โตโยต้า ไฮลักซ์
![]() | ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง คุณสามารถพัฒนาบทความนี้ได้โดยเพิ่มแหล่งอ้างอิงตามสมควร เนื้อหาที่ขาดแหล่งอ้างอิงอาจถูกลบออก |
โตโยต้า ไฮลักซ์ | |
---|---|
![]() | |
ภาพรวม | |
บริษัทผู้ผลิต | โตโยต้า |
เริ่มผลิตเมื่อ | มีนาคม 2511–ปัจจุบัน |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
ประเภท | รถกระบะขนาดกลาง |
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นก่อนหน้า | โตโยต้า สเตาท์ |
รุ่นต่อไป | โตโยต้า ทาโคม่า (อเมริกาเหนือ) |
โตโยต้า ไฮลักซ์ (อังกฤษ: Toyota Hilux) หรือที่คนไทยเรียกติดปากว่า ไฮลักซ์ วีโก้ (Hilux Vigo) (ในรุ่นที่ 7) / ไฮลักซ์ รีโว่ (Hilux Revo) (ในรุ่นที่ 8) เป็นรถกระบะที่ได้รับการผลิตและพัฒนาโดยรถยนต์โตโยต้า เพื่อมาแทนรถกระบะรุ่นเก่าคือโตโยต้า สเตาท์ (Toyota Stout) เริ่มผลิตครั้งแรกใน พ.ศ. 2511 จนถึงปัจจุบันมีวิวัฒนาการตามช่วงเวลา 8 รุ่น (โฉม) ดังนี้
รุ่นที่ 1 (พ.ศ. 2511 – พ.ศ. 2515)[แก้]
โฉมแรกนี้เริ่มผลิตครั้งแรกในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2511 โดยใช้ชื่อรุ่นว่า Hilux ซึ่งมาจากคำว่า "Highly-Luxurious" แปลว่า หรูหราเหนือระดับ ซึ่งในที่นี้หมายความว่าหรูหรามากกว่าโตโยต้า สเตาท์ ในสมัยนั้น
โฉมแรกนี้มีรหัสตัวถัง RN10 มีขายในสหรัฐด้วย แต่จะมีรถแบบเดียวคือแบบรุ่นมาตรฐาน 2 ประตู เกียร์ธรรมดา 4 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง (สมัยนั้นยังไม่มีการนำเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา 5 สปีด มาใช้ในไฮลักซ์)
ส่วนเครื่องยนต์จะใช้ขนาด 1,490 ซีซี 2R I4 ในช่วงแรก แต่ต่อมาใน พ.ศ. 2514 ไฮลักซ์ก็ได้เปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ 1,587 ซีซี 12R I4 ยกเว้นในสหรัฐอเมริกา ที่จะใช้เครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่า คือ เริ่มจาก 1,897 ซีซี 3R I4 85 แรงม้า, แล้วเปลี่ยนเป็น 1,858 ซีซี 8R SOHC I4 97 แรงม้าใน พ.ศ. 2513 และเป็น 1,968 ซีซี 18R SOHC I4 108 แรงม้า ใน พ.ศ. 2515
รุ่นที่ 2 (พ.ศ. 2515 – พ.ศ. 2521)[แก้]
โฉมที่สองนี้ รหัสตัวถัง RN20 มีการปรับปรุงให้ไฮลักซ์มีความสะดวกสบายในห้องโดยสารมากขึ้น ใช้เครื่องยนต์ 1,587 ซีซี 12R I4 ยกเว้นในสหรัฐที่ใช้เครื่องยนต์ 1,968 ซีซี 18R SOHC I4 108 แรงม้า ซึ่งต่อมาเครื่องยนต์นี้ถูกนำไปขายควบคู่เป็นทางเลือกกับเครื่อง 1,587 ซีซี นอกสหรัฐใน พ.ศ. 2520
พ.ศ. 2518 ไฮลักซ์มีการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ ให้มีขนาดใหญ่และสะดวกสบายขึ้นอีก มีการนำระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด มาใช้ในไฮลักซ์เป็นครั้งแรก ใช้เครื่องยนต์ 2,189 ซีซี 20R SOHC I4 96 แรงม้า ทำให้ผู้ซื้อในอเมริกัน ตั้งชื่อเล่นให้มันว่า Pickup เป็นต้นกำเนิดของคำว่าปิกอัป ซึ่งต่อมาคำนี้ก็กลายเป็นคำศัพท์ที่แปลว่ารถกระบะ
รุ่นที่ 3 (พ.ศ. 2522 – พ.ศ. 2526)[แก้]
โฉมนี้ภาษาชาวบ้านเรียกว่า "ม้ากระโดด" เป็นโฉมแรกที่ไฮลักซ์มีการผลิตรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และเป็นโฉมที่มีการใช้เกียร์อัตโนมัติกับไฮลักซ์ โดยโฉมบุกเบิกนี้จะเป็นเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด ขายควบคู่กับเกียร์ธรรมดา 4 และ 5 สปีด ทำให้ไฮลักซ์ได้เข้าสู่วงการรถเอสยูวี (SUV) และรถโตโยต้าโฟร์รันเนอร์ (4Runner) ก็เป็นรุ่นที่แตกหน่อออกมาจากไฮลักซ์โฉมนี้
รุ่นที่ 4 (พ.ศ. 2527 – พ.ศ. 2531)[แก้]
โฉมนี้เป็นโฉมแรก ที่ไฮลักซ์มีการผลิตกระบะรุ่นที่นั่ง 2 แถว 2 ประตู (เอ็กซ์ตร้าแค็บ) ขายคู่กับที่นั่ง 1 แถว 2 ประตูแบบดั้งเดิม (ซิงเกิ้ลแค็บ) พรีเซ็นเตอร์ โดยเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์
พ.ศ. 2529 สหรัฐหยุดการนำเข้าโตโยต้า ไฮลักซ์ อย่างไม่ทราบเหตุผล
โฉมนี้เป็นที่รู้จักในประเทศไทยว่า โตโยต้า ไฮลักซ์ เฮอร์คิวลิส (Toyota Hilux Hercules) ในช่วงต้น และต่อมาเปลี่ยนไปใช้ชื่อว่า โตโยต้า ไฮลักซ์ ฮีโร่ (Toyota Hilux Hero) โดยยังคงใช้ตัวถังเดิมที่มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
รุ่นที่ 5 (พ.ศ. 2532 – พ.ศ. 2541)[แก้]
โฉมนี้เป็นโฉมแรกที่ไฮลักซ์มีบอดี้แบบ 2 แถว 4 ประตู (ดับเบิลแค็บ) เกียร์อัตโนมัติเพิ่มจาก 3 สปีด เป็น 4 สปีด และไฮลักซ์ได้รับรางวัล Truck of the Year (รถบรรทุกแห่งปี) ประจำปี พ.ศ. 2532
โฉมนี้ประสบความสำเร็จดีมากและผลิตอยู่นานถึง 9 ปี บริษัทโฟล์กสวาเกน (Volkswagen) ได้เซ็นสัญญาดูแลและนำไฮลักซ์ (เฉพาะโฉมนี้) เข้าสู่ตลาดรถยนต์ในเยอรมนี ในชื่อ โฟล์กสวาเกน ทาโร่ (Volkswagen Taro) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 ถึงปี พ.ศ. 2540
ใน พ.ศ. 2538 โตโยต้าได้ผลิตรถกระบะรุ่นโตโยต้า ทาโคม่า (Toyota Tacoma) เพื่อส่งรถกระบะโตโยต้าเข้าตลาดสหรัฐอีกครั้งแทนรุ่นไฮลักซ์ที่จู่ ๆ สหรัฐก็หยุดนำเข้าไปตั้งแต่ พ.ศ. 2529
ส่วนในประเทศไทย โฉมนี้เป็นที่รู้จักในนาม โตโยต้า ไฮลักซ์ ไมตี้เอ็กซ์ (Toyota Hilux Mighty-X) ซึ่งจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533–2541
รุ่นที่ 6 (พ.ศ. 2541 – พ.ศ. 2547)[แก้]
โด่งดังขึ้นใน พ.ศ. 2541 ในชื่อ โตโยต้า ไฮลักซ์ ไทเกอร์ (Toyota Hilux Tiger) ด้วยเครื่องยนต์ 5L และเริ่มใช้เครื่องยนต์หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ในปี พ.ศ. 2543 เริ่มใช้เครื่องยนต์ 1KZ ใน พ.ศ. 2544 เป็นระยะสั้น ๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ดีโฟร์ดี (D-4D) ในปลายปีเดียวกัน
รุ่นที่ 7 (พ.ศ. 2547 – พ.ศ. 2558)[แก้]
โฉมนี้เป็นที่รู้จักในประเทศไทยอย่างล้นหลามในชื่อโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ (Toyota Hilux Vigo) สำหรับในประเทศไทยได้มีการเปิดตัวเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2547 การออกแบบเบื้องต้นของวีโก้ได้รับการคัดลอกนำไปใช้ในการออกแบบรถโตโยต้า อินโนวา (Toyota Innova) และโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ (Toyota Fortuner)
ในประเทศไทยจะมีเครื่องยนต์ 5 ชนิด คือ เครื่องยนต์ ดีเซล 4 ชนิด และ เบนซิน 1 ชนิด ได้แก่
- เครื่องยนต์ดีเซล 1KD-FTV 3,000 ซีซี ดีโฟร์ดี คอมมอนเรล VN TURBO INTERCOOLER
- เครื่องยนต์ดีเซล 2KD-FTV 2,500 ซีซี ดีโฟร์ดี คอมมอนเรล VN TURBO INTERCOOLER
- เครื่องยนต์ดีเซล 2KD-FTV 2,500 ซีซี ดีโฟร์ดี คอมมอนเรล TURBO INTERCOOLER
- เครื่องยนต์ดีเซล 2KD-FTV 2,500 ซีซี ดีโฟร์ดี คอมมอนเรล TURBO
- เครื่องยนต์เบนซิน 2TR-FE 2,700 ซีซี VVT-i
ไฮลักซ์ วีโก้ มีอยู่ 3 รุ่นหลักคือ
- รุ่นมาตรฐาน (รุ่นหนึ่งตอน)
- รุ่นเอ็กซ์ตร้าแค็บ (รุ่นตอนครึ่งแค็บเปิดไม่ได้) และ สมาร์ทแค็บ (รุ่นตอนครึ่งแค็บเปิดออกได้) ที่มีการผลิตและจำหน่ายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 (โดยในรุ่นสุดท้ายคือ "ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์" จะมีเฉพาะรุ่น J ที่แค็บเปิดไม่ได้)
- รุ่นดับเบิ้ลแค็บ (รุ่นสองตอน 4 ประตู)
ประวัติการเปลื่ยนแปลง
ก่อนปรับโฉม
ปี พ.ศ. 2549 ปรับอุปกรณ์ เพิ่มเครื่องยนต์ 2.5 I/C เพิ่ม 2 สีใหม่ สีนํ้าเงิน และสีเทา พร้อมรุ่นพิเศษ Prerunner & 4X4 Exclusive และ 4X2 Limited
ปรับโฉมครั้งที่ 1[แก้]
เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2551 ได้ทำการปรับโฉมใหม่ และเพิ่มทางเลือกรุ่น Smart Cab กระบะแค็บเปิดได้
ปี พ.ศ. 2552 มีการเพิ่มรุ่น Smart Cab 2.5 J
ปี พ.ศ. 2553 ปรับอุปกรณ์ เพิ่มเครื่องยนต์ 2.5 VN TURBO เพิ่มสีขาวในรุ่นยกสูง พร้อมกระตุ้นตลาดด้วยรุ่นพิเศษ Exclusive และ Limited อีกครั้ง
ปรับโฉมครั้งที่ 2 (Hilux Vigo Champ)[แก้]
เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ได้ปรับโฉมใหม่ทั้ง 2 รุ่น ด้วย Hilux Vigo Champ และ Toyota Fortuner ที่มาพร้อมกับดีไซน์โดดเด่น ด้วยการปรับโฉมใหม่รอบคัน และทั้งสองรุ่นนี้ ก็ได้พัฒนาเครื่องยนต์ เป็นเครื่องยนต์อัจฉริยะไดมอนด์เทค
ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2555 ปรับอุปกรณ์เช่น ระบบช่วงล่าง DTS ระบบ Eco Navi พนักพิงด้านหลัง 3 จุดและเข็มขัดนิรภัยแบบ ELR ทุกที่นั่ง เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด เพิ่มรุ่นย่อย 6 รุ่นเช่น
- รุ่นมาตรฐาน 2.5 J (VNT)
- รุ่นสมาร์ทแค็บ 2.5 G (VNT)
- รุ่นสมาร์ทแค็บ พรีรันเนอร์ 2.5 E ABS (Navi)
- รุ่นดับเบิ้ลแค็บ พรีรันเนอร์ 2.5 E ABS (Navi)
- รุ่นดับเบิ้ลแค็บ พรีรันเนอร์ 2.5 E ABS 5AT
- รุ่นดับเบิ้ลแค็บ พรีรันเนอร์ 2.5 E ABS 5AT (Navi)
และตัดรุ่น Extra Cab 2.5 J
และมีรุ่น TRD Sportivo ด้วยชุดแต่งรอบคัน และช่วงล่าง DTS Plus ในช่วงต่อมา
เดือน กันยายน พ.ศ. 2556 ปรับอุปกรณ์ ด้วยสีภายในโทนใหม่สีดำ และมาพร้อมกับถุงลมนิรภัยคู่หน้าทุกรุ่น
เดือน เมษายน พ.ศ. 2557 ปรับโฉมรุ่น TRD Sportivo ด้วยการปรับชุดแต่งใหม่ และสปอร์ตบาร์ในรุ่นดับเบิ้ลแค็บ[ต้องการอ้างอิง]
รุ่นที่ 8 (พ.ศ. 2558 – ปัจจุบัน)[แก้]
โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (AN120/AN130) | |
---|---|
![]() | |
ภาพรวม | |
เรียกอีกชื่อ | TruckMasters OX (ฟินแลนด์) |
เริ่มผลิตเมื่อ | 2558–ปัจจุบัน |
แหล่งผลิต | ประเทศไทย: สมุทรปราการ อาร์เจนตินา: ซาราเต แอฟริกาใต้: เดอร์บัน ปากีสถาน: การาจี มาเลเซีย: ชะฮ์อาลัม อินเดีย: บีดาดี |
ผู้ออกแบบ | Hiroki Nakajima (2556) |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
รูปแบบตัวถัง | 2 ประตู (S-Cab) 4 ประตู (C-Cab; D-Cab) |
โครงสร้าง | เครื่องวางหน้า, ขับเคลื่อนล้อหลัง เครื่องวางหน้า, ขับเคลื่อนสี่ล้อ |
รุ่นที่คล้ายกัน | โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ โตโยต้า อินโนวา |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ | |
ระบบเกียร์ | 5- or 6-speed manual 6-speed iMT manual 5- or 6-speed automatic |
มิติ | |
ระยะฐานล้อ | D-Cab: 3,085 mm (121.5 in) |
ความยาว | D-Cab: 5,335 mm (210.0 in) |
ความกว้าง | D-Cab: 1,855 mm (73.0 in) |
ความสูง | D-Cab 1,820 mm (71.7 in) |
โตโยต้า ไฮลักซ์ โฉมที่ 8 ได้เผยโฉมครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ที่ศูนย์การแสดงนิทรรศการ ไบเทค บางนา[1] และได้เริ่มจำหน่ายวันแรก เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 และในวันเปิดตัวก็มีการถ่ายทอดสดผ่านทางฟรีทีวีให้ผู้ชมได้รับชมด้วย อีกทั้งได้จัดงานเปิดตัวใน 4 จังหวัด 4 ภาค คือที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดชลบุรี และจังหวัดสงขลา[1] โฉมนี้ได้ใช้ชื่อท้ายรุ่นว่า รีโว่ (Revo)
22 มีนาคม พ.ศ. 2559 ได้เพิ่มรุ่น TRD Sportivo มาพร้อมกับชุดแต่งรอบคัน ทั้งภายนอกและภายใน มาพร้อมกับช่วงล่าง DCS พัฒนาใหม่ ออกแบบและพัฒนาโดย TRD
ต่อมาในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559 ได้ทำการปรับอุปกรณ์ในรุ่น E เช่น แผงตกแต่งคอนโชลภายใน จากสีดำเป็นสีโครเมื่ยม เพิ่มรุ่นย่อย E Plus และ ลดอุปกรณ์เลือกเพิ่มในรุ่น J,J Plus และ E เช่น ระบบไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์/ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ/ระบบปรับไฟสูง-ตํ่าอัตโนมัติ/ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL (Daytime Running Light) ส่วนรุ่น Double Cab 2.4 G ยกสูง และรุ่น Smart Cab G ยกสูง ได้ปรับเปลี่ยนไฟหน้าใหม่ จากเดิม ไฟหน้าฮาโลเจนมัลติรีเฟลกเตอร์ มาเป็น ไฟหน้าโปรเจกเตอร์ LED พร้อม ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL (Daytime Running Light) แบบ LED แทน
ต่อมาในกลางเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2560 ได้เพิ่มรุ่นมาตรฐาน 2.4 J แค็บและแชสซีส์ ในราคา 516,000 บาท
ต่อมาในกลางเดือน สิงหาคม พ.ศ. 2560 ได้ปรับเล็กน้อยเช่น กระจกไฟเลื้ยวรมดำ เพิ่มไฟส่องห้องโดยสารเปิดอัตโนมัติ และไฟส่องตำแหน่งกุญแจในรุ่น J Plus ยกเลิกรุ่น 2.7 Double Cab 4X2
รุ่นปรับโฉม (2017)[แก้]
หลังจากยอดขาย Isuzu D-Max แซงเป็นอันดับ 1 แทน Toyota Hliux Revo จึงต้องรีบปรับโฉมอย่างกะทันหัน เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เช่น กระจังหน้า,กันชนหน้า,ไฟตัดหมอก เป็นดีไชน์ใหม่หมด ส่วนรุ่น MY2017 ชึ่งมาในโฉมเดิมแต่เพิ่มอุปกรณ์เลือกเพิ่มให้มากขึ้นรวมถึงการเพิ่มรุ่น Rocco เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ทั้งแบบ Double Cab และ Smart Cab
วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561 Toyota Hilux Revo ได้เปลื่ยนเกียร์ธรรมดาจาก 5 เป็น 6 สปีด ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ เพิ่มเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ในรุ่นมาตรฐาน ขับเคลื่อน 2 ล้อ, Smart Cab ขับเคลื่อน 2 ล้อ, Double Cab ขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกเลิกรุ่น MY2017 และ รุ่นเครื่องยนต์ 2.7 ลิตร ส่วนรุ่น 2.8 G Double Cab มีการเพิ่มระบบ T-Connect Telematics รวมถึงการเพิ่มรุ่น Rocco 2.4 ลิตร
วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2562 เปิดตัวรุ่น Z Edition ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ทั้ง Smart Cab และ Double Cab ปรับกันชนหน้าและกระจังหน้าดีไซน์ใหม่
วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2562 โตโยต้าได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และมุ่งมั่นที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดมลพิษทางอากาศมาโดยตลอด จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถรองรับการใช้น้ำมันไบโอดีเซล B20
วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เปิดตัวรุ่นแต่งพิเศษ ECU ULTRA BOOST โดยกล่องเพิ่มสมรรถนะเครื่องยนต์ จะทำงานร่วมกับ ECU หลักของเครื่องยนต์ ช่วยเพิ่มพละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า 518 นิวตันเมตร
รุ่นปรับโฉมครั้งที่ 2 (2020)[แก้]
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2563 เป็นการปรับโฉม Minorchange รอบที่ 2 คราวนี้ทำการเปลี่ยนงานออกแบบด้านหน้าตัวรถอีกครั้ง พร้อมกับการจูนเครื่องยนต์ใหม่ ให้มีพละกำลังแรงขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ด้านท้ายรถยังมีการเปลี่ยนดีไซน์ไฟท้ายใหม่อีกด้วย
งานดีไซน์ของ Toyota Hilux REVO Minorchange มีความเปลี่ยนแปลงดังนี้ เช่น ไฟหน้า Bi-Beam LED, กระจังหน้า, กันชนหน้า, ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว และ ไฟท้าย ดีไซน์ใหม่
ส่วนภายในห้องโดยสาร แดชบอร์ดจะใช้ดีไซน์เดิม แต่มีการเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆ เล็กน้อย เช่น ชุดมาตรวัด, หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว, วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร ดีไซน์ใหม่ และ ระบบเครื่องเสียง รองรับ Apple CarPlay™ และ Android Auto™
นอกเหนือจากงานดีไซน์ที่ปรับเปลี่ยนไปแล้ว ส่วนสำคัญที่มีการปรับเปลี่ยนเป็นครั้งแรก นับจากที่ Toyota Hilux REVO เปิดตัวคือ ” เครื่องยนต์ ” จะมีการจูนเพิ่มพละกำลังในเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร VN เทอร์โบ รหัส 1GD-FTV Super Power เพิ่มพละกำลัง เป็น 204 แรงม้า 500 นิวตันเมตร (เพิ่มจากเดิม 27 แรงม้า 50 นิวตันเมตร)
และยังติดตั้งระบบ Toyota SAFETY SENSE มาให้ใน Toyota Hilux REVO รุ่น ROCCO
- ระบบความปลอดภัยก่อนเกิดเหตุ Toyota Safety Sense
ระบบความปลอดภัยก่อนการชน และ เบรกอัตโนมัติ Pre-Collision System
ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงพวงมาลัยอัตโนมัติ Lane Keeping Assist
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control
Hilux Revo Gazoo Racing Sport[แก้]
ล่าสุด Toyota ประเทศไทย เตรียมเปิดตัว Hilux Revo เพิ่มรุ่นพิเศษ GR Sport เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย 25 สิงหาคม 2564
-
- กระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถดีไซน์ใหม่ พร้อมตัวหนังสือ TOYOTA และสัญลักษณ์ GR
- กันชนหน้าพร้อมชุดตกแต่ง และกันชนหลังสีดำเมทัลลิก
- ชุดตกแต่งซุ้มล้อสีเดียวกับตัวรถตกแต่งด้วยสีดำเมทัลลิก
- กระจกมองข้างสีดำเมทัลลิก ปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบ Welcome Light
- เสาอากาศแบบ Shark Fin
- สัญลักษณ์ GR และ GR Sport บริเวณด้านข้างและฝาท้าย
- สปอร์ตบาร์สีดำเมทัลลิกพร้อมไฟส่องสว่าง LED และพื้นปูกระบะ
- ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่แบบ GR Sport
- สติ๊กเกอร์ด้านข้างและท้ายกระบะ ดีไซน์พิเศษเฉพาะรุ่น GR Sport
- กุญแจรีโมท Smart Key ดีไซน์พิเศษเฉพาะรุ่น GR Sport (เฉพาะรุ่น 4x4)
-ไฮลักซ์ รีโว่ GR Sport ยกสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ (Hi-Floor (4x4)) ราคา 1,299,000 บาท
-ไฮลักซ์ รีโว่ GR Sport ขับเคลื่อน 2 ล้อ (Lo-Floor) ราคา 889,000 บาท
ต่อมาในเดือน ตุลาคม พ.ศ. 2564 Toyota Hilux Revo ได้ทำการปรับเพิ่มอุปกรณ์ในรุ่นยกสูงทั้ง Rocco , PreRunner , 4x4 ขับเคลื่อน 4 ล้อ (ในรูปแบบ MY2022) เช่น กระจังหน้าสีโครเมี่ยมและดำเงา (เพิ่มในรุ่นเกรด Entry ขึ้นไป) , ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ Bi-Beam LED (เพิ่มในรุ่นเกรด Entry ขึ้นไป) , เบาะนั่งแบบหนังสังเคราะห์แท้สีดำพร้อมปรับระดับไฟฟ้า 8 ทิศทางฝั่งผู้ขับขี่ (เพิ่มในรุ่นเกรด Mid ขึ้นไป) , เครื่องปรับอากาศแบบ Dual Zone (2 โซน) แยกอิสระ ซ้าย-ขวา (ในรุ่น Rocco และ รุ่นเกรด High) , กล้องมองรอบทิศทาง Panoramic View Momitor 360 องศา (ในรุ่น Rocco และ รุ่นเกรด High) , ระบบแจ้งเตือนในมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง Blind Spot Monitor (ในรุ่น Rocco และ รุ่นเกรด High) , ระบบแจ้งเตือนในขณะถอยรถหรือมีรถในจุดอับสายตา Rear Cross Traffic Alert (ในรุ่น Rocco และ รุ่นเกรด High) , เซ็นเซอร์เตือนกะระยะ 6 จุดรอบคัน Park Sensor (เพิ่มในรุ่นเกรด Mid ขึ้นไป)
Gallery[แก้]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ 1.0 1.1 "TOYOTA HILUX REVO รุ่นใหม่เจนเนอเรชั่นที่ 8 เปิดตัวแบบเวิลด์พรีเมียร์ในประเทศไทย". mortortrivia.com. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2018-03-27. สืบค้นเมื่อ 2017-04-24. line feed character in
|title=
at position 19 (help)
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
![]() |
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: โตโยต้า ไฮลักซ์ |
- ข้อมูลของไฮลักซ์โฉมที่ 8 รุ่นมาตรฐาน โดย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
- ข้อมูลของไฮลักซ์โฉมที่ 8 สมาร์ท แค็บ โดย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
- ข้อมูลของไฮลักซ์โฉมที่ 8 ดับเบิ้ล แค็บ โดย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
- โตโยต้า ไฮลักษ์ รีโว่ ใหม่ "The Peak of Pick-up Revolution"
- ข้อมูลของไฮลักซ์โฉมที่ 7 รุ่นมาตรฐาน และเอ็กซ์ตร้า แค็บ โดย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
- ข้อมูลของไฮลักซ์โฉมที่ 7 สมาร์ท แค็บ โดย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
- ข้อมูลของไฮลักซ์โฉมที่ 7 ดับเบิ้ล แค็บ โดย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
- โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ ใหม่ "The Peak of Pick-up Evolution"