ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม)"
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขขั้นสูงด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขขั้นสูงด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 29: | บรรทัด 29: | ||
ดร.'''เอื้อน กลิ่นสาลี''' เกิดเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2488 ณ บ้านเลขที่ 116 หมู่ที่ 6 ตำบลนครหลวง อำเภอนครหลวง [[จังหวัดพระนครศรีอยุธยา]] |
ดร.'''เอื้อน กลิ่นสาลี''' เกิดเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2488 ณ บ้านเลขที่ 116 หมู่ที่ 6 ตำบลนครหลวง อำเภอนครหลวง [[จังหวัดพระนครศรีอยุธยา]] |
||
ดร.เอื้อนได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2510 ณ วัดมหาพล [[ตำบลนครหลวง]] [[อำเภอนครหลวง]] [[จังหวัดพระนครศรีอยุธยา]] มีเจ้าอธิการพัฒน์ ติสฺสสุวณฺโณ [[วัดปรีดาราม]] ตำบลแม่ลา อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการคต โฆสิโต วัดมหาพล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูอุดมนครกิจ (วาส สุนฺทโร) วัดตะโหนด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และลาสิกขาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2561 โดยมีพระจากวัดเสมียนนารีมาทำพิธี เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า กระทำการทุจริตและถูกดำเนินคดีอาญา ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือ โดยทุจริต พร้อมกับพระอีกหลายรูปจากวัดสามพระยา และวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร |
ดร.เอื้อนได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2510 ณ วัดมหาพล [[ตำบลนครหลวง]] [[อำเภอนครหลวง]] [[จังหวัดพระนครศรีอยุธยา]] มีเจ้าอธิการพัฒน์ ติสฺสสุวณฺโณ [[วัดปรีดาราม]] ตำบลแม่ลา อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการคต โฆสิโต วัดมหาพล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูอุดมนครกิจ (วาส สุนฺทโร) วัดตะโหนด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และลาสิกขาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2561 โดยมีพระจากวัดเสมียนนารีมาทำพิธี ( แต่ขณะทำพิธีลาสิกขาไม่ได้มีพระรูปใดได้เปล่งวาจาท่องหรือกล่าวคำลาสิกขา<ref>https://www.matichon.co.th/local/crime/news_983015</ref>) เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า กระทำการทุจริตและถูกดำเนินคดีอาญา ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือ โดยทุจริต พร้อมกับพระอีกหลายรูปจากวัดสามพระยา และวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร |
||
== คดีความ == |
== คดีความ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 04:24, 25 ตุลาคม 2563
บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่หน้าอภิปราย
|
เอื้อน กลิ่นสาลี | |
---|---|
ไฟล์:พระพรหมดิลก.jpg | |
เกิด | 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2488 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย |
สัญชาติ | ไทย |
มีชื่อเสียงจาก | พระพรหมดิลก อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม, อดีตเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร, อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา, อดีตที่ปรึกษาแม่กองบาลีสนามหลวง |
ดร.เอื้อน กลิ่นสาลี หรืออดีต พระพรหมดิลก ฉายา หาสธมฺโม ป.ธ. 9 เป็นอดีตพระราชาคณะเจ้าคณะรอง เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เจ้าคณะภาค14 รองเจ้าคณะภาค1 ที่ปรึกษาแม่กองบาลีสนามหลวง
ประวัติ
ดร.เอื้อน กลิ่นสาลี เกิดเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2488 ณ บ้านเลขที่ 116 หมู่ที่ 6 ตำบลนครหลวง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ดร.เอื้อนได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2510 ณ วัดมหาพล ตำบลนครหลวง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีเจ้าอธิการพัฒน์ ติสฺสสุวณฺโณ วัดปรีดาราม ตำบลแม่ลา อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการคต โฆสิโต วัดมหาพล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูอุดมนครกิจ (วาส สุนฺทโร) วัดตะโหนด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และลาสิกขาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2561 โดยมีพระจากวัดเสมียนนารีมาทำพิธี ( แต่ขณะทำพิธีลาสิกขาไม่ได้มีพระรูปใดได้เปล่งวาจาท่องหรือกล่าวคำลาสิกขา[1]) เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า กระทำการทุจริตและถูกดำเนินคดีอาญา ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือ โดยทุจริต พร้อมกับพระอีกหลายรูปจากวัดสามพระยา และวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
คดีความ
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้อง! ‘อดีตพระพรหมดิลก-พระอรรถกิจโสภณ’คดีฟอกเงินทอนวัด[2]
เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำที่ อท.196/2561 ระหว่างพนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเอื้อน กลิ่นสาลี (อดีตพระพรหมดิลก) อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม และอดีตเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร กับนายสมทรง อรรถกฤษณ์ (อดีตพระอรรถกิจโสภณ) และอดีตเลขาเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เป็นจำเลยที่ 1-2 กรณีถูกกล่าวหาว่าฟอกเงินจากการทุจริตจัดสรรงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้กับวัดสามพระยา จำนวน 5 ล้านบาท ในงบอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม ทั้งที่ไม่มีโรเงรียน โดยเจ้าอาวาสวัดสามพระยานำงบที่ได้มานั้นไปใช้ก่อสร้างอาคารร่มธรรมแทน ทั้งที่ไม่มีสิทธิได้รับเงินนั้นมาตั้งแต่แรก
ทั้งนี้ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้ว มีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1-2 ดังกล่าว เรื่องการขออนุมัติงบศึกษาพระปริยัติธรรมนั้น หาใช่เฉพาะวัดที่มีโรงเรียนศึกษาพระปริยัติธรรม แต่วัดสามพระยามีโรงเรียนสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล ย่อมมีสิทธิ์ในการใช้งบดังกล่าว จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลภายนอกไม่เกี่ยวกับสำนักงาน พศ. ไม่มีหลักฐานว่าจำเลยทราบว่าเงินเกี่ยวกับการกระทำความผิด
ในหนังสือระบุได้รับเงินเกี่ยวกับการบูรณปฏิสังขรณ์ แสดงว่าจำเลยที่ 1 เข้าใจว่าเป็นงบบูรณปฏิสังขรณ์ เมื่อได้รับงบ 5 ล้านบาทตามเช็คแล้ว จำเลยได้มอบอำนาจให้มีการถอนเงินจ่ายค่าก่อสร้างอาคารร่มธรรม วัดมีการก่อสร้างอาคารและโอนเงินชำระหนี้จริง โดยจำเลยจ่ายเงินให้ผู้ดูแลการก่อสร้าง เชื่อได้ว่าจำเลยในฐานะผู้ดูแลวัดได้นำเงินไปทำนุบำรุงวัด แม้วัดสามพระยาไม่มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม และไม่ได้นำเงินไปใช้โดยตรง ก็ไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนทรัพย์สินที่เป็นการกระทำความผิดมูลฐานฟอกเงิน ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย
อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น จำเลยทั้งสองไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ พิพากษากลับเป็นยกฟ้อง
อนึ่ง เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดต่างกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายมาตรา 90 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันฟอกเงิน 2 กระทงๆ ละ 2 ปี ให้จำคุกนายเอื้อน หรืออดีตพระพรหมดิลก รวมจำคุก 6 ปี และนายสมทรง หรืออดีตพระอรรถกิจโสภณ จำเลยที่ 2 จำคุก 2 กระทงๆ ละ 1 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษา นายสมทรง หรืออดีตพระอรรถกิจโสภณ จำเลยที่ 2 ได้ยกมือไหว้และร่ำไห้ด้วยความดีใจ รวมถึงกลุ่มพระสงฆ์ และฆราวาสที่เดินทางมาฟังคำพิพากษาและให้กำลังใจ ได้ร่วมแสดงความยินดีด้วย
@ทนายเผย อดีตพระพรหมดิลก-อดีตพระอรรถกิจโสภณ เตรียมกลับไปห่มผ้าเหลืองต่อ
ด้านนายอรรณพ บุญสว่าง ทนายความอดีตพระพรหมดิลก ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลพิพากษายกฟ้องว่า ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าจำเลยทั้งสองไม่ได้รู้เห็นเกี่ยวข้องกับการใช้เงินดังกล่าวเพื่อฟอกเงิน งบดังกล่าววัดสามพระยาก็จัดให้มีการศึกษาในแผนกสามัญด้วย วัดสามพระยาจึงมีสิทธิรับงบประมาณนี้ ดังนั้นการใช้เงินใช้จ่ายในวัดสามพระยาไม่ได้เป็นการฟอกเงิน จึงยกฟ้องจำเลยทั้งสอง
เมื่อถามเกี่ยวกับคดีนี้จะขึ้นสู่ศาลฎีกาหรือไม่ นายอรรณพ กล่าวว่า ต้องรอให้อัยการโจทก์เป็นผู้พิจารณาตามข้อกฎหมาย วันนี้จำเลยทั้งสองก็ดีใจที่ศาลอุทธรณ์มีความเห็นตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ว่าเงินส่วนนี้ให้ใช้ในการก่อสร้างอาคารซึ่งเป็นที่พักของพระสงฆ์
ส่วนเรื่องสมณเพศของจำเลย นายอรรณพ กล่าวว่า ความจริงแล้วท่านทั้งสองก็ไม่ได้เปล่งวาจาสึก ยังรักษาดำรงพฤติการณ์เสมือนตอนเป็นพระอยู่ แต่ในทางกฎหมายอาจจะยังมีข้อโต้แย้ง ตรงนี้เราต้องทำความเข้าใจกัน ซึ่งจริงๆ แล้วท่านตั้งใจว่าหากศาลยกฟ้องจะเรียกร้องสิทธิในการแสดงออกด้วยการห่มเหลือง
วิทยฐานะ
- พ.ศ. 2523 สอบไล่ได้เปรียญธรรม 9 ประโยค
- พ.ศ. 2526 ปริญญาโท (สาขาบาลีและการศึกษาทางพระพุทธศาสนา) ณ มหาวิทยาลัยพาราณสี ประเทศอินเดีย
- พ.ศ. 2529 ปริญญาเอก (สาขาบาลีและการศึกษาทางพระพุทธศาสนา) ณ มหาวิทยาลัยพาราณสี ประเทศอินเดีย
งานปกครอง
- พ.ศ. 2530 เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสามพระยา
- พ.ศ. 2533 เป็นเลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนกลาง
- พ.ศ. 2536 เป็นรองเจ้าคณะภาค 1 (กรุงเทพมหานคร - นนทบุรี - ปทุมธานี - สมุทรปราการ)
- พ.ศ. 2537 เป็นพระอุปัชฌาย์
- พ.ศ. 2539 เป็นเจ้าอาวาสวัดสามพระยา
- พ.ศ. 2545 เป็นเจ้าคณะภาค 14 (นครปฐม - สุพรรณบุรี - กาญจนบุรี - สมุทรสาคร)
- พ.ศ. 2553 เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม
- พ.ศ. 2556 เป็นเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร
- 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร) มีพระบัญชาให้พ้นจากตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม[3]
สมณศักดิ์
ดร.เอื้อน ได้รับโปรดเกล้าฯ พระราชทานสมณศักดิ์ตามลำดับดังนี้
- 5 ธันวาคม พ.ศ. 2530 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศรีปริยัติบดี[4]
- 5 ธันวาคม พ.ศ. 2537 เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชปริยัติบดี ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[5]
- ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพสุธี ธรรมปรีชาญาณดิลก ตรีปิฏกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[6]
- ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2547 เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมคุณาภรณ์ บวรศีลสมาจาร สุวิธานศาสนกิจจานุกิจ ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[7]
- 5 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฎที่ พระพรหมดิลก ปริยัตินายกคณาทร บวรศาสนกิจวิธาน ศีลสมาจารนิวิฐ ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[8]
- 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 โปรดเกล้าฯ ให้ถอดถอนออกจากสมณศักดิ์ เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า กระทำการทุจริตและถูกดำเนินคดีอาญา ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือ โดยทุจริต[9]
อ้างอิง
- ↑ https://www.matichon.co.th/local/crime/news_983015
- ↑ https://www.isranews.org/article/isranews-news/92191-isranews-433.html ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้อง! ‘อดีตพระพรหมดิลก-พระอรรถกิจโสภณ’คดีฟอกเงินทอน
- ↑ สมเด็จพระสังฆราช’ทรงมีพระบัญชา ปลด 3 พระผู้ใหญ่โยงคดีเงินทอนวัด
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม ๑๐๔, ตอนที่ ๒๕๓ ง ฉบับพิเศษ, ๕ ธันวาคม ๒๕๓๐, หน้า ๑๒
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม ๑๑๑, ตอนพิเศษ ๕๗ ง, ๗ ธันวาคม ๒๕๓๗, หน้า ๗
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม ๑๑๖, ตอน ๒๓ ข, ๒๗ ธันวาคม ๒๕๔๒, หน้า ๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, ตอนที่ 17 ข, เล่ม 121, 15 กันยายน 2547, หน้า 3
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศสถาปนาสมณศักดิ์, ตอนที่ 9 ข, เล่ม 128, 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554, หน้า 13
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศ เรื่อง ถอดถอนสมณศักดิ์, ตอนที่ 15 ข, เล่ม 135, 30 พฤษภาคม 2561, หน้า 1
ก่อนหน้า | พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระธรรมสิทธินายก (เฉลิม พนฺธุรํสี) |
เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร (พ.ศ. 2556 - พ.ศ. 2561) |
พระธรรมสุธี (นรินทร์ นรินโท) (รักษาการ) | ||
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) |
เจ้าคณะภาค 14 (พ.ศ. 2545 - พ.ศ. 2556) |
พระธรรมโพธิมงคล (สมควร ปิยสีโล) | ||
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินฺธโร) |
เจ้าอาวาสวัดสามพระยา (พ.ศ. 2539 - พ.ศ. 2561) |
ว่าง |