ผู้ใช้:Kattie Katey/พายุไต้ฝุ่นวิภา (พ.ศ. 2556)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พายุไต้ฝุ่นวิภา
พายุไต้ฝุ่นตีโน
พายุไต้ฝุ่นกำลังแรงอย่างมาก (JMA)
พายุไต้ฝุ่น (TMD)
พายุไต้ฝุ่นระดับ 4 (SSHWS)
พายุไต้ฝุ่นวิภาขณะมีกำลังแรงสูงสุดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2556
พายุไต้ฝุ่นวิภาขณะมีกำลังแรงสูงสุดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2556
พายุไต้ฝุ่นวิภาขณะมีกำลังแรงสูงสุดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2556
ก่อตัว 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556
สลายตัว 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556

(กลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อนหลังจาก 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556)

ความเร็วลม
สูงสุด
เฉลี่ยลมใน 10 นาที:
165 กม./ชม. (105 ไมล์/ชม.)
เฉลี่ยลมใน 1 นาที:
220 กม./ชม. (140 ไมล์/ชม.)
ความกดอากาศต่ำสุด 930 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 27.46 นิ้วปรอท)
ผู้เสียชีวิต 41 ราย
ความเสียหาย 404.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าเงินปี พ.ศ. 2556)
พื้นที่ได้รับ
ผลกระทบ
หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา, กวม, ประเทศญี่ปุ่น, รัสเซียตะวันออกไกล, รัฐอะแลสกา
ส่วนหนึ่งของ
ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2556

พายุไต้ฝุ่นวิภา หรือที่ในประเทศฟิลิปปินส์เรียกว่า พายุไต้ฝุ่นตีโน (ตากาล็อก: Tino) เป็นพายุหมุนเขตร้อนลูกแรกที่ส่งผลกระทบต่อประเทศญี่ปุ่นนับตั้งแต่พายุไต้ฝุ่นเมอโลร์ในปี พ.ศ. 2552 ก่อตัวขึ้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553 อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา หย่อมความกดอากาศต่ำได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างเชื่องช้าจนกลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อน และพายุโซนร้อนในวันรุ่งขึ้น พายุโซนร้อนชบาได้กลายเป็นพายุไต้ฝุ่นในเช้าตรู่ของวันที่ 26 ตุลาคม และมีความรุนแรงสูงสุดเทียบเท่ากับมีความเข้มข้นเทียบเท่าหมวด 4 ในระดับลมมาตราเฮอริเคนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน พายุไต้ฝุ่นชบามีกำลังแรงสูงสุดด้วยความเร็วลม 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (110 ไมล์ต่อชั่วโมง) และความกดอากาศที่ 925 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 27.32 นิ้วของปรอท) หลังจากนั้นไม่นานพายุไต้ฝุ่นชบาก็เริ่มอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง และได้กลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อนเมื่อผ่านไปใกล้ประเทศญี่ปุ่น ส่วนที่เหลือของพายุยังคงอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วในขณะที่เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างช้า ๆ จนกระทั่งพายุสลายไปในวันรุ่งขึ้น[1]

เครื่องวัดกำลังงานแสงเชิงสเปกตรัมแบบการถ่ายภาพความละเอียดปานกลางของดาวเทียมของนาซาได้ถ่ายภาพกลุ่มเมฆที่หมุนเป็นเกลียวของพายุไต้ฝุ่นชบาได้พัดแผ่กระจายปกคลุมไปทั่วพื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลฟิลิปปิน[2] และเมฆปกคลุมเหนือหมู่เกาะรีวกีวของประเทศญี่ปุ่นรวมถึงเกาะโอกินาวะ และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนืออย่างช้า ๆ[3]

พายุฝนฟ้าคะนองจากพายุไต้ฝุ่นชบาได้ถล่มเมืองทำให้บ้านเรือนประมาณ 500 หลัง ได้ประสบปัญหาไฟฟ้าดับ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 5 ราย ในจังหวัดโอกินาวะ[4] การแข่งขันรถในโตเกียวได้ถูกเลื่อนโดยสมาคมแข่งรถแห่งประเทศญี่ปุ่นจนถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน เนื่องจากพายุไต้ฝุ่นชบา[5]

ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา[แก้]

แผนที่แสดงเส้นทาง และความรุนแรงของพายุตามมาตราส่วนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน
ความรุนแรงของพายุ
  พายุดีเปรสชันเขตร้อน (≤62 กม./ชม.)
  พายุโซนร้อน (63–117 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 1 (118–153 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 2 (154–177 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 3 (178–208 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 4 (209–251 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 5 (≥252 กม./ชม.)
  พายุที่ไม่ทราบความเร็วลม
ประเภทของพายุ
■ พายุหมุนกึ่งเขตร้อน
▲ พายุหมุนนอกเขตร้อน / หย่อมความกดอากาศต่ำที่หลงเหลือ / รบกวนของเขตร้อน / ลมมรสุมพายุดีเปรสชั่นเขตร้อน
ภาพเคลื่อนไหวจากดาวเทียมของพายุไต้ฝุ่นวิภา
  • วันที่ 21 ตุลาคม ดาวเทียมของนาซาได้เคลื่อนตัวผ่านบริเวณหย่อมความกดอากาศต่ำ ซึ่งทำให้มีฝนตกลงมาที่หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนาในมหาสมุทรแปซิฟิก และหย่อมความกดอากาศต่ำได้ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนในเวลาต่อมา พายุได้ก่อตัวขึ้นห่างอยู่ประมาณ 850 กิโลเมตร (530 ไมล์) ทางตอนใต้ของอิโวะจิมะ และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลม 1 นาทีที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (30 ไมล์ต่อชั่วโมง) เมื่อเวลา 22:00 น. (15:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) พายุดีเปรสชันเขตร้อนได้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากอยู่ในบริเวณที่มีลมเฉือนในแนวดิ่งต่ำ และมีอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลอุ่น
  • วันที่ 22 ตุลาคม พายุดีเปรสชันเขตร้อนอยู่เหนือน่านน้ำเปิดทางตะวันตกเฉียงเหนือ และไม่มีภัยคุกคามต่อแผ่นดิน ดาวเทียมของนาซาได้บันทึกข้อมูลอินฟราเรดความเย็นของเมฆพายุในขณะที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านเหนืออวกาศ พายุตั้งอยู่ประมาณ 1,400 กิโลเมตร (870 ไมล์) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วลม 1 นาทีที่ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (15 ไมล์ต่อชั่วโมง) เมื่อเวลา 22:00 น. (15:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) และทำให้เกิดคลื่นสูงประมาณ 3 เมตร เครื่องส่งเสียงอินฟราเรดบรรยากาศได้ใช้เทคโนโลยีอินฟราเรดเพื่อวัดอุณหภูมิของพายุ และดาวเทียมของนาซาได้ถ่ายภาพอุณหภูมิสูงสุดของเมฆพายุดีเปรสชันเขตร้อนเผยให้เห็นพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงบางแห่งที่อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ -53 องศาเซลเซียส ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ทางทิศใต้จุดศูนย์กลางของพายุ ข้อมูลดาวเทียมมีข้อบ่งชี้ว่าศูนย์หมุนเวียนระดับต่ำถูกลมภายนอกพัดเข้ามา และนั่นเป็นสัญญาณว่าพายุอาจจะอ่อนกำลังลงมากขึ้นในระยะสั้น การพาความร้อนที่รุนแรงที่สุด หรือเมฆที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองที่ทำให้เกิดพายุดีเปรสชันเขตร้อน และอยู่ทางทิศใต้ของศูนย์กลางการไหลเวียน
  • วันที่ 23 ตุลาคม พายุดีเปรสชันเขตร้อนเข้าสู่พื้นที่รับผิดชอบของประเทศฟิลิปปินส์ และปากาซาได้กำหนดชื่อท้องถิ่นว่า กาตริง
  • วันที่ 24 ตุลาคม ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC)[nb 1] ได้ยกระดับพายุดีเปรสชันเขตร้อนให้กลายเป็นพายุโซนร้อน และกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA)[nb 2] ได้ยกระดับพายุดีเปรสชันเขตร้อนให้กลายเป็นพายุโซนร้อนเช่นกัน และกำหนดให้ชื่อว่า ชบา
  • วันที่ 25 ตุลาคม พายุโซนร้อนชบาตั้งอยู่ประมาณ 970 กิโลเมตร (600 ไมล์) ทางตอนใต้ของจังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (70 ไมล์ต่อชั่วโมง) เมื่อเวลา 22:00 น. (15:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) และทำให้เกิดคลื่นสูงประมาณ 6 เมตร ดาวเทียมของนาซาได้เคลื่อนตัวผ่านพายุเพื่อถ่ายภาพอินฟราเรดความเย็นของเมฆพายุด้วยเครื่องส่งเสียงอินฟราเรดบรรยากาศ และเผยให้เห็นว่าอุณหภูมิของเมฆมีอากาศเย็นอยู่ที่ประมาณ -52 องศาเซลเซียส นั้นแสดงว่ามีการหมุนเวียนของลมบริเวณทางทิศใต้ และทางทิศตะวันตก ยิ่งอุณหภูมิของเมฆเย็นลง พายุก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น และพายุฝนฟ้าคะนองก็รุนแรงขึ้นเช่นกัน ภาพถ่ายดาวเทียมไอน้ำแสดงให้เห็นว่าแถบพายุฝนฟ้าคะนองที่มีการพาความร้อนลึกตามแนวขอบทางทิศตะวันตกของการไหลเวียนศูนย์กลางของพายุ กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้ยกระดับพายุโซนร้อนให้กลายเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง และศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ได้ยกระดับพายุโซนร้อนให้กลายเป็นพายุไต้ฝุ่นในเวลาต่อมา
  • วันที่ 26 ตุลาคม พายุไต้ฝุ่นชบาเป็นพายุที่มีขนาดใหญ่ที่ทอดยาวตั้งแต่ประเทศฟิลิปปินส์ไปจนถึงจังหวัดโอกินาวะ มีการจัดระเบียบได้อย่างดี และมีกำลังแรงในขณะที่เคลื่อนตัวผ่านทะเลฟิลิปปิน พายุตั้งอยู่ประมาณ 800 กิโลเมตร (500 ไมล์) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (85 ไมล์ต่อชั่วโมง) เมื่อเวลา 11:50 น. (04:50 น. เวลาสากลเชิงพิกัด)
  • วันที่ 27 ตุลาคม พายุไต้ฝุ่นชบาตั้งอยู่ประมาณ 440 กิโลเมตร (270 ไมล์) ทางตอนใต้ของจังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น และเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือด้วยความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (125 ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 3 เมื่อเวลา 22:00 น. (15:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) และทำให้เกิดคลื่นสูงเกือบประมาณ 7 เมตร พายุยังคงอยู่ในน่านน้ำเปิดของทะเลฟิลิปปิน และมีตาพายุที่อยู่ห่างออกไป 20 กิโลเมตร (10 ไมล์) แต่เมฆของพายุได้กระจายผ่านคาเดนาไปไกลถึงตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น และพายุยังคงมีกำลังแรงไว้เพราะอยู่ในบริเวณที่มีลมเฉือนในแนวตั้งต่ำ และมีการไหลออกที่ดี ขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้กระแสลมกรดบริเวณขั้วโลกทำให้แรงลมเฉือนแนวตั้งมากขึ้น และศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) คาดการณ์ว่าพายุไต้ฝุ่นชบาจะอ่อนกำลังลงระหว่างเคลื่อนตัวไปยังประเทศญี่ปุ่น
    พายุไต้ฝุ่นชบาก่อนมีกำลังแรงสูงสุดเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553
  • วันที่ 28 ตุลาคม ตาพายุของพายุไต้ฝุ่นชบาทำให้นักพยากรณ์สามารถมองเห็นความรุนแรงของพายุได้ดี ดาวเทียมของนาซาได้บันทึกภาพอินฟราเรดของพายุ และแสดงให้เห็นตาพายุที่กว้าง 65 กิโลเมตร (40 ไมล์) ได้อย่างชัดเจน ซึ่งบ่งบอกถึงพายุลูกนี้มีกำลังแรงมาก ดาวเทียมของนาซาได้เคลื่อนตัวผ่านพายุไต้ฝุ่นชบา และเครื่องส่งเสียงอินฟราเรดบรรยากาศที่ได้บันทึกภาพอินฟราเรดไว้แสดงให้เห็นตาพายุของพายุได้อย่างชัดเจน อุณหภูมิของเมฆพายุฝนฟ้าคะนองที่มีอากาศเย็นอยู่ที่ประมาณ -52 องศาเซลเซียส ขณะที่พายุทำให้เกิดฝนตกหนักทางทะเลฟิลิปปินเมื่อเวลา 11:35 น. (04:35 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) เครื่องส่งเสียงอินฟราเรดบรรยากาศได้ให้ข้อมูลอินฟราเรดที่เกี่ยวกับอุณหภูมิของเมฆพายุไต้ฝุ่นชบาแก่นักพยากรณ์ของศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) อุณหภูมิเหล่านั้นมีความสำคัญ เนื่องจากสามารถบอกนักพยากรณ์ได้ว่าพายุฝนฟ้าคะนองมีอุณหภูมิสูงมากเท่าใด พายุก็จะมีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ภารกิจวัดปริมาณน้ำฝนในเขตร้อนได้เคลื่อนตัวผ่านพายุไต้ฝุ่นชบา และเรดาร์ปริมาณน้ำฝนพบว่าพายุมีการจัดระเบียบได้เป็นอย่างดี และครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีฝนตกปานกลางกับฝนตกหนักมาก แต่ข้อมูลไม่ได้แสดงตาพายุได้อย่างชัดเจน และจุดศูนย์กลางของพายุได้ปรากฏให้เห็นแถบเมฆพายุฝนฟ้าคะนองอยู่บริเวณศูนย์กลางการไหลเวียนของพายุไต้ฝุ่นชบาเมื่อเวลา 18:04 น. (11:04 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) รายงานว่าพายุไต้ฝุ่นชบาถึงระดับความรุนแรงสูงสุดกลายเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 4 เมื่อเคลื่อนตัวเข้าใกล้ประเทศญี่ปุ่นด้วยความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (145 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในเวลา 17:53 น. (10:53 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) และเริ่มอ่อนกำลังลงเล็กน้อย พายุตั้งอยู่ประมาณ 240 กิโลเมตร (150 ไมล์) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 205 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (125 ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 3 เมื่อเวลา 22:00 น. (15:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) และทำให้เกิดคลื่นสูงประมาณ 10 เมตร
  • วันที่ 30 ตุลาคม กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้ลดระดับพายุโซนร้อนให้กลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อนเมื่อเคลื่อนตัวผ่านเข้าไปใกล้ประเทศญี่ปุ่น และส่วนเศษซากของพายุยังคงอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วในขณะที่เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างช้า ๆ แต่มีกำลังแรงขึ้นอีกครั้งเมื่อเข้าใกล้คาบสมุทรอะแลสกาจนกลายเป็นพายุที่มีขนาดใหญ่โดยมีความเร็วลมต่อเนื่อง 10 นาทีที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (60 ไมล์ต่อชั่วโมง) และความกดอากาศต่ำสุดกลางของ 940 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 27.76 นิ้วของปรอท) และจนกระทั่งสลายไปอย่างสมบูรณ์ในวันรุ่งขึ้น
  • วันที่ 1 พฤศจิกายน พายุหมุนนอกเขตร้อนได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณใกล้กับคอร์โดวา รัฐอะแลสกา แต่ยังไม่ทันที่จะถึงแม่น้ำ ความชื้นในบรรยากาศก็เข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือฝั่งสหรัฐ และสร้างสถิติสำหรับวันที่ฝนตกในซีแอตเทิล

การเตรียมการ[แก้]

ประเทศญี่ปุ่น[แก้]

ด้วยความคาดหมายว่าจะมีฝนตกหนักที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะแห่งที่หนึ่งที่พังทรุดโทรม และบริษัท โตเกียว อิเล็คทริค พาวเวอร์ ได้วางกระสอบทรายรอบ ๆ คูระบายน้ำเพื่อกักเก็บน้ำที่มีกัมมันตภาพรังสี[8] สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้กล่าวว่าพายุลูกนี้ถือเป็น “พายุลูกหนึ่งในรอบทศวรรษ” โรงเรียนทั่วโตเกียวได้หยุดการเรียนการสอนในวันที่ 16 ตุลาคม และการคมนาคมขนส่งก็ได้หยุดชะงักลง ผู้คนประมาณกว่า 60,000 คน ต้องยกเลิกเที่ยวบิน และสถานีรถไฟในบางพื้นที่ของเมืองได้ทำการปิดบริการชั่วคราว บริษัทน้ำมัน 3 แห่ง ได้ถูกระงับการจัดส่งทางตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น เช่น บริษัท คอสโมออยล์ บริษัท ฟูจิออยล์ บริษัท อิเดมิตสึ โคซัง และบริษัท อีนีออส โฮลดิ้งส์ ในขณะที่บริษัท นิสสันมอเตอร์ จำกัด ได้ทำการยกเลิกการจัดส่งในวันนั้น[9]

เกาะอิซุโอชิมะ[แก้]

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับโคลนถล่มสำหรับเกาะภูเขาไฟ 2 แห่ง เช่น เกาะอิซุโอชิมะ และเกาะมิยาเกะ ซึ่งต่อมาได้ส่งต่อไปยังรัฐบาลโตเกียว และได้ส่งโทรสารไปยังรัฐบาลท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบในขณะที่รัฐบาลมิยาเกะได้รับคำเตือน และแนะนำให้ประชาชนอพยพ เจ้าหน้าที่ในสำนักงานเมืองโอชิมะก็ได้ออกไปทั้งวันโดยเหลือเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเท่านั้น และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก็ไม่เห็นคำแนะนำดังกล่าวจนกระทั่งประมาณเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาก็ตัดสินใจว่ามันอันตรายเกินไปที่จะขอให้ผู้อยู่อาศัยออกจากบ้าน และไม่ออกคำสั่งอพยพ[10]

ผลกระทบ[แก้]

ประเทศญี่ปุ่น[แก้]

+พายุไต้ฝุ่นวิภาอ่อนกำลังลงขณะเคลื่อนตัวตาม แนวชายฝั่งตะวันออกของ ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม แม้ว่าพายุจะสร้างความเสียหายอย่างจำกัดบนแผ่นดินใหญ่ แต่ก็ทำให้เกิดแผ่นดินถล่มขนาดใหญ่บนเกาะอิซุ โอชิมะคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 31 ราย และสูญหายอีก 13 ราย[11] นอกจาก นี้ +ยังมีผู้หญิงคนหนึ่งถูกสังหารทางตะวันตกของโตเกียวและต่อมาพบ ศพของเด็กนักเรียนหนึ่งในสองคนที่หายตัวไปใกล้ คานากา ว่า ชายคนหนึ่งในชิบะและเด็กอีกคนหนึ่งยังคงได้รับรายงานว่าสูญหาย นอกเหนือจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อบนเกาะโอชิมะ[12] +มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 17 รายหลังจากพายุไต้ฝุ่นกำลังแรงพัดถล่มชายฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น+

+เกาะทางใต้ของโตเกียว อิซุ โอชิมะ ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากพายุไต้ฝุ่นวิภา โดยประสบกับดินถล่มและน้ำท่วม มีคนจำนวนมากเสียชีวิตเมื่อบ้านเรือนพังทลายหรือถูกโคลนถล่มฝังกลบ ยังมีผู้สูญหายอย่างน้อย 50 คน ได้มีการดำเนินการเพื่อปกป้องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะที่พังทลายแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานกล่าวว่าดูเหมือนว่าจะรอดพ้นจากพายุที่เลวร้ายที่สุดแล้ว ในโตเกียว เที่ยวบินถูกยกเลิก รถไฟหัวกระสุนถูกระงับ และโรงเรียนปิด+

+“นี่เป็นไต้ฝุ่นที่มีกำลังแรงที่สุดในรอบ 10 ปีที่จะพัดผ่านภูมิภาคคันโต (พื้นที่โตเกียว)” ฮิโรยูกิ อูชิดะ หัวหน้านักพยากรณ์อากาศของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น กล่าวกับนักข่าวเมื่อวันอังคาร ขณะนี้พายุไต้ฝุ่นวิภาได้ลดระดับลงเป็นพายุโซนร้อนแล้วขณะเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ+

+พายุทำให้เกิดลมแรงและมีฝนตกเป็นประวัติการณ์ในเช้าวันพุธ ปริมาณน้ำฝนลดลงเกือบ 5 นิ้ว (12 ซม.) ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงบนเกาะอิซุโอชิมะ ซึ่งอยู่ห่างจากโตเกียวไปทางใต้ประมาณ 120 กม. (75 ไมล์) พายุดังกล่าวส่งดินจำนวนมากลงมาตามไหล่เขาและทำให้แม่น้ำต่างๆ ท่วมตลิ่ง ภาพข่าวทางโทรทัศน์เผยให้เห็นซากบ้านไม้ที่ถูกฝังอยู่ในโคลนและมีเศษซากปกคลุมอยู่+

+“ฉันได้ยินเสียงแตก แล้วต้นไม้บนเนินเขาก็ล้มทับไปหมด” ผู้หญิงคนหนึ่งบนเกาะบอกกับสถานีโทรทัศน์ NHK แห่งชาติ “แล้วโคลนก็ไหลไปถึงบ้าน” สื่อญี่ปุ่นระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 16 ราย แต่ยังมีผู้เสียชีวิต 51 รายบนอิซุ โอชิมะ รายงานท้องถิ่นระบุว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังดิ้นรนเพื่อเข้าถึงพื้นที่หลายแห่ง “ศาลากลางและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังทำงานกู้ภัยในสถานที่ที่สามารถเข้าถึงได้” เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบอกกับสำนักข่าว AFP เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และเฮลิคอปเตอร์เพิ่มเติมได้ถูกส่งไปยังเกาะแห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 8,000 คน เพื่อช่วยเหลือในการกู้ภัย ในกรุงโตเกียว มีผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิตหลังจากตกลงไปในแม่น้ำ และกำลังดำเนินการค้นหาเด็กชายสองคนที่ถูกพบเห็นครั้งสุดท้ายบนชายหาด รายงานระบุ เที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศประมาณ 400 เที่ยวบินก็ถูกยกเลิกในเมืองหลวงเช่นกัน สำนักข่าวเกียวโด ระบุ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มีประชาชนเกือบ 20,000 คนถูกสั่งให้ออกไปและโรงเรียนหลายพันแห่งต้องปิดเนื่องจากพายุไต้ฝุ่นลูกนี้ ประมาณเที่ยงวัน (03:00 GMT) ไต้ฝุ่นลูกนี้เคลื่อนผ่านใกล้กับฟุกุชิมะ ซึ่งมีน้ำปนเปื้อนที่ใช้เพื่อทำให้แกนเครื่องปฏิกรณ์เย็นลง และถูกเก็บไว้ในถังชั่วคราว บริษัทโตเกียว อิเล็คทริค พาวเวอร์ ผู้ดำเนินการโรงงานกล่าวว่า ต้องสูบน้ำฝนออกจากรอบๆ ถังเก็บน้ำ แต่เสริมว่าการอ่านค่ารังสีของบริษัทอยู่ในขีดจำกัดที่ปลอดภัย โฆษกกล่าวว่าพายุดังกล่าวทำให้โรงงานไม่มีปัญหาใหม่+[13]

+บ้านเรือนอย่างน้อย 350 หลังถูกทำลายทั่วญี่ปุ่น ส่วนใหญ่บนอิซุโอชิมะ+[14]

+ที่โรงงานฟุกุชิมะ ไดอิจิ ถังเก็บน้ำ 12 ถังล้นเนื่องจากฝนตกหนักจากพายุไต้ฝุ่น ระดับ รังสีบีตาพุ่งสูงขึ้นเป็น 400,000  เบเคอเรลหลังเกิดพายุ ซึ่งมากกว่าครั้งก่อนวิภาถึง 6,500 เท่า กระแสน้ำล้นเกิดจากการเตรียมการที่ไม่เพียงพอของ TEPCO และไม่ใส่ใจคำเตือนเกี่ยวกับพายุ นอกจากนี้ยังตรวจพบรังสีบีตาในพื้นที่ที่อยู่นอกเขื่อนซึ่งออกแบบมาเพื่อกักเก็บน้ำที่ปนเปื้อน+

+บริษัท โตเกียว อิเล็คทริค พาวเวอร์ ( เทปโก ) ได้ประกาศอีกครั้งเมื่อวันจันทร์เกี่ยวกับถังเก็บและน้ำกัมมันตภาพรังสีที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ผู้ดำเนินการนิวเคลียร์ระบุว่ามีน้ำล้นออกจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลังจากฝนตกหนักในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา+

+จากข้อมูลของ TEPCO ระบุว่า ฝนตกหนักทำให้น้ำล้นใน 12 ภาคส่วนของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มีถังเก็บน้ำ ที่มีการปน เปื้อนรังสี นอกจากนี้ยังพบว่ามีน้ำที่มีรังสีบีตาอยู่เลยเหนือเขื่อนด้วย ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญของหน่วยงานสาธารณูปโภคกำลังค้นหาปริมาณน้ำที่รั่วออกจากถังรวมถึงระดับรังสีด้วย+

+น้ำที่มีการปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีซึ่ง TEPCO อ้างว่ารั่วไหล “เนื่องจากฝนตกหนักในภูมิภาคโทโฮกุ” มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความกังวลและความสงสัยของผู้คนเกี่ยวกับความสามารถของผู้ปฏิบัติงานนิวเคลียร์ในการทำความสะอาดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เลิกใช้งานแล้ว ประชาชนอาจหมดกำลังใจในการซื้อผลผลิตจากจังหวัด+

+ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นวิภาซึ่งถือเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดที่เข้ามาญี่ปุ่นในรอบทศวรรษ แต่ผลกระทบสามารถลดลงได้หากปฏิบัติตามข้อควรระวังที่เหมาะสม น่าเสียดายที่ TEPCO เพิกเฉยต่อคำเตือนพยากรณ์อากาศ เมื่อวันศุกร์ เจ้าหน้าที่เทปโกตรวจพบรังสีบีตาได้ 400,000 เบคเคอเรลต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าการตรวจวัดเมื่อวันพุธถึง 6,500 เท่า+[15]

+เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม มีการประกาศว่าระดับรังสีในน้ำใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 140,000 เบคเคอเรล ซึ่งสูงกว่าระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ 59,000 เบคเคอเรลอย่างมาก การเพิ่มขึ้นของรังสีมีสาเหตุมาจากฝนตกหนักจากไต้ฝุ่นวิภา+

เกาะอิซุโอชิมะ[แก้]

+ในวันรุ่งขึ้น ขณะที่วิภาเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือ-ตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้เกิดฝนตกหนักในเมืองโอชิมะ โดยบันทึกปริมาณฝนรายชั่วโมงรวม 100 มม. (3.9 นิ้ว) และรวม 24 ชั่วโมง 824 มม. (32.4 นิ้ว) ผลจากฝนตกทำให้เกิดดินถล่มหลายครั้ง เศษซากที่ไหลและความลาดชันถูกบันทึกไว้ในชั้นเถ้าภูเขาไฟบางๆ ของพื้นผิวไหล่เขา ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 41 ราย+ +ความเสียหายบนเกาะสูงถึง4หมื่นล้านเยน (404.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)+

+ในระหว่างเหตุการณ์หลังระบบรัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดตั้งสำนักงานตอบสนองภัยพิบัติในเมืองโอชิมะอย่างรวดเร็ว เพื่อสนับสนุนการอพยพผู้อยู่อาศัย และช่วยป้องกันภัยพิบัติรองใดๆ+ +รัฐบาลยังได้ส่งกองกำลังควบคุมเหตุฉุกเฉินทางเทคนิค (TEC‐FORCE) และกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นไปยังเกาะนี้เพื่อดำเนินการค้นหาและช่วยเหลือ ประเมินขอบเขตของความเสียหาย และช่วยป้องกันภัยพิบัติรอง+ +รัฐบาลกรุงโตเกียวถูกสื่อวิพากษ์วิจารณ์จากการใช้เครื่องแฟกซ์เพื่อส่งคำเตือนแม้จะมีการปรับปรุงเทคโนโลยีอย่างมากมายก็ตาม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลนครหลวงยืนหยัดในการใช้เครื่องแฟกซ์เพื่อเผยแพร่คำเตือน เนื่องจากสามารถส่งคำเตือนได้ในคราวเดียว+ +ในช่วง วันที่ 17 ตุลาคม นายกเทศมนตรีของเกาะอิซุโอชิมะได้ออกคำขอโทษต่อสาธารณชนที่ไม่ได้ออกคำสั่งอพยพ และยอมรับว่าคำสั่งดังกล่าวอาจช่วยชีวิตได้+

ดูเพิ่ม[แก้]

หมายเหตุ[แก้]

  1. ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม เป็นหน่วยงานเฉพาะกิจร่วมระหว่างกองทัพเรือสหรัฐ – กองทัพอากาศสหรัฐ ซึ่งจะออกประกาศเตือนภัยพายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก และภูมิภาคอื่น ๆ[6]
  2. กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นเป็นศูนย์อุตุนิยมวิทยาชำนัญพิเศษประจำภูมิภาคอย่างเป็นทางการในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก[7]

อ้างอิง[แก้]

  1. https://earthobservatory.nasa.gov/images/event/46612/typhoon-chaba
  2. https://earthobservatory.nasa.gov/images/46611/typhoon-chaba
  3. https://earthobservatory.nasa.gov/images/46676/typhoon-chaba
  4. https://web.archive.org/web/20101030233556/http://mdn.mainichi.jp/mdnnews/news/20101029p2g00m0dm118000c.html
  5. https://www.bloomberg.com/news/articles/2010-10-30/chaba-weakens-over-japan-downgraded-to-tropical-storm-as-it-nears-tokyo
  6. "Joint Typhoon Warning Center Mission Statement". Joint Typhoon Warning Center. United States Navy. 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 26, 2007. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
  7. "Annual Report on Activities of the RSMC Tokyo – Typhoon Center 2000" (PDF). Japan Meteorological Agency. February 2001. p. 3. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
  8. http://japandailypress.com/fukushima-water-reaches-new-radiation-high-2438477/
  9. http://japandailypress.com/typhoon-wipha-once-in-a-decade-storm-heading-towards-tokyo-1537849/
  10. http://japandailypress.com/japans-continued-reliance-on-fax-technology-to-blame-for-lack-of-mudslide-warning-2338358/
  11. https://webcitation.org/6KbuycFy6?url=http://headlines.yahoo.co.jp/hl?a=20131024-00000104-mai-soci
  12. https://www.google.com/hostednews/afp/article/ALeqM5hy9wzbtlwocItDPKVaN8zZHlG5gw?docId=2e1283b0-4c0c-4ce5-8b89-72af0d16ccfa&hl=en
  13. https://www.bbc.com/news/world-asia-24531140
  14. http://japandailypress.com/typhoon-wipha-island-mayor-admits-evacuation-could-have-saved-more-lives-1738046/
  15. https://web.archive.org/web/20131028022025/http://japandailypress.com/fukushima-storage-tank-barriers-overflow-from-heavy-rains-2138163/

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]