ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ | |
---|---|
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ฝ่ายหน้า | |
อักษรย่อ | ท.จ.ว. |
ประเภท | ฝ่ายหน้า : คล้องคอมีดารา ฝ่ายใน : สายสะพายไม่มีดารา |
วันสถาปนา | ฝ่ายหน้า : พ.ศ. 2416 ฝ่ายใน : พ.ศ. 2442 |
ประเทศ | ราชอาณาจักรไทย |
ภาษิต | เราจะบำรุงตระกูลวงศ์ให้เจริญ |
จำนวนสำรับ | ฝ่ายหน้า : 200 สำรับ ฝ่ายใน : 100 สำรับ |
แพรแถบ | |
ผู้สมควรได้รับ | พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการทั้งปวง (พระราชทานตามพระราชอัธยาศัย) |
มอบเพื่อ | เป็นเครื่องหมายแสดงอิสริยยศและระลึกถึงความดีความชอบของบุคคลซึ่งได้รักษาแผ่นดินมาแต่ก่อนถึงปัจจุบัน |
สถานะ | ยังพระราชทานอยู่ |
ผู้สถาปนา | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ประธาน | พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว |
สถิติการมอบ | |
รายล่าสุด | ธนพันธ์ ธุระพันธ์ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 |
ลำดับเกียรติ | |
สูงกว่า | ปฐมดิเรกคุณาภรณ์ |
รองมา | มหาโยธิน |
หมายเหตุ | ฝ่ายหน้า : มีศักดิ์เสมอพระยาพานทอง และพระราชทานสืบตระกูลได้ถึงชั้นบุตรชาย ฝ่ายใน : มีคำนำหน้านาม "ท่านผู้หญิง" |
ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ มีอักษรย่อว่า ท.จ.ว. เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในตระกูลเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานทั้งฝ่ายหน้า (บุรุษ) จำนวน 200 สำรับ และฝ่ายใน (สตรี) จำนวน 100 สำรับ โดยทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษจัดเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่มีลำดับเกียรติอันดับที่ 13 ของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย[1]
ลักษณะ
[แก้]เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ สามารถแบ่งออกสำหรับพระราชทานให้ฝ่ายหน้าและฝ่ายใน โดยมีลักษณะดังนี้[2]
ฝ่ายหน้า
[แก้]เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ สำหรับฝ่ายหน้า 1 สำรับ ประกอบด้วย ดารา ดวงตรา และแพรแถบ
- ดวงตรา
- ด้านหน้า มีลักษณะเป็นรัศมี 8 แฉก ลงยาสีชมพู มีรัศมีทองแทรกตามระหว่างแฉก มีใบชัยพฤกษ์สองข้าง ลงยาสีเขียว กลางดวงตรามีพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอบลงยาสีขาบ มีอักษรทองว่า"เราจะบำรุงตระกูลวงศ์ให้เจริญ"เบื้องบนมี พระจุลมงกุฎเปล่งรัศมีลงยาสีเขียว สีแดง สีขาบ สีขาว
- ด้านหลัง มีลักษณะเหมือนด้านหน้า แต่ที่กลางดวงตราเป็นรูปช้างไอราพต ลงยาสีขาว บนหลังช้างเป็นรูปตรีศูล ลงยาสีขาว ที่ขอบมีอักษรทองว่า "ปีระกา เบญจศก ศักราช ๑๒๓๕" รอบขอบเป็นรูปจักร ลงยาสีขาวพื้นแดง
ดวงตราใช้สำหรับประดับห้อยกับแพรแถบสีชมพู กว้าง 5 เซนติเมตร สำหรับสวมคอ
- ดารา มีลักษณะเป็นรัศมีเงิน 8 แฉก กลางดารามีอักษรพระปรมาภิไธยย่อ "จ.จ.จ." ทำด้วยทองคำ อยู่บนพื้นลงยาสีชมพู ขอบลงยาสีขาบ มีอักษรทองว่า "เราจะบำรุงตระกูลวงศ์ให้เจริญ" ใช้สำหรับประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย
หมายเหตุ : ดวงดาราชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ นั้นแต่เดิมที่ด้านหน้าของดวงดาราจะมีอักษรคำว่า "เราจะบำรุงตระกูลวงศ์ไห้เจริญ" เนื่องจากในสมัยนั้นประเทศไทยได้มีการสั่งทำเครื่องราชอิสริยาภณ์จากประเทศอังกฤษจึงทำให้เกิดข้อผิดพลาดในด้านภาษาจึงส่งผลทำให้อักษรที่ต้องเป็นคำว่า"เราจะบำรุงตระกูลวงศ์ให้เจริญ" กลายเป็น "เราจะบำรุงตระกูลวงศ์ไห้เจริญ"
ฝ่ายใน
[แก้]เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ สำหรับฝ่ายใน 1 สำรับ ประกอบด้วย
- ดวงตรา มีลักษณะเหมือนเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นปฐมจุลจอมเกล้า สำหรับพระราชทานฝ่ายใน แต่ไม่ประดับเพชร ใช้สำหรับห้อยกับสายสะพายสีชมพู ขนาดกว้าง 7.5 เซนติเมตร ใช้สะพายบ่าซ้ายเฉียงลงทางขวา หรือจะใช้ห้อยกับแพรแถบสีชมพูขนาดกว้าง 5 เซนติเมตร ผูกเป็นรูปแมลงปอ ประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้ายก็ได้
ลักษณะพิเศษ
[แก้]เครื่องยศ
[แก้]ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษนั้น ถือว่ามีบรรดาศักดิ์เสมอขุนนางชั้น พระยาพานทอง จะได้รับพระราชทานเครื่องยศประกอบด้วย
- เสื้อครุยเสนามาตย์ ปักอักษร จ.จ.จ. (ฝ่ายหน้า) / ผ้าปักทองแล่ง (ฝ่ายใน)
- พานหมากทองคำเครื่องพร้อม (ฝ่ายหน้า) / หีบหมากทองคำ (ฝ่ายใน)
- คณโททองคำพร้อมพานรอง
- กาน้ำทองคำพร้อมโต๊ะทองคำ
- กระโถนทองคำ
ผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ท.จ. และ ท.จ.ว จะมีบรรดาศักดิ์เทียบเท่า พระยาพานทอง
คำนำหน้านาม (ฝ่ายใน)
[แก้]สตรีที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ สามารถใช้คำนำหน้านามว่า "ท่านผู้หญิง" [3]
ส่วนสตรี ผู้ที่สมรสกับเจ้านายฝ่ายหน้าในราชวงศ์จักรี คือ ตั้งแต่หม่อมเจ้าขึ้นไป ใช้คำนำหน้านามว่า หม่อม หรือ สกุลยศเดิม เช่น หม่อมราชวงศ์ และหม่อมหลวง ไม่ต้องเปลี่ยนเป็นท่านผู้หญิง เรียกลำลองว่า คุณท่าน
สำหรับเจ้านายฝ่ายใน คือ ราชสกุล ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไปให้ใช้คำนำหน้าพระนามตามเดิม ไม่ว่าจะได้รับพระราชทานชั้นใด ส่วนสตรีที่เป็นราชนิกูลชั้น หม่อมราชวงศ์ และหม่อมหลวง เมื่อได้รับพระราชทานทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ใช้คำนำหน้านามว่า "ท่านผู้หญิง"[4]
การสืบตระกูล (ฝ่ายหน้า)
[แก้]- ดูบทความหลัก การสืบตระกูลเครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษนั้น สามารถสืบตระกูลเครื่องราชอิสริยาภรณ์ได้ โดยบุตรชายของผู้ได้รับพระราชทานนั้น จะได้รับสืบตระกูลเมื่อบิดาล่วงลับไปแล้ว และการสืบตระกูลจะสิ้นสุดลงเพียงชั้นนี้เท่านั้น[2]
เกียรติยศศพ
[แก้]ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ เมื่อวายชนม์จะใช้คำว่า "ถึงแก่อนิจกรรม"[5][6] และจะได้รับพระราชทานเกียรติยศศพ (แต่ถ้าผู้วายชนม์เป็นสมาชิกราชตระกูล ดำรงตำแหน่งสำคัญ หรือได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลอื่นที่มีลำดับเกียรติสูงกว่าก็อาจได้รับเกียรติยศศพสูงขึ้น) โดยผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ จะได้รับพระราชทานเกียรติยศศพ ดังนี้
- โกศ 8 เหลี่ยม
- น้ำหลวงอาบศพ
- ฉัตรเบญจา 4 คันตั้งประกอบเกียรติยศข้างโกศศพ และ 10คัน เวลาแห่เวียนเมรุ
- ปี่ไฉน 1 กลองชนะ 10 ประโคมเวลารับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ, แห่โกศศพเวียนรอบเมรุ และเวลารับพระราชทานเพลิงศพ
- รถวอเชิญโกศศพ
- เพลิงหลวง
การพระราชทาน
[แก้]เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้ามีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประธานของเครื่องอิสริยาภรณ์ รวมทั้งทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะพระราชทานแก่ผู้ที่ทรงพระราชดำริเห็นสมควรและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ได้ ปัจจุบัน เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ แบ่งออกสำหรับพระราชทานฝ่ายหน้าจำนวน 200 สำรับ และฝ่ายในจำนวน 100 สำรับ[7] นอกจากนี้ ยังสามารถพระราชทานแก่เจ้านายหรือผู้มีเกียรติจากต่างประเทศซึ่งไม่นับรวมกับจำนวนดังกล่าว
ผู้ได้รับพระราชทานทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษจะได้รับใบประกาศนียบัตรทรงลงพระปรมาภิไธยและประทับพระราชลัญจกร เว้นแต่กรณีที่ได้รับพระราชทานทุติยจุลจอมเกล้าแล้วเลื่อนขึ้นรับพระราชทานทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษจะไม่มีใบประกาศนียบัตร และเมื่อผู้ได้รับพระราชทานทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษวายชนม์ลง ผู้รับมรดกจะต้องส่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์คืนภายใน 30 วัน ถ้าส่งคืนไม่ได้กองมรดกจะต้องรับผิดชอบ ส่วนกรณีผู้ได้รับพระราชทานทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลจุลจอมเกล้าในชั้นที่สูงขึ้นหรือทรงเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ถ้าผู้รับพระราชทานไม่สามารถส่งคืนได้ ต้องชดใช้ราคาสำหรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์นั้น[2] สำหรับฝ่ายหน้าต้องชดใช้เป็นจำนวนเงิน 341,000 บาท และฝ่ายใน 187,000 บาท[8]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ลำดับเกียรติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย เก็บถาวร 2011-11-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑๐, ตอน ๒๙ง ฉบับพิเศษ, ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๖, หน้า ๑
- ↑ 2.0 2.1 2.2 ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า พุทธศักราช ๒๔๘๔, เล่ม ๕๘, ตอน ๐ ก, ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๔, หน้า ๑๕๕๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศการใช้คำนำหน้านามสตรีผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า, เล่ม ๑๓๙, ตอนพิเศษ ๕๓ง, ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕, หน้า ๑
- ↑ เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า เก็บถาวร 2007-12-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จาก สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
- ↑ สุดสงวน, ตอน “การใช้ภาษาในภาวะวิกฤต” เก็บถาวร 2011-07-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, สกุลไทย, ฉบับที่ 2629, ปีที่ 51, ประจำวันอังคารที่ 8 มีนาคม 2548
- ↑ "พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน (ออนไลน์) พ.ศ. 2542 : อสัญกรรม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-03-03. สืบค้นเมื่อ 2009-12-06.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๙, เล่ม ๘๓, ตอน ๓๓ ก, ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๙, หน้า ๒๕๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การปรับราคาชดใช้แทนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ไม่สามารถส่งคืนตามกฎหมาย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ – ๒๕๕๓, เล่ม ๑๒๕, ตอน พิเศษ ๔๙ ง, ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑, หน้า ๘
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษฝ่ายหน้า เก็บถาวร 2007-12-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จาก สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
- ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษฝ่ายใน เก็บถาวร 2007-12-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จาก สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี