ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แมว"
ล ย้อนการแก้ไขที่อาจเป็นการทดลอง หรือก่อกวนด้วยบอต ไม่ควรย้อน? แจ้งที่นี่ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 23: | บรรทัด 23: | ||
}} |
}} |
||
'''แมว''' ({{ชื่อวิทยาศาสตร์|Felis catus}}) เป็น[[สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม]] อยู่ในตระกูล [[Felidae]] ต้นตระกูลมาจาก[[เสือโคร่งไซบีเรีย|เสือไซบีเรีย]] (''Felis tigris altaica'') ซึ่งมีช่วงลำตัวตั้งแต่จมูกถึงปลายหางยาวประมาณ 4 เมตร แมวที่เลี้ยงตามบ้าน จะมีรูปร่างขนาดเล็ก ขนาดลำตัวยาว ช่วงขาสั้นและจัดอยู่ในกลุ่มของประเภท[[สัตว์กินเนื้อ]] มีเขี้ยวและเล็บแหลมคมสามารถหดซ่อนเล็บได้เช่นเดียวกับเสือ สืบสายเลือดมาจาก[[แมวป่า]]ที่มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งลักษณะบางอย่างของแมวยังคงพบเห็นได้ในแมวบ้านปัจจุบัน |
'''แมว''' ({{ชื่อวิทยาศาสตร์|Felis catus}}) เป็น[[สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม]] อยู่ในตระกูล [[Felidae]] ต้นตระกูลมาจาก[[เสือโคร่งไซบีเรีย|เสือไซบีเรีย]] (''Felis tigris altaica'') ซึ่งมีช่วงลำตัวตั้งแต่จมูกถึงปลายหางยาวประมาณ 4 เมตร แมวที่เลี้ยงตามบ้าน จะมีรูปร่างขนาดเล็ก ขนาดลำตัวยาว ช่วงขาสั้นและจัดอยู่ในกลุ่มของประเภท[[สัตว์กินเนื้อ]] มีเขี้ยวและเล็บแหลมคมสามารถหดซ่อนเล็บได้เช่นเดียวกับเสือ สืบสายเลือดมาจาก[[แมวป่า]]ที่มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งลักษณะบางอย่างของแมวยังคงพบเห็นได้ในแมวบ้านปัจจุบัน เหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียว |
||
แมวเริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่เมื่อประมาณ 9500 ปีก่อน <ref name="9500 years">{{cite web | title = Oldest Known Pet Cat? 9500-Year-Old Burial Found on Cyprus | url = http://news.nationalgeographic.com/news/2004/04/0408_040408_oldestpetcat.html | accessdate = 2007-03-06 |date=2004-04-08 | publisher = National Geographic News}}</ref> ซึ่งจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของแมวคือการทำ[[มัมมี่]]แมวที่พบในสมัย[[อียิปต์โบราณ|อียิปต์]]โบราญ หรือใน[[พิพิธภัณฑ์อังกฤษ]]ในลอนดอน มีการแสดงสมบัติที่นำออกมาจาก[[พีระมิด]]โบราณแห่งอียิปต์ ซึ่งรวมถึงมัมมี่เหมียวหลายตัว ซึ่งเมื่อนำเอาผ้าพันมัมมี่ออกก็พบว่า แมวในสมัยโบราณทุกตัวมีลักษณะใกล้เคียงกัน คือเป็นแมวที่มีรูปร่างเล็ก ขนสั้นมีแต้มสีน้ำตาล มีความคล้ายคลึงกับพันธุ์ในปัจจุบัน ที่เรียกว่าแมว[[อะบิสซิเนียน|อะบิสซิเนีย]] |
แมวเริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่เมื่อประมาณ 9500 ปีก่อน <ref name="9500 years">{{cite web | title = Oldest Known Pet Cat? 9500-Year-Old Burial Found on Cyprus | url = http://news.nationalgeographic.com/news/2004/04/0408_040408_oldestpetcat.html | accessdate = 2007-03-06 |date=2004-04-08 | publisher = National Geographic News}}</ref> ซึ่งจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของแมวคือการทำ[[มัมมี่]]แมวที่พบในสมัย[[อียิปต์โบราณ|อียิปต์]]โบราญ หรือใน[[พิพิธภัณฑ์อังกฤษ]]ในลอนดอน มีการแสดงสมบัติที่นำออกมาจาก[[พีระมิด]]โบราณแห่งอียิปต์ ซึ่งรวมถึงมัมมี่เหมียวหลายตัว ซึ่งเมื่อนำเอาผ้าพันมัมมี่ออกก็พบว่า แมวในสมัยโบราณทุกตัวมีลักษณะใกล้เคียงกัน คือเป็นแมวที่มีรูปร่างเล็ก ขนสั้นมีแต้มสีน้ำตาล มีความคล้ายคลึงกับพันธุ์ในปัจจุบัน ที่เรียกว่าแมว[[อะบิสซิเนียน|อะบิสซิเนีย]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:03, 2 มิถุนายน 2560
แมว | |
---|---|
ไฟล์:113343825.jpg | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
สัตว์เลี้ยงหรือปศุสัตว์
| |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Mammalia |
อันดับ: | Carnivora |
วงศ์: | Felidae |
สกุล: | Felis |
สปีชีส์: | F. catus |
ชื่อทวินาม | |
Felis catus Linnaeus, 1758[1][2] | |
ชื่อพ้อง | |
แมว (ชื่อวิทยาศาสตร์: Felis catus) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อยู่ในตระกูล Felidae ต้นตระกูลมาจากเสือไซบีเรีย (Felis tigris altaica) ซึ่งมีช่วงลำตัวตั้งแต่จมูกถึงปลายหางยาวประมาณ 4 เมตร แมวที่เลี้ยงตามบ้าน จะมีรูปร่างขนาดเล็ก ขนาดลำตัวยาว ช่วงขาสั้นและจัดอยู่ในกลุ่มของประเภทสัตว์กินเนื้อ มีเขี้ยวและเล็บแหลมคมสามารถหดซ่อนเล็บได้เช่นเดียวกับเสือ สืบสายเลือดมาจากแมวป่าที่มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งลักษณะบางอย่างของแมวยังคงพบเห็นได้ในแมวบ้านปัจจุบัน เหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียวเหมียว
แมวเริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่เมื่อประมาณ 9500 ปีก่อน [5] ซึ่งจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของแมวคือการทำมัมมี่แมวที่พบในสมัยอียิปต์โบราญ หรือในพิพิธภัณฑ์อังกฤษในลอนดอน มีการแสดงสมบัติที่นำออกมาจากพีระมิดโบราณแห่งอียิปต์ ซึ่งรวมถึงมัมมี่เหมียวหลายตัว ซึ่งเมื่อนำเอาผ้าพันมัมมี่ออกก็พบว่า แมวในสมัยโบราณทุกตัวมีลักษณะใกล้เคียงกัน คือเป็นแมวที่มีรูปร่างเล็ก ขนสั้นมีแต้มสีน้ำตาล มีความคล้ายคลึงกับพันธุ์ในปัจจุบัน ที่เรียกว่าแมวอะบิสซิเนีย
การจัดจำแนก
โดยทั่วไปมีการแบ่งพันธุ์แมวออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่ ๆ คือ แมวขนยาว (longhaired cat) และ แมวขนสั้น (shorthaired cats) การแบ่งพันธุ์ด้วยวิธีนี้ทำให้จำแนกแมวออกได้ตามลักษณะพันธุ์ที่จำเพาะต่าง ๆ กัน การจัดจำแนกแมวในยุโรปและสหรัฐอเมริกามีการกำหนดมาตรฐานของพันธุ์แมวที่เป็นที่ยอมรับกัน ทั้งนี้ลักษณะมาตรฐานของพันธุ์ก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อย ๆ การใช้ชื่อเรียกพันธุ์แมวที่แสดงถึงลักษณะของพันธุ์ที่จำเพาะมีความแตกต่างกันระหว่างในยุโรปและสหรัฐอเมริกา และมีบางพันธุ์มีการจัดจำแนกเฉพาะต่างหากในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
แมวในโลกนี้มีมากมายหลายพันธุ์ โดยเฉพาะแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงไม่นับรวมสัตว์ตระกูลแมว พวกเสือ แมวดาว แมวป่า หรือสิงโต แมวเลี้ยงหรือที่เราเรียกว่า Domestic cat นั้นมีวิวัฒนาการมาจากแมวป่าในธรรมชาติจากหลายภูมิภาคของโลก ชื่อเรียกพันธุ์แมวที่แตกต่างกันที่เรียกกันทุกวันนี้ เช่น เปอร์เซีย แมวสยาม แมวบาหลี แมวอะบิสซิเนีย และแมวโซมาลี นั้น แสดงถึงถิ่นกำเนิดที่แสดงถึงภูมิศาสตร์ที่เขาถือกำเนิดมา ในการจัดนิทรรศการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศอังกฤษเมื่อปีคริสศักราช 1871 ถือเป็นการเริ่มต้นในการนำเสนอพันธุ์แมวในระดับนานาชาติ ทำให้ผู้สนใจในแมวมีความตื่นตัว แต่การแสดงในครั้งนั้นส่วนใหญ่เป็นแมวเปอร์เซียและแมวขนสั้นเป็นหลัก
สรีรวิทยา
แมวมีความคุ้นเคยและเลี้ยงได้ง่าย สรีรวิทยาของแมวได้รับการศึกษาโดยเฉพาะ โดยทั่วไปจะมีลักษณะคล้ายกับสัตว์ เลี้ยงลูกด้วยนมที่กินเนื้ออื่น ๆ แต่จากลักษณะที่ผิดแปลกออกไปหลายอย่าง อาจจะทำให้เชื่อว่าเชื้อสายแมว มาจากสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย[6] ตัวอย่างเช่นแมวที่สามารถทนต่ออุณหภูมิสูงมาก มนุษย์โดยทั่วไปเริ่มที่จะรู้สึกอึดอัดผิวเมื่อมีอุณหภูมิประมาณ 38 ° C (100 ° F) แต่แมวแสดงความรู้สึกไม่สบายผิวของพวกมันเมื่ออุณหภูมิถึงราว ๆ 52 ° C (126 ° F)[7]และสามารถทนต่ออุณหภูมิสูงถึง 56 ° C (133 ° F ) ถ้าพวกมันมีการเข้าถึงน้ำได้[8]
แมวเก็บรักษาความร้อนโดยการลดการไหลเวียนของเลือดไปยังผิวและระบายความร้อนโดยการระเหยผ่านปากของพวกมัน แมวมีความสามารถน้อยที่จะขับเหงื่อโดยมีต่อมอยู่ในอุ้งเท้า[9] และจะหอบเพื่อบรรเทาความร้อนที่อุณหภูมิสูงมากเท่านั้น[10] (แต่อาจหอบเมื่อเครียด) อุณหภูมิร่างกายของแมวไม่ได้แตกต่างกันตลอดทั้งวัน อาจสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่จะมีความกระตือรือร้น ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน[11] อุจจาระแมวจะแห้งและปัสสาวะจะมีความเข้มข้นสูงซึ่งทั้งสองอย่างคือการปรับตัวที่จะช่วยให้แมวเก็บน้ำได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้[6] ไตของแมวมีประสิทธิภาพเพื่อให้แมวสามารถอยู่รอดได้ในอาหารที่มีเฉพาะเนื้อสัตว์โดยที่ไม่ต้องกินน้ำเพิ่มเติม[12] และยังสามารถได้รับน้ำโดยดื่มน้ำทะเล[11][13]
แมวเป็นสัตว์กินเนื้อ สรีรวิทยาของพวกมันมีการพัฒนาในการย่อยเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพและในทางตรงกันข้ามพวกมันมีปัญหาในการย่อยพืช[6] ในขณะที่สัตว์ที่กินทั้งพืชและสัตว์ เช่นหนูซึ่งต้องการโปรตีนในอาหารประมาณ 4% แต่แมวจะต้องการโปรตีนประมาณ 20% ในอาหารของมัน[6] แมวจะผิดปกติถ้าขาดอาร์จินีนและการรับประทานอาหารที่ขาดอาร์จินีนเป็นสาเหตุของอาการน้ำหนักลดและอาจถึงแก่ชีวิตได้อย่างรวดเร็ว[14] อีกคุณสมบัติที่ผิดปกติคือการที่แมวไม่สามารถผลิตทอรีน การขาดทอรีนก่อให้เกิดการเสื่อมสภาพในจอประสาทตาของแมวทำให้ตาบอดถาวร[6] แมวจะกินเหยื่อของพวกมันทั้งหมดเพราะจะได้รับแร่ธาตุโดยการย่อยกระดูกสัตว์ ดังนั้นอาหารที่มีเนื้อสัตว์โดยเฉพาะอาจก่อให้เกิดการขาดแคลเซียม[6]
ระบบทางเดินอาหารของแมวถูกปรับให้เข้ากับการรับประทานเนื้อสัตว์ ดังนั้นระบบทางเดินอาหารของแมวสั้นกว่าของสัตว์ที่กินทั้งพืชและสัตว์ และแมวมีระดับเอนไซม์ที่จำเป็นในการย่อยสลายคาร์โบไฮเดรตอยู่ในระดับต่ำ[15] นี่จึงจำกัดความสามารถของแมวที่จะย่อยสารอาหารจากพืชอย่างมาก เช่นเดียวกับกรดไขมันบางอย่างที่แมวมีความสามารถในการย่อยจำกัด[15] แม้สรีรวิทยาของแมวจะมุ่งเน้นไปทางอาหารที่เป็นเนื้อ แต่ก็มีอาหารแมวมังสวิรัติทำการตลาดมีการเสริมสังเคราะห์สารเคมีทอรีนและสารอาหารอื่น ๆ ในความพยายามที่จะผลิตอาหารที่สมบูรณ์แบบ แต่บางส่วนของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังคงล้มเหลวในการให้สารอาหารที่จำเป็นทั้งหมดต่อแมว[16] และผลิตภัณฑ์อาหารที่มีไม่มีส่วนประกอบจากสัตว์ก่อให้เกิดการขาดสารอาหารอย่างรุนแรง[17]
แมวจะกินหญ้าเป็นครั้งคราวคำอธิบายหนึ่งก็คือแมวใช้หญ้าเป็นแหล่งของกรดโฟลิก อีกคำอธิบายหนึ่งก็คือมันจะใช้ในการเป็นแหล่งใยอาหาร[18]
อ้างอิง
- ↑ Linnaeus, Carolus (1766) [1758]. Systema naturae per regna tria naturae: secundum classes, ordines, genera, species, cum characteribus, differentiis, synonymis, locis (ภาษา(ละติน)). Vol. 1 (12th ed.). Holmiae (Laurentii Salvii). p. 62. สืบค้นเมื่อ 2008-04-02.
{{cite book}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ Wozencraft, W. C. (2005). "Order Carnivora". ใน Wilson, D. E.; Reeder, D. M. (บ.ก.). Mammal Species of the World: A Taxonomic and Geographic Reference (3rd ed.). Johns Hopkins University Press. pp. 534–535. ISBN 978-0-8018-8221-0. OCLC 62265494.
- ↑ ITIS. "ITIS Standard Report Page: Felis catus domestica".
- ↑ Driscoll CA, Macdonald DW, O'Brien SJ, CA (2009). "In the Light of Evolution III: Two Centuries of Darwin Sackler Colloquium: From wild animals to domestic pets, an evolutionary view of domestication". Proc. Natl. Acad. Sci. U.S.A. 106 (S1): 9971–9978. doi:10.1073/pnas.0901586106. ISSN 0027-8424. PMC 2702791. PMID 19528637.
{{cite journal}}
:|first2=
ไม่มี|last2=
(help);|first3=
ไม่มี|last3=
(help); ไม่รู้จักพารามิเตอร์|month=
ถูกละเว้น (help)CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์) - ↑ "Oldest Known Pet Cat? 9500-Year-Old Burial Found on Cyprus". National Geographic News. 2004-04-08. สืบค้นเมื่อ 2007-03-06.
- ↑ 6.0 6.1 6.2 6.3 6.4 6.5 MacDonald, M. L.; Rogers, Q. R.; Morris, J. G. (1984). "Nutrition of the domestic cat, a mammalian carnivore". Annual Review of Nutrition. 4: 521–562. doi:10.1146/annurev.nu.04.070184.002513. PMID 6380542.
- ↑ Case, Linda P. (2003). The Cat: Its Behavior, Nutrition, and Health. Ames, IA: Iowa State University Press. ISBN 0-8138-0331-4.
- ↑ Subcommittee on Dog and Cat Nutrition (2006). Nutrient Requirements of Dogs and Cats. Washington, DC: National Academies Press. p. 292. ISBN 0-309-08628-0.
- ↑ "How do cats sweat?". Cat Health,com. สืบค้นเมื่อ 24 February 2014.
- ↑ Adams, T.; Morgan, M. L.; Hunter, W. S.; Holmes, K. R. (1970). "Temperature Regulation of the Unanesthetized Cat During Mild Cold and Severe Heat Stress". Journal of Applied Physiology. 29 (6): 852–858. PMID 5485356.
- ↑ 11.0 11.1 Committee on Animal Nutrition (1986). Nutrient Requirements of Cats (2nd ed.). National Academy Pr.
- ↑ Prentiss, Phoebe G. (1959). "Hydropenia in Cat and Dog: Ability of the Cat to Meet its Water Requirements Solely from a Diet of Fish or Meat". American Journal of Physiology. 196 (3): 625–632. PMID 13627237.
- ↑ Wolf, A. V. (1959). "Potability of Sea Water with Special Reference to the Cat". American Journal of Physiology. 196 (3): 633–641. PMID 13627238.
- ↑ Morris, J. G.; Rogers, Q. R. (1 December 1978). "Arginine: An Essential Amino Acid for the Cat". Journal of Nutrition. 108 (12): 1944–1953. PMID 722344.
- ↑ 15.0 15.1 Zoran, D. L. (2002). "The Carnivore Connection to Nutrition in Cats" (PDF). Journal of the American Veterinary Medical Association. 221 (11): 1559–1567. doi:10.2460/javma.2002.221.1559. PMID 12479324.[ลิงก์เสีย]
- ↑ Gray, C. M.; Sellon, R. K.; Freeman, L. M. (2004). "Nutritional Adequacy of Two Vegan Diets for Cats". Journal of the American Veterinary Medical Association. 225 (11): 1670–1675. doi:10.2460/javma.2004.225.1670. PMID 15626215.
- ↑ Zaghini, G.; Biagi, G. (2005). "Nutritional Peculiarities and Diet Palatability in the Cat". Vet. Res. Commun. 29 (Supplement 2): 39–44. doi:10.1007/s11259-005-0009-1. PMID 16244923.
- ↑ "Cat Health 101: Why Do Cats Eat Grass?". AnimalPlanet.com. 16 November 2011. สืบค้นเมื่อ 13 August 2012.
แหล่งข้อมูลอื่น
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Felis silvestris catus ที่วิกิสปีชีส์