ฟีลิป เปแต็ง
อ็องรี ฟีลิป เบโนนี โอแมร์ โฌแซ็ฟ เปแต็ง (ฝรั่งเศส: Henri Philippe Benoni Omer Joseph Pétain; 24 เมษายน ค.ศ. 1856 – 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1951) เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อว่า ฟีลิป เปแต็ง (Philippe Pétain) หรือ จอมพล เปแต็ง (Maréchal Pétain) และบางครั้งจะเรียกว่า จอมพลเฒ่า (ฝรั่งเศส: le vieux Maréchal) เป็นเจ้าหน้าที่นายทหารระดับพลเอกชาวฝรั่งเศสที่ได้ดำรงตำแหน่งจอมพลแห่งฝรั่งเศส เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งสิ้นสุดลง ซึ่งในช่วงนั้นเขากลายเป็นที่รู้จักกันคือ ราชสีห์แห่งแวร์เดิง (ฝรั่งเศส: le lion de Verdun) จากนั้นเขาได้ดำรงตำแหน่งประมุขแห่งรัฐของวิชีฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1940 ถึง ค.ศ. 1944 เปแต็งซึ่งมีอายุ 84 ปีใน ค.ศ. 1940 ดำรงดำรงตำแหน่งประมุขแห่งรัฐที่มีอายุมากที่สุดของฝรั่งเศส
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ฟีลิปได้นำกองทัพฝรั่งเศสไปสู่ชัยชนะในยุทธการที่แวร์เดิงซึ่งกินเป็นเวลาเก้าเดือน ภายหลังจากการรุกนีเวลล์(Nivelle offensive) ได้ประสบความล้มเหลว และการลุกฮือประท้วงที่ตามมา เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด และประสบความสำเร็จในการรักษาความเชื่อมั่นของกองทัพ เปแต็งยังคงอยู่ในกองบัญชาการจากสงครามที่เหลือและกลายเป็นวีรบุรุษของชาติ ในช่วงระหว่างสงคราม เขาได้เป็นผู้นำกองทัพฝรั่งเศสในยามสงบ ได้บัญชาการในปฏิบัติการร่วมกันระหว่างฝรั่งเศส-สเปนในช่วงสงครามริฟ และดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีมาสองครั้ง ในช่วงเวลานี้ เขาเป็นที่รู้จักในนามว่า จอมพลเฒ่า (le vieux Maréchal)
ด้วยการล่มสลายของฝรั่งเศสที่กำลังใกล้เข้ามาและคณะรัฐมนตรีต้องการที่จะเจราจาสงบศึก เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 1940 นายกรัฐมนตรี ปอล แรโน ได้ประกาศลาออกและได้ให้คำแนะนำกับประธานาธิบดี อาลแบร์ เลอเบริง แต่งตั้งเปแต็งให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนที่เขา ซึ่งเขาได้กระทำในวันนั้น ในขณะที่รัฐบาลอยู่ที่บอร์โด คณะรัฐมนตรีได้ลงมติเพื่อการลงนามในข้อตกลงสงบศึกกับเยอรมนีและอิตาลี ต่อมารัฐบาลทั้งหมดได้ย้ายไปที่แกลร์มง-แฟร็องในเวลาอันสั้น จากนั้นก็ไปยังเมืองสปาของวิชีในภาคกลางของฝรั่งเศส รัฐบาลได้ลงมติเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงจากสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 มาเป็นรัฐฝรั่งเศสหรือวิชีฝรั่งเศส ซึ่งเป็นระบอบเผด็จการที่เป็นฝ่ายให้ความร่วมมือกับฝ่ายอักษะ ภายหลังจากเยอรมนีและอิตาลีได้เข้ายึดครองและปลดอาวุธของฝรั่งเศสในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1942 รัฐบาลของเปแต็งได้ทำงานอย่างใกล้ชิดให้กับเขตปกครองทางทหารของนาซีเยอรมนี
ภายหลังสงคราม เปแต็งได้ถูกพิจารณาคดีและถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหากบฎ แต่เดิมเขาถูกตัดสินลงโทษด้วยการประหารชีวิต แต่เนื่องจากเขาแก่ชรามากแล้วและด้วยวีรกรรมของเขาในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง คำตัดสินโทษได้ถูกลดหย่อนเป็นการจำคุกตลอดชีวิตแทน เส้นการเดินทางของเขาจากทหารผู้ไร้ชื่อเสียงสู่วีรบุรุษแห่งฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ไปจนถึงผู้ปกครองที่ทำงานในการให้ความร่วมมือในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ชาร์ล เดอ โกล ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเขาได้เขียนระบุว่า ชีวิตของเปแต็งนั้น"กลับดูธรรมดา จากนั้นก็รุ่งโรจน์ ต่อมาก็น่าสมเพชโดยลำดับ แต่ไม่เคยดูธรรมดาเลยสักนิด"
ช่วงชีวิตแรก
[แก้]วัยเด็กและครอบครัว
[แก้]เปแต็งเกิดในโกซี-อา-ลา-ตูร์(ในจังหวัดปาดกาแล ในทางตอนเหนือของฝรั่งเศส) ใน ค.ศ. 1856 พ่อของเขานามว่า โอเมอร์-เวน็องต์ ซึ่งเป็นชาวนา ลุงทวดของเขาซึ่งเป็นบาทหลวงนิกายคาทอลิก คุณพ่อ Abbe Lefebvre (ค.ศ. 1771 - ค.ศ. 1866) เคยเป็นทหารอยู่ในลากร็องด์อาเม(กองทัพใหญ่)ของนโปเลียน และได้เล่าเรื่องราวของการทำสงครามและการผจญภัยในการทัพของเขาตั้งแต่คาบสมุทรอิตาลีไปจนถึงเทือกเขาแอลป์ในสวิตเซอร์แลนด์ให้แก่ฟิลิปวัยเด็กได้รับฟัง ความประทับใจอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องราวที่ถูกเล่าโดยลุงทวดของเขา โชคชะตาของเขาได้ถูกกำหนดโดยกองทัพนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ชีวิตส่วนบุคคล
[แก้]เปแต็งครองโสดจนถึงอายุหกสิบปีเศษ และเป็นที่รู้จักกันถึงความเจ้าชู้ของของเขา ภายหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เปแต็งได้แต่งงานกับอดีตแฟนสาวของเขานามว่า เออเฌนี อาร์ดง (ค.ศ. 1877– ค.ศ. 1962) เมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 1920 พวกเขายังคงแต่งงานกันจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตของแปแต็ง ภายหลังจากได้ปฏิเสธข้อเสนอการแต่งงานครั้งแรกกับแปแต็ง อาร์ดงได้แต่งงานและหย่าร้างกับฟรองซัวส์ เดอ เฮเรน(François de Hérain) ในปี ค.ศ. 1914 เมื่อเธอมีอายุ 35 ปี ในช่วงการเปิดฉากของยุทธการที่แวร์เดิงใน ค.ศ. 1916 มีการกล่าวกันว่า เปแต็งถูกดึงตัวมาจากโรงแรมปารีสในช่วงตอนกลางคืนโดยเจ้าหน้าที่เสนาธิการทหารซึ่งได้รับรู้ว่าเขาได้อยู่กับเออเฌนี อาร์ดงในคืนนั้น เธอไม่ได้มีบุตรกับเปแต็ง แต่กลับมีลูกชายจากการแต่งงานครั้งแรกของเธอคือ ปีแอร์ เดอ เฮเรน ซึ่งเปแต็งไม่ชอบอย่างยิ่ง
อาชีพทหารช่วงแรก
[แก้]เปแต็งได้เข้าร่วมกองทัพฝรั่งเศสใน ค.ศ. 1876 และเข้าศึกษาที่ St Cyr Military Academy ใน ค.ศ. 1887 และ École Supérieure de Guerre (วิลทยาลัยสงครามกองทัพบก)ในปารีส ระหว่าง ค.ศ. 1878 และ ค.ศ. 1899 เขาได้ทำหน้าที่เป็นทหารในกองรักษการณ์ต่าง ๆ กับกองพันต่าง ๆ ของ Chasseurs à pied ทหารราบเบาชั้นนำของกองทัพฝรั่งเศส จากนันเขาก็ได้สลับไปมาระหว่างเจ้าหน้าที่นายทหารและกองร้อยที่ได้รับมอบหมาย
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
[แก้]จุดเริ่มต้นของสงคราม
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ยุทธการที่แวร์เดิง
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การลุกฮือ
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
จุดจบของสงคราม
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ช่วงระหว่างสงคราม
[แก้]วีรบุรุษผู้เป็นที่เคารพนับถือของฝรั่งเศส
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สงครามริฟ
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การวิพากษ์วิจารณ์ถึงนโยบายป้องกัน
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ได้รับเลือกจากอากาเดมีฟร็องแซซ
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
รัฐมนตรีกระทรวงสงคราม
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การวิจารณ์นโยบายรัฐบาล
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อ้างอิง
[แก้]แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2399
- บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2494
- ฟีลิป เปแต็ง
- นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส
- อาชญากรสงครามชาวฝรั่งเศส
- นักลัทธิฟาสซิสต์
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ส.ร.
- บุคคลในกรณีพิพาทอินโดจีน
- บุคคลในสงครามโลกครั้งที่สอง
- บุคคลจากจังหวัดปาดกาแล
- จอมพลชาวฝรั่งเศส
- นายพลชาวฝรั่งเศส
- นายพลในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
- นายพลในสงครามโลกครั้งที่สอง