วิมานลอย
วิมานลอย | |
---|---|
![]() ใบปิดภาพยนตร์ก่อนฉาย | |
กำกับ | วิกเตอร์ เฟลมมิง |
บทภาพยนตร์ | ซิดนีย์ ฮาวเวิร์ด |
สร้างจาก | วิมานลอย โดย มาร์กาเร็ต มิตเชลล์ |
อำนวยการสร้าง | เดวิด โอ. เซลซ์นิก |
นักแสดงนำ | |
กำกับภาพ | เออร์เนสต์ ฮัลเลอร์ |
ตัดต่อ | |
ดนตรีประกอบ | แมกซ์ สไตเนอร์ |
บริษัทผู้สร้าง | |
ผู้จัดจำหน่าย | โลวส์อิงค์.[1][nb 1] |
วันฉาย | 15 ธันวาคม ค.ศ. 1939 (รอบปฐมทัศน์ที่แอตแลนตา) |
ความยาว |
|
ประเทศ | สหรัฐ |
ภาษา | อังกฤษ |
ทุนสร้าง | 3.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ |
ทำเงิน | >390 ล้านดอลลาร์สหรัฐ |
วิมานลอย (อังกฤษ: Gone with the Wind) เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวดราม่าโรแมนซ์ ดัดแปลงจากบทประพันธ์ในปี ค.ศ. 1936 ของ มาร์กาเร็ต มิตเชลล์ ในชื่อเดียวกัน กำกับโดยวิกเตอร์ เฟลมิง เป็นภาพยนตร์ย้อนยุคที่มีฉากอเมริกาตอนใต้ ในช่วงเวลาราวสงครามกลางเมือง นำแสดงโดย คลาร์ก เกเบิล, วิเวียน ลีห์, เลสลี ฮาเวิร์ด และโอลิเวีย เดอ แฮวีลันด์ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามกลางเมืองและผลกระทบหลังสงคราม ผ่านมุมมองของชาวใต้ผิวขาว
สถาบันภาพยนตร์อเมริกันได้บรรจุวิมานลอย อยู่ในรายชื่อ 100 อันดับสุดยอดภาพยนตร์อเมริกันตลอดกาล ไว้ในปี 1998 ติดอยู่อันดับที่ 4 และถึงแม้ว่าการจัดอันดับใหม่ในปี 2007 จะตกไปอยู่อันดับที่ 6 และในเดือนมิถุนายน 2008 สถาบันภาพยนตร์อเมริกันเปิดเผยให้เป็น 1 ใน 10 ภาพยนตร์แนวอเมริกันที่ดีที่สุด จากผลสำรวจจากคน 1,500 คนในสังคมนักคิดสร้างสรรค์ วิมานลอย ยังติดอันดับ 4 ของภาพยนตร์ย้อนยุคที่ดีที่สุด[3][4] มียอดจำหน่ายตั๋วในสหรัฐอเมริกามากกว่าเรื่องใดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์อเมริกัน เมื่อเทียบกับหนังฮอลลีวูดในปัจจุบัน และยังถือว่าเป็น 1 ในภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่และได้รับความนิยมมากที่สุดตลอดกาลและยังเป็น 1 ในสัญลักษณ์ด้านภาพยนตร์ที่ยังคงอยู่มากที่สุดแห่งยุคทองของฮอลลีวูด เรื่องรายได้ เมื่อคิดจากอัตราเงินเฟ้อ วิมานลอย ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดตลอดกาลในอเมริกาเหนือและสหราชอาณาจักร[5][6][7]
เรื่องย่อ[แก้]
สการ์เลตต์ โอฮารา สาวน้อยลูกเจ้าของไร่ฝ้ายขนาดใหญ่ในรัฐจอร์เจีย ผู้มีชีวิตแสนสุขสบาย มีผู้ชายหลงใหลในความงามของเธออย่างมากมาย แต่เธอรัก แอชลี่ย์ วิลค์ เพียงคนเดียว แต่แอชลี่ย์ กำลังจะแต่งงานกับญาติของตัวเองชื่อ เมลานี ฮามิลตั้น ในงานเลี้ยงบาบีคิวของแอชลี่ย์ สการ์เล็ตได้บอกความรู้สึกของตัวเองให้แอชลี่ย์ฟัง แต่ว่าแอชลี่ย์กั๊กเธอไว้ ไม่ยอมบอกว่าเค้ารักเมลานี ไมได้รักสกาเล็ต ตอนที่นางเอกของเราสารภาพรักกัน เร็ตต์ บัตเลอร์ ได้ไปแอบอยู่ในห้องสมุด รับรู้การกระทำอันน่าอับอาย
นับตั้งแต่นั้นมาเธอก็ไม่ชอบหน้าเร็ตต์เลย ด้วยความต้องการประชดและอยากให้แอชลี่ย์เสียใจ สการ์เล็ตจึงยอมแต่งงานกับพี่ชายของเมลานี แต่เขาไปรบและตายในเวลาต่อมา คราวนี้สการ์เล็ตจึงเป็นหม้าย แต่เธอไม่ได้เสียใจซักนิดที่สามีตาย ออกจะเบื่อกับการไว้ทุกข์จอมปลอมด้วยซ้ำไป แต่แล้วชีวิตของเธอต้องพลิกผันไป เมื่อสงครามกลางเมืองได้เกิดขึ้น ผู้คนบาดเจ็บล้มตาย ทาสผิวดำใต้อาณัติถูกเกณฑ์ไปช่วยรบ และภาคใต้ตกเป็นฝ่ายแพ้ในที่สุด
วิถีชีวิตและความสุขของเธอหลุดลอยหายไปดุจ ดั่ง “วิมานลอย” ไปตามสายลม สการ์เลตต์จึงให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่า “เธอจะไม่มีวันต้องอดอยากอีก” ด้วยความสวยที่เธอมี เธอจึงหลอกล่อคู่หมั้นของน้องสาว แล้วเธอก็แต่งงานอีกครั้งเพื่อเงินและความสุขสบาย เธอต้องแต่งงานเพราะว่าฝ่ายใต้แพ้แล้วพวกแยงกี้ต้องการเก็บภาษีที่ดินถึง 300 เหรียญ และลำพังผู้หญิงเพียงคนเดียวทำงานไม่ไหว พ่อก็เป็นบ้าหลังจากแม่ตาย เธอเป็นผู้หญิงที่สู้ชีวิตคนนึง และสามารถทำทุกอย่างได้อย่างที่ผู้ชายทำ เช่น ขี่ม้า ยิงปืน และเธอต้องรับปากแอชลี่ย์ว่าจะดูแลเมลานีกับลูกในท้องและน้องสาวสองคนและทาสที่ซื่อสัตย์อีกสามคน เธอจึงพยายามทุกทางที่จะได้เงินมารักษาแผ่นดิน แผ่นดินที่พ่อรักและเป็นที่ทำกินของครอบครัวมาตลอดสามชั่วอายุคน
เธอเคยไปขอความช่วยเหลือจากเร็ตต์ เร็ตต์เกือบเชื่อ แต่ได้เห็นมือของเธอเสียก่อน เขาจึงปฏิเสธเนื่องจากจับได้ว่าเธอโกหกว่าอยู่สุขสบาย อยู่มาวันหนึ่งขณะที่เดินทางกลับบ้านมีพวกแยงกี้ได้ดักปล้นรถม้าของเธอ แต่ทาสของเธอที่ถูกเกณฑ์ไปรบนั้นได้มาช่วยไว้พอดี เธอจึงรอดออกมาได้ แต่คืนนั้น พวกแอชลี่ย์และสามีคนที่สองได้พากันไปเผาที่อยู่ของพวกนั้น แอชลี่ย์ถูกยิงที่ไหล่ และสามีของเธอถูกยิงที่หัว ตายคาร่องน้ำข้างถนน แอชลี่ย์รอดมาได้เพราะเร็ตต์ไปช่วยไว้ทัน
ต่อมาเร็ตต์มาขอแต่งงาน เธอจึงยอมตกลงแต่ง และวิมานอันแสนหวานของเธอกลับมาอีกครั้ง ทุกอย่างเหมือนไปได้สวย มีลูกสาว มีครอบครัวอบอุ่น แต่เธอก็ยังรักแอชลี่ย์เหมือนเดิม แต่ วิมานของเธอก็พังสลายอีกครั้ง เมื่อเธอแท้งลูกคนที่สองเพราะทะเลาะกับเร็ตต์ ไม่นานนัก ลูกคนแรกก็ตกม้าตาย หัวใจเธอแหลกสลาย รวมทั้งเร็ตต์ก็เหมือนจะบ้า และเมลานีตายในเวลาถัดมา ก่อนที่เมลานีจะตายนั้น เธอได้ฝากลูกชายและแอชลี่ย์ให้สการ์เล็ตดูแล และยังบอกสการ์เล็ตว่าเร็ตต์รักสการ์เล็กมาก เธอได้ยินดังนั้นจึงรู้ใจตัวเองทันทีว่าเธอนั้นรักเร็ตต์นานแล้ว แต่ด้วยทิฐิที่มีจึงปากอย่างใจอย่าง เธอบอกรักเร็ตต์ในวันที่เขาจะจากไป คำว่ารักคำเดียวไม่สามารถรั้งเร็ตต์ให้อยู่ได้ เพราะเขาคิดว่าเมื่อเมลานีตาย สการ์เล็ตก็จะได้คบกับแอชลี่ย์อย่างเปิดเผย และจึงเลือกที่จะจากไป กลับไปบ้านเกิดที่ชาร์ลตัน และเลือกที่จะไม่เชื่อในคำว่ารักของเธอ
รางวัล[แก้]
วิมานลอย ได้รับรางวัลอีกเป็นจำนวนมาก แต่ที่มีชื่อเสียง คือ
- รางวัลออสการ์ ชนะเลิศ 10 รางวัล มากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ขณะนั้น จนกระทั่ง เบนเฮอร์ ทำลายสถิตินี้ในปี 1959
- สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
- สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
- สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
- สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม
- สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม
- สาขาถ่ายภาพยอดเยี่ยม
- สาขาลำดับภาพยอดเยี่ยม
- สาขากำกับศิลป์ยอดเยี่ยม
- รางวัลเกียรติยศ
- รางวัลความสำเร็จทางเทคนิค
อ้างอิง[แก้]
บันทึกคำอธิบาย[แก้]
การอ้างอิง[แก้]
- ↑ "Gone With the Wind". The American Film Institute Catalog of Motion Pictures. American Film Institute. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 12, 2020. สืบค้นเมื่อ January 12, 2013.
- ↑ Gomery, Douglas; Pafort-Overduin, Clara (2011). Movie History: A Survey (2nd ed.). Taylor & Francis. p. 144. ISBN 9781136835254.
- ↑ American Film Institute (2008-06-17). "AFI Crowns Top 10 Films in 10 Classic Genres". ComingSoon.net. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-08-18. สืบค้นเมื่อ 2008-06-18.
- ↑ "Top 10 Epic". American Film Institute. สืบค้นเมื่อ 2008-06-18.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-02. สืบค้นเมื่อ 2009-12-05.
- ↑ http://www.scene-stealers.com/top-10/top-10-grossing-movies-adjusted-for-inflation/
- ↑ BFI'S Ultimate Film Chart เก็บถาวร 2012-02-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Retrieved: August 9 2009.
อ่านเพิ่มเติม[แก้]
- Bridges, Herb (1999). Gone with the Wind: The Three-Day Premiere in Atlanta. Mercer University Press. ISBN 978-0-86554-672-1.
- Cameron, Judy; Christman, Paul J (1989). The Art of Gone with the Wind: The Making of a Legend. Prentice Hall. ISBN 978-0-13-046740-9.
- Harmetz, Aljean (1996). On the Road to Tara: The Making of Gone with the Wind. New York: Harry N. Abrams. ISBN 978-0-8109-3684-3.
- Lambert, Gavin (1973). GWTW: The Making of Gone with the Wind. New York: Little, Brown and Company. ISBN 978-0-316-51284-8.
- Vertrees, Alan David (1997). Selznick's Vision: Gone with the Wind and Hollywood Filmmaking. University of Texas Press. ISBN 978-0-292-78729-2.