ข้ามไปเนื้อหา

มาร์โกส โรโฆ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มาร์โกส โรโฆ
โรโฆกับอาร์เจนตินาในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม เฟาส์ติโน มาร์โกส อัลเบร์โต โรโฆ
วันเกิด (1990-03-20) 20 มีนาคม ค.ศ. 1990 (34 ปี)[1]
สถานที่เกิด ลาปลาตา อาร์เจนตินา
ส่วนสูง 1.87 เมตร (6 ฟุต 2 นิ้ว)[1]
ตำแหน่ง กองหลัง
ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน
โบกายูนิออร์ส
หมายเลข 6
สโมสรเยาวชน
2000–2008 เอสตูดิเอนเตส
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
2008–2011 เอสตูดิเอนเตส 43 (3)
2011–2012 สปาร์ตัคมอสโก 8 (0)
2012–2014 สปอร์ติงลิสบอน 49 (5)
2014–2021 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 76 (1)
2020เอสตูดิเอนเตส (ยืมตัว) 1 (0)
2021– โบกายูนิออร์ส 45 (6)
ทีมชาติ
2011–2019 อาร์เจนตินา 61 (3)
เกียรติประวัติ
ฟุตบอลโลก
รองชนะเลิศ บราซิล 2014
โกปาอาเมริกา
รองชนะเลิศ ชิลี 2015
รองชนะเลิศ สหรัฐอเมริกา 2016
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2021
‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด
ณ วันที่ 9 ตุลาคม 2019

เฟาส์ติโน มาร์โกส อัลเบร์โต โรโฆ (สเปน: Faustino Marcos Alberto Rojo) เกิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1990 เป็นนักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา ปัจจุบันเล่นให้กับโบกายูนิออร์สในตำแหน่งกองหลัง

โรโฆเริ่มอาชีพนักฟุตบอลที่สโมสรท้องถิ่นเอสตูดิเอนเตสเดลาปลาตา และคว้าแชมป์โกปาลิเบร์ตาโดเรสในปี ค.ศ. 2009 หลังจากนั้นเขาย้ายไปที่สปาร์ตัคมอสโกและสปอร์ติงลิสบอน หลังจากทำผลงานได้ดีในฟุตบอลโลก 2014 กับทีมชาติอาร์เจนตินา สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก็ซื้อตัวเขาไปในราคา 16 ล้านปอนด์

ประวัติการค้าแข้ง

[แก้]

มาร์กอส โรโฆ เป็นกองหลังที่ดุดันตามแบบฉบับแข้งชาวอาร์เจนตินา โดยมีรูปแบบการเข้าสกัดที่รุนแรงซึ่งเป็นคุณสมบัติที่แฟนบอลชื่นชอบในถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ด นักเตะจากทวีปอเมริกาใต้ มีความชื่นชอบการปะทะทางร่างกายเหมือนกับที่มีให้รอยสัก โดยคำว่า "Pride" และ "Glory" ถูกสลักลงบนต้นขาของเขา เพื่อส่งคำเตือนไปยังกองหน้ารายใดก็ตาม

โรโฆโชว์ผลงานโดดเด่นที่สุดตลอดช่วงเวลาสามปีกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในฤดูกาล 2016/2017 ก่อนที่อาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าข้อเข่าฉีกขาดจะทำให้เขาต้องปิดเทอม ตำแหน่งปราการหลังตัวกลางเป็นจุดที่เปิดโอกาสให้ทุกคนตอนซีซั่นเริ่มต้นขึ้น และเขาก็คว้าเอาไว้ได้ โดยเป็นกำลังสำคัญในแผงแบ็คโฟร์ที่เหนียวแน่นที่สุดของลีก ทั้งความโหดเหี้ยมในจังหวะเข้าสกัดและความแข็งแกร่งในลูกกลางอากาศ โรโฆกลายเป็นกำลังสำคัญของทีมโดยพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีก คัพและยูโรปาลีกมาครอง

ฤดูกาลที่ประเดิมสนามกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดของเขาต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บ รวมทั้งอาการไหล่หลุดในศึกแมนเชสเตอร์ดาร์บี โรโฆลงเล่นไปแค่ 26 นัด จากทุกรายการ แต่ก็ยิงประตูได้ในการแข่งขันเอฟเอคัพ ที่เอาชนะเคมบริดจ์ยูไนเต็ด 3-0 ปราการหลังสารพัดประโยชน์ของยูไนเต็ด ปิดฉากฤดูกาล 2015/2016 ด้วยการรับใช้ทีมชาติในการแข่งขันโกปาอาเมริกาจัดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา แต่ต้องพบกับความผิดหวังในรอบชิงชนะเลิศเพราะทีมชาติอาร์เจนตินาพ่ายการดวลจุดโทษให้กับทีมชาติชิลี ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในรอบชิงดำ ปี 2015

อาการบาดเจ็บบริเวณหัวไหล่ที่เคยเกิดขึ้นไปแล้วและอาการบาดเจ็บในส่วนอื่นทำให้ฤดูกาลที่สองของโรโฆกับปีศาจแดงต้องหยุดชะงัก แต่เขาได้ลงสนามมากขึ้นเป็น 28 นัด และคว้าเหรียญรางวัลแรกจากชัยชนะในศึกเอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศเหนือคริสตัลพาเลซที่สนามเวมบลีย์

โรโฆได้รับความสนใจจากยูไนเต็ดตอนโชว์ฟอร์มโดดเด่นในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ซึ่งเขามีส่วนร่วมรับใช้ชาติ 6 จาก 7 นัด พลาดไปเพียงเกมเดียวในรอบก่อนรองชนะเลิศที่พบทีมชาติเบลเยียมเนื่องจากติดโทษแบน กองหลังรายนี้ยังสามารถยิงประตูแรกให้กับอาร์เจนตินาระหว่างการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มที่เอาชนะทีมชาติไนจีเรีย 3-2 โดยนักวิเคราะห์ของ Castrol Index ยังได้เลือกให้เขาติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ด้วยผลงานเฉลี่ย 9.5 เต็ม 10 คะแนนอีกด้วย

อาเลคันโดร ซาเบลา กุนซือฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา ณ เวลานั้น เคยร่วมงานกับโรโฆสมัยอยู่ด้วยกันที่เอสตูเดียนเตส โดยเถลิงแชมป์โกปาลิเบร์ตาโดเรสในปี 2009 และรับใช้ตอร์เนโออาเปร์ตูราหนึ่งปีหลังจากนั้น ถัดมาเขาได้ย้ายมาค้าแข้งที่ยุโรปกับสปาร์ตัคมอสโก แต่ก็ไม่สามารถปรับตัวกับการใช้ชีวิตในรัสเซียให้อดีตต้นสังกัดของเนมันยา วีดิช อย่างไรก็แล้วแต่ โอกาสในการติดทีมชาติอาร์เจนตินายังไม่หายไป และเขาก็ได้มีส่วนร่วมลงแข่งขันโกปาอาเมริกา ซึ่งก็ยังสามารถพิสูจน์คุณค่าในเวทีระดับสูงสุด

การย้ายไปค้าแข้งให้กับสปอร์ติงเกิดขึ้นในช่วงซัมเมอร์ ปี 2012 ด้วยค่าตัวประมาณ 3.5 ล้านปอนด์ และหลังจากที่ปรับตัวเข้ากับชีวิตในลีกโปรตุเกส เขาสามารถโชว์ผลงานที่โดดเด่นตลอดฤดูกาล 2013/14 ช่วยให้ทีมจบในตำแหน่งรองแชมป์ตามหลังไบฟีกา แม้ว่าจะลงประจำการในตำแหน่งแบ็กซ้ายให้กับอาร์เจนตินาเป็นส่วนใหญ่ แต่โรโฆมักถูกจับมายืนเป็นกองหลังตัวกลางในแนวรับของสปอร์ติงซึ่งถือว่าเหมาะสมกับแผงหลังสามคน ส่งผลประโยชน์ต่อมายังระบบการเล่น 3-5-2 ของลูวี ฟัน คาล ที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จึงได้ดึงเข้าร่วมทีม

โรโฆ ในภาษาสเปนแปลว่า "แดง" โรโฆกลายเป็นผู้เล่นชาวอาร์เจนตินาคนที่สี่ซึ่งย้ายมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ถัดจากควน เซบัสเตียน เบรอน อดีตเพื่อนร่วมทีมเอสตูเดียนเตส, กาเบรียล เอย์นเซ และการ์โลส เตเบซ

เกียรติประวัติ

[แก้]

เอสตูดิเอนเตส[2]

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

โบกายูนิออร์ส

อาร์เจนตินา

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 "2018 FIFA World Cup Russia – List of Players: Argentina" (PDF). FIFA. 4 June 2018. p. 1. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-08-12. สืบค้นเมื่อ 19 June 2018.
  2. "Player Profile". Man Utd official website. สืบค้นเมื่อ 11 December 2016.
  3. McNulty, Phil (21 May 2016). "Crystal Palace 1–2 Manchester United". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 24 April 2019.
  4. McNulty, Phil (26 February 2017). "Manchester United 3–2 Southampton". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 24 April 2019.
  5. Bevan, Chris (7 August 2016). "Leicester City 1–2 Manchester United". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 24 April 2019.
  6. McNulty, Phil (24 May 2017). "Ajax 0–2 Manchester United". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 11 August 2019.
    "FBL-EUR-C3-AJAX-MAN UTD". Getty Images. สืบค้นเมื่อ 11 August 2019.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]