อะบิสซิเนียน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แมวสายพันธุ์อะบิสซิเนียน

อะบิสซิเนียน (อังกฤษ: Abyssinian) เป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งที่มีความโดดเด่นสืบเชื้อสายมาจากแมวของชาวอียิปต์โบราณ มีลักษณะเป็นแมวที่มีสีสันสวยงาม สีขนมีลักษณะเป็นสีสลับกันในเส้นเดียวสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน อะบิสซิเนียนจัดเป็นแมวที่มีขนาดปานกลาง มีลักษณะท่าทางภายนอกที่สง่าผ่าเผย ภายนอกเป็นแมวที่มีความแข็งแรง มีกล้ามเนื้อ มีความกระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็นต่อสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว แต่ภายในแฝงไว้ด้วยความนุ่มนวล มีความรักเจ้าของ ฉลาดปราดเปรียว และมีความขี้เล่นประสาแมว อะบิสซิเนียนจึงจัดเป็นสายพันธุ์แมวที่ได้รับความนิยมที่สุดในสายพันธุ์แมวขนสั้นของสหรัฐเอเมริกา

ประวัติ[แก้]

ปัจจุบันนี้ยังไม่มีใครที่จะสามารถบอกถึงแหล่งหรือต้นกำเนิดของแมวสายพันธุ์นี้ได้ว่ามีต้นกำเนิดจากที่ไหน และเมื่อไร แต่มีเรื่องที่ยังคงเล่าต่อ ๆ กันมาว่า อะบิสซิเนียนนี้เป็นแมวที่สืบสายพันธุ์มาจากแมวศักดิ์สิทธิ์ หรือแมวที่เคารพบูชาสักการะของพวกชาวอียิปต์โบราณ ซึ่งชาวอียิปต์เรียกว่า “Myeu” คาดว่าเป็นระยะเวลากว่า 4,000 ปีมาแล้ว ลักษณะของแมวสายพันธุ์นี้จะสังเกตได้ว่าลักษณะที่ประจำตัวของมันมีความสอดคล้องกับสมมุติฐานข้างต้น กล่าวคือ มีลักษณะที่คล้ายคลึงหรือเหมือนกับหลักฐานทางโบราณคดีที่ถูกค้นพบอัน ได้แก่ ภาพวาดสีบนผนังถ้ำโบราณ และรูปปั้นหรือรูปแกะสลักต่าง ๆ ของชาวอียิปต์ จึงเป็นหลักฐานที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างอะบิสซิเนียนกับแมวอียิปต์โบราณ

ต้นกำเนิดหรือจุดกำเนิดของแมวสายพันธุ์นี้ คาดว่ามาจากแมวพันธุ์ “อะบิสซิเนียน” ที่มีชื่อว่า “Zula” ซึ่งถูกนำเข้ามาจากประเทศอะบิสซิเนีย (ซึ่งปัจจุบันคือประเทศเอธิโอเปีย) โดยนายทหารที่ไปทำการรบในสงคราม “อะบิสซิเนีย” ที่เกาะ Zulu ในเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 1868 ตามหนังสือที่บันทึกไว้โดย Dr. Gordon Staples ในปี ค.ศ. 1874 แต่อย่างไรก็ตาม ต้นกำเนิดของแมวพันธุ์ “อะบิสซิเนียน” นี้ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่เช่นกัน กล่าวคือ บางความเชื่อก็เชื่อว่า อะบิสซิเนียนนี้เป็นแมวพันธุ์พื้นเมืองของอังกฤษอยู่แล้ว หรือบางความเชื่อก็เชื่อว่า อะบิสซิเนียนที่เลี้ยงกันในปัจจุบันนี้สืบสายพันธุ์มาจากสายพันธุ์ที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบริเวณชายฝั่งของแถบมหาสมุทรอินเดีย เป็นต้น

ในตอนต้นศตวรรษที่ 19 เชื่อกันว่าได้มีการนำเข้าแมวสายพันธุ์ “อะบิสซิเนียน” นี้จากประเทศอังกฤษ เข้าไปยังทวีปอเมริกาเหนือ และต่อมาในช่วง ค.ศ. 1930-1939 ก็ได้มีการขยายพันธุ์แมวพันธุ์นี้ออกไป จนกระทั่งอะบิสซิเนียนนี้กลายเป็นแมวที่ได้รับความนิยมมากพันธุ์หนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้น อะบิสซิเนียนนี้ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น ๆ ต่อมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งทุกวันนี้อะบิสซิเนียนกลายเป็นแมวพันธุ์ที่ได้รับความชื่นชอบเป็นอันดับที่ 5 ของโลก (10 อันดับพันธุ์แมวที่ได้รับความนิยมเลี้ยงกันมากที่สุด พบว่า อะบิสซิเนียนติดอันดับอยู่ในอับดับ 5 ในกลุ่มแมวจำพวกแมวสายพันธุ์ขนสั้น (สถิติข้อมูลจาก CFA: Cat Fancier’s Association ปี 2001))

ลักษณะทั่วไปภายนอก[แก้]

อะบิสซิเนียนเป็นแมวที่มีสีสันสดใสสวยงาม มีขนที่มีลักษณะเป็นสีสลับกันสองสีภายในเส้นเดียวกัน สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เป็นลักษณะเด่นของแมวสายพันธุ์นี้ มีขนาดรูปร่างขนาดปานกลางไม่ใหญ่มาก และมีลักษณะประจำสายพันธุ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การมีท่าทางที่สง่างาม มีขนาดสัดส่วนของร่างกายที่เหมาะสม ทำให้รูปร่างของลำตัวเกิดความสมดุล

  • ศีรษะ - มีลักษณะเป็นรูปลิ่มเป็นสันสูง ไม่มีลักษณะที่เป็นแผ่นเรียบ และสันรูปลิ่มนี้จะต่อยาวลงมาถึงบริเวณต้นคอ ขนทางด้านหน้าบริเวณศีรษะมีลักษณะเป็นรูปตัว M
  • ใบหู - มีลักษณะที่ว่องไวปราดเปรียว คอยระแวดระวังภัย เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา มีลักษณะของหูที่ใหญ่ อีกทั้งยังมีส่วนของใบหูที่กว้างขยายออก และมีรูปร่างของหูเป็นรูปถ้วย ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ในการรับฟังเสียงจากภายนอกได้อย่างชัดเจน
  • ดวงตา - มีรูปร่างที่คล้ายคลึงกับเมล็ดอัลมอนด์ มีขนาดของดวงตาที่ใหญ่ ที่บริเวณขอบตามีสีของเส้นขนที่เข้ม ล้อมอยู่โดยรอบบริเวณดวงตาที่มีลักษณะสีขนที่อ่อนกว่า จึงเป็นการเน้นบริเวณดวงตาให้เห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น สำหรับสีของดวงตานั้นที่พบได้โดยมาก จะเป็นสีเหลืองหรือสีเขียว
  • ลำตัว - มีความยาวปานกลาง สามารถโค้งงอได้อย่างเป็นสัดส่วน ดูสวยงามเป็นสง่า มีการเจริญของกล้ามเนื้อดี สามารถเห็นได้ชัดเจนจากภายนอก และที่สำคัญที่สุด คือ มีความสมดุลของร่างกาย มีกระดูกที่แข็งแรงและสามารถยืนด้วยปลายเท้าได้อย่างมั่นคง
  • หาง - ค่อนข้างที่จะยางเรียว และค่อย ๆ เรียวเล็กลงไปเรื่อย ๆ จากบริเวณโคนหางถึงปลายหาง
  • ขน - มีลักษณะที่นุ่ม เรียบลื่นและเป็นมันเงา
  • ขาและเท้า - มีลักษณะของขาภายนอกที่ยาวเรียวได้สัดส่วน มีส่วนของกระดูกขาเจริญและแข็งแรงดี อุ้งเท้ามีขนาดเล็ก กลมรีเป็นรูปไข่ และอัดตัวกันแน่น
  • นิ้วเท้า - ที่บริเวณขาหน้ามี 5 นิ้ว และบริเวณขาหลังมี 4 นิ้ว

ลักษณะที่ไม่พึงประสงค์ของสายพันธุ์[แก้]

ลักษณะของขนที่เป็นวงสีขาว หรือจุดสีขาวบริเวณส่วนใด ๆ ของร่างกาย เช่น บริเวณโพรงจมูก, คาง, บริเวณส่วนขนของคอ หรือบริเวณหาง, ขนสีดำบริเวณคอ, ผิวหนังสีเทา เป็นต้น ใน อะบิสซิเนียนพันธุ์ที่มีขนสีแดง แต่กลับมีขนเป็นสีดำ ก็ถือเป็นลักษณะด้อยผิดปกติ หรือลักษณะของนิ้วเท้าที่มีจำนวนผิดปกติผิดไปจากเดิม ก็ถือว่าเป็นลักษณะที่ไม่เหมาะสมของสายพันธุ์ด้วยเช่นกัน

ลักษณะนิสัย[แก้]

ลักษณะนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของอะบิสซิเนียนคือ ความกระตือรือร้นและชอบมีปฏิสัมพันธ์เที่ยวเล่นกับแมวตัวอื่น ๆ นอกจากนั้นยังจัดเป็นแมวที่มีความซื่อสัตย์, รักเจ้าของ, เชื่อฟังคำพูดของเจ้าของ และมีความน่ารักน่าเอ็นดู

ลักษณะการดูแล[แก้]

โดยการแปรงขนให้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ และตัดเล็บเท้าทุก ๆ 3-4 สัปดาห์ต่อครั้ง

การดูแลรักษาสุขภาพ[แก้]

ตามปกติอะบิสซิเนียนจะเป็นพันธุ์แมวที่ค่อนข้างจะแข็งแรง มีสุขภาพดี มีกิจกรรมทำตลอดเวลา และค่อนข้างจะมีอายุยืน บางตัวสามารถมีอายุอยู่ได้ถึง 20 ปี การที่มีลักษณะนิสัยชอบทำกิจกรรมตลอดเวลาและไม่ค่อยชอบอยู่นิ่ง จึงควรที่จะคอยดูแลหรือเอาใจใส่โดยให้เล่นหรือทำกิจกรรมอยู่ในเขตหรือขอบข่ายที่สามารถจะควบคุมได้ นอกจากนั้นต้องคอยหมั่นตรวจโปรแกรมการฉีดวัคซีนตามกำหนดต่อสัตวแพทย์ด้วย

โรคที่มักจะเกิดขึ้นกับอะบิสซิเนียน คือ

โรคเหงือกอักเสบ (gingivitis) อาการของโรค เริ่มแรกจะเริ่มมีส่วนของเหงือกที่มีอาการบวมแดง และมีการหายใจหรือลักษณะของลมหายใจที่ผิดปกติ ปัจจัยที่สำคัญที่จะหลีกเลี่ยงหรือรักษาโรคเหงือกอักเสบนี้ได้คือ การควบคุมการกินอาหาร อีกทั้งควรจะหมั่นแปรงฟันให้ตั้งแต่เล็ก ทุก ๆ สัปดาห์ และหมั่นพาไปตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ

โรคความผิดปกติของไต (Renal Amyloidosis) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม สามารถพบได้ไม่ว่ากับแมวพันธุ์แท้ หรือแมวพันธุ์ผสม หรือไม่ใช่เฉพาะกับอะบิสซิเนียนเท่านั้น แต่กับแมวพันธุ์อื่น หรือกับมนุษย์ก็สามารถที่จะเกิดอาการของโรคนี้ได้เช่นเดียวกัน

ชนิดสีขนของอะบิสซิเนียน[แก้]

ตามมาตรฐานของการแบ่งสีขนในการประกวดของ CFA Breed Standard : Abyssinian

สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 สีด้วยกันคือ

สีแดงเข้ม (RED)[แก้]

ลักษณะของขนจะหนา เน้นเป็นสีแดงเรื่อ ๆ มีการไล่กระจายบริเวณของสีทำให้สีไม่เข้มมากเกินไปอยู่เพียงบริเวณใดบริเวณหนึ่งเพียงจุดเดียว เส้นขนมีการสลับสีกันระหว่างสีช็อกโกแลตและสีน้ำตาล บริเวณปลายขนจะมีสีเข้มมากที่สุด ผิวหนังบริเวณลำตัวมีสีออกแดง ส่วนปลายหางมีสีน้ำตาลอมช็อกโกแลต สีที่บริเวณขาทั้งทางด้านนอกและด้านในที่กลมกลืนกับสีหลักของลำตัว หน้าอกและท้อง ส่วนที่บริเวณจมูกมีสีออกแดงอมชมพู ระหว่างนิ้วเท้ามีสีน้ำตาลอมช็อกโกแลตขั้นอยู่ระหว่างนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว

สีน้ำตาลแดง (RUDDY)[แก้]

ลักษณะของเส้นขนจะมีการสลับสีกันระหว่างสีน้ำตาลกับสีดำเข้ม และที่บริเวณปลายสุดของเส้นขนนั้น จะมีสีเข้มมากที่สุด ส่วนผิวหนังบริเวณลำตัวจะมีสีน้ำตาลอมส้ม ปลายหางมีสีดำ ส่วนสีที่บริเวณขาทั้งด้านนอกและด้านในจะมีสีที่กลมกลืน หรือเข้ากับสีหลักบริเวณลำตัว หน้าอกและท้อง ส่วนบริเวณจมูกจะมีสีทึบมีสีออกน้ำตาลแดง ส่วนอุ้งเท้าจะมีสีดำหรือน้ำตาลก็ได้ และมีสีดำขั้นระหว่างนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว

สีเทาอมน้ำเงิน (BLUE)[แก้]

ลักษณะของเส้นขน มีการสลับสีกันระหว่างสีเทาอมน้ำเงินด้วยกันเอง เพราะมีความเข้มอ่อนของสีที่ไม่เท่ากัน ส่วนปลายสุดของเส้นขนมีสีเข้มมากที่สุด ส่วนผิวหนังบริเวณลำตัวมีสีแดงอมชมพูกลมกลืนกับสีเทาอ่อน ส่วนปลายหางมีสีเทาอมน้ำเงินเช่นเดียวกับสีของเส้นขนทั่วไป ส่วนสีที่บริเวณขาทั้งด้านนอกและด้านในจะมีสีที่กลมกลืน หรือเข้ากับสีหลักบริเวณลำตัว หน้าอกและท้อง ปลายจมูกมีสีชมพูเข้ม ส่วนสีที่อุ้งเท้ามีสีม่วงอมน้ำเงินและมีสีเทาอมน้ำเงินเข้ม อยู่ระหว่างนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว

สีส้มอมชมพู (FAWN)[แก้]

ลักษณะของเส้นขน มีการสลับสีกันระหว่างสีน้ำตาลอ่อนกับสีโกโก้ และที่บริเวณปลายสุดของเส้นขนนั้น จะมีสีเข้มมากที่สุด ผิวหนังบริเวณลำตัวเป็นสีเทา ส่วนปลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนผสมกับสีโกโก้เช่นเดียวกับสีทั่วไปของร่างกาย ส่วนสีที่บริเวณขาทั้งด้านนอกและด้านในจะมีสีที่กลมกลืน หรือเข้ากับสีหลักบริเวณลำตัว หน้าอกและท้อง จมูกสีส้มอ่อน อุ้งเท้าสีชมพูและมีสีน้ำตาลอ่อนผสมกับสีโกโก้อยู่ระหว่างนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว