การประกวดเพลงยูโรวิชันปี 2024
การประกวดเพลงยูโรวิชัน 2024 | |
---|---|
รวมใจกันด้วยเสียงดนตรี (United by Music) | |
วันและเวลา | |
รอบรองชนะเลิศรอบที่ 1 | 7 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 |
รอบรองชนะเลิศรอบที่ 2 | 9 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 |
รอบชิงชนะเลิศ | 11 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 |
เจ้าภาพ | |
สถานที่จัดงาน | มัลเมออะเรนา มัลเมอ สวีเดน |
พิธีกร | |
ผู้กำกับ |
|
ผู้บริหารระดับสูง | มาร์ติน เอิสเตอดาห์ล |
ผู้อำนวยการสร้าง |
|
สถานีโทรทัศน์เจ้าภาพ | สถานีโทรทัศน์แห่งชาติสวีเดน (เอสเวียเทีย) |
ประเทศที่เข้าร่วม | |
จำนวนประเทศที่เข้าร่วม | 37 |
จำนวนประเทศที่เข้ารอบชิงชนะเลิศ | 25[a] |
ประเทศที่กลับมาเข้าร่วมอีกครั้ง | |
ประเทศที่ถูกตัดสิทธิ | |
ประเทศที่ถอนตัว/ไม่กลับมาเข้าร่วม | |
การลงคะแนน | |
ระบบการลงคะแนน | แต่ละประเทศจะให้คะแนนหนึ่งครั้งในรอบรองชนะเลิศและสองครั้งในรอบชิงชนะเลิศ โดยจะให้ 12 10 และ 8–1 คะแนนต่อเพลงสิบเพลง ในทั้งสามรายการจะมีการนับคะแนนโหวตออนไลน์จากผู้ชมในประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมและนับรวมเป็นคะแนนชุดเดียวกัน |
เพลงชนะเลิศ | สวิตเซอร์แลนด์ เดอะโค้ด |
การประกวดเพลงยูโรวิชันปี 2024 (อังกฤษ: Eurovision Song Contest 2024, ฝรั่งเศส: Concours Eurovision de la chanson 2024) เป็นการประกวดเพลงซึ่งจัดขึ้นที่เมืองมัลเมอ ประเทศสวีเดน ดำเนินการโดยสหภาพการแพร่สัญญาณวิทยุและโทรทัศน์แห่งยุโรป และมีสถานีโทรทัศน์แห่งชาติสวีเดนเป็นเจ้าภาพ โดยมีประเทศที่เข้าร่วมทั้งหมด 37 ประเทศ แข่งขันรอบคัดเลือกในวันที่ 7 และ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 และรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 โดยเป็นการจัดประกวดครั้งที่เจ็ดของสวีเดน และเป็นการจัดประกวดครั้งที่สามในเมืองมัลเมอต่อจากการประกวดในปี 1992 และ 2013[1][2]
การตัดสินผู้ชนะในปีนี้ ใช้คะแนนโหวตจากผู้ชมทั้งหมดในรอบคัดเลือก และคะแนนโหวตจากคณะกรรมการกับจากผู้ชมในรอบชิงชนะเลิศ อีกทั้งผู้ชมจากประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมประกวดสามารถโหวตได้ทางออนไลน์ในทุกรอบ โดยคะแนนจะรวมเข้าในกลุ่ม "ส่วนอื่นของโลก" เช่นเดียวกับการประกวดในปีก่อนหน้า[3] แต่มีข้อแตกต่างคือ ผู้ชมจาก "ส่วนอื่นของโลก" จะสามารถโหวตได้ตั้งแต่ 24 ชั่วโมงก่อนการแข่งขันจนถึง 25 นาที หลังการแสดงของผู้เข้าประกวดประเทศสุดท้ายเสร็จสิ้น และในรอบชิงชนะเลิศ ประเทศที่เข้าร่วมประกวดจะสามารถโหวตได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มการแสดงของประเทศแรก ซึ่งต่างจากปีก่อนหน้าที่จะโหวตได้ก็ต่อเมื่อการแสดงของผู้เข้าประกวดประเทศสุดท้ายเสร็จสิ้น แต่ระยะเวลาการโหวตอย่างหลังนี้ยังใช้ในรอบคัดเลือกเช่นเดิม[4] นอกจากนี้ แม้ประเทศเจ้าภาพและบิ๊กไฟว์ (สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, สเปน และ อิตาลี) จะได้เข้ารอบชิงชนะเลิศโดยอัตโนมัติก็ตาม แต่ก็ต้องทำการแสดงสดในรอบคัดเลือกด้วย[4]
การรักษาความปลอดภัยในการประกวดครั้งนี้เป็นไปอย่างเข้มงวด อันเนื่องมาจากผลกระทบของสงครามอิสราเอล–ฮะมาส ซึ่งอิสราเอลก็เข้าร่วมประกวดครั้งนี้[5] มีการชุมนุมทั้งเพื่อสนับสนุนและประท้วงการเข้าร่วมของอิสราเอล[6][7][8] อนึ่ง ในเดือนสิงหาคมปีก่อนหน้า ทางการสวีเดนได้ยกระดับการรักษาความปลอดภัยจากระดับ 3 เป็นระดับ 4 จากทั้งหมด 5 ระดับ เพื่อตอบสนองเหตุการณ์สงครามอิสราเอล–ฮะมาส และเหตุเผาคัมภีร์อัลกุรอานในประเทศ[9] และเทศบาลเมืองมัลเมอได้เตรียมพื้นที่โรงเรียนและศูนย์กีฬาไว้สำหรับรองรับเหตุฉุกเฉินด้วย[10][11]
ผู้ชนะในการประกวดครั้งนี้คือ เนโม เมทแทลร์ จากสวิตเซอร์แลนด์ โดยเป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรกของประเทศในรอบ 36 ปี นับตั้งแต่เซลีน ดิออน ในปี 1988 โดยก่อนการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ โยสต์ ไคลน์ ตัวแทนจากเนเธอร์แลนด์ถูกตัดสิทธิ์จากการประกวด อีบียูประกาศว่าการตัดสิทธิ์นี้เนื่องจากพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อช่างภาพหญิงซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานโปรดักชันของประเทศเจ้าภาพ ทั้งนี้ ผู้เสียหายได้มีการแจ้งความกับตำรวจสวีเดนแล้ว และอยู่ระหว่างการสอบสวน[12] แต่สถานีโทรทัศน์สาธารณะของเนเธอร์แลนด์ผู้ส่งตัวแทนเข้าประกวด ซึ่งได้หารือกับทางอีบียูก่อนการตัดสิทธิ์นั้น[13] แถลงในภายหลังว่าการลงโทษดังกล่าว "ไม่เหมาะสม" และ "เป็นเรื่องน่าตกใจ"[14] ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ยูโรวิชันที่ผู้เข้าประกวดซึ่งผ่านรอบคัดเลือก ถูกตัดสิทธิ์ก่อนการประกวดรอบชิงชนะเลิศ[15]
อนึ่ง เจ้าหญิงวิกตอเรีย มกุฎราชกุมารีแห่งสวีเดน เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการประกวดรอบชิงชนะเลิศด้วยพระองค์เอง อีกทั้งทรงกล่าวต้อนรับผู้เข้าประกวดและผู้ชมทั่วโลกผ่านวิดีโอที่บันทึกไว้ล่วงหน้าในช่วงแรกของการถ่ายทอดสดดังกล่าวด้วย[16]
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ เดิมมี 26 ประเทศที่เข้ารอบ แต่ตัวแทนจากเนเธอร์แลนด์ถูกตัดสิทธิก่อนการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ อย่างไรก็ตามเนเธอร์แลนด์ยังคงมีสิทธิในการให้คะแนนตามเดิม
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Malmö to host Eurovision Song Contest 2013!". eurovision.tv. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 March 2014. สืบค้นเมื่อ 8 July 2012.
- ↑ Månsson, Annie; Ek, Torbjörn (7 July 2023). "Malmö får Eurovision 2024" [Malmö gets Eurovision 2024]. Aftonbladet (ภาษาสวีเดน). สืบค้นเมื่อ 7 July 2023.
- ↑ "Ingen endring av jurysystemet i Eurovision-finalen" [No change to the jury system in the Eurovision final]. Dagsavisen (ภาษานอร์เวย์บุคมอล). 4 March 2024. สืบค้นเมื่อ 5 March 2024.
- ↑ 4.0 4.1 "Major changes for Malmö: Big Five & Sweden perform LIVE in Semi-Finals and you can vote for longer". Eurovision.tv. EBU. 11 March 2024. สืบค้นเมื่อ 11 March 2024.
- ↑ Andersson, Rafaell (6 November 2023). "Eurovision 2024: The Safety Of The Contest Under Discussion". Eurovoix (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 23 December 2023.
- ↑ Razak Tuma, Firas (15 April 2024). "Stora protester mot Israels deltagande i Eurovision väntas i Malmö" [Large protests against Israel's participation in Eurovision are expected in Malmö]. SVT Nyheter (ภาษาสวีเดน). SVT. สืบค้นเมื่อ 15 April 2024.
- ↑ Fritze, Gunilla (3 May 2024). "Stora demonstrationståg under Eurovision – 40 000 kan ge sig ut på Malmös gator" [Large demonstration train during Eurovision – 40,000 could take to the streets of Malmö]. SVT Nyheter (ภาษาสวีเดน). SVT. สืบค้นเมื่อ 6 May 2024.
- ↑ "Han leder manifestation för Israels deltagande i ESC" [He leads a demonstration for Israel's participation in ESC]. SVT Nyheter (ภาษาสวีเดน). SVT. 22 March 2024. สืบค้นเมื่อ 31 March 2024.
- ↑ Vickhoff, Alexander; Hansson, Anders (21 March 2024). "Trots höjd terrorhotnivå och protester – ingen riktad hotbild mot Eurovision" [Despite the high terror threat level and protests, no directed threat against Eurovision appears]. Dagens Nyheter (ภาษาสวีเดน). สืบค้นเมื่อ 26 March 2024.
- ↑ Fritze, Gunilla (4 May 2024). "Malmö aktiverar sitt krisstöd under Eurovision" [Malmö activates its crisis support during Eurovision]. SVT Nyheter (ภาษาสวีเดน). SVT. สืบค้นเมื่อ 6 May 2024.
- ↑ Andersson, Rafaell (6 May 2024). "Eurovision 2024: The City of Malmö Discusses Support Plan". Eurovoix. สืบค้นเมื่อ 6 May 2024.
- ↑ "Joost Klein: Dutch contestant disqualified from Eurovision Song Contest". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2024-05-11. สืบค้นเมื่อ 2024-05-11.
- ↑ Granger, Anthony (2024-05-11). "Netherlands: NPO, AVROTROS & EBU Meeting This Morning Regarding Joost Klein Incident". Eurovoix. สืบค้นเมื่อ 2024-05-11.
- ↑ "AVROTROS: Joost Klein was boos omdat hij gefilmd werd • Zanger maakte dreigende beweging". nos.nl (ภาษาดัตช์). 2024-05-11. สืบค้นเมื่อ 2024-05-11.
- ↑ "Dutch contestant disqualified from Eurovision just hours before final over 'backstage incident'". 9News. 2024-05-12. สืบค้นเมื่อ 2024-05-11.
- ↑ "Crown Princess Victoria of Sweden follows in Kate Middleton's footsteps with surprise 2024 Eurovision appearance". HELLO! (ภาษาอังกฤษ). 2024-05-11.