หลัน เจี๋ยอิง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก หลันเจี๋ยอิง)
หลัน เจี๋ยอิง
เกิด27 เมษายน พ.ศ. 2506
หลัน เจี๋ยอิง
บริเตน ฮ่องกง
เสียชีวิต1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 (55 ปี)
ย่านสแตนลีย์ ฮ่องกง
คู่ครอง-เติ้งเส้าผิง (พ.ศ. 2528-2529) ฆ่าตัวตาย
-พอล จง (พ.ศ. 2529-2532) ฆ่าตัวตาย
-เจิ้งเจียเฉิง (พ.ศ. 2539-2541) เลิกลา
อาชีพนักแสดง
ปีที่แสดง-เข้าวงการพ.ศ. 2526
-เริ่มแสดงพ.ศ. 2527-2547
ผลงานเด่นบท "เหอฮัว" เรื่อง "ลิขิตฮ่องเต้" (พ.ศ. 2529) ค่าย "ทีวีบี"
-บท "ผีสาว" เรื่อง "ฤทธิ์นางจิ้งจอก" (พ.ศ. 2532) ค่าย "ทีวีบี"
-บท "ต้วนอี้โหลว" เรื่อง "จอมยุทธผงาดฟ้า" (พ.ศ. 2532) ค่าย "ทีวีบี"
-บท "แม่พระเอก" เรื่อง "คู่แค้นสายโลหิต" (พ.ศ. 2532) ค่าย "ทีวีบี"
-บท "หลอฮุ่ยหลิง" เรื่อง "เจ้าพ่อตลาดหุ้น" (พ.ศ. 2535) ค่าย "ทีวีบี"
สังกัดทีวีบี
ฐานข้อมูล
IMDb

หลันเจี๋ยอิง (จีน:蓝洁瑛; พินอิน :Lán Jiéyīng; กวางตุ้ง :Laam4 Git3 Ying1; 27 เมษายน พ.ศ. 2506 – พฤศจิกายน พ.ศ. 2561) มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Yammie Lam "ยัมมี่ หลิน" เป็นอดีตนักแสดงหญิงชาวฮ่องกง ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วเอเชียในยุคกลางทศวรรษที่ 80-90 ด้วยใบหน้าที่สวยงามตามธรรมชาติของเธอในยุคสมัยนั้น เธอจึงได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่สวยมากคนหนึ่งของ "สถานีโทรทัศน์ทีวีบี" จนถูกทางช่องทีวีบี (TVB) ปลุกปั้นขึ้นมาให้เป็น 1 ใน 5 นักแสดงหญิงสาวสวยมาแรงของทางช่องในตอนนั้นที่เรียกว่ากลุ่ม "5 ธิดามังกร" (TVB's 5 Dragon Girls) ซึ่งประกอบไปด้วย หลันเจี๋ยอิง (蓝洁瑛), เฉิน อี้ว์เหลียน (陈玉莲), ชี เหม่ยเจิน (戚美珍), เจิ้ง หัวเชียน (曾華倩) และ หลี เหม่ยเสียน (黎美嫻) ส่วนในชีวิตการแสดงของเธอนั้นมีผลงานที่โดดเด่นมากมาย ทั้งในจอโทรทัศน์ และภาพยนตร์ อีกทั้งตัวเธอเองก็ถือได้ว่าเป็นนักแสดงที่อาภัพมากที่สุดคนหนึ่งในวงการบันเทิงฮ่องกง เพราะชีวิตช่วงหลังของเธอกลับตกต่ำถึงขีดสุด.[1][2][3][4][5] [6] [7][8][9][10][11][12][13][14][15][16][17][18][19][20][21][22][23]

เธอเป็นดาราที่ไม่ได้มีแค่ความสวย แต่เธอยังเป็นที่ยอมรับในฐานะนักแสดงเจ้าบทบาทอีกด้วย ในช่วงชีวิตการแสดงเธอเคยรับบทเป็นทั้ง นางเอก, นางรอง และ นางร้าย เพราะเธอสามารถเล่นได้หลากหลายบทบาท ทั้ง บทคนบ้าเสียสติ, บทตลก, บทสาวเรียบร้อยอ่อนหวาน หรือ บทตำรวจสาวแกร่ง แต่ทว่า...บทบาทที่สร้างชื่อให้เธอที่สุดและเป็นที่จดจำของผู้ชมมากที่สุดกลับเป็นบทดราม่าหนัก ๆ อย่าง การสวมบทเป็นแม่ของพระเอกที่ถูกใส่ร้ายจนต้องโทษถูกแขวนคอตายในคุก ในละครสากลสุดฮิตเรื่อง "คู่แค้นสายโลหิต" และบทบาท "อาเหมย" หญิงแกร่งทรหดที่ต่อสู้เลี้ยงดูเด็กทั้งสี่คนที่ไม่ใช่ลูกของตนเองซ้ำยังเคราะห์ร้ายถูกกระทบกระเทือนทางด้านจิตใจจนมีอาการทางประสาท ในละครสากลเรื่อง "เจ้าพ่อตลาดหุ้น" ซึ่งทั้ง 2 บทบาทที่กล่าวมานี้เป็นบทชีวิตเข้มข้นที่ หลันเจี๋ยอิง สามารถแสดงอารมณ์ของตัวละครที่แสนจะรันทด นี้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม จนได้รับคำชื่นชมจากผู้ชมละครในตอนนั้นเป็นอย่างมาก

ผลงานละครที่โดดเด่น เรื่องอื่น ๆ ของเธอก็มี เช่น "มารพิณพิฆาต", "ลิขิตฮ่องเต้", "5คู่ชูชื่น", "อิทธิฤทธิ์นางจิ้งจอก", "สวนทางรัก" และ "จอมยุทธผงาดฟ้า" เป็นต้น นอกจากนี้เธอยังได้มีส่วนร่วมแสดงในผลงานภาพยนตร์ดังเรื่อง "ไซอิ๋ว เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน" ภาค 1 และ 2 กับการสวมบทบาทเป็น ปีศาจแมงมุมสาว (สไปเดอร์ วูแมน)

จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมในชีวิตเธอเริ่มขึ้นในปีพ.ศ. 2538-2539 (1995-1996) ในช่วงที่ภาพยนตร์เรื่อง "ไซอิ๋วเดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน" ภาค 1 และ 2 ที่เธอร่วมแสดงกำลังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ แต่เธอต้องพบกับการสูญเสียทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของเธอในเวลาไล่เลี่ยกันซึ่งยากที่เธอจะทำใจได้และในช่วงนี้เองที่แหล่งข่าวในตอนหลังระบุว่าเธอโดนดาราผู้มีอิทธิพลในวงการบันเทิง 2 คน ข่มขืนซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่เธอไปทำงานยังประเทศสิงคโปร์ แต่ตอนนั้นที่ไม่เป็นข่าวปรากฏออกมาเพราะเธอไม่อยากให้เป็นข่าวใหญ่โตเลยไม่ได้ไปแจ้งความ อีกทั้งก่อนหน้านั้นเธอเคยประสบปัญหาความรักที่ล้มเหลวในระยะเวลาไล่เลี่ยกันถึง 2 ครั้งซึ่งแฟนหนุ่มที่เธอรักทั้งสองคนต่างก็ฆ่าตัวตาย คนหนึ่งเป็นพิธีกรหนุ่ม-ดีเจชื่อดังอย่างนาย จงเป่าลว๋อ (鍾保羅) หรือที่รู้จักกันในนาม "พอล จง" เขาคนนี้ฆ่าตัวตายโดยการกระโดดตึกลงมา ส่วนอีกคนเป็นลูกชายของตุลาการคนหนึ่งแซ่เติ้ง เขาคนนี้ก็ฆ่าตัวตายโดยการเปิดก๊าซ จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความสะเทือนใจให้แก่เธอเป็นอย่างมาก และในปีพ.ศ. 2541 (1998) เธอก็ประสบอุบัติเหตุจนบาดเจ็บและต้องพักรักษาตัวนานทำให้เธอไม่มีงานในวงการบันเทิง ซึ่งปัญหาต่าง ๆ ที่ถาโถมรุมเร้าเข้ามามากมายติด ๆ กันได้ทำให้เธอกลายเป็น "โรคซึมเศร้า" จนในปีพ.ศ. 2542 (1999) หลินเจี๋ยอิง ต้องเข้ารับการรักษาในสถานบำบัดผู้ป่วยทางจิตแห่งหนึ่ง

ต่อมาเมื่อเธอได้เข้ารับการบำบัดทางจิตแล้วเธอก็พยายามจะเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยการหวนกลับเข้าสู่ในวงการบันเทิงอีกครั้งแต่บทที่เธอได้รับกลับไม่โดดเด่นเหมือนอดีตทั้งละครและภาพยนตร์ก็ไม่ได้รับความนิยมเลยจนไม่มีใครจ้างงาน ต่อมาเธอได้ตัดสินใจหันหลังให้กลับวงการและไปทำธุรกิจเกี่ยวกับความงามซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นอาชีพที่เหมาะกับเธอเป็นอย่างมาก แต่แล้วเธอก็ต้องพบวิบากกรรมอีกครั้งเมื่อธุรกิจของเธอประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง จนเธอต้องร้องต่อศาลให้เธอกลายเป็นบุคคลล้มละลายในเวลาต่อมา และมีชีวิตอยู่ด้วยเบี้ยเลี้ยงยังชีพของรัฐบาลต่อเดือนเพียง 3,700 เหรียญฮ่องกง เธอกลายเป็นดาราคนแรกในวงการบันเทิงฮ่องกงที่ตกอับจนต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ประจวบกับที่เธอต้องประสบพบเจอกับความรักที่ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าตามมาอีกถึงขนาดที่เธอพยายามจะฆ่าตัวตาย ซึ่งปัญหาชีวิตเหล่านี้ทำให้เธอต้องกลับเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชอีกครั้ง

และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มักจะมีข่าวด้านลบเกี่ยวกับพฤติกรรมผิดปกติของเธอออกมาให้เป็นข่าวเป็นระยะ ๆ เช่น มีภาพของเธอดูเหม่อลอยเดินพุงป่องไร้จุดหมายอยู่บนท้องถนนของฮ่องกง, ภาพเธอมีหงอกเต็มหัวนั่งสูบบุหรี่อยู่ริมถนนเหมือนคนอนาถา หรือภาพเธอเมาหนักจนต้องนอนอยู่ริมฟุตบาทข้างทาง ซึ่งภาพเหล่านั้นที่เป็นข่าวได้สร้างความตกใจและสะเทือนใจแก่ผู้คนที่เคยรู้จักเธอมาตั้งแต่ในอดีต แต่ด้วยนิสัยรักศักดิ์ศรีของเธอ เธอเลยไม่ค่อยจะร้องขอให้คนเข้ามาช่วยเหลือเธอมากนัก โดยในช่วงนั้นเธอต้องอาศัยอยู่ในบ้านพักสงเคราะห์และพักพิง (บ้านพักช่วยเหลือฉุกเฉิน) ของรัฐบาลเพราะเธอไม่มีงานประจำทำ แต่ในความโชคร้ายก็ยังคงมีความโชคดีอยู่บ้าง เมื่อผู้คนได้รับรู้ถึงโชคชะตาที่เล่นตลกกับเธอ ทั้งพี่น้องของเธอและเหล่าเพื่อนดาราก็ต่างเข้ามาช่วยเหลือเธอให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาบ้าง เช่น หลิวเต๋อหัว, หลิวเจียหลิง, เจิงหัวเชี่ยน, อู๋จวินหยูและคนอื่น ๆ มีเพื่อนดาราบางคนก็พยายามหางานแสดงและติดต่อให้เธอมาร่วมเล่น แต่ด้วยโรคซึมเศร้าที่เธอเป็นอยู่ในขณะนั้นบวกกับอารมณ์ที่แปรปรวนเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทำให้เธอไม่สามารถรับงานแสดงในวงการได้เลย และโชคร้ายไปกว่านั้นด้วยนิสัยของเธอที่มักจะเปลี่ยนทั้งเบอร์และโทรศัพท์อยู่บ่อย ๆ ทำให้เพื่อนดาราเหล่านั้นขาดการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องเพราะไม่สามารถติดต่อเธอได้เลย จนต่อมาก็มีข่าวออกมาอีกว่าที่เธอเป็นแบบนี้สาเหตุหลักเพราะเธอเคยถูกดารามาเฟียชาย 2 คนข่มขืนโดยตอนหลังได้มีการเปิดเผยรายชื่อออกมาคือนักแสดงตัวร้ายรุ่นเก่าอย่างนาย เติ้งกวงหยง (เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว) และอีกคนคือดาราตลกที่อดีตเคยโด่งดังอย่างนาย เจิ้งจื่อเหว่ย เมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกมาแน่นอนว่านาย "เจิ้งจื่อเหว่ย" ก็รีบออกมาปฏิเสธข่าวทันทีพร้อมทั้งบอกว่าคลิปที่เป็นข่าวนั้นเป็นการตัดต่อและเตรียมจะฟ้องร้องผู้ที่ทำการเผยแพร่ทั้งหมด จนในที่สุดข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ค่อย ๆ เงียบไป โดยที่ยังไม่ได้มีการยืนยันข้อเท็จจริงใด ๆ จากหลันเจี๋ยอิง

จนเมื่อเวลากลางดึกเข้าเช้าตรู่ของวันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 อดีตดาราสาวชื่อดัง ได้ถูกพบว่าเสียชีวิตภายในห้องน้ำที่แฟลตเหลียงหม่าเฮาส์ ตึกหม่าฮั่งเอสเตทวิลเลจ (Ma Hang Estate,馬坑邨) ซึ่งเป็นการเคหะแห่งหนึ่งที่อยู่ในย่านสแตนลีย์ (Stanley) ที่ฮ่องกง และเป็นห้องพักที่เธออาศัยอยู่ปัจจุบัน ซึ่งเธอน่าจะเสียชีวิตมาประมาณ 2 วันแล้วจากการสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่ที่พบศพ เป็นการปิดฉากชีวิตอันแสนเศร้าและสุดอาภัพของอดีตดาราสาวผู้เป็นตำนานอีกหนึ่งคนของชาวฮ่องกงที่เคยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในระดับเอเชีย

ต่อมาแฟน ๆ ละครในฮ่องกงนับหมื่นคน ต่างเข้าไปรุมด่าสาปแช่งในบัญชีแอคเคาท์ของ ดาราตลกชาย "เจิ้งจื้อเหว่ย" ที่เว็บไซต์ซินล่างเวย์ปั๋ว (weibo) ประมาณว่าเขาเป็นตัวการที่ทำให้ชีวิตของอดีตดาราสาวผู้นี้ต้องพังพินาศ และขอให้เขาได้รับผลกรรมที่ก่อไว้กับเธอเร็ว ๆ

ประวัติ[แก้]

หลันเจี๋ยอิง เกิดเมื่อ วันที่ 27 เม.ย. พ.ศ. 2506 (1963) ที่ฮ่องกงในครอบครัวเชื้อสายชาวจีนแคะ ที่ยากจน ซึ่งเธอเป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัว โดยมีพี่ชาย 1 คนและพี่สาวอีก 1 คน ต่อมาพ่อของเธอได้เสียชีวิตลงไป ทำให้เธอกับแม่และพวกพี่ ๆ อยู่ด้วยความยากลำบาก ไม่นานแม่ของเธอก็มีสามีใหม่ซึ่งเป็นพ่อหม้ายลูกติด 3 คนที่มีฐานะดี ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของทั้งแม่, พวกพี่ ๆ และตัวเธอดีขึ้น แต่ทว่าชีวิตในวัยเด็กของเธอค่อนข้างโหดร้ายเพราะเวลาพ่อเลี้ยงของเธอเมาก็จะอาละวาดชอบทุบตีทั้งแม่และลูก ๆ รวมถึงตัวเธอด้วย ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเธอมาตั้งแต่เด็ก จากนิสัยที่มักใช้ความรุนแรงของพ่อเลี้ยงของเธอ ทำให้เธอคิดเสมอว่าเมื่อเรียนจบมีงานทำและมีเงินเก็บพอเธอจะย้ายออกจากขุมนรกนี้ให้ได้

ในราวต้นปีพ.ศ. 2526 สถานีโทรทัศน์ทีวีบี ได้เปิดอบรมหลักสูตรการแสดงระยะสั้น 6 เดือน ขึ้นมาเป็นครั้งแรกจากหลักสูตรเดิมที่ผู้ผ่านการคัดเลือกต้องใช้เวลาเรียนนานถึง 1 ปี ถือเป็นมิติใหม่ที่ผู้ผ่านการคัดเลือกจะได้เรียนจบไว ๆ และเป็นนักแสดงกับทางช่องได้เร็วขึ้น โดยทางช่องทีวีบีได้ประกาศรับสมัครบุคลากรที่ต้องการจะเป็นนักแสดงกับทางค่าย ซึ่ง หลันเจี๋ยอิง หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมปลายที่ "วิทยาลัยคริสเตียน เก๋อจื้อ" (格致書院 香港基教書院) แล้วเธอได้ตัดสินใจไปกับเพื่อนสาวที่ชื่อ หยางหลิง (楊羚) เพื่อลงทะเบียนเรียนหลักสูตรการแสดงระยะสั้นกับทางโรงเรียนสอนการแสดงของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) ในรุ่นที่ 12 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ หลิวเจียหลิง, อู๋ จวินหยู, เจิ้ง หัวเชียน, ซัง เทียนเอ๋อ, หลิวชิงหวิน, อู๋ฉีหัว และ เถาต้าหวี่ เธอเรียนการแสดงอยู่ประมาณ 6 เดือน จนจบหลักสูตรระยะสั้นและได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ทันที.

ชีวิตในวงการ[แก้]

ผลงานชิ้นแรกในวงการบันเทิงของเธอคือ การ เป็นพิธีกรรายการเด็กของ TVB รายการหนึ่ง ชื่อว่า "กระสวยอวกาศ 430" (430 Space Shuttle) ซึ่งในรายการ เธอได้ทำหน้าที่ดำเนินรายการร่วมกับโจวซิงฉือ และ เจิ้ง หัวเชียน ซึ่งรายการนี้ เหลียงเฉาเหว่ย ก็เคยเป็นพิธีกรในรายการมาก่อนเช่นกัน

ต่อมาในปีพ.ศ. 2527 สถานีโทรทัศน์ทีวีบี ได้ย้ายเธอจากพิธีกร ไปอยู่ฝ่ายละคร ในช่วงแรกทางบริษัทให้เธอรับบทตัวประกอบ, บทนางรอง และบทนางเอก สลับกันไป โดยเริ่มจากละครรักวัยรุ่นเรื่อง "แฝดคนละฝา" (再版人 :The Clones) ที่มี เหลียงเฉาเหว่ย และ หลิวเจียหลิง แสดงนำ, เรื่อง "วิมานสายรุ้ง" (畫出彩虹 :Rainbow Round My Shoulder)นำแสดงโดย หลินจุ้นเสียน และ จาง ม่านอวี้, เรื่อง "เกินกว่าคำว่ารัก" (超越愛情線 :It Takes All Kinds) ร่วมนำแสดงโดย หวงเย่อหัว หวงเจ้าสือ เฉินซิวจู่ และ เยิ่นต๊ะหัว, เรื่อง "2คู่เพี้ยน" (扭計雙星:The Return of Mischievous Lots) แสดงร่วมกับ โอวรุ่ยเฉียง(区瑞强) จอห์นนี่ ยิป(叶振棠) และ เหลียงเจียหัว, เรื่อง "ชีวิตคนเมือง" (城市小品1984) แสดงร่วมกับ เหลียงเฉาเหว่ย จางม่านอวี้ หลี่เหลียงเหว่ย และฉินเพ่ย

แต่ต่อมาในปีเดียวกันเธอก็ได้เป็นนางเอกทันที ในเรื่อง "รักห้าเส้า" (家有嬌妻 :It's a Long Way to Home) รับบทนำร่วมกับ เหลียงเฉาเหว่ย และเรื่อง "จอมเพชฌฆาตหมัดสิงโต" (寶芝林 :The Return Of Wong Fei Hung) เวอร์ชัน หลิวเต๋อหัว ทำให้เธอเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะนางเอก และผลงานอีกเรื่องในปีเดียวกัน คือละครเรื่อง "สวนทางรัก" (超越愛情線 :It Takes All Kinds 1984) ที่เธอประกบคู่กับ หวงเย่อหัว ได้รับความนิยม บทบาทของเธอในเรื่องนี้ได้รับคำชม และทำให้เธอถูกจับตามองในฐานะดาวรุ่งพุ่งแรง

ในช่วงปลายปีพ.ศ. 2527 หลันเจี๋ยอิง ผู้ซึ่งได้รับการสนับสนุนและผลักดันเป็นอย่างมาก จากสถานีโทรทัศน์ TVB ได้ถูกทางบริษัทขอให้เธอทำสัญญาการเป็นนักแสดงระยะยาว 5 ปี แต่เธอกลับรู้สึกว่าระยะสัญญามันนานเกินไป เลยต่อสัญญาไปแค่ 2 ปี ทำให้เธอเกิดมีปัญหากับทางช่องขึ้นมา เลยโดนทางบริษัทแบนไม่ให้เธอมีผลงานนาน 6 เดือน ทำให้เธอโดนปลดจากบทนางเอกที่เดิมทางช่องทีวีบีได้มีการวางตัวเธอให้รับบทนำร่วมกับโจวเหวินฟะในละครสากลย้อนยุคเรื่อง "เจ้าพ่อฮ่องกง" โดยได้ดาราสาวดาวรุ่งอีกคนมาเล่นแทนคือ กง ฉือเอิน

ในปีพ.ศ. 2528 หลังจากโดนแบนงานไปนานครึ่งปี ทางบริษัทก็ให้เธอร่วมแสดงในละครชุด "มารพิณพิฆาต" (六指琴魔 :The Possessed) โดยมีดาราดังร่วมแสดงอย่าง สือซิว, อู๋ฉีหัว และ เติ้ง ชุ่ยเหวิน เป็นละครชุดที่ดังและทำให้เธอมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้น เพราะเรตติ้งและผลตอบรับของผู้ชมค่อนข้างดี จึงทำให้ถัดมาในปีพ.ศ. 2529 เธอมีผลงานตามมามากมาย โดยเฉพาะละคร เรื่อง "ลิขิตฮ่องเต้" (真命天子 :Heir To The Throne Is) ที่มี หลิวเต๋อหัว ร่วมแสดงนำ ได้รับความนิยมและสร้างชื่อให้เธอโด่งดังขึ้นมา แต่ทว่า..ผลงานที่ตามมาอีกหลายเรื่องในปีเดียวกัน ทั้งเรื่อง "รักระยะสุดท้าย" (愛情全盒:Next Year,Next Kins)แสดงร่วมกับ อู่ฉีหัว, เรื่อง "วิระบุรุษโค่นอิทธิพลมืด" (英雄故事 :Turn Around and Die) ร่วมแสดงกับ ว่านจือเหลียง, ละครรักปนตลกเรื่อง "ผมเป็นโสดนะครับ" (鑽石黃老五 :A Taste of Bachelorhood) ร่วมแสดงกับ อู๋ฉีหัว กลับไม่ประสบความสำเร็จมากนัก และในช่วงปลายปีพ.ศ. 2529 หลันเจี๋ยอิง ก็เกิดปัญหากับทางช่อง เพราะนิสัยส่วนตัวของเธอที่แปลก ไม่แคร์สื่อ จนหลายสื่อไม่ค่อยชอบเธอ และการมาทำงานสายบ่อยๆ ของเธอ ในการถ่ายละครเรื่องหนึ่ง ถึงกับทำให้ผู้บริหารของทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ประกาศว่า ไม่สามารถทำงานกับเธอได้อีกต่อไป จนกระทั่ง ต้นปีพ.ศ. 2530 หลังจากหมดสัญญากับทางช่อง หลันเจี๋ยอิง ก็ออกจากสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ไป

หลังออกจากทีวีบี หลันเจี๋ยอิง ก็หันไปรับงานภาพยนตร์ แต่ถึงแม้การเล่นหนังจะได้ค่าตัวมากกว่า แต่การเล่นละครทีวีกลับมีโอกาสหาเงินได้ง่ายกว่า เธอก็เลยอยากกลับไปเล่นละครอีกครั้ง

ครั้งหนึ่งเธอเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารฉบับหนึ่งว่า เธอรู้สึกชอบการเล่นละครมากกว่าภาพยนตร์ เพรา การเล่นละครได้ฟิลลิ่งมากกว่าและต่อเนื่อง ส่วนหนังใหญ่มันไม่ได้อารมณ์ที่ต่อเนื่อง

และเธอหวังว่า การกลับไปเล่นละครให้กับทีวีบี ครั้งนี้ เธอจะไม่ใช่ดาราที่แค่ดูสวยอย่างเดียวเหมือนตอนที่ถูกทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี โปรโมต ในอดีต เธออยากจะเน้นด้านการเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทมากกว่า เธอต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่า เธอไม่ใช่ดาราแจกันที่ประดับจอให้สดสวยเท่านั้น แต่ต้องการพิสูจน์การเป็นดาราเจ้าบทบาทที่ตีบทแตกให้เป็นที่ยอมรับของผู้ชมมากกว่า การเป็นแค่ดาราหน้าตาสวย

ในปีพ.ศ. 2531 เธอกลับเข้ามาเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี อีกครั้ง

ปีพ.ศ. 2532 เข้าสู่ยุคทองของเธออย่างแท้จริง เมื่อ หลันเจี๋ยอิง กลับมาสู่วงการละครทีวีบี อีกครั้ง และโด่งดังกว่าในอดีต เป็นช่วงที่เธอได้พิสูจน์ฝีมือการแสดงอย่างต่อเนื่อง เมื่อทางช่อง ได้ทำตามคำขอของเธอ คือไม่มอบเฉพาะบทบาทนางเอกผู้อ่อนหวาน ให้เธอเหมือนในอดีต แต่ได้มอบบทบาทที่ท้าทายฝีมือการแสดงให้กับเธอมากมาย อย่างที่เธอต้องการ มีทั้งบทนางเอก, นางร้าย, คนบ้า, รันทด เธอก็ตีบทแตกทุกบทที่เธอได้รับ โดยเริ่มจากผลงานเรื่อง "ฤทธิ์นางจิ้งจอก" (万家传说:The Vixen's Tale)เล่นประกบคู่กับ กัวจิ้นอัน โดยมี เติ้งชุ่ยเหวิน รับบท นางจิ้งจอก ผู้หลอกล่อยั่วยวน และ หลันเจียอิง รับบทผีสาวแสน สวย ซึ่งเป็นผลงานที่แจ้งเกิดให้เธออีกรอบ

ต่อมาบทบาทดราม่าหนัก ๆ ที่ท้าทายการแสดงของเธออย่างมาก เป็นการพลิกคาร์เรคเตอร์จากนางเอกมารับบทแม่ที่แสนรันทด ในละครสุดฮิตตลอดกาลเรื่อง "คู่แค้นสายโลหิต" (義不容情:Looking Back in Anger)เธอได้สวมบทบาทเป็นภรรยาของหวงเย่อหัว ที่ถูกใส่ร้าย จนต้องโทษแขวนคอ ถึงแม้บทบาทของเธอในเรื่องนี้จะออกไม่กี่ตอนก็ตาม แต่การแสดงอันยอดเยี่ยมของเธอ ทำให้ในตอนนั้นเธอได้รับคำชมมากมาย

ทั้งเรื่อง "จอมยุทธผงาดฟ้า" (蓋世豪俠 :The Final Combat)ที่มี โจวซิงฉือ หลอฮุ่ยเจียน รวมแสดงนำ และ เรื่อง "มังกรโหด" (還我本色 :War of the Dragon) ที่มี เยิ่นต๊ะหัว, เวินเจ้าหลุน, กงฉือเอิน แสดงนำ ก็ได้รับความนิยม เช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีผลงานเรื่องอื่น ๆ ในปีเดียว อาทิเช่น "สงครามหัวใจ" (摘星的女人 :Battle of the Heart 1989) ร่วมนำแสดงโดย หวงเย่อหัว, สือซิ่ว และ ไม่ชุ่ยเสี่ยน, รับเชิญในเรื่อง "ทะลุเวลาหารัก" (花月佳期 :I Do I Do 1989) นำแสดงโดย กัวจิ้นอัน, เติ้ง ชุ่ยเหวิน และ หลี่ เจียซิน, บทบาทนางร้าย ในเรื่อง "มาม่าซัง ผีเสื้อทมิฬ" (霓虹姊妹花 :The Mamasan) ประชันบทบาทกับ หลีหมิง, เหลียงเพ่ยหลิง และ อู่ไต้หยง

ผลงานเหล่านี้ทำให้เธอไม่ใช่แค่ ดาราสาวสวย อยู่บนหน้าจอทีวี อีกต่อไป เธอได้พิสูจน์ฝีมือทางการแสดงจนเป็นที่ยอมรับจากผู้ชม ในฐานะ นักแสดงมากฝีมือ ได้สำเร็จ แต่แล้วจู่ๆ ในปีพ.ศ. 2533 เธอก็เงียบหายไป ไม่มีผลงาน ว่ากันว่า ด้วยความที่เธอเป็น คนแข็งกระด้างและเจ้าอารมณ์ บางครั้งค่อนข้างติสท์แตก โลกส่วนตัวสูง จึงมักมีปัญหากับสื่อ และทางบริษัท อยู่เสมอ

แต่แล้วในปีพ.ศ. 2534 เธอก็มีผลงานตลกเบาสมองถึง 2 เรื่องด้วยกัน โดยหนึ่งในนั้น เป็นการกลับมารับบทนางเอกเต็มตัว ในเรื่อง "ดวงมากับเฮง" (橫財三千萬 :The poor rich man) มีดาราร่วมแสดงนำคือ เซี้ยะหยี่ และ โอวหยางเจิ้นหัว

ในปีพ.ศ. 2535 ผลงานละครที่ถูกกล่าวขวัญมากที่สุดในชีวิตเธอ คือละครฟอร์มใหญ่ประจำปี เรื่อง "เจ้าพ่อตลาดหุ้น" (大時代 :The Greed of Man)ที่สร้างขึ้นมาในโอกาสพิเศษครบรอบสถานีโทรทัศน์ทีวีบี 25 ปี โดยมีนักแสดงชื่อดังมากมายมาร่วมงาน อาทิเช่น เจิ้งเส้าชิว, หลิวชิงเหวิน, โจว ฮุ่ยหมิ่น และ หลิวสงเหยิน ซึ่งในเรื่องนี้เธอได้รับบทเป็น "อาเหมย" หญิงแกร่งที่ต่อสู้เลี้ยงดูเด็กสี่คนที่ไม่ใช่ลูกของตนเอง ซ้ำยังเคราะห์ร้ายถูกกระทบกระเทือนทางจิตใจจนมีอาการทางประสาท ซึ่ง หลันเจี๋ยอิง ก็สามารถแสดงบทชีวิตที่เข้มข้น นี้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และได้รับคำชื่นชมจากผู้ชมเป็นอย่างมาก พอสิ้นปีเธอก็คว้ารางวัล TV Awards มาครอง โดยได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบนักแสดงยอดนิยมสูงสุดแห่งปี

ปีถัดมาพ.ศ. 2536 ผลงานตลกเบาสมองเรื่อง "5คู่ชูชื่น" (偷心大少 :the art of being together) ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน โดยละครเรื่องนี่ใช้ทีมนักแสดงบางส่วนเป็นชุดเดียวกันกับเรื่อง "เจ้าพ่อตลาดหุ้น" อย่าง หลินเป่าหยี, หลี่ลี่เจิน และ กัวอ้ายหมิง ร่วมแสดงนำ ผลงานละครเรื่องอื่นๆ ในปีนี้ มีเรื่อง "หวังอู่ จอมยุทธ์ดาบใหญ่" (大刀王五)

ในปีพ.ศ. 2537 ละครเรื่องสุดท้ายก่อนที่เธอจะออกจากสถานีโทรทัศน์ทีวีบี คือเรื่อง "ขบวนการขวางทางเถื่อน"(新重案傳真:Crime and Passion) แสดงกับ หลินเจียหัว และ เถาต้าหวี่

หลังจากนั้นเธอยังมีผลงานภาพยนตร์ เด่น ๆ คือ "นางพญาผมขาว ภาค1 หัวใจไม่ให้ใครบงการ" (The Bride With White Hair) ในปีพ.ศ. 2536 และเรื่อง ไซอิ๋วเดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน" ภาค1-2 ในปีพ.ศ. 2538 หลังภาพยนตร์เรื่องนี้ ในปีพ.ศ. 2539 เธอก็ค่อยๆ จางหายไปจากวงการบันเทิง โดยไม่มีใครทราบว่าเธอ ออกจากวงการเพราะสาเหตุอะไร บางก็มีข่าวว่าในช่วงนี้ เธอต้องพบกับเรื่องสะเทือนใจอย่างต่อเนื่องเพราะพ่อกับแม่ของเธอเสียชีวิตไล่เลี่ยกันในระยะเวลาแค่ปีเดียว ตามด้วยเธอต้องประสบปัญหาความรักที่ล้มเหลว ต่อมาในช่วงปีพ.ศ. 2541 (1998) เธอประสบอุบัติเหตุจนบาดเจ็บและต้องพักรักษาตัว ซึ่งปัญหาต่าง ๆ ที่รุมประดังถาโถมเข้ามาติด ๆ กัน จนทำให้ในปีถัดมาพ.ศ. 2542 (1999) เธอต้องเข้ารับการรักษาเยียวยาทางสภาพจิตใจอยู่นานในสถานบำบัดผู้ป่วยทางจิต

หลังจากนั้นก็มีข่าวเกี่ยวกับตัวเธอ เป็นช่วง ๆ ว่าเธอหันหลังจากวงการไปเปิดธุรกิจเกี่ยวกับความงาม และ ต่อมาก็มีข่าวว่าธุรกิจของเธอล้มเหลว จนเธอหมดตัวและโดนศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย และกลายเป็นคนวิกลจริต จนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลโรคประสาทแห่งหนึ่ง ต่อมาก็มีนักข่าวปาปารัสซี่ ตามถ่ายภาพเธอที่มักจะเห็นพฤติกรรมแปลก ๆ ของเธอ อยู่เสมอ และต่อมาก็มีข่าวว่าเธอเคยโดนผู้มีอิทธิพล ในวงการบันเทิง 2 คน ข่มขืนเธอ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2539 ปีที่เธอออกจากวงการบันเทิง และเพราะสาเหตุนี้ ทำให้เธอกลายเป็น "โรคซึมเศร้า" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

และล่าสุดเมื่อประมาณต้นปีพ.ศ. 2561 ก็มีข่าวว่า มีการเปิดเผยรายชื่อ ผู้ชาย 2 คนที่เคยข่มขืนเธอในอดีต หนึ่งในนั้นคือ นักแสดงตลก "เจิ้งจื่อเหว่ย" แต่ต่อมาเขาก็ได้ออกมาปฏิเสธว่า ทุกอย่างที่เป็นข่าวไม่ใช่ความจริง ทำให้ข่าวค่อยๆ เงียบหายไป โดยที่ยังไม่มีการยืนยันข้อเท็จจริงใด ๆ จนล่าสุดอดีตดาราสาว หลันเจี๋ยอิง กลับต้องมาเสียชีวิตลงไปเสียก่อน

ปัญหาชีวิตและการเสียชีวิต[แก้]

จุดเริ่มต้นของปํญหาชีวิตของเธอ จนมีข่าวด้านลบออกมามากมาย เริ่มต้นมาจาก เมื่อปีพ.ศ. 2549 ศาลสูงฮ่องกงได้พิพากษาให้เธอกลายเป็นบุคคลล้มละลาย เนื่องจากปัญหาหนี้สินพ้นตัว จากการทำธุรกิจ เสริมความงามของเธอที่ล้มเหลว จนเธอต้องไปรักษาตัวใน "โรงพยาบาลประสาทขุยหย่ง"

เนื่องจากต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ในปีเดียวกัน เธอจึงไม่สามารถเข้าฟังคำพิพากษาที่ศาลฮ่องกงได้ มีแต่เพียงทนายความเป็นตัวแทนเข้าฟังคำตัดสิน โดยศาลประกาศให้หลันเจี๋ยอิงเป็นบุคคลล้มละลาย ปลดพันธนาการหนี้สินต่างๆ สำเร็จ

และหลังจากนั้นเธอมักจะถูกช่างภาพ ปาปารัสซี่ตามถ่ายภาพการแสดงพฤติกรรมแปลกประหลาด ของเธอที่เต็มไปด้วยความสับสน ซึ่งแสดงออกถึงปัญหาทางสุขภาพจิตของเธอออกบ่อยครั้ง เช่น มีคนพบอดีตนักแสดงสาวชื่อดังสูบบุหรี่อย่างหนัก และสวมชุดนอนออกมาเดินตามท้องถนนในเวลาค่ำคืน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ต้องมาพาตัวไปหลังมีคนโทรศัพท์แจ้งตำรวจ เพราะกลัวว่าอาจจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับเจ้าตัว อีกทั้งเธอยังมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวด้วย ผู้สื่อข่าวที่ได้ภาพดังกล่าวมา ยังให้ข้อมูลว่า แม้จะดูมีอารมณ์ดี แต่นักแสดงสาวยังแสดงอาการแปลกๆ ออกมาเช่นเคย ตั้งแต่การชกลมออกไปอย่างไม่มีเหตุผล ซึ่งหลังจากเดินอยู่ได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เธอได้เข้าไปในร้านเฟอร์นิเจอร์ เพื่อขอลองนั่งโซฟาของทางร้านด้วย และมีนิตยสารฉบับหนึ่งในฮ่องกง ได้ตีพิมพ์ภาพถ่าย ของอดีตนักแสดงสาวคนสวย ในสภาพที่แทบจดจำเค้าเดิมไม่ได้ เดินเปิดท้องโชว์พุงในเขตถนนสแตนลีย์ กลางใจเมืองฮ่องกง

ว่ากันว่าปัญหาสุขภาพจิตของอดีตนางเอกยอดนิยม มีจุดเริ่มต้นมาจากที่เธอ มักจะได้รับบทเป็นตัวละครที่มีอารมณ์แปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย อยู่เสมอ ทั้งบทดราม่าหนัก ๆ ในละครชุดยอดนิยมเรื่อง "คู่แค้นสายโลหิต" และบทหญิงที่ผิดหวังในชีวิตจนสติแตกในหนังชุดสุดดังเรื่อง "เจ้าพ่อตลาดหุ้น" (The Greed of Man) เมื่อหลายสิบปีก่อน ซึ่งมีวิเคราะห์กันว่านักแสดงสาวไม่สามารถสลัดเอาบทบาทการแสดง ออกจากชีวิตจริงของตัวเองได้

นอกจากนั้นในช่วงหลังๆ เธอยังได้พบกับเรื่องสะเทือนใจติดๆ กันบ่อยครั้ง ตั้งแต่การเสียชีวิตของแม่, แฟนหนุ่มฆ่าตัวตาย และประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ รวมถึงปัญหาการเงินในระยะหลังด้วย โดยมีรายงานว่า หลันเจี๋ยอิง ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยทางจิตมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2542 และต่อเนื่องมาอีกหลายหน รวมไปถึงถูกความเครียดเล่นงานอย่างหนัก หลังจากแทบไม่มีงานทำเลยในช่วงหลัง เลยต้องใช้อย่างเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

หลังจากนั้นวันที่ 17 ก.ย. 2551 เว็บไซต์ "เอเชียนแฟนาติกดอตเน็ต" ได้รายงานข่าวว่า นักร้องฮ่องกง "เหยียน เหม่ยหลี" ที่เป็นเพื่อนสนิทของ "หลันเจี๋ยอิง" นางเอกยุค 80 ของทีวีบี เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์"หนานฟาง เดลี่" ถึงที่มาของอาการไม่มั่นคงทางจิตของหลันเจี๋ยอิง ซึ่งเพิ่งเข้าโรงพยาบาลโรคประสาทเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า เป็นเพราะหลันเจี๋ยอิงเคยถูกหัวหน้ามาเฟียในวงการบันเทิงของฮ่องกงข่มขืน ซึ่งเป็นกรณีที่คล้ายกับนางเอก หลิวเจียหลิง ถูกแก๊งมาเฟียอุ้มไปถ่ายรูปเปลือยไว้แบล็กเมล์ เพื่อบีบบังคับให้แสดงภาพยนตร์ให้ เพื่อนเธอให้สัมภาษณ์ว่า

  "เขาเป็นหัวหน้ามาเฟียในวงการบันเทิงฮ่องกง ทางยัมมี่ (ชื่อเล่นหลันเจี๋ยอิง) เล่าให้ฉันฟังว่า มีผู้ชายไม่กี่คนที่เธอเกลียดมาก หนึ่งในนั้นคือมาเฟียรายนี้ ตอนนั้นเธออยู่ที่สิงคโปร์ เพื่อไปถ่ายทำภาพยนตร์ และพบกับคนๆ นี้เข้า เขาข่มขืนเธอ และหลังจากนั้นยังมาเยาะเย้ยถากถางด้วย เธอยังจำได้ว่า เขาแสดงท่าทางเยาะเย้ยอย่างไร"

นักร้องหญิง เล่าต่อว่า มีทนายอีกคนที่เคยมาช่วยดูแลหลันเจี๋ยอิง หลังจากมีอาการป่วยทางจิตไปแล้ว เป็นคนที่ให้เงินและคอยจัดการเรื่องต่างๆ ให้ แต่มาวันหนึ่ง หลันเจี๋ยอิงได้ยินทนายคนนี้พูดโทรศัพท์ว่า "ผมไม่เอาผู้หญิงคนนี้หรอก ทั้งแก่ทั้งอัปลักษณ์ ถึงจะขึ้นเตียงมาผมก็ไม่เอา" จากนั้นหลันเจี๋ยอิงจึงเกลียดทนายคนนี้มาก

ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์หมิงเป้า ของฮ่องกงรายงาน วันที่ 1 กันยายนว่า หลันเจี๋ยอิง ติดต่อมายังกองบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์หมิงเป้า ให้ไปช่วยเธออกจากโรงพยาบาลทางประสาท เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากศาลสั่งให้นางเอกสาวพักอยู่โรงพยาบาล 7 วัน เพื่อเฝ้าดูอาการ และเมื่อครบกำหนดแล้วทางโรงพยาบาลก็ยังไม่ให้ออก

ต่อมาในเดือนมกราคม พ.ศ. 2561 สื่อฮ่องกงหนึ่ง ได้เผยคลิปที่อดีตดาราชื่อดัง “หลันเจี๋ยอิง” กล่าวหาว่า ขาใหญ่แห่งวงการหนังฮ่องกงที่ข่มขืนจนทำให้เธอมีปัญหาทางจิตและกลายมาเป็นโรคซึมเศร้า มาถึงปัจจุบัน คือ “เติ้งกวงหยง” ผู้ล่วงลับ และ “เจิ้งจื่อเหว่ย” พี่ใหญ่แห่งเหล่าดาราฮ่องกง ซึ่งเขาได้ออกโรงปฏิเสธข้อกล่าวหาทันที

ข่าวบอกว่า คลิปดังกล่าวมาจากการสัมภาษณ์ของนิตยสาร "Next Magazine" เมื่อปีพ.ศ. 2556 โดยตอนนั้น ทางนิตยสาร Next Magazine ได้เผยเรื่องราวอันน่าเศร้าในชีวิตของ หลันเจี๋ยอิง ว่า เธอเคยถูกนักแสดงชื่อดัง 2 คนข่มขืน จนทำให้เธอมีปัญหาโรคซึมเศร้ามานาน แต่ตอนนั้นไม่ได้มีการเปิดเผยรายชื่อของทั้ง 2 คน ออกมา

ในคลิปผู้สื่อข่าวถาม หลันเจี๋ยอิง ว่าทำไม เจิ้งจื่อเหว่ย ถึงข่มขืนเธอ ซึ่งเธอก็ตอบออกไปว่า “ฉันว่าเขาคงกำลังเมา จนอาจจะถูกความความชั่วร้ายเข้าครอบงำก็ได้” นอกจากนั้น เธอยังบอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์

แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 19 มกราคม ปีเดียวกัน เจิ้งจื่อเหว่ย รู้ข่าว ก็ได้รีบออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาทันที "เว็บไซต์สเตรตไทมส์" ของสิงคโปร์ รายงานข่าวว่า เอริก ซาง หรือ เจิ้งจื้อเหว่ย นักแสดงและพิธีกรสายฮาคนดังของฮ่องกง แถลงชี้แจงถึงกรณีมีคลิปแพร่ในโลกออนไลน์ อ้างชื่อตนเป็น 1 ใน 2 นักแสดงที่ข่มขืนหลันเจี๋ยอิง นางเอกดังในอดีตที่ต่อมาป่วยทางจิต จนเป็นที่สะเทือนใจแฟนๆ แถลงการณ์ของเจิ้งจื้อเหว่ยเอ่ยถึงคลิปการสัมภาษณ์หลันเจี๋ยอิงที่แพร่สะพัดในโซเชี่ยลมีเดียของจีน ว่าถูกนำมาตัดต่อ ให้เป็นข่าวปลอม ตนได้ให้บริษัทกฎหมายเตรียมการฟ้องร้องผู้เผยแพร่คลิปดังกล่าวแล้ว

ปัจจุบัน หลันเจี๋ยอิง ต้องประทังชีวิตด้วยเงินช่วยเหลือของสังคมสงเคราะห์ เพียงเดือนละ 3,700 เหรียญฮ่องกง (15,000 บาท) เมื่อนำไปเทียบกับค่าครองชีพที่สูงมากในฮ่องกงก็ถือได้ว่าเป็นเงินที่น้อยมาก[24][25][26][27][28]

การเสียชีวิต[แก้]

กลางดึกสงัดของคืนวันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เพื่อนนอกวงการของเธอคนหนึ่งแซ่ลุ่ย (54ปี) ได้เดินทางไปหาเธอที่บ้านพักแถวย่านสแตนลีย์ ด้วยความเป็นห่วงเพราะไม่สามารถติดต่ออดีตดาราสาวผู้นี้ได้ตั้งแต่วันพฤหัส เมื่อไปถึงหน้าห้องพัก ก็ได้ยินเสียงโทรทัศน์เปิดคาทิ้งไว้ในห้อง และได้กลิ่นเหม็นโชยออกมาจากในห้องพักของเธอ จึงได้พยายามเรียกเธอที่หน้าห้องพักอยู่นานสองนาน แต่ก็ไม่มีการโต้ตอบกลับมาหรือได้ยินเสียงใด ๆ เลย เพื่อนของเธอคนนี้จึงตัดสินใจโทรไปร้องขอความช่วยเหลือต่อเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน เมื่อเวลา 00.28 น. เป็นช่วงเวลาที่เพิ่งจะเข้าสู่วันใหม่ของวันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ต่อมาทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็ได้มาถึงที่เกิดเหตุและพบว่า

"ประตูด้านในห้องพักปิดอยู่แต่ประตูด้านนอกไม่ได้ล็อก" 

พวกเขาได้พังประตูเข้าไปในแฟลตและพบร่างไร้วิญญาณของหญิงคนหนึ่งนอนเสียชีวิตบนพื้นภายในห้องน้ำ ซึ่งตอนแรกทางเจ้าหน้าที่ไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่เพื่อนของเธอได้ยืนยันว่าหญิงสาววัยกลางคนผู้เสียชีวิตคนดังกล่าวคืออดีตดาราสาวชื่อดัง "หลันเจี๋ยอิง " นั้นเอง

ในที่เกิดเหตุไม่พบสิ่งผิดปกติเพราะไม่พบร่องรอยใด ๆ ที่น่าสงสัย มีการสันนิษฐานการตายเบื้องต้นว่าเธอน่าจะเป็นลมหมดสติในห้องน้ำและเสียชีวิต ดูจากสภาพศพที่บวมและมีกลิ่นเหม็น คาดว่าร่างของเธอน่าจะเสียชีวิตมาประมาณ 2 วันแล้วเพราะเมื่อวันพุธที่ผ่านมาเพื่อนบ้านของเธอคนหนึ่งยังเห็นเธอที่ร้านกาแฟอยู่เลย แต่เขาสังเกตว่าเธอเดินเชื่องช้าลง และเห็นเท้าของเธอที่ดูบวมมากผิดปกติ ซึ่งตรงกับคำให้การของ รปภ. ประจำตึกที่เธอพักอาศัยว่าเห็นเธอครั้งสุดท้ายเมื่อวันพุธที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังพบบันทึกการโทรศัพท์เข้า-ออกของเธอในวันพุธซึ่งหมายความว่าเธอน่าจะเสียชีวิตในวันถัดมาคือวันพฤหัส ซึ่งก็ตรงกับคำให้การของเพื่อนอดีตดาราสาวผู้นี้ว่า ในวันจันทร์ยังได้โทรคุยกับเธออยู่เลยแต่ในวันพฤหัสที่ผ่านมาเขาก็ไม่สามารถโทรติดต่อเธอได้อีก[29][30][31][32]

ต่อมาหลังจากชันสูตรศพแล้ว แพทย์ได้ระบุถึงสาเหตุการเสียชีวิตว่า เธอเสียชีวิตเพราะเป็นลมหมดสติในขณะที่อยู่ในห้องน้ำ เท่าที่ตรวจพบเกิดจากการทำงานของทั้ง ตับ ไต และหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เนื่องจากเธอต้องทานยารักษาโรคซึมเศร้ามานาน 20 ปี ซึ่งเป็นการใช้ยาในระยะเวลาที่นานเกินไปส่งผลให้ระบบการทำงานของอวัยวะภายในล้มเหลว

การช่วยเหลือ[แก้]

หลังจากที่อดีตดาราสาวผู้อาภัพ "หลันเจี๋ยอิง" ได้เสียชีวิตลงไป ถือได้ว่าเป็นการปิดฉากชีวิตอันแสนเศร้าที่เธอต้องเผชิญมานานกว่า 20 ปี และเมื่อไม่นานมานี้ก็มีหลายสื่อหลายสำนัก ออกมาเปิดเผยความจริงในเรื่องราวของเหล่าเพื่อนดาราที่ได้พยายามเข้ามาช่วยเหลือเธอในช่วงที่เธอตกต่ำ เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้วในยุคที่ยังไม่มีการโอนเงินสดผ่านแอปพลิเคชัน ครั้งหนึ่งพระเอกตลอดกาลอย่าง หลิวเต๋อหัว ผู้ซึ่งเคยแสดงประกบกับเธอในอดีตอยู่หลายเรื่องทั้งงานละครและงานภาพยนตร์ เช่นละครเรื่อง จอมเพชฌฆาตหมัดสิงโต (The Return Of Wong Fei Hung 1984) และละครเรื่อง ลิขิตฮ่องเต้ (Heir To The Throne Is 1986) รวมทั้งภาพยนตร์ดารม่าเรื่อง นี่แหละ..หัวใจแม่ (The Unwritten Law 1985) และภาพยนตร์เรื่องดังที่เป็นการรวมตัวมาแสดงของกลุ่ม 5 พยัคฆ์ทีวีบี ในเรื่อง เพื่อเพื่อนสับมันเลย (The Tigers 1991) เมื่อเขาได้รู้ข่าวว่าเธอได้ตกระกำลำบาก เขาก็รีบติดต่อเธอเพื่อมอบเงินสดช่วยในเรื่องค่าใช้จ่าย 100,000 ดอลลาร์ฮ่องกง เพื่อให้เธอได้เอาไว้ใช้จ่ายในการดำรงชีวิตไปก่อน

แต่อย่างไรก็ตามในคืนนั้น หลันเจี๋ยอิง ได้ออกไปดื่มเหล้าที่บาร์แห่งหนึ่งและถูกโจรลักลอบขโมยเงินของเธอที่เพิ่งได้มาจาก หลิวเต๋อหัว ทำให้ต่อมาเธอคิดมากจนถึงขนาดที่จะฆ่าตัวตาย ด้วยเหตุผลนี้ หลิวเต๋อหัว จึงช่วยพาเธอไปพบจิตแพทย์เพื่อเยี่ยวยารักษา และเขายังช่วยแนะนำให้เธอไปสมัครขอรับสวัสดิการสังคมต่าง ๆ จนเธอได้มีที่พักอาศัยที่ดีขึ้นในระดับหนึ่ง

ต่อมามีการระบุถึงเพื่อนนักแสดงคนหนึ่งที่ไม่มีการเอ่ยนาม ว่าเขาพยายามติดต่อให้เธอมาร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง แต่ด้วยโรคซึมเศร้าที่เธอเป็นในตอนนั้นทำให้อารมณ์ของเธอแปรปรวนขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นสาเหตุให้เธอไม่สามารถรับงานแสดงได้เลย ส่วนเพื่อนนักแสดงคนอื่น ๆ เช่น เช่น หลิวเจียหลิง, เจิงหัวเชี่ยน และ อู๋จวินหยู ต่างก็พยายามติดต่อเธอเพื่อจะยื่นมือเข้าไปช่วย แต่ก็ไม่สามารถติดต่อเธอได้เลยเพราะ หลันเจี๋ยอิง เปลี่ยนเบอร์บ่อยมาก

ภายหลังจากอดีตดาราผู้นี้ได้เสียชีวิตลงไป พระเอกชื่อดัง กู่เทียนเล่อ ซึ่งปัจจุบันนอกจากการเป็นนักแสดงแล้วเขายังมีตำแหน่งเป็น "ประธานสมาคมนักแสดงฮ่องกง" อีกด้วย เมื่อทราบข่าวร้ายเกี่ยวกับเธอจึงได้ออกมาบอกกับสื่อต่าง ๆ ว่าเขาจะช่วยจัดงานศพให้กับ “หลันเจี๋ยอิง” อย่างสมเกียรติ เพราะเธอเป็นส่วนหนึ่งของวงการบันเทิงฮ่องกง แต่ทว่าในเวลาต่อมาทางพี่น้องของ หลันเจี๋ยอิง ไม่ต้องการให้มีการจัดงานศพของเธอใหญ่โตเอิกเกริก พวกเขาแค่ต้องการให้พิธีศพของเธอ เป็นแบบเรียบง่ายและสงบ โดยได้รับการช่วยเหลือทางด้านพิธีศพจากโบสถ์คริสเตียนแห่งหนึ่งที่ (Saint Anne's Church) ซึ่งเป็นโบสถ์เซนต์เดียวกันกับที่ หลันเจี๋ยอิง ได้รับศีลล้างบาป (Baptism) เป็นคาทอลิกไปเมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556 (2013) ซึ่งทางพี่น้องของเธอไม่ขอรับบริจาคใด ๆ แต่ถ้าใครคิดจะช่วยเหลือก็ให้บริจาคกับทางโบสถ์โดยตรง และงานศพจะเริ่มขึ้นเวลา 20.00 น ของวันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อระลึกถึงเธอในช่วงพิธีมิสซา

พิธีศพ[แก้]

งานศพของเธอจัดขึ้นที่โบสถ์คาทอลิกเซนต์แอนน์ (St. Anne's Church) ในเขตย่านสแตนลี่ย์ของฮ่องกง โดยพิธีเริ่มขึ้นเวลา 20.00 น ของวันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อระลึกถึงเธอในช่วงพิธีมิสซาและยาวไปอีกสองวัน

พิธีศพของเธอจัดแบบเล็ก ๆ เรียบง่ายไม่ได้ใหญ่โตเพราะเป็นความต้องการของทางครอบครัวของเธอ มีผู้คนมาร่วมในงานแค่ 300 คนรวมถึงคนในวงการบันเทิงที่เคยรู้จักกับเธอ เช่น เถาต้าหวี่, เส้าจงเหิง, หลี่ลี่เจิน, จางเหว่ยเจี้ยน และเติ้ง ชุ่ยเหวิน เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นงานศพของอดีตดาราที่มีชื่อเสียงแต่มีคนมาร่วมงานไม่มากนัก ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับงานศพของเหล่าอดีตดาราดังระดับตำนานของฮ่องกง ที่พิธีศพต่างถูกต่างจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ อย่าง หลินไต้, องเหม่ยหลิง, บรูซ ลี, ฟู่เซิง, เลสลี่ จาง, เหมย เยี่ยนฟาง หรือแม้กระทั่งดาราอย่าง โอวหยัง เพ่ยซัน ก็ตาม

ในวันที่ 15 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ได้นำร่างของเธอไปฌาปนกิจ บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงาเพราะสื่อมวลชนน้อยมากที่ไปทำข่าวโดยมีพี่ของเธอและเพื่อนไม่กี่คน

ในวันต่อมา 16 พฤศจิกายน ได้เอาอัฐิเถ้ากระดูกของเธอไปไว้ในที่สงบตามหลักศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก โดยอัฐิของ "หลัน เจี๋ยอิง" จะถูกนำไปเก็บไว้ที่สุสานของโบสถ์เซนต์ราฟาเอล ในย่านฉางชาวาน เขตเกาลูน

ชีวิตส่วนตัว[แก้]

บุคลิกลักษณะนิสัย[แก้]

ในอดีต ย้อนกลับไปตั้งแต่ ยุค80s-90s หลันเจี๋ยอิง ได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงไม่กี่คน ที่บรรดาสื่อของฮ่องกง ไม่ชอบ เพราะเธอเป็นคนแข็งกร้าวเอาแต่ใจตัวเองอีกทั้งยังเป็นคนตรงเกินไปและออกไปทางหยิ่ง ๆ บางครั้งก็พูดจาขวานผ่าซากมาก จนทำให้ทั้งผู้กำกับ, ดารา และทีมงานหลายคนไม่ค่อยชอบเธอเท่าไร แม้กระทั่งกับนักข่าวเอง เธอก็ไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์ ที่ดีนัก จนหลายครั้งเธอก็โดนสื่อ และทางช่องสถานีโทรทัศน์ทีวีบี แบน

และด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทในวงการบันเทิงมากนักเพราะความที่เธอเป็นคนพูดตรง ๆ จนหลายคนในวงการไม่ค่อยชอบเธอ อีกทั้งเธอเป็นคนที่ไม่เข้าหาใครก่อนจนบางครั้งดูเหมือนหยิ่ง เมื่อชีวิตเธอตกต่ำ เลยไม่ค่อยมีใครให้ความช่วยเหลือเธอ เท่าที่ควร

ด้านความรัก[แก้]

ในอดีต หลันเจี๋ยอิง เป็นดาราสาวสวยและพราวเสน่ห์เป็นอย่างมากในยุคสมัยที่ศัลยกรรมยังไม่เป็นที่นิยม จึงไม่น่าแปลกใจที่ดาราสาวสวยอย่างเธอจะมีข่าวคาวในช่วงสั้น ๆ กับดาราชายหลายคนว่ามารุมตามจีบเธอ เช่น หลี่หมิง, หลิวเต๋อหัว, โจวซิงฉือ, เหลียงเฉาเหว่ย, เอ๋อ ตงเซิน (尔冬陞) และ ซิวกวันเลา (刘少君) ซึ่งมีทั้งที่เป็นข่าวจริงและไม่จริง แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลันเจี๋ยอิง ถือได้ว่าเป็นดาราสาวที่อาภัพในเรื่องของความรักมากคนหนึ่ง[33][34][35][36][37][38]

ในช่วงแรกเริ่มเข้าวงการเคยมีข่าวว่า เหลียงเฉาเหว่ย ตามจีบเธอหลังจากที่เขาได้เลิกลากับ เจิงหัวเชี่ยนไปแล้ว แต่นั้นเป็นแค่ข่าวลือเพราะต่อมาเธอได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง

ต่อมาในช่วงปีพ.ศ. 2528-2529 (1985-1986) เธอได้พบเจอชายหนุ่มแซ่เติ้ง ซึ่งเป็นคนนอกวงการบันเทิง และเธอได้คบกับเขาในฐานะคนรู้ใจ แต่อย่างไรก็ตามชายคนดังกล่าวได้ฆ่าตัวตายด้วยการเปิดแก๊สเมื่อปีพ.ศ. 2529 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทำให้ หลันเจี๋ยอิง เริ่มประสบปัญหาทางจิตอย่างหนัก หลังจากผ่านไปหลายปี เธอได้พูดถึงชายหนุ่มคนนี้ให้ฟังอีกครั้งว่า "เขาเป็นสุภาพบุรุษและเขายังเป็นเพื่อนที่ดี" ของเธออีกด้วย

ความรักครั้งต่อมาในช่วงปีพ.ศ. 2529-2532 เธอได้พบรักกับดาราพิธีกรหนุ่ม-ดีเจชื่อดังของเกาะฮ่องกงในขณะนั้นอย่างนาย จงเป่าลว๋อ (鍾保羅) หรือที่รู้จักกันในนาม พอล จง นั่นเอง ในตอนนั้นทั้งสองคนกำลังได้รับความนิยมทั้งคู่เลยตัดสินใจแอบคบกันอย่างเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้บริษัททีวีบีรู้ แต่ต่อมาเขาได้ฆ่าตัวตายโดยการกระโดดตึก 26 ชั้นลงมาเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2532 (1989) ในบ้านของเขาที่เมืองชินนาวัน รายงานหลายฉบับกล่าวว่าเขามีหนี้สินจำนวนมากจากการเล่นการพนันก่อนที่เขาจะเสียชีวิต แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเธอได้ให้สัมภาษณ์ว่า ข่าวซุบซิบในอดีตระหว่างความสัมพันธ์ของเธอกับ พอล นั้นคบหาดูใจกันจริงแต่ยังไม่ได้ถึงขั้นลึกซึ้งถึงขนาดที่จะเรียกว่าแฟน ได้อย่างจริงจัง เพราะเขาดันฆ่าตัวตายไปก่อน

ต่อมาในปีพ.ศ. 2539-2541 ก็มีข่าวว่าเธอได้พบรักครั้งใหม่กับลูกของนักธุรกิจใหญ่ ลี กาชิง แห่งตระกูลเจิ้งผู้ร่ำรวยมั่งคั่งระดับมหาเศรษฐีต้น ๆ ของเกาะฮ่องกง อย่างนาย เจิ้งเจียเฉิง (郑家成) ความรักของทั้งคู่ดูหวานชื่นมาก ถึงขนาดที่ฝ่ายชายยอมซื้อคอนโดหรูติดทะเล ในราคาเกือบ 6 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ให้เธอได้อยู่อาศัยในช่วงที่ทั้งสองรักกัน ว่ากันว่าทั้งคู่มีโครงการที่จะแต่งงานกันแต่ทุกอย่างต้องสะดุด เพราะมีมือที่สามเข้ามาแทรกกลางเสียก่อน อีกทั้งก็มีข่าวว่าตัวของฝ่ายชายเองก็ไม่สามารถทนต่ออารมณ์แปรปรวนของเธอได้อีกต่อไปจนฝ่ายชายได้พบรักกับสาวคนใหม่ ซึ่งเป็นการจบสิ้นความรักในครั้งนี้ลงอย่างน่าเสียดายเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีมีสื่อสำนักข่าวแห่งหนึ่งพยายามขุดคุ้ยเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งโดยมีการสัมภาษณ์เธอ แต่เธอได้ปฏิเสธที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเธอให้เหตุผลว่าเรื่องมันผ่านไปนานแล้ว เธอไม่ต้องการจะพูดถึงมันอีก

ในปีพ.ศ. 2544-2546 (2001-2003) ความรักครั้งสุดท้ายที่ปรากฏเป็นข่าว คือเธอได้พบรักกับชายหนุ่มต่างชาติชาวแคนาดา คนหนึ่งจนทั้งสองเกือบจะได้แต่งงานด้วยกันอยู่รอมร่ออยู่แล้ว แต่จู่ ๆ ฝ่ายชายก็ได้จากเธอไปโดยที่เขาไม่ได้บอกกลาสักคำ ว่ากันว่าเป็นความรักที่สร้างความเจ็บปวดในหัวใจของเธอมากที่สุด ถึงขนาดกรีดข้อมือฆ่าตัวตายแต่โชคยังดีที่มีคนช่วยไว้ทัน

โดยในช่วงปีพ.ศ. 2544 (2001) ชื่อเสียงและความนิยมของเธอเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็ไม่ได้สนใจกับความสำเร็จในวงการบันเทิงอีกแล้ว ในตอนนั้นเธออยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่นและวางแผนสำหรับอนาคตว่าหลังจากแต่งงานกับแฟนหนุ่มชาวแคนาดาคนนี้แล้วก็จะย้ายไปอยู่ที่ประเทศแคนาดากับเขาหลังจากนั้นก็จะมีลูกกับเขาทันที แต่โชคร้ายที่ความรักครั้งนี้กลับต้องจบสิ้นในระยะเวลาเพียงสองปีที่คนทั้งคู่ได้คบหากัน โดยมีข่าวออกมาว่าราว ๆ สิ้นปีพ.ศ. 2546 (2003) แฟนหนุ่มของเธอไม่อาจทนอารมณ์ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ของเธอได้อีกต่อไปจนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจกลับไปแคนาดาโดยไม่ได้บอกลาเธอสักคำ ว่ากันว่าความรักครั้งนี้สร้างความเจ็บปวดในหัวใจแก่เธอมากกว่าความรักครั้งก่อน ๆ เพราะเธอรักแฟนหนุ่มชาวแคนาดาคนนี้มาก

ข่าวว่า แม้ว่าแฟนหนุ่มต่างชาติคนนี้จะทิ้งเธอไปนานหลายปีแล้วก็ตาม แต่ภาพถ่ายของเขาก็อยู่คงอยู่บนเตียงในห้องพักของเธอ ตอนหลังเธอได้ออกมาเปิดเผยว่า ความรักครั้งนี้ทำให้เธอคิดมากถึงขนาดที่จะพยายามฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง

ผลงาน[แก้]

(ปีพ.ศ. 2527):-

(ปีพ.ศ. 2528):-

(ปีพ.ศ. 2529):-

(ปีพ.ศ. 2530):-

(ปีพ.ศ. 2532):-

(ปีพ.ศ. 2534):-

(ปีพ.ศ. 2535):-

(ปีพ.ศ. 2536):-

(ปีพ.ศ. 2537):-

(ปีพ.ศ. 2538):-

(ปีพ.ศ. 2542):-

  • ภาพยนตร์เรื่อง "เงาใจ" (Tender Heart 1999)

(ปีพ.ศ. 2545):-

  • ภาพยนตร์เรื่อง "คืนผีเดือด 16" (troublesome Night 16)
  • หวังอู๋จอมดาบพิฆาตอธรรม (the lone sabra 2002)

(ปีพ.ศ. 2547):-

อ้างอิง[แก้]

  1. "ข้อมูลทางโรงเรียนสอนการแสดง". โดย Wireless TV Artist Training Course. สืบค้นเมื่อ 2018-07-28.
  2. "藍潔瑛寫真照片". tpwang.net.
  3. 接受nowTV訪問:係靚就靚,做咩要絕啫? เก็บถาวร 2017-06-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน《蘋果日報》
  4. 王惠琳 (2015-05-09). "染髮上妝受訪 藍潔瑛坦承靠救濟金過活". 聯合報. สืบค้นเมื่อ 2018-07-28.
  5. https://weibo.com/6245651750/FDG9H1Xvp
  6. 韩颖华指控曾志伟:性侵不止一次 曾迷晕7名模 เผยแพร่:2018-07-28 http://ent.ifeng.com/a/20180111/43020514_0.shtml
  7. https://weibo.com/1727012530/FDIib7mvq
  8. https://www.zhihu.com/question/265391525
  9. "蓝洁瑛罕见封面照曝光,笑容天真灿烂,靓绝五台山不夸张!". 嗅娱 發表于娱乐. 2018-01-11. สืบค้นเมื่อ 2018-07-28.[ลิงก์เสีย]
  10. https://weibo.com/6245651750/FDG9H1Xvp
  11. "蓝洁瑛_百度百科". Baidu. สืบค้นเมื่อ 2018-07-28.
  12. หมวด : ภาพยนตร์/ละคร (2013-07-27). "ย้อนเล่าละครเรื่อง "เจ้าพ่อตลาดหุ้น ที่ไม่ตกยุคสมัย"". โอเคเนชั่น. สืบค้นเมื่อ 2018-07-28.
  13. หมวด :ต่างประเทศ (January 14, 2013). "เธอออกจากวงการปีพ.ศ. 2539". voicetv. สืบค้นเมื่อ December 16, 2018.
  14. 环球网 (October 12, 2016). "เรื่องราวอดีตแฟนเก่าและชีวิตของหลันเจี๋ยอิ่ง แบบเจาะลึก". weibo. สืบค้นเมื่อ December 16, 2018.
  15. "บันทึกชีวิตของหลันเจี๋ยอิ่ง". sina. November 3, 2018. สืบค้นเมื่อ December 16, 2018.
  16. "เพื่อนในวงการเข้ามาช่วยเหลือ". epochtimes. November 5, 2018. สืบค้นเมื่อ December 16, 2018.
  17. "พิธีศพ". United Evening News. November 7, 2018. สืบค้นเมื่อ December 16, 2018.
  18. "ชีวิตที่ผ่านมาของ "หลันเจี๋ยอิง"". hket. November 3, 2018. สืบค้นเมื่อ December 16, 2018.
  19. "แฟนหนุ่ม 2 คนฆ่าตัวตาย". sohu. November 10, 2018. สืบค้นเมื่อ December 16, 2018.
  20. "นิสัย,ประวัติในครอบครัวและการถูกดองงาน". sina. สืบค้นเมื่อ November 12, 2018.
  21. ข่าวอพอลโล (November 13, 2018). "นิสัยและการถูกดองงาน". aboluowang. สืบค้นเมื่อ November 13, 2018.
  22. หน้าต่าง Yingshi (November 5, 2018). "ชีวิตที่ผ่านมา". sohu. สืบค้นเมื่อ December 16, 2018.[ลิงก์เสีย]
  23. "由 山鬼光影 發表于娛樂" (November 21, 2016). "เรื่องราวชีวิตที่สมบูรณ์". kknews. สืบค้นเมื่อ November 22, 2018.[ลิงก์เสีย]
  24. หมวดข่าวบันเทิง (January 11, 2018). "เจิ้งจื้อเหว่ย ดาวตลกฮ่องกงโต้ลั่น ชี้ "ข่าวปลอม" กล่าวหาข่มขืนหลันเจี๋ยอิง". โดย ข่าวสด. สืบค้นเมื่อ December 16, 2018.
  25. หมวดบันเทิงเอเชีย (January 11, 2018). "สะเทือนฮ่องกง! เผยแล้ว? "เจิ้งจื่อเหว่ย" คือคนข่มขืน "หลันเจี๋ยอิง" จนเธอมีปัญหาทางจิต". โดย MGR Online. สืบค้นเมื่อ December 16, 2018.
  26. หมวด : ดารา/นักร้อง/คนดัง (November 13, 2010). "ลำดับเรื่องราว "หลันเจี๋ยอิง"". โดย oknation. สืบค้นเมื่อ December 16, 2018.
  27. หมวด : ดารา/นักร้อง/คนดัง (January 15, 2018). "ใครข่มขืน "หลันเจี๋ยอิง"". โดย tnews. สืบค้นเมื่อ December 16, 2018.[ลิงก์เสีย]
  28. หมวด : ดารา/นักร้อง/คนดัง (February 16, 2006). ""หลันเจี๋ยอิง" เข้ารักษาในโรงพยาบาลจิตเวชเกาลูน ก่อนย้ายไปรักษาในโรงพยาบาลประสาทขุยหย่ง". โดย MGR Online. สืบค้นเมื่อ December 16, 2018.
  29. https://m.scmp.com/news/hong-kong/law-and-crime/article/2171526/former-tvb-actress-yammie-lam-55-found-dead-hong-kong
  30. http://m.cn.rfi.fr/%E6%B8%AF%E6%BE%B3%E5%8F%B0/20181104-%E4%B8%80%E5%BA%A6%E7%BE%8E%E7%BB%9D%E9%A6%99%E6%B8%AF%E5%BD%B1%E8%A7%86%E5%9C%88%E5%A5%B3%E6%98%9F%E8%93%9D%E6%B4%81%E7%91%9B%E7%8B%AC%E5%B1%85%E7%8C%9D%E6%AD%BB%E4%B8%A4%E6%97%A5%E6%96%B9%E8%A2%AB%E5%8F%91%E7%8E%B0
  31. http://www.takungpao.com/news/232109/2018/1104/199094.html
  32. http://www.kwongwah.com.my/?p=597978[ลิงก์เสีย]
  33. "ชีวิตรักที่ผ่านมาของ "หลันเจี๋ยอิง"". hket. November 3, 2018. สืบค้นเมื่อ December 16, 2018.
  34. "สามปีแฟนสองคนได้ฆ่าตัวตาย". takungpao. May 2, 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-07-29. สืบค้นเมื่อ December 16, 2018.
  35. "ความรักของเธอ". heimaying. February 25, 2014. สืบค้นเมื่อ December 16, 2018.[ลิงก์เสีย]
  36. http://tw.aboluowang.com/2013/0201/281884.html
  37. "ความรักที่แสนอาภัพ". maoyan. October 1, 2018. สืบค้นเมื่อ December 16, 2018.
  38. "ความรักของเธอ". channel8news. October 3, 2018. สืบค้นเมื่อ December 16, 2018.[ลิงก์เสีย]
  39. https://www.imdb.com/title/tt0112778/
  40. https://www.imdb.com/title/tt0114996/

แหล่งข้อมูล[แก้]