บากูมัตสึ
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ |
ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น |
---|
บากูมัตสึ (ญี่ปุ่น: 幕末; ทับศัพท์: bakumatsu, "ปลายยุคบากูฟุ") หมายถึง ช่วงปีสุดท้ายของสมัยเอโดะ เมื่อรัฐบาลโชกุนโทกูงาวะจบสิ้นลง ระหว่างปี ค.ศ. 1853 และ ค.ศ. 1867 ญี่ปุ่นได้ยุตินโยบายต่างประเทศในการแยกอยู่โดดเดี่ยวซึ่งเป็นที่รู้จักกันคือ ซาโกกุ และเปลี่ยนจากระบบศักดินาของรัฐบาลโชกุนโทกูงาวะมาเป็นรัฐบาลเมจิแห่งจักรวรรดิสมัยใหม่ การแบ่งแยกทางอุดมการณ์และการเมืองที่สำคัญในช่วงเวลาสมัยนั้น ระหว่างกลุ่มชาตินิยมที่ให้การสนับสนุนจักรพรรดิที่เรียกกันว่า "อิชินชิชิ" และกองกำลังโชกุน ซึ่งรวมถึงกลุ่มนักดาบชั้นยอดอย่างชินเซ็งงูมิ
แม้ว่าทั้งสองกลุ่มจะเป็นขุมกำลังอำนาจที่มองเห็นได้อย่างชัดมากที่สุด หลายฝ่ายได้พยายามใช้ความโกลาหลของบากูมัตสึเพื่อยึดอำนาจมาไว้กับตนเอง นอกจากนี้ยังมีแรงผลักดันหลักอีกสองประการสำหรับความขัดแย้ง: ประการแรก ความขุ่นเคืองใจที่เพิ่มมากขึ้นในส่วนของโทซามะไดเมียว (หรือขุนนางนอก) และประการที่สอง ความรู้สึกต่อต้านชาติตะวันตกที่เพิ่มขึ้นหลังจากการมาถึงของแมทธิว ซี. เพร์รี ข้อแรกซึ่งเกี่ยวข้องกับขุนนางเหล่านั้นซึ่งได้เคยดำรงตำแหน่งใหญ่โตมาแต่ก่อนได้เข้าต่อสู้รบกับกองกำลังของโทกูงาวะที่ยุทธการที่เซกิงาฮาระในปี ค.ศ. 1600 ภายหลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกกีดกันอย่างถาวรจากตำแหน่งที่มีอำนาจทั้งหมดภายในรัฐบาลโชกุน ข้อสองเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงคำขวัญซนโนโจอิ หรือ "เทิดทูนจักรพรรดิ ขับคนป่าเถื่อน" จุดเปลี่ยนของบากูมัตสึคือในช่วงสงครามโบชิงและยุทธการที่โทบะ-ฟูชิมิ เมื่อกองกำลังที่สนับสนุนโชกุนได้พ่ายแพ้
ความไม่ลงรอยเรื่องการต่างประเทศ
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
พลเรือจัตวาเพอร์รี (1853–54)
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ปัญหาทางการเมืองและการก้าวไปสู่ความทันสมัย
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
แผ่นดินไหว
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สนธิสัญญาไมตรีและพาณิชย์ (1858)
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
วิกฤตการณ์และความขัดแย้ง
[แก้]วิกฤตทางการเมือง
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การโจมตีชาวต่างชาติและกลุ่มผู้สนับสนุน
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
วิกฤตทางเศรษฐกิจและการเงิน
[แก้]มูลค่าการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (1860–1865, สกุลเงินดอลล่าร์เม็กซิโก)[1] | ||
1860 | 1865 | |
การส่งออก | 4.7 ล้าน | 17 ล้าน |
Iการนำเข้า | 1.66 ล้าน | 15 ล้าน |
โองการ "ขับไล่คนเถื่อน" (ค.ศ. 1863)
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การแทรกแซงทางทหารต่อกลุ่มซนโนโจอิ (ค.ศ. 1863–1865)
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การแทรกแทรกของสหรัฐอเมริกา (ก.ค. 1863)
[แก้]การแทรกแซงของฝรั่งเศส (ส.ค. 1863)
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การโจมตีเมืองคะโงะชิมะ (ส.ค. 1863)
[แก้]จากความไม่พอใจชาวตะวันตกที่ลุกลามไปทั้งประเทศ ทำให้มีการตรา "โองการขับไล่คนเถื่อน" ขึ้น และญี่ปุ่นเริ่มการขับไล่โดยการเข้าโจมตีกองเรือสินค้าของชาติตะวันตกที่ผ่านช่องแคบชิโมะโนะเซะกิ ทำให้บรรดาชาติตะวันตกนำโดยราชนาวีอังกฤษทำการตอบโต้ญี่ปุ่น
การยับยั้งกบฏแคว้นมิโตะ (พ.ย. 1864)
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
กบฏแคว้นโชชู
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การโจมตีเมืองท่าชิโมะโนะเซะกิ (ก.ย. 1864)
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สนธยาแห่งรัฐบาลโชกุน
[แก้]การปราบโชชูครั้งที่ 2 (มิ.ย. 1866)
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การปรับปรุงและก้าวไปสู่ความทันสมัย
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สงครามโบะชิง
[แก้]จากการที่กลุ่มขุนนางและซะมุไรในราชสำนักซึ่งเดิมไม่พอใจนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลโชกุนโทกูงาวะ สามารถขึ้นมามีอิทธิพลจนสามารถควบคุมราชสำนักไว้ได้อย่างมั่นคง ภายใต้รัชสมัยใหม่ของจักรพรรดิเมจิ ทำให้ โทกูงาวะ โยะชิโนะบุ ผู้ดำรงตำแหน่งโชกุนในเวลานั้น ได้ตระหนักถึงสถานการณ์ของตน จึงได้สละตำแหน่งและถวายพระราชอำนาจการปกครองคืนแก่องค์จักรพรรดิ โดยหวังไว้ว่าการกระทำดังกล่าวของตนจะช่วยรักษาตระกูลโทกูงาวะ และเปิดทางให้คนในตระกูลเข้าไปมีส่วนร่วมในรัฐบาลชุดใหม่
อย่างไรก็ตาม กลุ่มขุนนางก็ไม่เปิดทางให้โทกุงะวะขึ้นมามีอำนาจอีก ทำให้การเมืองในยุคนั้นถูกแบ่งเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายตระกูลโทกูงาวะ และฝ่ายราชสำนัก และในไม่ช้าก็มีพระบรมราชโองการให้แคว้นซะสึมะและแคว้นโชชูล้มล้างตระกูลโทกูงาวะ ได้ทำให้โยะชิโนะบุต้องเปิดฉากการรบเพื่อยึดราชสำนักของจักรพรรดิที่นครหลวงเคียวโตะ แต่ด้วยกองทัพที่ทันสมัยของราชสำนักทำให้ฝ่ายโทกูงาวะต้องล่าถอยขึ้นไปทางเหนือที่เกาะฮกไกโด ณ ที่นั่นฝ่ายโทกูงาวะได้สถาปนาสาธารณรัฐเอะโสะ ในที่สุด กองทัพของราชสำนักก็สามารถพิชิตฮกไกโดได้ และทำให้อำนาจการปกครองในญี่ปุ่นรวมศูนย์อยู่ที่ราชสำนักอย่างแท้จริง
ดูเพิ่ม
[แก้]บุคคลสำคัญ
[แก้]- โอมุระ มะซุจิโร
- ซะกะโมะโตะ เรียวมะ
- คนโด อิซะมิ
- ฮิจิกะตะ โทะชิโซ
- ทะกะซุงิ ชินซะกุ
- มะสึไดระ กะตะโมะริ
- ไซโง ทะกะโมะริ
- โทกูงาวะ โยะชิโนะบุ
- โยะชิดะ โชอิน
- คะสึระ โคะโงะโร
- Nomura Motoni
- Matthew C. Perry
บุคคลสำคัญในระดับรองของยุค:
- Hayashi Daigaku no kami (Lord Rector, Confucianist)
- Ido Tsushima no kami (Governor of Yedo, former Gov. of Nagasaki)
- Izawa Mimasaka no kami (Gov. of Uraga, former Gov of Nagasaki)
- Kawakami Gensai (Greatest of 4 hitokiri, active in assassinations during this time period)
- Takano Chōei – Rangaku scholar
Matsudaira Yoshinaga, Date Munenari, Yamanouchi Toyoshige and Shimazu Nariaki are collectively referred to as Bakumatsu no Shikenkō ญี่ปุ่น: 幕末の四賢侯.
ผู้สังเกตการณ์ชาวต่างชาติ:
- Ernest Satow in Japan 1862–69
- Edward and Henry Schnell
- Robert Bruce Van Valkenburgh, American Minister-Resident
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
[แก้]หมายเหตุ
[แก้]- ↑ ที่มา: The Emergence of Meiji Japan, Marius B. Jansen, p.175.
อ้างอิง
[แก้]- Dower, John W. "Yokohama Boomtown: Foreigners in Treaty-Port Japan (1859–1872)".
- Hillsborough, Romulus. Shinsengumi: The Shōgun's Last Samurai Corps. North Clarendon, Vermont: Tuttle Publishing, 2005. ISBN 0-8048-3627-2.
- Ravina, Mark. Last Samurai: The Life and Battles of Saigo Takamori. Hoboken, N.J.: John Wiley & Sons, 2004. ISBN 0-471-08970-2.
- Mark Metzler (2006). Lever of empire: the international gold standard and the crisis of liberalism in prewar Japan. University of California Press. ISBN 0-520-24420-6.
- Satow, Ernest. 2006 A Diplomat in Japan Stone Bridge Classics, ISBN 978-1-933330-16-7
- Cullen, Louis M. A history of Japan 1582–1941: internal and external worlds (2003 ed.). Cambridge University Press. ISBN 0-521-52918-2. – Total pages: 357
- Jansen Marius B. The Emergence of Meiji Japan (when ed.). Cambridge University Press. ISBN 0-521-48405-7. – Total pages: 351
- ______________. The making of modern Japan (2002 ed.). Harvard University Press. ISBN 0-674-00991-6.
{{cite book}}
: CS1 maint: numeric names: authors list (ลิงก์) – Total pages: 871 - Denney, John. Respect and Consideration: Britain in Japan 1853 - 1868 and beyond. Radiance Press (2011). ISBN 978-0-9568798-0-6