ข้ามไปเนื้อหา

สิระ เจนจาคะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สิระ เจนจาคะ
สิระในปี 2564
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร
ดำรงตำแหน่ง
7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 – 22 ธันวาคม พ.ศ. 2564
ก่อนหน้าสุรชาติ เทียนทอง
ถัดไปสุรชาติ เทียนทอง
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด5 มกราคม พ.ศ. 2507 (61 ปี)
อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย
พรรคการเมืองรักษ์สันติ (2554–2561)
พลังประชารัฐ (2561–2565)
คู่สมรสวิภาวี คุปติมาลาธร (หย่า)
สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ

สิระ เจนจาคะ (เกิด 5 มกราคม พ.ศ. 2507) อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคพลังประชารัฐ กรรมการบริษัท บ้านทรงไทยแจ้งวัฒนะ จำกัด และกรรมการบริษัท วิภาวดีพาเลซ จำกัด อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ อดีตผู้จัดการบริษัท บ้านทรงไทยแจ้งวัฒนะ จำกัด

ประวัติ

[แก้]

สิระเกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2507 เป็นบุตรของสมโภชน์และจรี เจนจาคะ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี จากหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต (การจัดการ) มหาวิทยาลัยเกริก[1] ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาผู้นำทางสังคม ธุรกิจ และการเมือง ม.รังสิต

ด้านชีวิตครอบครัว สมรส 2 ครั้ง ครั้งแรกกับวิภาวี คุปติมาลาธร มีบุตรด้วยกัน 2 คน และครั้งที่สองกับสรัลรัศมิ์ เตชะจิรสิน ไม่มีบุตรด้วยกัน[2]

การทำงาน

[แก้]

นายสิระเคยเป็นผู้จัดการบริษัท บ้านทรงไทยแจ้งวัฒนะ จำกัด เมื่อปี 2557–2562 และเคยเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ด้านสังคม เมื่อปี 2557–2558[3] ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัท บ้านทรงไทยแจ้งวัฒนะ จำกัด และกรรมการบริษัท วิภาวดีพาเลซ จำกัด

งานการเมือง

[แก้]

สิระเริ่มเข้าสู่เส้นทางการเมือง เมื่อปี 2554 โดยลงสมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานครในนามพรรครักษ์สันติ เขต 11 เขตหลักสี่ แต่สอบตก แพ้ให้กับสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย

สิระเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 โดยบอกเหตุผลว่า ได้รับอนุญาตจากอดีตพระพุทธะอิสระ ให้มาสนับสนุนประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติทำงานต่อ เนื่องจากมีอุดมการณ์เดียวกัน

และในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 ได้ลงสมัครเป็น ส.ส. กรุงเทพมหานครอีกครั้ง ในนามพรรคพลังประชารัฐ เขต 9 เขตหลักสี่ โดยสิระได้ 33,321 คะแนน กลับมาพลิกชนะสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยที่ได้ 30,564 คะแนน[4]

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

[แก้]

นายสิระ เจนจาคะ ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 1 สมัย คือ

  1. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 กรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคพลังประชารัฐ

ในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2564 นายสิระถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากเคยถูกศาลพิพากษาจำคุกในคดีทีเกี่ยวกับการทุจริต[5]

กรณีปะทะกับตำรวจภูเก็ต

[แก้]

คลิปเหตุการณ์ที่สิระต่อว่า พ.ต.ท. ประเทือง แพร่หลายในโลกออนไลน์ เหตุการณ์สรุปได้ว่า สิระเดินทางมาตรวจสอบคอนโดมีเนียมแห่งหนึ่ง โดย พ.ต.ท. ประเทืองได้ตามมาอำนวยความสะดวก สิระได้พูดเชิงออกคำสั่งให้ตำรวจสั่งระงับการก่อสร้างและการดำเนินการของอาคารชุดดังกล่าวเนื่องจากพบว่าสร้างบนที่ดินที่ออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ

พ.ต.ท. ประเทืองบอกว่าการดำเนินการต่าง ๆ ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ไม่สามารถสั่งระงับหรือดำเนินคดีได้ทันที ทำให้นายสิระเริ่มแสดงอาการไม่พอใจ และหยิบยกเรื่องที่ตำรวจไม่ส่งคนมาดูแลตนและคณะ ส.ส. มาตำหนิ

"แจ้งมาแล้วว่ามี ส.ส. 8 คนจะมาเรื่องนี้ ไม่มีการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจเลย นี่พูดตรง ๆ นะ ยังสงสัยอยู่ พี่ลงพื้นที่อื่น เขา (ตำรวจ) ก็มาดูแล...ทุกที่ที่เราไป ที่นี่ไม่มีเลย"[6]

วงการมวย

[แก้]

สิระได้เข้าสู่วงการมวย ในฐานะหัวหน้าค่าย “ส.สิระดา” ซึ่งแฟนมวยรู้จักในนาม "เสี่ยวอลโว่" ซึ่งเขาคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ วังจั่นน้อย ส.สิระดา นักมวยดังค่าตัวเงินแสน ที่ได้รับรางวัลยอดมวยไทยของสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทยปี 2536

คดีความ

[แก้]

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2568 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ห้องพิจารณาคดี 903 ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ. 3200/2566 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายสิระ เจนจาคะ เป็นจำเลยฐานกระทำผิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560, พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 4,42 (12), 151 มาตรา 4,42 (12), 151 พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 มาตรา 9 (5), 24, 25 และขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลย 20 ปีด้วย

โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 สิระในฐานะจำเลยได้บังอาจลงลายมือชื่อสมัครรับเลือกตั้ง สส. เขต 9 กทม. โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิรับเลือกตั้งเป็น สส. อันเป็นลักษณะต้องห้าม เนื่องจากจำเลยเคยต้องโทษคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวัน ให้จำคุก 4 เดือนฐานฉ้อโกง อันเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ตามคดีอาญาหมายเลขดำ อ. 812/2538 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2218/2538 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายสิระเดินทางมาเข้าฟังการพิพากษาในเวลา 09.00 น. โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับผู้สื่อข่าว

ต่อมาที่ห้องพิจารณา 903 ศาลพิพากษาว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศให้ผู้ประสงค์เข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือ ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ถึง 8 กุมภาพันธ์ 2562 โดยในเขตเลือกตั้งที่ 9 และมีประการประกาศรับสมัครที่อาคารกีฬาเวช 2 จำเลยได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 9 พรรคพลังประชารัฐต่อมาจำเลยได้รับเลือกตั้งต่อมาวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2563 พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกสภาพของจำเลยนั้นสิ้นสุดลงหรือไม่เนื่องจากปรากฏว่าจำเลยมีคุณสมบัติขาดคุณสมบัติรองรับสมัครการเลือกตั้งเนื่องจากต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวันในคดีทุจริตเกี่ยวกับทรัพย์เป็นเวลา 4 เดือนต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าสมาชิกสภาพของจำเลยได้สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 การกระทำของจำเลยเป็นการเป็นการฝ่าฝืนการเลือกตั้งโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ทำการไต่สวนโดยให้เพิกถอนจำเลยและดำเนินคดีอาญากับจำเลยเนื่องจากเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติลงรับสมัครการเลือกตั้ง

ศาลเห็นว่าคำเบิกความของพยานโจทก์และพยานหลักฐานพบว่าจำเลยต้องโทษคำพิพากษาถึงที่สุดที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลย ต่อศาลแขวงปทุมวันว่าคดีที่ พ.ต.อ. เขมรินทร์ พิศมัย แจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนต่อนายสิระในข้อหาฐานฉ้อโกงทรัพย์จำนวน 200,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 เป็นความผิด 2 กระทงจำคุกกระทงละ 4 เดือน รวม 8 เดือน คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลย 4 เดือน ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยว่าจำเลยต้องโทษคำพิพากษาคดีถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวันจำเลยจึงเป็นบุคคลต้องห้ามไม่มีสิทธิ์ลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.

มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประการต่อไปว่าจำเลยรู้ตัวเองอยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามในการลงรับสมัครการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ยังลงรับสมัครเลือกตั้ง เห็นว่าจะพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามีน้ำหนักและน่าเชื่อถือเพียงพอส่วนข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นเพียงการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานโจทย์ได้เชื่อว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติรับสมัครการเลือกตั้ง เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องจริง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 มาตรา 4, 42 (12), 151 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปีและให้เพิกถอนสิทธิ์ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง 20 ปีนับตั้งแต่วันมีคำพิพากษา

ต่อมาทนายความของสิระ ได้ยื่นหลักทรัพย์ต่อศาลเพื่อขอปล่อยชั่วคราว ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล[7]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

[แก้]

ปัจจุบันนายสิระ เจนจาคะ ได้ถูกเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นต่าง ๆ ประกาศ ณ วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2566[10]

อ้างอิง

[แก้]
  1. นายสิระ เจนจาคะ ข้อมูลจากรัฐสภา
  2. "บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายสิระ เจนจาคะ" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-08-25. สืบค้นเมื่อ 2019-08-25.
  3. พระบรมราชโองการแต่งตั้งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ, ราชกิจจานุบกษา, 13 ตุลาคม 2557
  4. เปิดประวัติ “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.พปชร. จากอดีตหัวหน้าค่ายมวยดัง สู่ศิษย์เอกอดีตพุทธะอิสระ
  5. พีพีทีวี 36. "ไม่รอด! ศาลรัฐธรรมนูญ สั่ง "สิระ เจนจาคะ"พ้นส.ส. เหตุต้องคำพิพากษาถึงที่สุดคดีฉ้อโกง". pptvhd36.com.
  6. สิระ เจนจาคะ : สำรวจสิทธิพิเศษ "ผู้ทรงเกียรติ" จากกรณี ส.ส.พลังประชารัฐโวยตำรวจภูเก็ตไม่ดูแล บีบีซีไทย สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม 2019
  7. https://www.matichon.co.th/politics/news_5117895
  8. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๖๓, เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑ ข หน้า ๑๑, ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔
  9. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี ๒๕๕๘, เล่ม ๑๓๒ ตอนที่ ๓๒ ข หน้า ๒๗, ๔ ธันวาคม ๒๕๕๘
  10. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๔๐ ตอนที่ ๑๖ ข หน้า ๓, ๒๑ เมษายน ๒๕๖๖