ข้ามไปเนื้อหา

สมยศ เชื้อไทย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สมยศ เชื้อไทย
คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คนที่ 15
ดำรงตำแหน่ง
พ.ศ. 2534  พ.ศ. 2540
ก่อนหน้าประธาน วัฒนวาณิชย์
ถัดไปสุธีร์ ศุภนิตย
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด08 มกราคม พ.ศ. 2493 (75 ปี)
จังหวัดพังงา
ศาสนาพุทธศาสนา
วิชาชีพข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย (รองศาสตราจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)

รองศาสตราจารย์ สมยศ เชื้อไทย (เกิด พ.ศ. 2493) เป็นนักวิชาการชาวไทย โดยเป็นรองศาสตราจารย์ประจำสาขาวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญ ภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตคณบดีคณะดังกล่าว

ประวัติ

[แก้]

สมยศเกิดที่ตำบลเหมาะ อำเภอกะปง จังหวัดพังงา บิดาเป็นผู้ใหญ่บ้านและเสียชีวิตไปเมื่อสมยศอายุได้สิบสองปี[1] สมยศสำเร็จประถมศึกษาปีที่ 4 ณ โรงเรียนกะปง แล้วเล่าเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นต่อที่อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา สำเร็จแล้วศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายต่อที่โรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย กรุงเทพมหานคร สายวิทย์–คณิต[2] ลุล่วงแล้วจึงศึกษาต่อยังคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนสำเร็จเป็นนิติศาสตรบัณฑิต และได้เกียรตินิยมดี จากนั้น สอบได้เป็นเนติบัณฑิตไทย แล้วไปศึกษาต่อยังประเทศเยอรมนีได้รับประกาศนียบัตรสาขากฎหมายมหาชนจากมหาวิทยาลัยบอนน์

เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว สมยศเข้ารับราชการเป็นอาจารย์สอนวิชาต่าง ๆ ในสาขากฎหมายมหาชนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้งยังเคยได้รับแต่งตั้งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา, นายกสมาคมนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมัยที่ 15-16 (พ.ศ. 2547–2551), ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อ พ.ศ. 2552, กรรมการกฤษฎีกา (พ.ศ. 2552), กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า (พ.ศ. 2551) ฯลฯ

สมัยที่สมยศดำรงตำแหน่งนายกสมาคมนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมยศได้มีบทบาทชักนำประชาคมธรรมศาสตร์ออกมาเรียกร้องให้พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตรลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อันเนื่องมาจากกรณีขายหุ้นชินคอร์ปที่สะท้อนให้เห็นว่า พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร มีผลประโยชน์ทับซ้อนในการใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดิน โดยสมยศได้กล่าวปาฐกถาแสดงความเห็นในกรณีดังกล่าวว่า หลังจากที่ฝ่ายต่าง ๆ เตรียมตรวจสอบความไม่โปร่งใสของรัฐบาลพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ทำให้พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ใชอำนาจยุบสภาผู้แทนราษฎร และกำหนดการเลือกตั้งใหม่อย่างกระชั้นชิดเกินไปเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตนได้กลับเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินอีกครั้ง เขากล่าวว่า

"การยุบสภาว่าโดยหลักการของระบบรัฐสภาเป็นการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร เพื่อแก้ปัญหาในกรณีขัดแย้งระหว่างรัฐบาลและรัฐสภา หรือปัญหาของสภาผู้แทนราษฎร เพราะการยุบสภานั้นมีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ้นจากตำแหน่งทั้งหมดก่อนครบ กำหนดอายุของสภา และต้องมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งใหม่

แต่ปรากฏว่าการเลือกตั้งใหม่ที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาเป็นระยะเวลาที่กระชั้นชิดมาก ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ใช้อำนาจยุบสภาเพื่อใช้การเลือกตั้งฟอกตัวเองให้กลับเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก

จึงเห็นได้ว่าการยุบสภาเป็นเกมการเมืองของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการหนีการตรวจสอบว่ามีการใช้อำนาจโดยมิชอบหรือไม่ และทำให้ประชาชนหลงประเด็น เพราะประเด็นมิใช่การกล่าวหาว่าพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตรโกงการเลือกตั้ง ซึ่งอาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้แต่ไม่มีหลักฐาน แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ใช้อำนาจแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบหรือไม่ หรือมีการใช้อำนาจโดยมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ซึ่งการแก้ปัญหาในประเด็นนี้ต้องใช้กระบวนการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย แต่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เห็นอยู่แล้วว่าถ้าจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ตนจะชนะการเลือกตั้ง เพราะประชาชนจำนวนมากเสพติดนโยบายประชานิยมของพันตำรวจโททักษิณ"

ต่อมา ภายหลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 และมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 สมยศได้ออกมาแถลงว่า นับจากนี้ การต่อสู้ระหว่างอำนาจเก่าและอำนาจใหม่จะยืดเยื้อยาวนาน และฟันธงว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 จะไม่แก้วิกฤติการเมืองไทย และดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ใส่ใจกับคำเตือนของอาจารย์สอนกฎหมายรัฐธรรมนูญอย่างเขา เพราะคนส่วนใหญ่อยากเห็นการเลือกตั้งเร็ว ๆ ไว ๆ ทำให้เขาประกาศว่าจะเลิกสอนวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญอีก โดยกล่าวว่า

"ปัญหาใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คือ ปัญหาตุลาการภิวัตน์ ที่เป็นการเอาตุลาการไปยุ่งการเมือง จะเป็นเรื่องใหญ่มากเพราะเสาหลักของรัฐธรรมนูญคือต้องแยกอำนาจตุลาการกับอำนาจบริหารให้ออกจากกัน หากศาลไปโยงกับการเมืองก็จะไปกันใหญ่ ปัญหานี้เราเคยเจอแล้วคือปัญหาของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีปัญหาการวิ่งเต้นล้มคดี ต่อไปข้างหน้าจะมีปัญหาใหญ่กว่านี้อีก หลังจากศาลมายุ่งกับการเมืองก็จะไปสนับสนุนอำนาจใหม่โดยปริยาย

"...รัฐธรรมนูญวันนี้เป็นแพะ โดยเปรียบว่า เหมือนคนทะเลาะกันแล้วรื้อบ้าน แล้วสร้างใหม่ซึ่งก็สร้างมาเหมือนเดิม โดยความจริงแล้วหลังคารั่วเมื่อสร้างใหม่คนก็ยังทะเลาะกันอีก ตรงนี้เรียกว่าปัญหาทางวัฒนธรรมทางการเมือง...

"19 กันยายน เป็นการเปลี่ยนรัฐประหารเป็นรัฐธรรมนูญ ส่วนการลงประชามติเป็นการเปลี่ยนรัฐธรรมนูญเป็นรัฐประหารรูปแบบใหม่ ผมมองว่ามาตรา 309 จะทำให้การรัฐประหารกลับมาอีก เปรียบเหมือนมาตราลูกฆ่าพ่อ คือใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ ผมบอกทุกคนแล้วว่าผมจะไม่สอนวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญอีกเลยเพราะรับไม่ได้ กับมาตรา 309"

ส่วนผลงานในด้านวิชาการ สมยศได้ผลิตตำราที่เป็นเสาหลักทางวิชาการหลายเล่ม ดู ข้อมูลจากสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[ลิงก์เสีย]

อนึ่ง สมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมยศเคยเป็นนักฟุตบอลและชื่นชอบกีฬาฟุตบอลเป็นพิเศษ ถึงจะเป็นอาจารย์แล้วก็ยังหาเวลาว่างไปเล่นฟุตบอลกับนักศึกษาเสมอ กับทั้งยังเป็นผู้จัดการทีมฟุมบอลของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และชื่นชอบทีมฟุตบอลลิเวอร์พูลอีกด้วย นอกจากนี้ สมยศยังเผยว่า เวลาว่างชอบมองท้องฟ้า เพราะทำให้นึกถึง "ความกว้างใหญ่ไพศาลของจักรวาล สิ่งที่มนุษย์คาดไม่ถึง" และวิธีแก้ไขปัญหาง่วงนอนในเวลาขับรถของตน คือ เอายาหม่องป้ายตา

นอกจากนี้ นักศึกษาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มักเรียกสมยศด้วยฉายาว่า "ป๋า" และ "องค์ดำ" อันเนื่องมาจากความรู้ความเชี่ยวชาญ ประกอบกับผิวที่คล้ำของสมยศ คู่กับ แก้วสรร อติโพธิ ที่ได้ฉายาว่า "องค์ขาว"

ภายหลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 เขาได้รับแต่งตั้งเป็น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า[3] กระทรวงพาณิชย์ (ประเทศไทย) เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2563 สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีมติให้สมยศเป็นศาสตราจารย์พิเศษสาขานิติศาสตร์[4]

โดย อาจารย์สมยศนั้นชื่นชอบการมาสอนที่ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง มากที่สุดเป็นสิ่งใด ทั้ง ปี 1 วิชา น100 ปี 2 วิชา มหาชน ปี3 นิติปรัชญา จะได้เรียนกับท่านอาจารย์สมยศอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นใครมาเรียนที่ศูนย์ลำปางจะได้เรียนกับท่านอาจารย์สมยศอย่างแน่นอน เพราะ ท่านรักศูนย์ลำปางมากกว่าสิ่งใด

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. กิตติศักดิ์ ปรกติ และอื่น ๆ (2553). "ทุกก้าวย่างอย่างครูกฎหมาย: รวมบทความที่ระลึกในโอกาสอายุครบหกสิบปีรองศาสตราจารย์สมยศ เชื้อไทย" (PDF). คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. p. 291. สืบค้นเมื่อ 2556-12-18. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)[ลิงก์เสีย]
  2. กิตติศักดิ์ ปรกติ และอื่น ๆ (2553). "ทุกก้าวย่างอย่างครูกฎหมาย: รวมบทความที่ระลึกในโอกาสอายุครบหกสิบปีรองศาสตราจารย์สมยศ เชื้อไทย" (PDF). คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. p. 292. สืบค้นเมื่อ 2556-12-18. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)[ลิงก์เสีย]
  3. ครม.แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า
  4. คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอแสดงความยินดี เนื่องในโอกาสที่สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เห็นชอบให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอาจารย์พิเศษของคณะนิติศาสตร์ เป็นศาสตราจารย์พิเศษ
  5. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๖๓ เก็บถาวร 2022-09-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑ ข หน้า ๓๙๖, ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔
  6. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๕ เก็บถาวร 2022-02-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๙ ตอนที่ ๓๕ ข หน้า ๑๘, ๓ ธันวาคม ๒๕๕๕
  7. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา เก็บถาวร 2022-05-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑๗ ตอนที่ ๔ ข หน้า ๔๐๘, ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]