พายุไซโคลนอำพัน (พ.ศ. 2563)
พายุไซโคลนอำพันขณะมีกำลังแรงสูงสุดเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 | |
| ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา | |
|---|---|
| ก่อตัว | 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 |
| สลายตัว | 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 |
| พายุซูเปอร์ไซโคลน | |
| 3-นาที ของเฉลี่ยลม (IMD) | |
| ความเร็วลมสูงสุด | 240 กม./ชม. (150 ไมล์/ชม.) |
| ความกดอากาศต่ำสุด | 900 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 26.58 นิ้วปรอท |
| พายุไต้ฝุ่น | |
| 10-นาที ของเฉลี่ยลม (TMD) | |
| ความเร็วลมสูงสุด | 240 กม./ชม. (150 ไมล์/ชม.) |
| ความกดอากาศต่ำสุด | 900 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 26.58 นิ้วปรอท |
| พายุหมุนเขตร้อนระดับ 5 | |
| 1-นาที ของเฉลี่ยลม (SSHWS) | |
| ความเร็วลมสูงสุด | 285 กม./ชม. (180 ไมล์/ชม.) |
| ความกดอากาศต่ำสุด | 895 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 26.43 นิ้วปรอท |
| ผลกระทบ | |
| ผู้เสียชีวิต | 128 ราย |
| ความเสียหาย | $14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าเงินปี พ.ศ. 2563 USD) (เป็นพายุหมุนเขตร้อนที่สร้างความ เสียหายมากที่สุดในมหาสมุทร อินเดียเหนือ) |
| พื้นที่ได้รับผลกระทบ | อินเดีย, บังกลาเทศ, ศรีลังกา, ภูฏาน, พม่า, ไทย |
| IBTrACS | |
ส่วนหนึ่งของ ฤดูพายุไซโคลนมหาสมุทร อินเดียเหนือ พ.ศ. 2563 | |
พายุซูเปอร์ไซโคลนอำพัน (อักษรโรมัน: Amphan)[nb 1] เป็นพายุหมุนเขตร้อนที่มีความรุนแรงที่สุดในบริเวณมหาสมุทรอินเดียเหนือในช่วงปี พ.ศ. 2563[1] และเป็นพายุที่สร้างความเสียหายอย่างหนักในประเทศอินเดียโดยเฉพาะในรัฐเบงกอลตะวันตก และรัฐโอฑิศา และประเทศบังกลาเทศ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 นับเป็นพายุที่มีความรุนแรงที่สุดที่เคลื่อนตัวพัดถล่มสามเหลี่ยมปากแม่น้ำคงคา และเป็นพายุที่หายากที่เคลื่อนตัวพัดถล่มทางตอนเหนือของประเทศบังกลาเทศตั้งแต่ราชชาฮีถึงรังปุระในช่วงเช้าของวันที่ 21 พฤษภาคม พายุได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อการผลิตมะม่วงของราชชาฮีและรังปุระ[2] นอกจากนี้ ยังเป็นพายุลูกที่ 4 ที่เคลื่อนตัวพัดถล่มรัฐเบงกอลตะวันตก และโกลกาตา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 รวมถึงเป็นหนึ่งในพายุที่รุนแรงที่สุดที่ส่งผลกระทบในพื้นที่[3] พายุไซโคลนอำพันได้ทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าประมาณ 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[4] และยังเป็นพายุที่สร้างความเสียหายมากที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ในมหาสมุทรอินเดียเหนือแซงหน้าพายุไซโคลนนาร์กิสที่สร้างความเสียหายมากที่สุดเมื่อปี พ.ศ. 2551[5]
พายุไซโคลนอำพันเป็นลูกแรกของฤดูพายุไซโคลนมหาสมุทรอินเดียเหนือ พ.ศ. 2563 ก่อตัวขึ้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ที่อยู่ห่างออกไปทางตะวันออกของโคลัมโบประมาณ 300 กิโลเมตร (200 ไมล์) หลังจากนั้นพายุก็ได้เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และก่อตัวขึ้นเหนืออุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่อุ่นขึ้น หย่อมความกดอากาศต่ำได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนในวันที่ 15 พฤษภาคม และในวันต่อมาพายุก็ได้กลายเป็นพายุไซโคลนกำลังแรงอย่างมากภายใน 12 ชั่วโมง พายุไซโคลนอำพันมีกำลังแรงสูงสุดด้วยความเร็วลม 3 นาทีที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (150 ไมล์ต่อชั่วโมง)[nb 2] และด้วยความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (180 ไมล์ต่อชั่วโมง) ความกดอากาศที่ 900 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 26.58 นิ้วของปรอท) ในวันที่ 18 พฤษภาคม พายุเริ่มสร้างวัฏจักรการแทนที่กำแพงตาได้ไม่นาน หลังจากที่พายุมีกำลังแรงสูงสุด แต่ผลกระทบต่อเนื่องของอากาศแห้ง และลมเฉือน ที่ทำให้กระบวนการนี้หยุดชะงัก และทำให้พายุอ่อนกำลังลงเรื่อย ๆ ในขณะที่กำลังเคลื่อนตัวขึ้นชายฝั่งทางตะวันออกของประเทศอินเดีย และรัฐเบงกอลตะวันตก เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พายุไซโคลนอำพันได้อ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วเมื่อเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่ง และสลายตัวไปในเวลาไม่นาน
พื้นที่ชายฝั่งในรัฐเบงกอลตะวันตก เช่น อำเภอปัศจิมเมดินีปุระ อำเภอปูร์บาเมดินีปุระ ทางตอนเหนือ 24 ของอำเภอปารกานัส ทางตอนใต้ 24 ของอำเภอปารกานัส โกลกาตา อำเภอฮูกลี และอำเภอฮาวราห์ เป็นต้น ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากพายุ นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากในประเทศบังกลาเทศโดยนำพายุฝนฟ้าคะนองมาสู่ราชชาฮี และรังปุระ พายุไซโคลนอำพันยังสร้างความเสียหายให้กับโกลกาตา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ และมูลค่าความเสียหายโดยรวมประมาณ 15.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[6][nb 3][nb 4]
ผลกระทบ
[แก้]ประเทศอินเดีย
[แก้]พายุไซโคลนอำพันได้เคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งที่รัฐเบงกอลตะวันตกด้วยความเร็วลม 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (100 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในประเทศอินเดีย พายุได้คร่าชีวิตประชาชนไปประมาณ 98 ราย และสร้างความเสียหายมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1.17 ล้านล้านรูปี (13.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) พายุได้ก่อให้เกิดลมแรงจนหลังคาบ้านปลิว ต้นไม้โค่นล้มลง และคลื่นลมแรงซัดฝั่งสูงประมาณ 4.6 เมตร ในพื้นที่ เช่น ดีกา และรัฐเบงกอลตะวันตก เป็นต้น[7][8]
ทางตะวันออกของประเทศอินเดีย
[แก้]
พายุไซโคลนอำพันได้เคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งใกล้กับเมืองบักคาลีในรัฐเบงกอลตะวันตกเมื่อเวลา 16:00 น. (09:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) ของวันที่ 20 พฤษภาคม[9] พัดกระหน่ำภูมิภาคด้วยลมแรง และฝนตกหนัก[10] แม้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก แต่ผลกระทบของพายุก็ยังคงเป็นวงกว้าง และร้ายแรงในรัฐเบงกอลตะวันตก ซึ่งเป็นศูนย์กลางของพายุที่เคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่ง และได้รับความเสียหายจากพายุไซโคลนอำพันอย่างกว้างขวางที่สุด[11] พายุลูกนี้ถือเป็นพายุที่มีความรุนแรงที่สุดที่เคลื่อนตัวพัดถล่มภูมิภาคนี้ในรอบกว่าทศวรรษ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 86 ราย[12] ในรัฐเบงกอลตะวันตก ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากการถูกไฟฟ้าดูด หรือบ้านเรือนพังถล่ม[13] รัฐบาลของรัฐประมาณการว่าพายุลูกนี้สร้างความเสียหายอย่างน้อย 1.02 ล้านล้านรูปี (13.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และส่งผลโดยตรงต่อประชากรของรัฐ 70 เปอร์เซ็นต์[14]

หัวหน้าคณะรัฐมนตรีมะมะตา พยานาร์จี ได้กล่าวถึงผลกระทบของพายุที่นั่นว่าเลวร้ายกว่าโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019[15] คลื่นลมแรงซัดฝั่งสูงประมาณ 5 เมตร ท่วมชุมชนที่อยู่ชายฝั่งเป็นบริเวณกว้าง และการสื่อสารถูกตัดขาด มีการคาดการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นที่สุนทรวัน ซึ่งอาจขยายไปถึงประมาณ 15 กิโลเมตร (9.3 ไมล์) ในแผ่นดิน[16] เขื่อนกั้นน้ำในภูมิภาคถูกคลื่นซัดทับส่งผลให้เกาะต่าง ๆ ในสุนทรวันถูกน้ำท่วม[17] สะพานที่เชื่อมระหว่างเกาะต่าง ๆ กับแผ่นดินใหญ่ของประเทศอินเดียถูกพัดหายไป[18] พายุได้ก่อให้เกิดลมแรงที่มีความเร็วลมที่ต่อเนื่องอยู่ที่ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (70 ไมล์ต่อชั่วโมง) และลมกระโชกแรงถึง 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (120 ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งบันทึกโดยหอสังเกตการณ์อาลีปอร์ในโกลกาตา พายุได้ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย ต้นไม้ และเสาไฟฟ้าโค่นล้มลง ความเร็วลมตามพื้นที่ชายฝั่งวัดได้สูงถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (100 ไมล์ต่อชั่วโมง) และในเมืองแคนนิงมีการบันทึกความเร็วลมได้ 157 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (98 ไมล์ต่อชั่วโมง) โดยมีลมกระโชกแรงถึง 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (115 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในขณะที่นิมพิธ เกาะซาการ์ และที่อยู่ใกล้เคียง มีการบันทึกความเร็วลมได้ 155 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (95 ไมล์ต่อชั่วโมง)[19] ท่าอากาศยานนานาชาติเนตาจี สุภาษ จันทระ โพส มีการบันทึกความเร็วลมได้สูงถึง 133 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (83 ไมล์ต่อชั่วโมง) และโกลกาตาได้มีการบันทึกความเร็วลมสูงสุด 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (80 ไมล์ต่อชั่วโมง) เมื่อเวลา 21:30 น. (17:30 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) มีปริมาณน้ำฝนอยู่ที่ประมาณ 240 มิลลิเมตร (9.44 นิ้ว) ในโกลกาตา และบริเวณโดยรอบเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม[20]

เหตุการณ์นี้ทำให้รถพลิกคว่ำ และต้นไม้โค่นล้มลงประมาณ 10,000 ต้น[21] เทศบาลนครโกลกาตาได้เปิดเผยว่าพายุไซโคลนอำพันได้ทำให้เสาไฟฟ้าโค่นล้มลงมากกว่าประมาณ 4,000 ต้น[22] และส่งผลให้เมืองส่วนใหญ่ไม่มีไฟฟ้าใช้นานกว่า 14 ชั่วโมง[23] มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยประมาณ 19 ราย ในโกลกาตา และพายุยังทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้างทั่วเมืองอีกด้วย มีปริมาณน้ำฝนอยู่ที่ประมาณ 236 มิลลิเมตร (9.3 นิ้ว) ในโกลกาตา[24] สายไฟฟ้าที่ขาดได้ทำให้ไฟฟ้าดับทั่วรัฐเบงกอลตะวันตก และยังทำให้หัวหน้าคณะรัฐมนตรีมะมะตา พยานาร์จี ได้สั่งตัดแหล่งจ่ายไฟใน 2 รัฐ ของ 24 ของอำเภอปารกานัสเป็นมาตรการป้องกัน ทางตอนเหนือ 24 ของอำเภอปารกานัสมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบ้านเรือนได้รับความเสียหายถึงประมาณ 5,500 หลัง[25] บ้านดินหลายพันหลังได้รับความเสียหายในอำเภอฮูกลี และที่อยู่ใกล้เคียง บ้านเรือนกว่าล้านหลังได้รับความเสียหายในทางตอนใต้ 24 ของอำเภอปารกานัส คันดินที่พังทลายทำให้หมู่บ้าน และพื้นที่เพาะปลูกหลายแห่ง ต้องถูกน้ำท่วม บ้านเรือนประมาณ 26,000 หลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนักในโกซาบา น้ำท่วมจากน้ำทะเลส่งผลกระทบต่อพื้นที่โดยรอบ หลังจากเกิดความเสียหายต่อคันดินที่อยู่ใกล้เคียงประมาณ 19 กิโลเมตร (12 ไมล์) พายุลูกนี้อยู่ห่างจากพื้นที่ในอำเภอนาเดียประมาณ 150 กิโลเมตร (95 ไมล์) ได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงในรัฐเบงกอลตะวันตก เช่น นาข้าวประมาณ 88,000 เฮกตาร์ และพืชผักประมาณ 200,000 เฮกตาร์ เป็นต้น[26]
รัฐโอฑิศาเป็นรัฐเพื่อนบ้านได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงโดยมีความเร็วลมอยู่ที่ 106 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (66 ไมล์ต่อชั่วโมง) และมีปริมาณน้ำฝนอยู่ที่ประมาณ 300 มิลลิเมตร (12 นิ้ว) ในปาราดีป เมืองภัทรรักมีปริมาณน้ำฝนอยู่ที่ประมาณ 384.6 มิลลิเมตร (15.14 นิ้ว) สายไฟฟ้าแรงสูงยาวประมาณ 1,167 กิโลเมตร (725 ไมล์) หม้อแปลงไฟฟ้าประมาณ 126,540 ตัว และสถานีไฟฟ้าย่อยประมาณ 448 แห่ง ได้รับผลกระทบอย่างหนักส่งผลกระทบให้ประชาชนประมาณ 3.4 ล้านคน ไม่มีไฟฟ้าใช้ และความเสียหายต่อโครงข่ายไฟฟ้าสูงถึงประมาณ 3.2 พันล้านรูปี (42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[27] มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ในรัฐโอฑิศา เช่น ประชาชน 2 ราย เสียชีวิตจากวัตถุที่พังทลาย ประชาชน 1 ราย เสียชีวิตจากการจมน้ำ[28] และประชาชนอีก 1 ราย ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ เป็นต้น[29] ประชาชนประมาณ 4.4 ล้านคน ใน 10 เขต ในรัฐโอฑิศา ที่ได้รับผลกระทบจากพายุในทางใดทางหนึ่ง บ้านเรือนอย่างน้อยประมาณ 500 หลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และบ้านเรือนอีก 15,000 หลัง ได้รับความเสียหาย ปศุสัตว์เกือบประมาณ 4,000 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสัตว์ปีกได้ตายลงหมด พายุไซโคลนอำพันมีความรุนแรงที่สุดในบริเวณทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย[30]
ทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย
[แก้]
พายุฝนฟ้าคะนองจากพายุไซโคลนอำพันได้เคลื่อนตัวพัดผ่านหลายอำเภอในรัฐเกรละตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม[31] คลื่นลมแรงได้ทำให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนแรงในวาลีอาตุระของติรุวนันตปุรัม ถนนกับบ้านเรือนได้รับความเสียหาย และส่งผลกระทบครอบครัวที่จะอพยพออกจากบ้านเรือนมากกว่าประมาณ 100 ครัวเรือน[32] ลมแรงจากพายุได้สร้างความเสียหายอย่างหนักในอำเภอโกฏฏายัมโดยเฉพาะในไวโกมที่บ้านเรือนกับวัดได้รับผลกระทบ ต้นไม้ และเสาไฟฟ้าโค่นล้มลง[33] หลังคาที่ทำด้วยกระเบื้องของวัดไวโกมศรีมหาเทวะได้รับความเสียหายจากพายุฝนฟ้าคะนอง บ้านเรือนประมาณ 16 หลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และบ้านเรือนอีกประมาณ 313 หลัง ได้รับความเสียหายบางส่วน มูลค่าความเสียหายโดยรวมประมาณ 1.47 พันล้านรูปี (19.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โรงเรียนมัธยมที่ใช้เป็นที่พักพิงคนไร้บ้านได้รับความเสียหายอย่างหนัก และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย[34]
รัฐทมิฬนาฑูได้รับผลกระทบจากพายุไซโคลนอำพัน ลมแรงทำให้เรืออย่างน้อยประมาณ 100 ลำ ที่ทอดสมออยู่ในอำเภอรามาณัทปุรัมได้รับความเสียหาย[35] การกัดเซาะชายฝั่งจากคลื่นลมแรงที่เกิดจากพายุได้ทำให้บ้านเรือน 3 หลัง ที่บอมมายาร์ปาลายัมในอำเภอวิลุปปุรัมได้รับความเสียหายอย่างหนัก[36] พืชผลกล้วยประมาณ 35 เอเคอร์ รอบ ๆ กานทรรวาโกตไต และอารันทังกี ได้รับความเสียหายอย่างหนัก[37] พื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐมีสภาพอากาศคล้ายคลื่นความร้อนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจากพายุไซโคลนอำพันได้ดูดซับความชื้นในพื้นที่ทั้งหมด[38] ทะเลมีคลื่นลมแรงได้สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนประมาณ 35 หลัง และสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนอื่น ๆ อีกหลายแห่ง ในสุรทเปตะใกล้กากินาดาในรัฐอานธรประเทศ[39]
ประเทศบังกลาเทศ
[แก้]
เจ้าหน้าที่เกรงว่าพายุไซโคลนอำพันจะเป็นพายุที่มีความรุนแรงมากที่สุดที่เคลื่อนตัวเข้าชายฝั่งประเทศบังกลาเทศนับตั้งแต่พายุไซโคลนซีดร์ในปี พ.ศ. 2550 ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนไปประมาณ 3,500 ราย สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดีย (IMD) ได้คาดการณ์ว่าคลื่นพายุจะสูงถึงประมาณ 3 ถึง 5 เมตร[40] ประชาชนมากกว่าประมาณ 1 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากพายุในภาคขุลนา และภาคบอรีชัล มูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 11 พันล้านตากาบังกลาเทศ (130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเบื้องต้น[41] สมาชิกสภาการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ (NDMC) ของประเทศบังกลาเทศได้ประเมินว่ามูลค่าความเสียหายที่เกิดจากพายุไซโคลนอำพันอยู่ที่ประมาณ 127 พันล้านตากาบังกลาเทศ (1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ประชาชนอย่างน้อยประมาณ 20 ราย ได้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพายุรวมถึงหัวหน้าโครงการเตรียมความพร้อมรับมือกับพายุของหน่วยที่ 6 ในสหภาพธันคาลี นายชาห์ อาลัม ซึ่งจมน้ำเสียชีวิตเมื่อเรือล่ม[42] ผลกระทบอันเลวร้ายเริ่มขึ้นในประเทศบังกลาเทศก่อนที่พายุไซโคลนอำพันจะเคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่ง เนื่องจากระดับน้ำชายฝั่งเพิ่มสูงขึ้น เขื่อนที่พังทลายได้ทำให้หมู่บ้าน 17 แห่ง ในกาลาชิปา กาลาปารา และรังกาบาลี ได้ถูกน้ำท่วม เรือที่อพยพผู้อยู่อาศัยในชุมชนชายฝั่งล่ม และทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คลื่นลมแรงได้ซัดบ้านเรือนอย่างน้อยประมาณ 500 หลัง บนเกาะแห่งหนึ่งในอำเภอโนอาคาลี[43]

ลมแรงในสัทขีราสูงถึงประมาณ 151 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (94 ไมล์ต่อชั่วโมง) บ้านเรือนประมาณเกือบ 220,000 หลัง ได้รับความเสียหาย และบ้านเรือนอีกประมาณ 55,667 หลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงส่งผลกระทบให้ประชาชนประมาณ 500,000 คน ต้องไร้ที่อยู่อาศัยตามการประเมินของสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA)[44] คลื่นพายุสูงประมาณ 2.7 เมตร ได้ทำลายแนวกั้นน้ำยาวถึง 150 กิโลเมตร (93 ไมล์) ส่งผลให้หมู่บ้านประมาณ 100 แห่ง ได้ถูกน้ำท่วม หมู่บ้านปูร์บาดูร์กาบาตีมีแนวคันกั้นน้ำได้ถูกน้ำท่วมพังทลายส่งผลให้บ้านเรือนประมาณ 600 หลัง จมอยู่ใต้น้ำสูงถึง 4 เมตร[45] พื้นที่ลุ่มน้ำในบารีซัลจมอยู่ใต้น้ำลึกประมาณ 0.9 ถึง 1.2 เมตร แม่น้ำที่ล้นตลิ่งยังส่งผลต่อบางพื้นที่ในรังกาบาลี กาลาชิปา และบางส่วนของขุลนา ที่พักพิงผู้ลี้ภัยประมาณ 300 แห่ง ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม และดินถล่ม ในเมืองคอกซ์บาซาร์[46] แหล่งน้ำจืดประมาณ 65 แห่ง ในพื้นที่ป่าชายเลนสุนทรวันได้ถูกน้ำเค็มเข้าท่วม ต้นไม้เควราหลายต้นได้โค่นล้มลง อย่างไรก็ตาม ความเสียหายต่อป่าชายเลนโดยรวมยังถือว่าน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้[47] ทั่วประเทศใน 26 เขต มีถนนได้รับความเสียหายรวมราวประมาณ 1,100 กิโลเมตร (680 ไมล์) และสะพานมากกว่าประมาณ 200 แห่ง ได้รับความเสียหาย[48]
กรมประมงได้ประเมินว่าเกษตรกรประมาณ 40,800 คน ต้องสูญเสียผลผลิตปู ปลา และกุ้ง เป็นมูลค่าราวประมาณ 2.17 พันล้านตากาบังกลาเทศ (25.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งสาเหตุหลักมาจากฟาร์มถูกน้ำท่วม โดยส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ขุลนา และบอรีชัล[49] อุทกภัยได้ทำให้ฟาร์มเลี้ยงกุ้ง และฟาร์มเลี้ยงปู จำนวนประมาณกว่า 3,000 แห่ง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก กระทรวงเกษตรได้คาดว่าพื้นที่เกษตรกรรมประมาณ 430,000 เอเคอร์ ได้รับผลกระทบจากพายุไซโคลนอำพัน โดยเกษตรกรปลูกมะม่วงในสัทขีราเป็นผู้ได้รับผลกระทบด้านการเกษตรมากที่สุด และกรมส่งเสริมการเกษตรได้ประเมินว่าพายุได้สร้างความเสียหายให้กับผลผลิตมะม่วงประจำปีของประเทศบังกลาเทศร้อยละ 16 เปอร์เซ็นต์[50] ในขณะที่ผลผลิตมะม่วงในพื้นที่มากถึงร้อยละ 70 เปอร์เซ็นต์ ในสัทขีราได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ นาข้าวพันธุ์โบโร ถั่ว และพลู ก็ได้รับความเสียหายจากพายุอย่างมาก พายุไซโคลนอำพันได้ทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าอย่างน้อยประมาณ 22 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากไฟฟ้าดับ และเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือประมาณ 2,500 ต้น ที่ดำเนินการโดยสมาคมผู้ให้บริการโทรคมนาคมมือถือแห่งบังกลาเทศ (AMTOB) ได้ถูกพายุพัดจนใช้งานไม่ได้[51]
ประเทศศรีลังกา
[แก้]
พายุไซโคลนอำพันได้ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองในประเทศศรีลังกาในขณะที่พายุทวีกำลังแรงขึ้นทางตะวันออกของเกาะ จึงส่งผลกระทบต่อประชาชนประมาณ 2,000 คน และทำให้เกิดน้ำท่วมกับดินถล่ม[52][53] น้ำท่วมเล็กน้อยเกิดขึ้นตามริมฝั่งของแม่น้ำกาลู กังกา[54] มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ในอำเภอรัตนปุระโดยรายที่ 1 เสียชีวิตจากดินถล่ม และรายที่ 2 เสียชีวิตจากต้นไม้โค่นล้มลง มีผู้ได้รับบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับดินถล่มต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลกับคนอื่น ๆ ในพื้นที่[55] ประชาชน 2 ราย ได้เสียชีวิตในเคกัลเล่ ซึ่งฝนตกสูงถึงประมาณ 214 มิลลิเมตร (8.4 นิ้ว) ใน 24 ชั่วโมง[56] น้ำท่วมฉับพลันในโคตตรัมปิติยะ และเปลมะดุลลา ที่ทำให้ต้องอพยพประชาชนประมาณ 60 คน ออกจากบ้านที่อาจเกิดดินถล่ม และบ้านเรือนประมาณกว่า 500 หลัง ได้รับความเสียหายจากพายุไซโคลนอำพันโดยบ้านเรือนประมาณ 145 หลัง อยู่ในโปโฬนนะรุวะ[57]
ประเทศภูฏาน
[แก้]เศษซากของพายุได้ทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวนติดต่อกันหลายวันทั่วประเทศภูฏานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอำเภอตซิรังที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน 3 วัน ดินถล่มได้ปิดกั้นถนน และบ้านเรือนได้รับความเสียหาย น้ำท่วมฉับพลันในเธรีนา จึงทำให้พืชผลได้รับความเสียหาย และต้องอพยพครอบครัวประมาณ 5 ครัวเรือน จามรีกับม้าประมาณ 17 ตัว ตายในเกวอกของหลินจือ นาโร และโซเอ[58] ความเสียหายของสายเคเบิลใยแก้วนำแสงในโกลกาตาได้ทำให้บริษัทโทรคมนาคมภูฏานสูญเสียบริการทั้งหมดเป็นเวลา 17 ชั่วโมง ในวันที่ 20 จนถึง 21 พฤษภาคม และบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในภูฏานขัดข้องถึงประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์[59] เกิดไฟฟ้าดับในเกวอกของเดรปุง กงดิว เจอร์มี เกงคา และซิลัมบี ปริมาณน้ำฝนส่งผลดีต่อการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำของประเทศโดยโรงไฟฟ้าพลังน้ำมังเดชูสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 791.39 เมกะวัตต์ มากกว่ากำลังการผลิตที่ตั้งใจไว้ประมาณ 720 เมกะวัตต์[60]
ผลที่ตามมา
[แก้]ประเทศอินเดีย
[แก้]
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม นายกรัฐมนตรี นเรนทระ โมที ได้เดินทางไปตรวจพื้นที่จากทางอากาศเหนือโกลกาตาร่วมกับ มะมะตา พยานาร์จี มุขมนตรีรัฐเบงกอลตะวันตก[61] นายกรัฐมนตรีได้ประกาศมอบเงินเยียวยาเบื้องต้นจำนวนประมาณ 10,000 ล้านรูปี (132 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่รัฐเบงกอลตะวันตก และเงินอีกประมาณ 5,000 ล้านรูปี (66.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่รัฐโอฑิศา[62] ก่อนหน้านี้มีการประกาศมอบเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากพายุจำนวนประมาณ 200,000 รูปี (2,650 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อราย และให้แก่ผู้ได้รับบาดเจ็บรายละ 50,000 รูปี (660 ดอลลาร์สหรัฐ) มะมะตา พยานาร์จี ได้ระบุว่าการประเมินความเสียหายต้องใช้เวลาราวประมาณ 3 หรือ 4 วัน[63] หน่วยยามฝั่งของประเทศอินเดียได้ส่งทีมกู้ภัยเร่งด่วนจำนวน 20 ชุด ออกปฏิบัติภารกิจค้นหา และช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมีประมาณ 10 ทีม มุ่งหน้าไปยังรัฐเบงกอลตะวันตก และเสริมกับทีมจากกองกำลังรับมือภัยพิบัติแห่งชาติ (NDRF) ที่ถูกส่งไปประจำพื้นที่ล่วงหน้าก่อนที่พายุไซโคลนอำพันจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่ง[64]

หลังจากพายุผ่านไปก็ได้ทำให้มีทีมภาคพื้นดินประมาณกว่า 1,000 ชุด ได้เร่งฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน และระบบสาธารณูปโภคในรัฐเบงกอลตะวันตก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการระบาดทั่วของโควิด-19 ทำให้มีบุคลากรปฏิบัติงานเพียง 25 เปอร์เซ็นต์ จนถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น การฟื้นฟูระบบไฟฟ้าที่ล่าช้า จึงส่งผลให้เกิดการประท้วงในหลายพื้นที่โดยเฉพาะการแสดงความไม่พอใจต่อบริษัท ซีอีเอสซี จำกัด ที่เป็นผู้ให้บริการหลัก[65] กระทรวงมหาดไทยของรัฐเบงกอลตะวันตกได้ขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากหน่วยงานการรถไฟกับท่าเรือพร้อมกันนี้ กองทัพบกอินเดียได้ส่งกำลังพล 5 กองพัน เข้าไปสนับสนุนการฟื้นฟูในโกลกาตา และเขต 24 ของอำเภอปารกานัส นอกจากนี้ ยังมีการร้องขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากรัฐฌารขัณฑ์ และรัฐโอฑิศา โดยรัฐบาลของรัฐโอฑิศาได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยกู้ภัยฉุกเฉิน และหน่วยดับเพลิง รวมประมาณกว่า 500 คน ไปยังรัฐเบงกอลตะวันตกในขณะที่มุขมนตรีรัฐโอฑิศา นาวีน ปัทนายัก ได้เดินทางสำรวจพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากทางอากาศด้วยตนเอง สหภาพยุโรปได้ประกาศให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นเงินจำนวนประมาณ 500,000 ยูโร (545,000 ดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากพายุไซโคลนอำพันในประเทศอินเดีย[66]
ประเทศบังกลาเทศ
[แก้]กระทรวงการจัดการภัยพิบัติและบรรเทาทุกข์ (MDMR) ได้อนุมัติงบประมาณ 3 พันล้านตากาบังกลาเทศ (35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อซ่อมแซมแนวกั้นน้ำทะเลที่ได้รับความเสียหายจากพายุไซโคลนอำพัน นอกจากนี้ ยังมีการจัดสรรงบประมาณ 1.5 พันล้านตากาบังกลาเทศ (18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อกระจายไปยังแต่ละเขตที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก และพร้อมทั้งจัดส่งแผ่นสังกะสีลูกฟูกจำนวน 500 มัด สำหรับใช้ซ่อมแซมที่พักอาศัย[67] องค์การพัฒนาเอกชนระดับนานาชาติได้มอบเงินช่วยเหลือประมาณ 30 ล้านตากาบังกลาเทศ (350,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่ครอบครัวยากจนใน 10 อุปาซิลา โดยแต่ละครอบครัวจะได้รับเงินประมาณ 5,000 ตากาบังกลาเทศ (60 ดอลลาร์สหรัฐ) นอกจากนี้ ยังมีการแจกจ่าย เช่น ถุงมือ หน้ากาก และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เป็นต้น ไปยังบาเกอร์ฮัต ขุลนา และสัทขีรา อีกด้วย[68]
ดูเพิ่ม
[แก้]- ฤดูพายุไซโคลนมหาสมุทรอินเดียเหนือ พ.ศ. 2563
- พายุหมุนเขตร้อนที่มีเส้นทางที่คล้ายกัน
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ "อำพัน" เป็นชื่อพายุหมุนเขตร้อนในรายชื่อชุดที่ 8 ลำดับที่ 8 ของมหาสมุทรอินเดียเหนือ และส่งโดยประเทศไทย
- ↑ ความเร็วลมเฉลี่ยนี้ใช้ความเร็วลมเฉลี่ยใน 3 นาที เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่น ๆ
- ↑ ตัวเลขความเสียหายในบทความนี้เป็นค่าเงินในปี พ.ศ. 2563 เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่น ๆ
- ↑ พายุไซโคลนอำพันเป็นพายุที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในมหาสมุทรอินเดียเหนือ ด้วยมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 15.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Naming of Tropical Cyclones over the North Indian Ocean" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). New Delhi: Regional Specialized Meteorological Centre. 2023-12-06. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 3 September 2021. สืบค้นเมื่อ 6 December 2023.
- ↑ Kumar, Shubham; Lal, Preet; Kumar, Amit (2021-06-01). "Influence of Super Cyclone "Amphan" in the Indian Subcontinent amid COVID-19 Pandemic". Remote Sensing in Earth Systems Sciences (ภาษาอังกฤษ). 4 (1): 96–103. doi:10.1007/s41976-021-00048-z. ISSN 2520-8209. PMC 8197602. PMID 34151185.
{{cite journal}}: CS1 maint: PMC format (ลิงก์) - ↑
- Nandi, Jayashree; Thakur, Joydeep (2020-05-18). "Super Cyclonic Storm #Amphan is the 1st SUCS in the Bay of Bengal since the 1999 Odisha Super Cyclone". Hindustan Times (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 May 2020. สืบค้นเมื่อ 19 May 2020.
- Bose, Joydeep (2020-05-19). "Cyclone 'Amphan' LIVE updates: Second super cyclone after 1999, moving with wind speed of 200-240 kmph, says IMD" (ภาษาอังกฤษ). DNA India. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 May 2020. สืบค้นเมื่อ 19 May 2020.
- ↑ "Amphan: Cyclone wreaks deadly havoc in India and Bangladesh". BBC News (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-20. สืบค้นเมื่อ 20 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Sud, Vedika; Rajaram, Prema (2020-05-22). "Cyclone Amphan caused an estimated $13.2 billion in damage in India's West Bengal: government source" (ภาษาอังกฤษ). CNN. สืบค้นเมื่อ 22 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Cyclone devastates Kolkata and leaves scores dead" (ภาษาอังกฤษ). BBC News. 2020-05-21. สืบค้นเมื่อ 23 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Bloch, Matthew (2020-05-20). "Live Cyclone Amphan Map: Tracking the Storm's Path". The New York Times (ภาษาอังกฤษ). ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ 13 January 2021.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Freedman, Andrew; Slater, Joanna (2021-01-13). "Cyclone Amphan poses extreme storm surge danger for eastern India, Bangladesh". Washington Post (ภาษาอังกฤษ). ISSN 0190-8286. สืบค้นเมื่อ 13 January 2021.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "In pictures: Cyclone Amphan hits India and Bangladesh" (ภาษาอังกฤษ). CNN. 2020-05-20. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 May 2020. สืบค้นเมื่อ 20 May 2020.
- ↑ "HIGHLIGHTS | 6.5 lakh evacuated, at least 24 dead as Cyclone 'Amphan' batters Bengal, Odisha; to weaken into 'deep depression'". The New Indian Express (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-21. สืบค้นเมื่อ 22 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Beer, Tommy (2020-05-22). "500,000 Families May Be Homeless Due To Devastation From Cyclone Amphan". Forbes (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 23 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Mamata pegs cyclone Amphan damage at ₹1 lakh crore, toll rises to 86". The Hindu (ภาษาอังกฤษ). THG Publishing. 2020-05-23. สืบค้นเมื่อ 23 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "72 killed in Amphan's march through Bengal, PM Modi to visit today". The Times of India (ภาษาอังกฤษ). Bennett, Coleman & Company. Times News Network. 2020-05-22. สืบค้นเมื่อ 21 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Singh, Shiv Sahay (2020-06-07). "Bengal pegs cyclone Amphan damage at ₹1.02 lakh crore". Hindustan Times (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 8 June 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Cyclone Amphan [LIVE]: Wind velocity in Kolkata clocks 112 kmph as cyclone crosses WB; 2 people dead in state". TimesNowNews.com (ภาษาอังกฤษ). Bennett, Coleman & Company. Times Now Digital. 2020-05-20. สืบค้นเมื่อ 22 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Nagchoudhary, Subrata; Paul, Ruma (2020-05-20). "Cyclone kills 14 in India, Bangladesh leaving trail of destruction". Reuters (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 20 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Cyclone Amphan: Protests erupt as Bengal reels under storm aftermath; Army deployed for restoration work". The Indian Express (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-23. สืบค้นเมื่อ 25 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "After Cyclone Hits India and Bangladesh, the Waiting Begins". The New York Times (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-21. สืบค้นเมื่อ 22 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "72 people dead in West Bengal, Mamata urges PM Modi to visit state". The Economic Times (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-21. สืบค้นเมื่อ 21 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "6 Hours Of Fear As Cyclone Amphan Ripped Through Kolkata: Videos". NDTV.com (ภาษาอังกฤษ). 2021-06-01. สืบค้นเมื่อ 1 June 2021.
{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "72 people dead in West Bengal, Mamata urges PM Modi to visit state". The Economic Times (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-21. สืบค้นเมื่อ 21 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Nagchoudhary, Subrata; Paul, Ruma (2020-05-20). "Cyclone kills 14 in India, Bangladesh leaving trail of destruction". Reuters (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 20 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Niyogi, Subhro; Ray, Saikat (2020-05-22). "Kolkata loses 5,000 trees, experts want shift in plantation pattern". The Times of India (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2020-05-22.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Protests over lack of power & water in several parts of Calcutta". The Telegraph (ภาษาอังกฤษ). Kolkata, India. 2020-05-23. สืบค้นเมื่อ 25 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Cyclone Amphan: Survivors return to face destruction left by storm" (ภาษาอังกฤษ). BBC. 2020-05-22. สืบค้นเมื่อ 23 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Nagchoudhary, Subrata; Paul, Ruma (2020-05-22). "Cyclone Amphan leaves thousands homeless in eastern India, Modi offers help". Reuters (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 23 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Cyclone 'Amphan' aftermath: Power supply restored in affected districts". The New Indian Express (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-26. สืบค้นเมื่อ 27 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Mohanty, Debabrata (2020-05-21). "3 dead as Cyclone Amphan crosses Odisha before making landfall in Bengal". Hindustan Times (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 21 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Agony after cyclone Amphan in Odisha". The New Indian Express (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-22. สืบค้นเมื่อ 27 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Barik, Satyasundar (2020-05-20). "Amphan: Heavy rain, wind hit coastal districts of Odisha". The Hindu (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 20 May 2020.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ N., Smitha (2020-05-18). "Cyclone Amphan intensifies, heavy rains in Kerala". Deccan Chronicle (ภาษาอังกฤษ). Kochi, India. สืบค้นเมื่อ 20 May 2020.
- ↑ Mohan, Shainu (2020-05-20). "Super Cyclone Amphan ravages coast". The New Indian Express (ภาษาอังกฤษ). Express News Service. สืบค้นเมื่อ 20 May 2020.
- ↑ "Strong winds wreak havoc in Kottayam; Vaikom badly hit". The New Indian Express (ภาษาอังกฤษ). Express News Service. 2020-05-19. สืบค้นเมื่อ 20 May 2020.
- ↑ "Temples, houses suffer damage in storm in Kerala". Deccan Herald (ภาษาอังกฤษ). Thiruvananthapuram, India: The Printers. Deccan Herald News Service. 2020-05-18. สืบค้นเมื่อ 20 May 2020.
- ↑ "100 boats damaged in heavy winds". The Hindu (ภาษาอังกฤษ). Rameswarm, India: THG Publishing. 2020-05-18. สืบค้นเมื่อ 20 May 2020.
- ↑ Marx, Karal (2020-05-19). "Cyclone Amphan: Three houses collapse in TN due to coastal erosion". The Times of India (ภาษาอังกฤษ). Bennett, Coleman & Company. สืบค้นเมื่อ 20 May 2020.
- ↑ "Tamil Nadu reports widespread destruction of Banana crops after strong winds and rain hit coastal districts". All India Radio (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-19. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 May 2020. สืบค้นเมื่อ 20 May 2020.
- ↑ "Chennai braces for heatwave due to super cyclone Amphan, mercury breaches 40-degree mark". The New Indian Express (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-21. สืบค้นเมื่อ 21 May 2020.
- ↑ "Fishermen hamlet reels under Amphan impact". The Hindu (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-20. สืบค้นเมื่อ 20 May 2020.
- ↑ "Amphan: Cyclone wreaks deadly havoc in India and Bangladesh" (ภาษาอังกฤษ). BBC. 2020-05-21. สืบค้นเมื่อ 22 May 2020.
- ↑ Roy, Pianki; Hasan, Rashidul; Alamgir, Mohiuddin (2020-05-22). "Amphan inflicts massive damage". The Daily Star (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 22 May 2020.
- ↑ "Body of Cyclone Preparedness Programme leader recovered after boat capsize". The Daily Star (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-20. สืบค้นเมื่อ 22 May 2020.
- ↑ Zargar, R. (2020-05-20). "Huge Cyclone Amphan slams into India's coast, and it's already a killer". CBS News (ภาษาอังกฤษ). New Delhi, India. สืบค้นเมื่อ 23 May 2020.
- ↑ Sud, Vedika; Rajaram, Prema (2020-05-22). "Cyclone Amphan caused an estimated $13.2 billion in damage in India's West Bengal: government source" (ภาษาอังกฤษ). CNN. สืบค้นเมื่อ 23 May 2020.
- ↑ "'Everything is gone': Cyclone Amphan destroys Bangladesh villages". Deccan Herald (ภาษาอังกฤษ). Agence France-Presse. 2020-05-21. สืบค้นเมื่อ 21 May 2020.
- ↑ Brokaw, Sommer (2020-05-23). "Cyclone Amphan: West Bengal seeks Indian army's support". United Press International (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 25 May 2020.
- ↑ "Cyclone floods coastal districts of Bangladesh, damages thousands of homes". bdnews24.com (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-21. สืบค้นเมื่อ 22 May 2020.
- ↑ "Bangladesh incurs loss worth $129 million due to Cyclone Amphan". TimesNowNews.com (ภาษาอังกฤษ). Dhaka, Bangladesh: Bennett Coleman & Company. Indo-Asian News Service. 2020-05-23. สืบค้นเมื่อ 25 May 2020.
- ↑ Parvez, Sohel (2020-05-22). "Coastal farmers take the brunt". The Daily Star (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 22 May 2020.
- ↑ Ali, Anwar (2020-05-22). "Mango growers hit hard by cyclone". The Daily Star (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 22 May 2020.
- ↑ Ahamed, Shamim (2020-05-21). "Cyclone Amphan disrupts telecoms connectivity amid power outages in Bangladesh". bdnews24.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 22 May 2020.
- ↑ "Heavy rains in South-west Sri Lanka due to 'AMPHAN'". TNLRN News Radio (ภาษาอังกฤษ). News Radio. 2020-05-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 June 2020. สืบค้นเมื่อ 20 May 2020.
- ↑ "2 killed, over 2,000 affected by heavy rains in Sri Lanka" (ภาษาอังกฤษ). Colombo, Sri Lanka. Xinhua News Agency. 2020-05-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 June 2020. สืบค้นเมื่อ 20 May 2020.
- ↑ "Ratnapura affected the most by inclement weather; 2 deaths reported" (ภาษาอังกฤษ). Ada Derana. 2020-05-19. สืบค้นเมื่อ 20 May 2020.
- ↑ Fernando, Asiri (2020-05-18). "Rains wreak havoc, claim two lives". Daily FT (ภาษาอังกฤษ). Wijeya Newspapers. สืบค้นเมื่อ 20 May 2020.
- ↑ Borham, Maneshka (2020-05-17). "Adverse weather claims two lives". Sunday Observer (ภาษาอังกฤษ). The Associated Newspapers of Ceylon. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 May 2020. สืบค้นเมื่อ 20 May 2020.
- ↑ "Amphan 900km away from Sri Lanka, now Super Cyclonic Storm". EconomyNext (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-19. สืบค้นเมื่อ 20 May 2020.
- ↑ Dema, Chimi (2020-05-23). "Incessant rainfall cause damage in Tsirang". Kuensel (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 26 May 2020.
- ↑ Tshedup, Younten (2020-05-22). "Cyclone Amphan disrupts internet connectivity". Kuensel (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 26 May 2020.
- ↑ "Amphan spares Bhutan". Kuensel (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-22. สืบค้นเมื่อ 26 May 2020.
- ↑ "In PM Modi's aerial survey of cyclone-hit Bengal, CM Mamata a co-traveller". Hindustan Times (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-22. สืบค้นเมื่อ 22 May 2020.
- ↑ "PM Modi announces Rs 1,000 cr immediate relief for Cyclone Amphan-hit Bengal". Hindustan Times (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-22. สืบค้นเมื่อ 22 May 2020.
- ↑ "PM Modi announces Rs 500 crore advance relief for cyclone-hit Odisha". Hindustan Times (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-22. สืบค้นเมื่อ 22 May 2020.
- ↑ Regan, Helen; Westcott, Ben; Sud, Vedika; Suri, Manveena; Reynolds, Emma (2020-05-20). "Cyclone Amphan makes landfall in India and tracks for Kolkata" (ภาษาอังกฤษ). CNN. สืบค้นเมื่อ 23 May 2020.
- ↑ "Agitated mob obstructs telecom restoration work in Amphan-hit areas of West Bengal". Deccan Herald (ภาษาอังกฤษ). Kolkata, India: The Printers. Press Trust of India. 2020-05-25. สืบค้นเมื่อ 25 May 2020.
- ↑ Dutt, Ishita Ayan (2020-05-23). "After devastation from cyclone Amphan, Army deployed in West Bengal". Business Standard (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 24 May 2020.
- ↑ "Cyclone Amphan wipes Tk 11bn off Bangladesh, government says". bdnews24.com (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-21. สืบค้นเมื่อ 22 May 2020.
- ↑ "Brac allocates Tk3 crore for 6,000 households affected by cyclone Amphan". Dhaka Tribune (ภาษาอังกฤษ). 2020-05-23. สืบค้นเมื่อ 23 May 2020.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- สำนักงานอุตุนิยมวิทยาไทย (TMD) ข้อมูลเส้นทางของพายุไซโคลนอำพัน (2001)
- สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดีย (IMD) ข้อมูลเส้นทางของพายุซูเปอร์ไซโคลนอำพัน (BOB 01)
- ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ข้อมูลเส้นทางของพายุซูเปอร์ไซโคลนอำพัน (01B)
- พายุหมุนเขตร้อนระดับ 5
- พายุหมุนเขตร้อน
- พายุซูเปอร์ไซโคลน
- พายุไซโคลน
- ภัยธรรมชาติในปี พ.ศ. 2563
- ประเทศอินเดียในปี พ.ศ. 2563
- ประเทศบังกลาเทศในปี พ.ศ. 2563
- ประเทศศรีลังกาในปี พ.ศ. 2563
- ประเทศภูฏานในปี พ.ศ. 2563
- ประเทศพม่าในปี พ.ศ. 2563
- ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2563
- บทความพายุหมุนเขตร้อน
- พายุไซโคลนในประเทศอินเดีย
- พายุไซโคลนในประเทศบังกลาเทศ
- พายุไซโคลนในประเทศศรีลังกา
- พายุไซโคลนในประเทศภูฏาน
- พายุไซโคลนในประเทศพม่า
- พายุไซโคลนในประเทศไทย
- ภัยพิบัติในประเทศอินเดีย
- ภัยพิบัติในประเทศบังกลาเทศ
- ภัยพิบัติในประเทศศรีลังกา
- ภัยพิบัติในประเทศภูฏาน
- ภัยพิบัติในประเทศพม่า
- ภัยพิบัติในประเทศไทย