวเล้งนึ่งได้ขีดเส้นใต้แซ่เอี้ยของเอี้ยก้วยจึงทำให้เอี้ยก้วยจำได้ว่านี้คือลายมือของเสียวเล้งนึ่งที่เวลาเขียนแซ่ของตนจะขีดเส้นใต้ไว้เส้นนึงขณะที่เอี้ยก้วยได้เห็นข้อความนี้ มีทั้งอึ้งย้ง อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่ก็ไม่มีใครทราบว่าใครสลักข้อความนี้ไว้ เอี้ยก้วยเห็นเข้าก็แน่ใจทันทีว่าเป็นข้อความจากเสียวเล้งนึ่ง

ดอกเล้งนึ่งฮวย ดอกไม้ที่เอี้ยก้วยค้นพบในหุบเขาเนื่องจากเป็นดอกไม้ที่ทั้งสองไม่เคยเจอจึงได้ตั้งชื่อว่าดอกเล้งนึ่งฮวยเอี้ยก้วยเห็นว่าดอกเล้งนึ่งนี้สวยงามมากคล้ายกับเสียวเล้งนึ่งและจึงได้เด็ดมาทัดไว้ที่ข้างหูของนางจึงยิ่งทำให้นางสวยขึ้นอีกหลายเท่า และทุกๆปีที่เอี้ยก้วยรอคอยเสียวเล้งนึ่งเอี้ยก้วยจะเก็บดอกไม้นี้มาวางไว้หน้าผาหินที่เสียวเล้งนึ่งได้สลักข้อความไว้ตลอดทุกปี

วรยุทธของเอี้ยก้วย

[แก้]

ในด้านวรยุทธ เอี้ยก้วยเป็นตัวละครที่ได้เรียนรู้วิชาหลากหลายแขนง จากเหล่ายอดฝีมือแห่งยุคนั้นแทบครบทุกคน ตั้งแต่วิชาของ ลิ้มเฉียวเอ็ง มายังวิชาสำนักชวนจินของ เฮ้งเต้งเอี้ยง รวมถึงวิชาในคัมภีร์ที่เคยสั่นคลอนยุทธพบคือวิชาในคัมภีร์เก้าอิม ยังคงได้เรียนวิชากับ อาวเอี้ยงฮง และอั้งฉิกกง แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝือมือแห่งยุค และสุดท้ายยังได้วิชาของยอดคนในอดีต ต๊กโกวคิ้วป้าย ผ่านอินทรีย์ยักษ์ ทำให้เขาขึ้นเป็นยอดฝีมือเทียบเคียงกับยอดคนในยุคนั้นได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ถือได้ว่าในอายุเดียวกัน ไม่มีใครเก่งเทียบเทียมเขาได้ เนื่องจากเอี้ยก้วยมีความเฉลียวฉลาด ความจำเป็นเลิศ มีพรสรรค์ในการฝึกยุทธ จึงมีวิชาติดตัวมากมาย กับประสบการณ์ต่อสู้อีกหลายครั้ง ทำให้สามารถคิดค้นบัญญัตวิชาขึ้นเองได้คือฝ่ามือกำสลดวิญญาณสลาย (หรือขวัญสลายใจรันทด) นับเป็นความโดดเด่นต่างจากพระเอกคนอื่น ๆ ในนิยายกิมย้ง

ในตอนหนึ่งของบทประพันธ์ กิมย้งได้แสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจในวรยุทธของเอี้ยก้วย จาก 16 ปี ให้หลังดังนี้

ข้างฝ่ายอาวเอี้ยงฮงและจิวแป๊ะทงนั้นเป็นผู้คลั่งวิทยายุทธ์ แต่ด้วยจุดมุ่งหมายต่างกัน จิวแป๊ะทงอยากรู้เพื่อความรู้ถึงกับยอมสัญญาไปพบเอ็งโกว ซึ่งตนหนีมาแต่วัยหนุ่ม เพียงเพื่อให้เอี้ยก้วยแสดงเพลงมวยชุด ขวัญสลายใจรันทด ให้ครบทุกกระบวนท่า เพราะชื่อนั้นน่าสนใจยิ่งนัก ทั้งยังมีอานุภาพยอดเยี่ยม แถมประลองกัน จิวแป๊ะธงงัดทุกกระบวนท่าที่ตนได้สั่งสมมาจนอายุร่วมร้อยปี ไม่สามารถทำให้เอี้ยก้วยเผยกระบวนท่าที่5ได้ สยบกิมลุ้นได้ด้วยท่าที่5 ด้านลมปราณนับว่าเอี้ยก้วยมีมากที่สุดในมังกรหยักทั้งสามภาค ในขณะที่ตนอายุไม่ถึง40 แต่ด้านลมปราณเหนือกว่าราชันย์ทักษิณ และจิวเเป๊ะธงกับกิมลุ้นเสียด้วยซ้ำ ซึ่งแต่ละคนอายุร่วมร้อยปี ในวัยเดียวกัน ไม่มีใครเทียบได้ ต่อให้วัยตามปัจจุบันก็ไม่มีใครเทียบได้ คำชื่นชมของราชันย์ทักษิณยังกล่าวชมว่าเอี้ยก้วยมีพลังกู่ร้องที่สุดยอดกว่าตน อึ้งเฮี้ยซือยังกล่าวว่าฝ่ามือชุดนึงของเอี้ยก้วย เทียบเท่า 18 ฝ่ามือพิชิตมังกรของก๋วยเจ๊ง ด้านความเร็ว จะว่าเร็วปานเทพเซียนก็มิปาน ฟังได้จากนิยายและประสบการณ์ของปรมาจารย์ก๊วยเซียง ซึ่งความเร็วระดับนั้น มิแน่ใจว่าจะเร็วกว่าหลวงจีนห่อคัมภีร์ในเรื่องแปดเทพอสูรมังกรฟ้าหรือไม่

ก้าวสู้ความเป็น วีรบุรุษจ้าวอินทรี

[แก้]

ภายหลัง ในช่วงเวลาที่รอเซียวเหล่งนึ่ง เอี้ยก้วยได้เดินทางท่องยุทธจักรไปกับพี่อินทรี ด้วยวรยุทธที่สูงส่งได้ประกอบวีรกรรมช่วยเหลือคนมากมาย ผู้คนที่ได้รับความช่วยเหลือต่างสำนึกในบุญคุณ เห็นว่าเอี้ยก้วยมักอยู่กับอินทรีเสมอ จึงเรียกว่าวีรบุรุษจ้าวอินทรี แต่ว่าเอี้ยก้วยหลังจากที่มีอายุมากขึ้น ความโออ้วดถือดีแบบเมื่อสมัยเยาว์วัยนั้นลดทอนลงไปมาก มีความถ่อมตัว คิดว่าตัวเองไม่ใช่วีรบุรุษอันใด จึงให้ผู้คนเรียกว่าเป็น ชาวยุทธจ้าวอินทรี แทน

ทายาทตระกูลเอี้ย

[แก้]

บทประพันธ์ของกิมย้ง ในภาคเตียบ่อกี้ ซึ่งมีช่วงเวลาที่ห่างจากภาคมังกรหยกสอง ประมาณ 100 ปี ให้หลังมี การกล่าวถึงแม่นางเสื้อเหลือง หรือแม่นางแซ่เอี้ย ซึ่งปรากฏตัวออกมากำราบจิวจี้เยียก โดยผู้ประพันธ์เขียนให้นางปรากฏตัวครั้งแรกสวยงาม ลักษณะเดียวกันกับที่เซียวเหล่งนึ่งเคยปรากฏตัว

นอกจากนี้ยังพูดประโยคปริศนาในบทประพันธ์ที่คือ

"หลังเขากังหนำ ในสุสานโบราณ คู่รักเจ้าอินทรี สาบสูญจากยุทธภพ"

ส่วนวรยุทธของนางที่กล่าวไว้ในภาคเตียบ่อกี้ ได้แก่ วิชาไม้ตีสุนัข และวิชาเก้าอิมกรงเล็บกระดูกขาว

ตัวละครในเรื่องมังกรหยกสอง

[แก้]

กิมย้งผู้ประพันธ์ ได้ตั้งชื่อของเซียวเล่งนึ่ง ให้มีความหมายแปลกกว่าชื่ออื่นของตัวละครที่ไม่เริ่มด้วยแซ่ (นามสกุล) คำว่า "เซียว" แปลว่าเยาว์ น้อย คำว่า "เล่ง" เป็น แซ่ ส่วนคำว่า "นึ่ง" แปลว่า ผู้หญิง ชื่อนี้จึงเป็นชื่อบอกเพศและวัย มากกว่าเป็นชื่อตัว รวมความแล้วมีความหมายว่า สาวน้อยแซ่เล้ง หากแปลแซ่ด้วยก็จะแปลว่า นางมังกรน้อย

นิสัยของเซียวเหล่งนึ่งนั้นเย็นชา ไม่ค่อยยิ้ม ไม่ค่อยหัวเราะ ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ ทั้งนี้เพราะนางได้ฝึกวิชาห้ามกามคุณทั้ง 6 และอารมณ์ทั้ง 7 ของสำนักตั้งแต่เด็ก เพื่อให้ละทิ้งความรู้สึกทั้งปวง แต่เอี้ยก้วยก็ยังดูออก ดังนั้นแม้นางจะปิดบังความรู้สึกกับผู้อื่นได้ แต่ไม่สามารถปิดบังความรู้สึกกับเอี้ยก้วยได้ ช่วงหลัง ๆ ของบทประพันธ์ จึงเห็นว่านางมักจะแสดงความรู้สึกโดยไม่ปิดบังอารมณ์ของนางกับเอี้ยก้วยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ฉบับดั้งเดิม

[แก้]

แต่แรกเริ่มเมื่อประพันธ์ กิมย้ง ไม่ได้ให้มกเนี่ยมชื้อเป็นมารดาของเอี้ยก้วย หากแต่มารดาของเอี้ยก้วยเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดาที่ไม่รู้วิทยายุทธที่มีชื่อว่า ชิ้นน่ำคิ้ม โดยลงตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ไปแล้วกว่า 10 ปี ต่อมาเมื่อมีการรวมเล่มจึงค่อยปรับเปลี่ยน[1]

อ้างอิง

[แก้]
  1. better (2002-02-08). "แฟนพันธุ์แท้2002 - มังกรหยก". แฟนพันธุ์แท้ 2002. สืบค้นเมื่อ 2018-08-03.