ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แมกนีทาร์"
ล แทนที่ "Magnetar" → "แมกนีทาร์" +แทนที่ "magnetar" → "แมกนีทาร์" ด้วยสจห. |
|||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
⚫ | |||
{{ชื่ออังกฤษ}} |
|||
⚫ | |||
''' |
'''แมกนีทาร์''' ({{lang-en|Magnetar}}) คือ[[ดาวนิวตรอน]]ที่มี[[สนามแม่เหล็ก]]ที่กำลังแรงมาก การลดลงของกำลังการแผ่รังสีของ[[คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า]]พลังงานสูงจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่ง[[รังสีเอกซ์]]และ[[รังสีแกมมา]]<ref name="Ward">Ward; Brownlee, p.286</ref> ในทางทฤษฎีของวัตถุนี้ถูกคิดขึ้นโดย [[โรเบิร์ต ดันแคน]]และ[[คริสโตเฟอร์ ทอมป์สัน]]ในปี 1992 แต่การบันทึก[[แสงวาบรังสีแกมมา]]ครั้งแรกที่คิดว่ามาจาก แมกนีทาร์ คือวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1979<ref name="journal">Kouveliotou, C.; Duncan, R. C.; Thompson, C. (February 2003). "[http://solomon.as.utexas.edu/~duncan/sciam.pdf แมกนีทาร์s]". ''[[Scientific American]]''; Page 35.</ref> ระหว่างทศวรรษถัดมา สมมติฐานของ แมกนีทาร์ กลายเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในการอธิบาย soft gamma repeater และ anomalous X-ray pulsar |
||
== คำอธิบาย == |
== คำอธิบาย == |
||
โครงสร้างกายภาพของ |
โครงสร้างกายภาพของแมกนีทาร์เป็นที่รู้กันน้อยมาก เพราะไม่มีแมกนีทาร์ที่อยู่ใกล้กับโลก แมกนีทาร์บางแห่งจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 กิโลเมตร ถึงอย่างไรก็ตามมันมีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์มากมาย แมกนีทาร์ถูกบีบอัดขนาดสสารชิ้นเล็ก ๆ จะมีน้ำหนักประมาณมากกว่าร้อยล้านตัน<ref name="Ward" /> แมกนีทาร์ส่วนใหญ่ถูกบันทึกไว้ว่าหมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็วซึ่งอย่างน้อยหลายรอบต่อวินาที<ref>{{citeweb|url=http://www.space-art.co.uk/pages-en/stars-I/แมกนีทาร์.htm|title=แมกนีทาร์ (1999)|accessdate=17 December|accessyear=2007}}</ref> ชีวิตของแมกนีทาร์จะสั้น สนามแม่เหล็กของมันจะลดลงหลังจากระยะเวลา 10,000 ปี หลังจากที่จุดนี้การเคลื่อนไหวและการแผ่รังสีเอกซ์จะสิ้นสุด จากจำนวนแมกนีทาร์ที่สำรวจได้ในปัจจุบัน จะประมาณ 1 ดวงที่ตายแล้วใน[[ทางช้างเผือก]] 30 ล้านดวงหรือมากกว่านั้น<ref> |
||
{{cite web | month = March | year = 2003 |
{{cite web | month = March | year = 2003 |
||
| url = http://solomon.as.utexas.edu/~duncan/ |
| url = http://solomon.as.utexas.edu/~duncan/แมกนีทาร์.html#Epilog |
||
| title = |
| title = แมกนีทาร์s, Soft Gamma Repeaters and Very Strong Magnetic Fields |
||
| publisher = Robert C. Duncan, University of Texas at Austin |
| publisher = Robert C. Duncan, University of Texas at Austin |
||
| accessdate = 2007-05-23 }} |
| accessdate = 2007-05-23 }} |
||
</ref> |
</ref> |
||
[[ควาร์ก]]บนพื้นผิวของ |
[[ควาร์ก]]บนพื้นผิวของแมกนีทาร์ จุดชนวนให้เกิดความไม่แนนอนอย่างมากในดาวและสนามแม่เหล็กที่ล้อมรอบมัน บ่อยครั้งที่ทำให้เกิด[[แสงวาบรังสีแกมมา|การวาบของรังสีแกมม่า]]ที่สามารถบันทึกบนโลกได้ในปี 1979,1998 และ 2004<ref name="journal2">Kouveliotou, C.; Duncan, R. C.; Thompson, C. (February 2003). "[http://solomon.as.utexas.edu/~duncan/sciam.pdf แมกนีทาร์s]". ''[[Scientific American]]''; Page 36. </ref> |
||
== ดูเพิ่ม == |
== ดูเพิ่ม == |
||
บรรทัด 26: | บรรทัด 25: | ||
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
||
* [http://www.cnn.com/2005/TECH/space/02/01/universe.magnets/index.html กำเนิด |
* [http://www.cnn.com/2005/TECH/space/02/01/universe.magnets/index.html กำเนิด แมกนีทาร์], CNN, 2 กุมภาพันธ์ 2005 |
||
{{ดาวฤกษ์}} |
{{ดาวฤกษ์}} |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:45, 23 สิงหาคม 2552
แมกนีทาร์ (อังกฤษ: Magnetar) คือดาวนิวตรอนที่มีสนามแม่เหล็กที่กำลังแรงมาก การลดลงของกำลังการแผ่รังสีของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าพลังงานสูงจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งรังสีเอกซ์และรังสีแกมมา[1] ในทางทฤษฎีของวัตถุนี้ถูกคิดขึ้นโดย โรเบิร์ต ดันแคนและคริสโตเฟอร์ ทอมป์สันในปี 1992 แต่การบันทึกแสงวาบรังสีแกมมาครั้งแรกที่คิดว่ามาจาก แมกนีทาร์ คือวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1979[2] ระหว่างทศวรรษถัดมา สมมติฐานของ แมกนีทาร์ กลายเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในการอธิบาย soft gamma repeater และ anomalous X-ray pulsar
คำอธิบาย
โครงสร้างกายภาพของแมกนีทาร์เป็นที่รู้กันน้อยมาก เพราะไม่มีแมกนีทาร์ที่อยู่ใกล้กับโลก แมกนีทาร์บางแห่งจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 กิโลเมตร ถึงอย่างไรก็ตามมันมีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์มากมาย แมกนีทาร์ถูกบีบอัดขนาดสสารชิ้นเล็ก ๆ จะมีน้ำหนักประมาณมากกว่าร้อยล้านตัน[1] แมกนีทาร์ส่วนใหญ่ถูกบันทึกไว้ว่าหมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็วซึ่งอย่างน้อยหลายรอบต่อวินาที[3] ชีวิตของแมกนีทาร์จะสั้น สนามแม่เหล็กของมันจะลดลงหลังจากระยะเวลา 10,000 ปี หลังจากที่จุดนี้การเคลื่อนไหวและการแผ่รังสีเอกซ์จะสิ้นสุด จากจำนวนแมกนีทาร์ที่สำรวจได้ในปัจจุบัน จะประมาณ 1 ดวงที่ตายแล้วในทางช้างเผือก 30 ล้านดวงหรือมากกว่านั้น[4]
ควาร์กบนพื้นผิวของแมกนีทาร์ จุดชนวนให้เกิดความไม่แนนอนอย่างมากในดาวและสนามแม่เหล็กที่ล้อมรอบมัน บ่อยครั้งที่ทำให้เกิดการวาบของรังสีแกมม่าที่สามารถบันทึกบนโลกได้ในปี 1979,1998 และ 2004[5]
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 Ward; Brownlee, p.286
- ↑ Kouveliotou, C.; Duncan, R. C.; Thompson, C. (February 2003). "แมกนีทาร์s". Scientific American; Page 35.
- ↑ "แมกนีทาร์ (1999)". สืบค้นเมื่อ 17 December.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help); ไม่รู้จักพารามิเตอร์|accessyear=
ถูกละเว้น แนะนำ (|access-date=
) (help) - ↑
"แมกนีทาร์s, Soft Gamma Repeaters and Very Strong Magnetic Fields". Robert C. Duncan, University of Texas at Austin. 2003. สืบค้นเมื่อ 2007-05-23.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|month=
ถูกละเว้น (help) - ↑ Kouveliotou, C.; Duncan, R. C.; Thompson, C. (February 2003). "แมกนีทาร์s". Scientific American; Page 36.
แหล่งข้อมูลอื่น
- กำเนิด แมกนีทาร์, CNN, 2 กุมภาพันธ์ 2005