รานี กี วาว

พิกัด: 23°51′32″N 72°6′6″E / 23.85889°N 72.10167°E / 23.85889; 72.10167
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก รานีกีวาวะ)
รานี-กี-วาว (บ่อน้ำขั้นบันไดของพระราชินี)
ที่ปาฏัณ รัฐคุชราต
แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก
รานี กี วาว
ที่ตั้งปาฏัณ, อำเภอปาฏัณ, รัฐคุชราต, ประเทศอินเดีย,
เกณฑ์พิจารณาวัฒนธรรม: (i), (iv)
อ้างอิง922
ขึ้นทะเบียน2014 (สมัยที่ 38)
พื้นที่4.68 ha (11.6 เอเคอร์)
พื้นที่กันชน125.44 ha (310.0 เอเคอร์)
พิกัด23°51′32″N 72°6′6″E / 23.85889°N 72.10167°E / 23.85889; 72.10167
รานี กี วาวตั้งอยู่ในรัฐคุชราต
รานี กี วาว
ที่ตั้งรานี กี วาว ในรัฐคุชราต
รานี กี วาวตั้งอยู่ในประเทศอินเดีย
รานี กี วาว
รานี กี วาว (ประเทศอินเดีย)

รานี กี วาว (คุชราต: રાણી કી વાવ, เทวนาครี: रानी की वाव, Rani ki Vav) หรือ รานกีวาว (คุชราต: રાણકી વાવ, Ranki vav) หรือเรียกตามความหมายว่า บ่อน้ำขั้นบันไดของพระราชินี (อังกฤษ: Queen’s stepwell) เป็นบ่อน้ำขั้นบันไดในเมืองปาฏัณ รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย สร้างขึ้นในสมัยจักรวรรดิจลุกยะ และตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำสรัสวตี[1] ใน ประพันธ-จินตมณี วรรณกรรมโดยภิกษุไชนะ เมรุตุงคะในปี 1304 ระบุว่า "อุทยมตี (Udayamati) ธิดาแห่งนรวรหะ เขนคาร (Khengara) สร้างบ่อน้ำขั้นบันไดใหม่ขึ้นมาที่ศรีปาฏฏณา (ปาฏัณ) ยิ่งใหญ่อลังการยิ่งกว่าเขื่อนสหัสตรลึงค์" ในวรรณกรรมนี้ระบุว่าบ่อน้ำขั้นบันไดสร้างขึ้นในปี 1063 และก่อสร้างเสร็จใช้เวลา 20 ปี เป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปว่าสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงราชาภีมะที่หนึ่ง (ค.ป. 1022 – 1064) โดยพระราชินีอุทยมตี ในขณะที่คณะผู้เชี่ยวชาญระบุปีก่อสร้างของบ่อน้ำขั้นบันไดอยู่ที่ปี 1032 โดยเปรียบเทียบความคล้ายคลึงทางสถาปัตยกรรมกับวิมลวสาหีมนเทียร[2][3][4]

ในปี 1986 กรมสำรวจโบราณคดีอินเดีย (ASI) เริ่มการขุดค้นและสำรวจรานีกีวาวครั้งใหญ่ ที่ซึ่งมีการขุดพบรูปของพระนางอุทยมตี และมีการทำนุบำรุงซ่อมแซมใหญ่ระหว่างปี 1981 ถึงปี 1987[2] รานีกีวาวได้รับสถานะแหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโกเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2014[5][6]

รานีกีวาวได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในบ่อน้ำขั้นบันไดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งและเป็นตัวอย่างชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมบ่อย้ำขั้นบันไดในคุชราต โดยสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบมรู-คุรชร คล้ายคลึงกับวิมลสาหีมนเทียรแห่งเขาอาบู และ สุรยมนเทียรแห่งโมเธรา[2]

อ้างอิง[แก้]

  1. "Rani-ki-Vav (the Queen's Stepwell) at Patan, Gujarat – UNESCO World Heritage Centre". whc.unesco.org (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2015-12-05.
  2. 2.0 2.1 2.2 Mehta Bhatt, Purnima (2014). "7. Queen's Stepwell (Rani ni Vav) - Patan, Gujarat". Her Space, Her Story : Exploring the Stepwells of Gujarat. del Solar, Daniel. New Delhi: Zubaan. pp. 72–90. ISBN 9789383074495. OCLC 898408173.
  3. Shastri, Hariprasadji (1976). Gujaratlo Rajkiya Ane Sanskritik Itihas Granth Part-iii Itihasni Gujaratlo Rajkiya Ane Sanskritik Itihas Granth Part-iv Solanki. pp. 135–137.
  4. Vinod Chandra Srivastava (2008). History of Agriculture in India, Up to C. 1200 A.D. Concept. p. 857. ISBN 978-81-8069-521-6.
  5. "Four new cultural sites inscribed on World Heritage List". UNESCO World Heritage Centre. 2014-06-22. สืบค้นเมื่อ 2014-10-11.
  6. "Gujarat's Rani ki Vav added to UNESCO World Heritage site List". IANS. news.biharprabha.com. สืบค้นเมื่อ 22 June 2014.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]