เทียนไถ
เทียนไถ (จีน: 天台; พินอิน: PRC Standard Mandarin: Tiāntāi, ROC Standard Mandarin: Tiāntái) เป็นนิกายหนึ่งของพุทธศาสนามหายาน ในจีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, และ เวียดนาม เป็นนิกายที่นับถือ สัทธรรมปุณฑริกสูตร ว่าเป็นคำสอนสูงสุดของพุทธศาสนา[1] ในญี่ปุ่นนิกายนี้เรียกว่าเทนได, ในเกาหลีเรียกว่าชอนแท, และในเวียดนามเรียกว่าเทียนไท
ชื่อนิกายว่าเทียนไถได้มาจากการที่ท่าน จื้ออี้ (538–597 CE) บูรพาจารย์ลำดับที่ 4 ของนิกายอาศัยอยู่บน ภูเขาเทียนไถ [2] จื้ออี้ได้รับการยกย่องเช่นกันในฐานะที่เป็นบุคคลสำคัญคนแรก ที่แยกสำนักนิกายจากขนบพุทธศาสนาแบบอินเดีย แล้วสร้างขนบพุทธศาสนาแบบจีน นิกายเทียนไถบางครั้งก็เรียกว่า "นิกายสัทธรรมปุณฑรีก" เพราะสัทธรรมปุณฑรีกสูตรมีบทบาทสำคัญมากในคำสอน [3]
ในช่วงราชวงศ์สุย นิกายเทียนไถกลายเป็นหนึ่งในนิกายชั้นนำของศาสนาพุทธแบบจีน มีวัดขนาดใหญ่จำนวนมากที่ได้รับการสนับสนุนจากจักรพรรดิและผู้อุปถัมภ์ที่ร่ำรวย อิทธิพลของนิกายจางหายไปและฟื้นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อถึง ราชวงศ์ถัง และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วง ราชวงศ์ซ่ง หลักคำสอนและการปฏิบัติของนิกายมีอิทธิพลต่อนิกายสำคัญในจีน เช่น เซน และ นิกายสุขาวดี
ประวัติ[แก้]
ไม่เหมือนนิกายก่อนหน้านี้ของพุทธศาสนาแบบจีน นิกายเทียนไถนั้นมีต้นกำเนิดมาจากจีนทั้งกระบิ [4] นิกายของศาสนาพุทธที่มีอยู่ในประเทศจีนก่อนที่จะเกิดขึ้นของนิกายเทียนไถนั้น โดยทั่วไปเชื่อว่าจะเป็นแทนของนิกายที่ได้รับการถ่ายโดยตรงจากอินเดีย โดยมีการปรับเปลี่ยนคำสอนและวิธีการขั้นพื้นฐานด้านการปฏิบัติเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เทียนไถเติบโตและเจริญรุ่งเรืองในฐานะนิกายพุทธแบบจีนพื้นเมืองแท้ๆ ในสมัยจื้ออี้ปรมาจารย์ที่ 4 ผู้พัฒนาระบบหลักคำสอนและการปฏิบัติแบบชาวพุทธชาวจีนอย่างกว้างขวางโดยเขียนตำราและอรรถกถามากมาย
เมื่อเวลาผ่านไป นิกายเทียนไถกลายมีหลักคำสอนที่กว้างขวา งสามารถดูดซับแนวคิดจากนิกายอื่นๆ แม้ว่าจะไม่มีโครงสร้างที่เป็นทางการใด ๆ [4] นิกายนี้เน้นทั้งการศึกษาพระคัมภีร์และการฝึกสมาธิและสอนว่าการรู้แจ้งสำเร็จได้ด้วยการพิจารณาจิต [5]
คำสอนของนิกายนี้ ส่วนใหญ่อิงกับคำสอนของจื้ออี้, จ้านหราน และจือหลี่ ซึ่งอยู่ระหว่างศตวรรษที่ 6 และ 11 คณาจารย์เหล่านี้ใช้วิธีการที่เรียกว่า "การจำแนกประเภทของคำสอน" โดยความพยายามที่จะประสานคำสอนทางพุทธศาสนาจำนวนมากที่มีแนวคิดขัดแย้งกัน ซึ่งถูกนำเข้ามาในจีน นี่คือความสำเร็จผ่านการตีความอิงกับสัทธรรมปุณฑรีกสูตร
หลักคำสอน[แก้]
หนานไหวจิ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านพุทธศาสนานิกายยฉานในศตวรรษที่ 20 สรุปการสอนหลักของนิกายเทียนไถดังต่อไปนี้:
- มียานเดียว คือ เอกยาน
- ยานแห่งการบรรลุ สัมาสัมพุทธะ เป็นหลักการสำคัญ;
- สมาธิสามรูปแบบ คือ สมถะ - วิปัสสนา มีความสัมพันธ์กับการทำสมาธิโดยพิจารณาสุญญตา
- มีมรรคเป็นแนวทางการปฏิบัติเพื่อความรู้แจ้ง [6]
การแบ่งคำสอนในพุทธศาสนา[แก้]
นิกายนี้จัดแบ่งคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นห้าช่วงคือ
- แสดงอวตังสกสูตร มีใจความว่าจักรวาลทั้งหมดเป็นเพียงการปรากฏของจิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
- แสดงธรรมแบบหีนยาน ประกอบด้วยอริยสัจสี่และมรรคมีองค์แปด
- แสดงวิมลเกียรตินิทเทศสูตร ซึ่งให้ความสำคัญแก่อุดมคติของพระโพธิสัตว์
- แสดงปรัชญาปารมิตาสูตร มีใจความว่าสิ่งสูงสุดเป็นสุญตาคือความว่าง
- แสดงสัทธรรมปุณฑริกสูตร มีใจความว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายมีความเป็นพุทธะอยู่ในตัว เมื่อกำจัดอวิชชาได้สิ้นเชิง พุทธภาวะจะแสดงออกมา
นิกายนี้แบ่งคำสอนของพระพุทธเจ้าตามวิธีการสอนและลักษณะคำสอนดังนี้
- วิธีการสอน 4 อย่าง
- วิธีฉับพลัน ใช้กับผู้มีปัญญาและความสามารถสูง
- วิธีค่อยป็นค่อยไป ใช้กับบุคคลทั่วไป
- วิธีลับเฉพาะตน ใช้กับคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ
- วิธีอันไม่เจาะจง ใช้กับคนหมู่มาก
- ลักษณะคำสอน 4 อย่าง
- คำสอนในพระไตรปิฎก แสดงแก่พระสาวกและพระปัจเจกพุทธเจ้า
- คำสอนสามัญ เป็นลักษณะร่วมของหินยานและมหายาน แสดงแก่พระสาวก พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์
- คำสอนพิเศษ แสดงแก่พระโพธิสัตว์โดยเฉพาะ
- คำสอนสมบูรณ์ แสดงหลักทางสายกลางและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคัมภีร์ทั้งหลาย
นิกายเทนได[แก้]
ก่อตั้งโดยไซโช ซึ่งเป็นที่รู้จักหลังมรณภาพว่าเดนเกียว ไดชิ ได้รับอิทธิพลจากนิกายเทียนไท้ของจีน โดยนับถือสัทธรรมปุณฑริกสูตรเป็นคัมภีร์หลัก แนวความคิดพื้นฐานของนิกายนี้คือ “อิชิจิสุ” สัจจะมีเพียงหนึ่ง เน้นการปฏิบัติทางสมาธิภาวนา ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นหลักปฏิบัติของนิกายเซนด้วย
หลักอิชิจิสุทำให้นิกายนี้มีลักษณะประนีประนอมต่อนิกายอื่นและต่อศาสนาชินโตด้วย ไซโชได้สร้างวัดเอนเรียวกูจิขึ้นที่ภูเขาไฮอิ เมื่อ พ.ศ. 1341 วัดนี้เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาในญี่ปุ่นกว่า 800 ปีซึ่งในช่วงดังกล่าว พระสงฆ์นิกายนี้มีบทบาททางการเมืองด้วย
แห่งที่มา[แก้]
- Groner, Paul (2000), Saicho : The Establishment of the Japanese Tendai School, University of Hawaii Press, ISBN 0824823710.
- Snelling, John (1987), The Buddhist handbook. A Complete Guide to Buddhist Teaching and Practice, London: Century Paperbacks
- Ziporyn, Brook (2004), Being and ambiguity: philosophical experiments with Tiantai Buddhism, Illinois: OpenCourt, ISBN 978-0-8126-9542-7
- Huai-Chin, Nan (1997). Basic Buddhism: Exploring Buddhism and Zen. York Beach, Me.: Samuel Weiser. ISBN 1578630207.
- Groner, Paul (2000), Saicho : The Establishment of the Japanese Tendai School, University of Hawaii Press, ISBN 0824823710
- Williams, Paul (2008). Mahayana Buddhism: The Doctrinal Foundations 2nd edition. Routledge
- ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์. ศาสนาและปรัชญาในจีน ทิเบต และญี่ปุ่น. กทม. สุขภาพใจ. 2545
อ้างอิง[แก้]
- ↑ Groner 2000, p. 199–200.
- ↑ Snelling 1987, p. 154.
- ↑ Ziporyn 2004.
- ↑ 4.0 4.1 Groner 2000, pp. 248–256.
- ↑ Williams 2008, p. 162.
- ↑ Huaijin 1997, p. 91.