วัดราชบูรณะ (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา)
ปรางค์ประธานวัดราชบูรณะ เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 | |
ที่ตั้ง | ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา |
---|---|
ประเภท | วัด |
ส่วนหนึ่งของ | อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา |
ความเป็นมา | |
ผู้สร้าง | สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 |
สร้าง | พ.ศ. 1967 |
ละทิ้ง | พ.ศ. 2310 |
สมัย | อยุธยา |
หมายเหตุเกี่ยวกับสถานที่ | |
ขุดค้น | พ.ศ. 2500 |
ผู้ขุดค้น | กรมศิลปากร |
สภาพ | หลงเหลือเพียงกำแพงพระอุโบสถและวิหารหลวง ปรางค์ประธานและเจดีย์ราย |
ผู้บริหารจัดการ | กรมศิลปากร |
การเปิดให้เข้าชม | ทุกวัน 08.00-18.30 น. |
สถาปัตยกรรม | |
รูปแบบสถาปัตยกรรม | อยุธยา |
เกณฑ์ | วัฒนธรรม: (iii) |
ขึ้นเมื่อ | 1991 |
เป็นส่วนหนึ่งของ | นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา |
เลขอ้างอิง | 576 |
ชื่อที่ขึ้นทะเบียน | วัดราชบูรณะ |
ขึ้นเมื่อ | 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 |
เป็นส่วนหนึ่งของ | อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา |
เลขอ้างอิง | 0000321 |
วัดราชบูรณะ ตั้งอยู่ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณเชิงสะพานป่าถ่าน ติดกับวัดมหาธาตุทางบริเวณทิศตะวันออก ห่างจากพระราชวังโบราณ เพียงเล็กน้อย[1] จัดเป็นหนึ่งในวัดที่ใหญ่และมีความเก่าแก่มากที่สุดในพระนครศรีอยุธยา สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือเจ้าสามพระยา ในปี พ.ศ. 1967[2] วัดราชบูรณะมีชื่อเสียงและความโด่งดังมากในเรื่องการถูกกลุ่มคนร้ายจำนวนหนึ่ง ลักลอบขุดกรุภายในพระปรางค์ประธาน ในปี พ.ศ. 2499 และลักขโมยทรัพย์สมบัติจำนวนมากมายมหาศาล ต่อมากรมศิลปากรเข้าทำการบูรณะขุดแต่งต่อภายหลัง พบทรัพย์สมบัติที่หลงเหลือและเครื่องทองจำนวนมากมาย ปัจจุบันทรัพย์สมบัติภายในกรุถูกเก็บรักษาไว้ที่ห้องราชบูรณะ ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
ประวัติ
[แก้]วัดราชบูรณะสร้างขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 บริเวณพื้นที่และตำแหน่งเดิมที่พระองค์ได้ทรงถวายพระเพลิงศพให้กับเจ้านครอินทร์ ผู้เป็นพระราชบิดา
โดยเมื่อครั้งที่พระอินทรราชาหรือเจ้านครอินทร์ได้เสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 6 แห่งกรุงศรีอยุธยาแล้วนั้น ทรงมีนโยบายในการเปิดการค้าขายกับจีน ภายใต้การอุดหนุนของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิง กรุงศรีอยุธยาที่เป็นเมืองธรรมดาก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในฐานะเมืองท่าในการค้าขาย และเป็นตลาดกลางในการค้าขายกับจีน
เมื่อเจ้านครอินทร์เสด็จสวรรคตลง เกิดการแย่งราชสมบัติการขึ้นระหว่างเจ้าอ้ายพระยากับเจ้ายี่พระยา พระราชโอรสทั้งสองของเจ้านครอินทร์ ผลลัพธ์คือพระราชบุตรทั้งสองสิ้นชีพลง เจ้าสามพระยาจึงได้รับสืบทอดราชสมบัติ เมื่อสิ้นพระราชพิธีถวายเพลิงพระบรมศพของพระราชบิดาไปแล้ว เจ้าสามพระยาจึงตัดสินใจที่จะสร้างวัดเป็นการถวายพระราชกุศลให้แก่พระราชบิดในพื้นที่ดังกล่าว โดยให้ชื่อว่าวัดราชบูรณะ พร้อมกันนั้นก็ได้นำทรัพย์สมบัติจำพวกทองคำและข้าวของมีค่าเก็บเอาไว้ใต้พระปรางค์ใหญ่ภายในวัด ซึ่งสมบัติเหล่านี้ทางกรมศิลปากรขุดค้นเจอในช่วงปี พ.ศ. 2499 เป็นหลักฐานแสดงถึงความรุ่งเรืองของกรุงศรีอยุธยาในฐานะตลาดกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้ากับจีน
ในขณะเดียวกัน เจ้าสามพระยาก็ได้สร้างเจดีย์ถวายให้แก่พี่ชายทั้งสองคนของพระองค์ที่แย่งราชสมบัติกัน โดยสร้างเจดีย์คู่อยู่เยื้องวัดราชบูรณะไปเล็กน้อย ในปัจจุบันคือบริเวณวงเวียนสามแยกตรงกึ่งกลางระหว่างวัดราชบูรณะและวัดมหาธาตุ
โบราณสถาน
[แก้]พระปรางค์วัดราชบูรณะมีกรุใหญ่และลึก กรมศิลปากรทำการขุดเรียบร้อยแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2500 ปัจจุบันปิดไม่ให้เข้าชมกรุแล้ว กรุพระปรางค์วัดราชบูรณะมีทั้งหมด 3 ห้องใหญ่เรียงกันลงไปแนวดิ่ง โดยชั้นล่างสุดอยู่ในแนวระดับพื้นดิน ดังนี้
- กรุชั้นที่ 1
เป็นชั้นที่อยู่บนสุด เดิมมีผนังก่อปิดภาพทั้งหมด (ภาพคนจีน เทพชุมนุม ฯลฯ) หลังผนังทำเป็นช่องเล็ก ๆ ใส่พระพิมพ์และพระพุทธรูปไว้จนเต็ม และในนั้นคนร้ายพบพระพุทธรูปทองคำขนาดหน้าตัก 1 ศอก อยู่ 3-4 องค์
- กรุชั้นที่ 2
เป็นชั้นกลาง มีถาดทองคำ 3 ใบเต็มไปด้วยเครื่องทอง กรมศิลปากรได้รื้อพื้นออก จึงทำให้กรุห้องที่ 2 และ 3 เชื่อมกัน มีจิตรกรรมเป็นภาพอดีตชาติพระพุทธเจ้าวาดอยู่ในช่องสี่เหลี่ยม และรอบ ๆ มีโต๊ะสำริดเล็ก ๆ ตั้งอยู่ทุกซุ้มเว้นด้านใต้ ใช้วางเครื่องทองและผ้าทองที่คนร้ายให้การว่าแค่แตะก็ป่นเป็นผงแล้ว
- กรุชั้นที่ 3
เป็นกรุที่อยู่ล่างสุด เป็นกรุที่สำคัญที่สุด บรรจุพระบรมธาตุ ซึ่งเก็บรักษาอย่างดีในเจดีย์ทองคำและรอบ ๆ ยังเต็มไปด้วยพระพุทธรูปต่าง ๆ
การลักลอบขุดกรุ
[แก้]การค้นพบกรุเมื่อปี พ.ศ. 2499 เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ ปีถัดมาทำให้มีขโมยกลุ่มใหญ่ลักลอบมาขุดกรุวัดราชบูรณะ พบเครื่องทองและอัญมณีจำนวนมาก แต่ทว่าฝนตกหนักและรีบเร่งกลุ่มขโมยจึงขนของไปไม่หมด เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาไม่กี่วันก็จับและยึดของกลางได้บางส่วน หลังจากนั้นกรมศิลปากรได้เข้ามาขุด ปรากฏว่าพบสิ่งของกว่า 2,000 รายการ พระพิมพ์กว่าแสนองค์ ทองคำหนักกว่า 100 กิโลกรัม ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
เมื่อ พ.ศ. 2548 มีข่าวว่าพบพระมาลาทองคำอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งยังเป็นที่ถกเถียงว่าเป็นของโบราณจริงหรือไม่ และหากจริงจะเป็นของกรุวัดราชบูรณะหรือไม่ ซึ่งยังคงเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ในปัจจุบัน
ระเบียงภาพ
[แก้]-
พระอุโบสถและพระปรางค์ประธาน
-
พระอุโบสถและพระปรางค์ประธาน
-
บริเวณทางเข้าพระอุโบสถ
-
พระปรางค์ประธาน เมื่อปี พ.ศ. 2566
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ตำแหน่งและสถานที่ก่อตั้งวัดราชบูรณะ
- ↑ "ปีก่อสร้างวัดราชบูรณะ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-06-20. สืบค้นเมื่อ 2008-05-28.