ข้ามไปเนื้อหา

จรุงจิตต์ ทีขะระ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

จรุงจิตต์ ทีขะระ

เกิด2 มิถุนายน พ.ศ. 2488 (79 ปี)
อาชีพนางสนองพระโอษฐ์
ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
คู่สมรสพล.อ.อ.รังสรรค์ ทีขะระ
บุตรปิยวรา ทีขะระ เนตรน้อย, ชยพล บุญสวัสดิวงศ์
บิดามารดาจาด อุรัสยะนันทน์
ท่านผู้หญิงเจือทอง อุรัสยะนันทน์

ท่านผู้หญิง จรุงจิตต์ ทีขะระ เป็นนางสนองพระโอษฐ์ และ ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ​ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นเลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นกรรมการในคณะกรรมการอำนวยการจัดงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว[1]รองประธานกรรมการในคณะกรรมการฝ่ายดำเนินงานและประสานงาน โครงการจิตอาสาพระราชทาน ๙๐๔ วปร.[2]ประธานคณะกรรมการจัดการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ

ประวัติ

[แก้]

จรุงจิตต์ ทีขะระ มีสกุลเดิมว่า จรุงจิตต์ อุรัสยะนันทน์ เกิดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2488 เป็นบุตรีของนายจาด อุรัสยะนันทน์ และ ท่านผู้หญิงเจือทอง อุรัสยะนันทน์ บิดาของท่านผู้หญิงเคยดำรงตำแหน่งเป็นประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ และรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์สมรสกับ พลอากาศเอก รังสรรค์ ทีขะระ อดีตรองเสนาธิการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด มีบุตรีหนึ่งคนคือ นางปิยวรา ทีขะระ เนตรน้อย ปัจจุบันถวายงานในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นหัวหน้าคณะทำงานพิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง หอรัษฎากรพิพัฒน์ ในพระบรมมหาราชวัง

ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ได้เคยเป็นผู้ช่วยท่านผู้หญิงสุประภาดา เกษมสันต์ อดีตราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการเดินทางสำรวจผ้าไหมมัดหมี่ในภาคอีสานจนเกิดเป็นมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

[แก้]

ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งไทยและต่างประเทศ ดังนี้

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย

[แก้]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. เลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นกรรมการในคณะกรรมการอำนวยการจัดงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว
  2. รองประธานกรรมการในคณะกรรมการฝ่ายดำเนินงานและประสานงาน โครงการจิตอาสาพระราชทาน ๙๐๔ วปร.
  3. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย, เล่ม ๑๒๒ ตอนที่ ๒๑ ข หน้า ๘, ๓ ธันวาคม ๒๕๔๘
  4. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย, เล่ม ๑๑๘ ตอนที่ ๒๒ ข หน้า ๒๔, ๔ ธันวาคม ๒๕๔๔
  5. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๑๓ ตอนที่ ๗ ข หน้า ๗, ๔ พฤษภาคม ๒๕๓๙
  6. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา, เล่ม ๑๑๕ ตอนที่ ๒ ข หน้า ๗๔๙, ๑๘ มกราคม ๒๕๔๑
  7. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ และเหรียญลูกเสือสดุดี, เล่ม ๑๒๓ ตอนที่ ๑ ข หน้า ๒๗, ๕ มกราคม ๒๕๔๙
  8. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๙๔ ตอนที่ ๕๒ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๒๔๔๑, ๑๔ มิถุนายน ๒๕๒๐
  9. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศ เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์และเหรียญราชรุจิ, เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๓๒ ข หน้า ๒, ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๒
  10. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญราชรุจิ, เล่ม ๑๐๒ ตอนที่ ๒๑ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑๐, ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๘
  11. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๑๐๖ ตอนที่ ๒๐๖ ง หน้า ๘๘๒๒, ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๓๒
  12. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๑๒๐ ตอนที่ ๔ ข หน้า ๗, ๗ มีนาคม ๒๕๔๖
  13. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๑๒๑ ตอนที่ ๖ ข หน้า ๔, ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๗