ฉบับร่าง:อลอยเซีย ซิโตรโดรา
นี่คือบทความฉบับร่างซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถแก้ไขได้ โปรดตรวจสอบว่าเนื้อหามีลักษณะเป็นสารานุกรมและมีความโดดเด่นควรแก่การรู้จักก่อนที่จะเผยแพร่เป็นบทความลงในวิกิพีเดีย กรุณาอดทนรอผู้เขียนคนอื่นมาช่วยตรวจให้ อย่าย้ายหน้าไปเป็นบทความเองโดยพลการ ค้นหาข้อมูล: Google (books · news · newspapers · scholar · free images · WP refs) · FENS · JSTOR · NYT · TWL สำคัญ: ถ้าลบป้ายนี้ออกจะทำให้บันทึกหน้าไม่ได้ ผู้แก้ไขหน้านี้คนล่าสุด คือ วรุฒ หิ่มสาใจ (พูดคุย | เรื่องที่เขียน) เมื่อ 33 วันก่อน (ล้างแคช)
ฉบับร่างนี้ถูกส่งสำหรับการทบทวนแล้วและกำลังรอการทบทวน |
อลอยเซีย ซิโตรโดรา | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | พืช Plantae |
เคลด: | พืชมีท่อลำเลียง Tracheophytes |
เคลด: | พืชดอก Angiosperms |
เคลด: | พืชใบเลี้ยงคู่แท้ Eudicots |
เคลด: | แอสเทอริด Asterids |
อันดับ: | กะเพรา Lamiales |
วงศ์: | วงศ์ผกากรอง Verbenaceae |
สกุล: | สกุลอลอยเซีย Aloysia Paláu |
สปีชีส์: | Aloysia citrodora |
ชื่อทวินาม | |
Aloysia citrodora Paláu | |
ชื่อพ้อง[1] | |
Aloysia triphylla (L'Hér.) Britton |
เลม่อน เวอร์บีนา (ชื่อวิทยาศาสตร์: Aloysia citrodora) เป็นสปีชีส์หนึ่งของพืชมีดอกในวงศ์เวอร์บีนามีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ ชื่อเรียกอื่น ๆ ทั่วไปได้แก่ เลม่อน บีบรัช[2] สเปนและ โปรตุเกสได้นำเข้ามาในยุโรป ในศตวรรษที่ 17 และเพื่อนำมาปลูกเอาน้ำมันจากใบ[3]
เลม่อน เวอร์บีน่า เป็นไม้พุ่มยืนต้นหรือไม้พุ่มขนาดเล็ก (subshrub) ที่มีความสูงประมาณ 2–3 เมตร (7–10 ฟุต) ใบยาวประมาณ 8 เซนติเมตร (3 นิ้ว) ใบมีปลายแหลมหยาบเล็กน้อยเมื่อสัมผัส และมีกลิ่นเลมอนที่แรงเมื่อขยี้ (จึงเป็นที่มาของชื่อเฉพาะ ภาษาละตินที่ว่า citrodora ซึ่งมีความหมายว่า มีกลิ่นของเลม่อน)[4]
ช่อดอกสีม่วงหรือสีขาวเล็ก ๆ มักออกดอกในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิหรือต้นฤดูร้อน แม้ว่าเลม่อน เวอร์บีน่า ที่เลี้ยงในกระถางอาจไม่ออกดอกก็ตาม เป็นพืชยืนต้นในเขตร้อน[5] แต่ไวต่อความหนาวเย็น โดยจะผลัดใบเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส (32 องศาฟาเรนไฮต์) แม้ว่าไม้ลำต้นจะทนต่ออุณหภูมิถึง −10 องศาเซลเซียส (14 องศาฟาเรนไฮต์)[ ต้องการอ้างอิง ] แนะนำให้ตัดแต่งกิ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิเพื่อให้ต้นไม้มีรูปร่างเป็นพุ่ม[6] เนื่องจากมีการใช้ประกอบอาหารมากมาย จึงทำให้พืชชนิดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนและทำการตลาดอย่างกว้างขวางในฐานะพืชสำหรับสวนสมุนไพร
การนำไปใช้
[แก้]ใบเลม่อน เวอร์บีน่า ใช้เพื่อเพิ่มรสชาติเลม่อนให้กับอาหารจำพวกปลาและผลิตภัณฑ์จากสัตว์ปีก เช่น เนื้อและไข่, การหมักผัก, น้ำสลัด, แยม, พุดดิ้ง, โยเกิร์ตกรีก และเครื่องดื่ม ใบยังใช้ทำเครื่องหอม (potpourri) ได้อีกด้วย[5] เลม่อน เวอร์บีน่า ใช้ทำชาสมุนไพร (herbal teas) และเป็นใช้แต่งกลิ่นเหล้าลิเคียว (liqueur)[7] มีการใช้เป็นยาแผนโบราณ (traditional medicine) ในประเทศแถบละตินอเมริกา[7] ในอดีตน้ำมันจะถูกกลั่นด้วยไอน้ำจากใบไม้เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม แต่น้ำมันนี้มีผลข้างเคียงทำให้ผิวแพ้ง่ายและเกิดการระคายเคืองผิวหนังที่เกิดจากสารเคมี (phototoxic)[8] ในสหภาพยุโรป น้ำมันหอมระเหยจากเวอร์บีน่า (Lippia citriodora Kunth) และสารสกัดอื่น ๆ นอกเหนือจากแบบบริสุทธิ์ ถูกห้ามนำมาใช้เมื่อนำมาใช้เป็นส่วนผสมของน้ำหอม (ข้อบังคับหมายเลข 1223/2009 ภาคผนวก II)[9]
ทางเคมี
[แก้]สารเคมีหลักที่แยกได้ในน้ำมัน เลม่อน เวอร์บีน่า ได้แก่ ซิทรัล (citral) ประมาณ 30–35% เนรอล (nerol) และ เจอรานิออล[10] สารสกัดจาก เลม่อน เวอร์บีน่า ยังประกอบด้วยสารเวอร์บาสโคไซด์ด้วย (verbascoside) เนื่องจากพืชมีสารพฤกษเคมี หลายชนิดที่อาจทำหน้าที่เป็นซับสเตรต สำหรับเอนไซม์เกี่ยวกับเมแทบอลิซึมของยา เลม่อน เวอร์บีนา จึงอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างสมุนไพรกับยาได้ (herb-drug interactions)[7] อย่างไรก็ตาม น้ำมันเลมอน เวอร์บีน่า ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปว่าปลอดภัย (GRAS) โดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา เมื่อใช้เป็นสารปรุงแต่งกลิ่น[11] [12]
ชื่อพ้อง
[แก้]ชื่อพ้องของ เลม่อน เวอร์บีน่า คือ Verbena triphylla L'Hér[13] Verbena citriodora Cav. - Lippia triphylla[13] และ Lippia citriodora[13]
เชิงอรรถและรายการอ้างอิง
[แก้]- ↑ "อลอยเซีย ซิโตรโดรา". Germplasm Resources Information Network (GRIN). Agricultural Research Service (ARS), United States Department of Agriculture (USDA).
{{citation}}
:|access-date=
ต้องการ|url=
(help) - ↑ Armada, J.; A. Barra (1992). "On Aloysia Palau (Verbenaceae)". Taxon. 41 (1): 88–90. doi:10.2307/1222497. JSTOR 1222497.
- ↑ Margaret Joan Roberts (2000). Margaret Roberts' A–Z Herbs: Identifying Herbs, How to Grow Herbs, the Uses of Herbs. Struik. p. 51. ISBN 978-1-86872-499-4.
- ↑ Harrison, Lorraine (2012). RHS Latin for gardeners. United Kingdom: Mitchell Beazley. p. 224. ISBN 9781845337315.
- ↑ 5.0 5.1 "Aloysia citriodora - Plant Finder". www.missouribotanicalgarden.org. สืบค้นเมื่อ 16 June 2019.
- ↑ "Lemon Verbena" (ภาษาอังกฤษแบบออสเตรเลีย). Australian Broadcasting Corporation. 21 May 2005. สืบค้นเมื่อ 16 June 2019.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 7.3 Bahramsoltani, Roodabeh; Rostamiasrabadi, Pourouchista; Shahpiri, Zahra; Marques, André M.; Rahimi, Roja; Farzaei, Mohammad Hosein (August 2018). "Aloysia citrodora Paláu (Lemon verbena): A review of phytochemistry and pharmacology". Journal of Ethnopharmacology. 222: 34–51. doi:10.1016/j.jep.2018.04.021. PMID 29698776.
- ↑ Groom, Nigel (บ.ก.). The new perfume handbook (2nd ed.). Blackie Academic & Professional. p. 344. ISBN 9780751404036.
- ↑ "Regulation (EC) No 1223/2009 of the European Parliament and of the Council of 30 November 2009 on cosmetic products". EUR-Lex. สืบค้นเมื่อ 2 June 2020.
- ↑ Lawless, J., The Illustrated Encyclopedia of Essential Oils, ISBN 1-85230-661-0 [ต้องการเลขหน้า]
- ↑ "Substances Added to Food (formerly EAFUS)". US Food and Drug Administration. 22 April 2019.
- ↑ "Substances Added to Food (formerly EAFUS)". US Food and Drug Administration. 22 April 2019.
- ↑ 13.0 13.1 13.2 "ITIS Standard Report Page: Aloysia citrodora". www.itis.gov. สืบค้นเมื่อ 16 June 2019.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Aloysia citrodora ที่วิกิสปีชีส์
โปรดรอสักครู่
หน้านี้อาจใช้ระยะเวลานานถึงหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจากฉบับร่างจะได้รับการทบทวนตามลำดับ ขณะนี้มี 122 หน้าที่กำลังรอการทบทวน
ขอความช่วยเหลือ
วิธีปรับปรุงบทความของคุณ
คุณยังสามารถดู วิกิพีเดีย:บทความคัดสรร และ วิกิพีเดีย:บทความคุณภาพ เพื่อค้นหาตัวอย่างบทความที่ดีที่สุดของวิกิพีเดียในหัวข้อที่คล้ายกับบทความที่คุณแจ้งทบทวน ทรัพยากรการแก้ไข
เครื่องมือตรวจสอบ
|