หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
พระแหวน สุจิณโณ (แหวน สุจิณโณ) | |
---|---|
ชื่ออื่น | หลวงปู่แหวน |
ส่วนบุคคล | |
เกิด | 16 มกราคม พ.ศ. 2431 (97 ปี) |
มรณภาพ | 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 |
นิกาย | ธรรมยุติกนิกาย |
ตำแหน่งชั้นสูง | |
ที่อยู่ | วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ |
บรรพชา | พ.ศ. 2439 |
อุปสมบท | พ.ศ. 2450 |
พรรษา | 78 |
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ[1] (16 มกราคม พ.ศ. 2431 — 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2528) เป็นภิกษุชาวไทย ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย จำพรรษา ณ วัดดอยแม่ปั๋ง ตำบลแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
ประวัติ
[แก้]หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เกิดในตระกูลของช่างตีเหล็กเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2431 (นับแบบใหม่) ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือนยี่ ปีกุน ณ บ้านนาโป่ง ตำบลหนองใน (ปัจจุบันเป็นตำบลนาโป่ง) อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย โดยเป็นบุตรของ นางแก้ว กับ นายใส สกุลรามศิริ โดยมีน้องสาวร่วมบิดา- มารดาอีกหนึ่งคนคือ นางเบ็ง ราชอักษร และบิดามารดาของท่านได้ ตั้งชื่อว่า ญาณ ซึ่งแปลว่า ปรีชา กำหนดรู้
พอท่านมีอายุ ได้ประมาณ 5 ขวบเศษ โยมมารดาของท่านก็ล้มป่วย แม้จะได้รับการดูแลเยียวยารักษาเป็นอย่างดีจากสามี แต่อาการของท่านก็มีแต่ทรงกับทรุด ในที่สุดเมื่อท่านรู้ตัวว่า คงจะไม่รอดชีวิตไปได้แน่แล้วท่านจึงได้เรียกหลวงปู่แหวน เข้าไปใกล้ แล้วกล่าวความฝากฝังเอาไว้ว่า ลูกเอ๋ย...แม่ยินดีต่อลูก สมบัติใด ๆ ในโลกนี้ล้วน กี่โกฎก็ตามแม่ไม่ยินดี แม่จะยินดีมากถ้าลูกจะบวชให้แม่ เมื่อลูกบวชแล้วก็ให้ตายกับผ้าเหลือง ไม่ต้องสึกออกมา มีลูกมีเมียนะ... หลวงปู่แหวนพยักหน้า รับคำเท่านั้น ดวงวิญญาณของท่านก็ออกจากร่างไป มาอีกไม่นาน ดึกสงัดของค่ำคืนวันหนึ่งขณะที่คุณยายของหลวงปู่แหวนกำลังนอนหลับสนิทก็เกิดฝันประหลาด อันเป็นมงคลนิมิตหมายที่ดีงาม ท่านจึงได้นำเอาความฝันมาเล่าสู่ลูกหลานและหลวงปู่แหวนฟัง ในวันรุ่งขึ้นว่า เมื่อคืนนี้ ยายนอนหลับและได้ฝันประหลาดมาก ฝันว่าเจ้าไปนอนอยู่ในดงขมิ้น จนกระทั่งเนื้อตัวของเจ้าเหลือง อร่ามไปหมด ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก ยายเห็นว่า เจ้านี้จะมีอุปนิสัยวาสนาในทางบวช ฉะนั้นยายขอให้เจ้าบวชตลอดชีวิต และขอให้ตายกับผ้าเหลือง ไม่ต้องสึกออกมามีลูกมีเมียเจ้าจะทำได้ไหม
บรรพชา
[แก้]จากนั้น วันเวลาผ่านมาจนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2439 ท่านมีอายุได้ 8 ขวบ คุณยายของท่านที่ได้เลี้ยงดูแลเอาใจใส่มาอย่างทะนุถนอม ได้เรียกท่านพร้อมกับ หลานชายอีกคนหนึ่ง ที่เป็นญาติสนิทรุ่นราวคราวเดียวกัน เข้าไปหาแล้วพูดว่า ยายจะให้เจ้าทั้งสองบวชเป็น สามเณร เมื่อบวชแล้วไม่ต้องสึก เจ้าจะบวชได้ไหม ท่านหันมามองหลวงปู่แหวนอย่างตั้งใจฟังคำตอบ หลวงปู่แหวนก็พยักหน้ารับ พอใกล้เข้าพรรษา คุณยายของท่านจึงได้ตระเตรียมเครี่องบริขาร จนครบเรียบร้อยแล้ว จึงได้พาเด็กชายทั้งสองเข้าถวายตัวต่อพระอุปัชฌาย์ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้า เข้าพรรษาเป็นสามเณร ณ วัดโพธิ์ชัย พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็นเด็กชาย ญาณ เป็นสามเณร แหวนนับแต่นั้นมา
ตลอดพรรษาที่ได้บรรพชา เป็นสามเณรนั้น หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ได้แต่ทำวัตร สวดมนต์ต์บ้างตามโอกาส เท่าที่พระภิกษุและ สามเณร ภายในวัดจะร่วมกันทำสังฆกรรม นอกจากนั้นก็จะใช้เวลา ไปในทางเล่นซุกซนตามประสาเด็ก ในที่สุดพระอาจารย์อ้วน ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของท่าน มองเห็นว่าหากปล่อยให้เป็นไปเช่นนี้ จะทำให้สามเณรน้อยไม่มีความรู้ จึงพาไปฝากฝังถวาย เป็นศิษย์ของท่านพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม (ที่จริงน่าจะเป็นพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโลมากกว่า เพราะหลวงปู่แหวนเกิด 16 มกราคม พ.ศ. 2431 ส่วนพระอาจารย์สิงห์เกิด 27 มกราคม พ.ศ. 2433 (นับ แบบใหม่) พระอาจารย์สิงห์อ่อนกว่าหลวงปู่แหวน 2 ปี) ณ วัดบ้านสร้างถ่อ อำเภอเกษมสีมา จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันอำเภอเกษมสีมาคือตำบลเกษมสีมา อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี) เป็นที่น่าอัศจรรย์ ขณะที่พระอาจารย์อ้วนกำลังพาสามเณรน้อย เดินฝ่าเปลวแดดสีทองมุ่งหน้าเข้าสู่บริเวณวัดในยามบ่ายนั้น พระอาจารย์สิงห์ขนัง ศิษย์สำคัญสูงสุดของพระอาจารย์ใหญ่ ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานคือ พระมั่น ภูริทัตโต กำลังมองที่ร่างสามเณรน้อย พลันก็บังเกิดฤทธิ์อำนาจ แห่งอภิญญาณทำให้ท่านเห็นรัศมีเป็นแสงสว่างโอภาส เปล่งประกายออกมาจากร่างของสามเณรน้อยผู้นี้ เป็นผู้ที่มีบุญญาธิการมาเกิด ดังนั้นพระอาจารย์สิงห์ จึงได้ถ่ายทอดความรู้ตลอดจนข้อวัตรปฏิบัติทั้งหมดให้
การออกจาริกแสวงบุญ
[แก้]- ปี พ.ศ. 2464 ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อศึกษาธรรมกับพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท)
- ปี พ.ศ. 2478 ได้เข้าพบ ท่านเจ้า คุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ที่วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่ ในครั้งนี้ได้เปลี่ยนจากมหานิกายเป็น ธรรมยุติ และได้รับฉายาว่า สุจิณโณ จากนั้นได้ออกจาริกแสวงบุญต่อ ขณะที่ศึกษาธรรมกับพระอาจารย์มั่นฯ ที่ดงมะไฟ บ้านค้อ จังหวัดอุบลราชธานี มีศิษย์พระอาจารย์มั่นฯ ที่มีอัธยาศัย ที่ตรงกัน 2 ท่านคือ พระขาว อนาลโย และ พระตื้อ อจลธัมโม เช่นเดียวกับคราวที่ จากท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ก็ได้ พระขาว จาริกแสวงธรรมเป็นเพื่อนจนถึงเมืองหลวงพระบาง
- ปีพ.ศ. 2489 หลวงปู่แหวนจำพรรษาที่วัดป่าบ้านปง อ.แม่แตง ในพรรษานั้นท่านอาพาธเป็นแผลที่ขาอักเสบต้องผ่าตัด โดยมีพระหนู สุจิตโต ซึ่งเดินทางมาจากดอยแม่ปั๋งพยายามอยู่ใกล้ๆ เมื่อครบ 7 วัน ต้องกลับไปดอยแม่ปั๋ง เพราะอยู่ระหว่างพรรษา จนกระทั่งเดือนเมษายนในปีต่อมา อาการอาพาธจึงดีขึ้นแต่ก็ยังไม่หายสนิทยังเดินไปไหนไกลๆ ไม่ได้ นับแต่นั้นมาพระหนูได้พยายามอยู่ใกล้ๆ เพื่อดูแลหลวงปู่แหวน ต่อมาพระหนูได้ดำริว่า ปัจจุบันหลวงปู่แหวนมีอายุมากแล้ว ไม่มีพระภิกษุสามเณรอยู่ด้วย เพื่อเป็นอุปัฏฐาก ถ้านิมนต์มาอยู่ที่ดอยแม่ปั๋งก็จะได้ถวายการดูแลได้โดยง่ายไม่ต้องไปๆ มาๆ อยู่อย่างนี้ แต่ก็ต้องเป็นเพียงความคิดของพระหนูเท่านั้น เพราะในเวลาดังกล่าว ดอยแม่ปั๋งยังไม่มีอะไรพร้อมแม้แต่กุฏิก็ยังไม่มี
- ปีพ.ศ. 2505 ขณะที่หลวงปู่แหวนมีอายุ 75 ปี คืนวันหนึ่งพระหนูนั่งภาวนาอยู่เกิดเป็นเสียงหลวงปู่แหวนดังขึ้นมาที่หูว่า จะมาอยู่ด้วยคนนะ หลังจากวันที่ได้ยินเสียงหลวงปู่แหวนอีกสามวัน พระอาจารย์หนูได้ถูกนิมนต์ไปที่วัดบ้านปงสถานที่ที่หลวงปู่แหวนอยู่ และถือโอกาสนิมนต์หลวงปู่แหวนมาที่วัดดอยแม่ปั๋งด้วย
เมื่อหลวงปู่แหวนได้มาอยู่ที่วัดดอยแม่ปั๋งแล้ว ครั้งแรกท่านพักอยู่ที่กุฏิหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง การมาอยู่ที่วัดดอยแม่ปั๋งนี้ ท่านได้มีข้อตกลงกับพระอาจารย์หนูว่า หน้าที่ต่างๆ และกิจทุกอย่างที่มีขึ้นในวัด ให้ตกเป็นภาระของพระอาจารย์หนูแต่เพียงผู้เดียว ส่วนท่านจะอยู่ในฐานะพระผู้เฒ่าผู้ปฏิบัติธรรมจะไม่มีภาระใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนั้นหลวงปู่แหวนจะไม่รับนิมนต์โดยเด็ดขาด แม้ที่สุดถึงจะเกิดอาพาธหนักเพียงใดก็ตาม ท่านไม่ยอมนอนรักษาที่โรงพยาบาล ถึงธาตุขันธ์จะทรงอยู่ต่อไปไม่ได้ก็จะให้สิ้นไปในป่าอันเป็นที่อยู่ ตามอริยโคตรอริยวงศ์ ซึ่งบูรพาจารย์ท่านเคยปฏิบัติมาแล้วในกาลก่อน
นับตั้งแต่หลวงปู่แหวนได้ขึ้นไปทางเหนือ ท่านไม่เคยไปจำพรรษาที่ภาคอื่นเลย เพราะอากาศทางภาคเหนือสัปปายะสำหรับท่าน หลวงปู่แหวนได้มรณภาพลงที่วัดดอยแม่ปั๋งแห่งนี้ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 สิริอายุ 97 ปี
คำสอน
[แก้]อดีตก็เป็นทำเมา อนาคตก็เป็นทำเมา จิตดิ่งอยู่ในปัจจุบัน รู้อยู่ในปัจจุบัน ละอยู่ในปัจจุบันนี้จึงเป็นพุทโธ เป็นธัมโม ปัจจุบันก็พอแล้ว อดีต และอนาคตไม่ต้องคำนึงถึง เกิด แก่ เจ็บ ตาย วัน คืน เดือน ปี สิ้นไป หมดไป อายุเราก็หมดไป สิ้นไป หมั่นบำเพ็ญจิต บำเพ็ญทาน รักษาศีล ภาวนาต่อไป
ลูกศิษย์สำคัญ
[แก้]- สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร) วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร กรุงเทพมหานคร
- พระราชอุดมมงคล (เอหม่อง อุตฺตมรมฺโภ)[2] วัดวังก์วิเวการาม จังหวัดกาญจนบุรี
- พระครูจิตตวิโสธนาจารย์ (พระอาจารย์หนู สุจิตฺโต) วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่
- พระโสภณวิสุทธิคุณ (พระอาจารย์บุญเพ็ง กปฺปโก) วัดป่าวิเวกธรรม จังหวัดขอนแก่น
- หลวงปู่ทา นาควัณโณ วัดศรีสว่างนาราม จังหวัดอุบลราชธานี
- หลวงปู่คำพอง ขนฺติโก วัดป่าอัมพวัน จังหวัดเลย
- พระศีลสังวร (พระอาจารย์เจริญ ราหุโล) วัดพระธาตุเขาน้อย จังหวัดราชบุรี
- พระอาจารย์คำบ่อ ฐิตปญฺโญ วัดใหม่บ้านตาล จังหวัดสกลนคร
- หลวงปู่เจริญ ญาณวุฑโฒ วัดถ้ำปากเปียง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
- พระครูอุดมภาวนาจารย์ (หลวงปู่ทองสุก อุตตรปัญโญ) วัดอนาลโยทิพยาราม อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา
- พระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป วัดอรัญญวิเวก จังหวัดเชียงใหม่
- พระครูจิตตโสภณ (โสม สุจิตโต) วัดพระบาทภูพานคำ จังหวัดขอนแก่น
- พระอาจาย์ประสิทธิ์ ปุญญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
- พระอาจารย์สมหมาย จิตฺตปาโล วัดป่าอนาลโย จังหวัดนครปฐม
- พระอาจารย์ทวี จิตฺตคุตฺโต วัดอรัญวิเวก (ป่าลัน) จังหวัดเชียงราย
- พระอาจารย์อินทร์ถวาย สนฺตุสโก วัดป่านาคำน้อย จังหวัดอุดรธานี
- พระโพธิญาณมุนี (พระอาจารย์เมือง พลวฑฺโฒ) วัดป่ามัชฌิมวาส จังหวัดกาฬสินธุ์
- พระอาจารย์บุญจันทร์ จนฺทสีโล วัดป่ากิ่วดู่ จังหวัดเชียงใหม่
- พระอาจารย์ไสว วํสวโร วัดถ้ำผาบิ้ง จังหวัดเลย
- พระอาจารย์เลื่อน โอภาโส วัดพระธาตุฝุ่น จังหวัดสกลนคร
- พระอาจารย์สามดง จนฺทโชโต วัดป่าอรัญญพรหมมาราม จังหวัดนครราชสีมา
- พระอาจารย์ประดิษฐ์ คุณสัมปันโน วัดเขาคีรีรมย์ จังหวัดเชียงราย
- พระครูกิตติปัญญาคุณ (หลวงปู่สวาท ปัญญาธโร) วัดโป่งจันทร์ จังหวัดจันทบุรี[3][3]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ข่าวไทยรัฐออนไลน์ - ตั้งศิษย์หลวงปู่แหวนคุมพระธรรมยุตเหนือ. ข่าวไทยรัฐออนไลน์. เรียกข้อมูลเมื่อ 15-6-52
- ↑ พระราชอุดมมงคล
- ↑ 3.0 3.1 "จังหวัดจันทบุรี", วิกิพีเดีย, 2023-09-28, สืบค้นเมื่อ 2023-11-30