กฎหมายอวกาศ

กฎหมายอวกาศ (อังกฤษ: space law) เป็นของเขตของกฎหมายซึ่งครอบคลุมกฎหมายประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมในอวกาศ ทนายความระหว่างประเทศยังไม่สามารถตกลงเพื่อกำหนดคำจำกัดความของ "อวกาศ" ได้ ถึงแม้ว่าทนายความส่วนใหญ่จะเห็นด้วยว่าอวกาศโดยทั่วไปเริ่มต้นจากความสูงที่ต่ำที่สุดที่วัตถุสามารถโคจรรอบโลกได้ คือ ประมาณ 100 กิโลเมตรจากระดับน้ำทะเล
การก่อตั้งขอบเขตของกฎหมายอวกาศเริ่มขึ้นเมื่อมีการส่งดาวเทียมดวงแรกของโลก สปุตนิก โดยสหภาพโซเวียตในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1957 ดาวเทียมที่ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศนั้นเป็นส่วนหนึ่งของปีธรณีฟิสิกส์สากล นับตั้งแต่นั้น กฎหมายอวกาศได้มีการพัฒนาและมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อมนุษยชาติมีการใช้และพึ่งพาทรัพยากรในอวกาศเพิ่มมากขึ้น
ประวัติ[แก้]
เริ่มต้นแต่ ค.ศ. 1957 ชาติต่าง ๆ ได้เริ่มปรึกษากันถึงระบบที่จะรับประกันการใช้อวกาศอย่างสันติ[1][2] การเจรจาสองฝ่ายระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1958 ส่งผลให้มีการนำเสนอประเด็นดังกล่าวต่อสหประชาชาติเพื่อทำการโต้วาที[1][3][4] ในปี ค.ศ. 1959 สหประชาชาติได้ก่อตั้งคณะกรรมการว่าด้วยการใช้อวกาศในทางสันติ (COPUOS)[5] ซึ่งสามารถแบ่งย่อยออกได้เป็นสองคณะกรรมการย่อย คือ คณะกรรมการย่อยด้านวิทยาศาสตร์และเทคนิค กับด้านกฎหมาย ซึ่งคณะกรรมการย่อยด้านกฎหมายของ COPUOS นี้เองที่เป็นที่พูดคุยหลักสำหรับการอภิปรายและการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ
สนธิสัญญาระหว่างประเทศ[แก้]
ปัจจุบัน มีสนธิสัญญาระหว่างประเทศ 5 ฉบับ โดย COPUOS
- สนธิสัญญาว่าด้วยหลักการเกี่ยวกับกิจกรรมของรัฐในการสำรวจและใช้ประโยชน์จากอวกาศ รวมทั้งดวงจันทร์และเทห์ฟากฟ้าอื่น ในปี ค.ศ. 1967
- ข้อตกลงว่าด้วยการช่วยเหลือนักบินอวกาศ การส่งกลับนักบินอวกาศและวัตถุอวกาศที่ถูกส่งเข้าสู่อวกาศ ในปี ค.ศ. 1968
- อนุสัญญาความรับผิดระหว่างประเทศต่อความเสียหายเนื่องจากวัตถุอวกาศ ในปี ค.ศ. 1972
- อนุสัญญาจดทะเบียนวัตถุที่ส่งเข้าสู่อวกาศ ในปี ค.ศ. 1975
- ความตกลงว่าด้วยกิจกรรมของรัฐบนดวงจันทร์และเทห์ฟากฟ้าอื่น ในปี ค.ศ. 1979
สนธิสัญญาอวกาศเป็นสนธิสัญญาที่ได้รับการบังคับใช้อย่างกว้างขวางที่สุด โดยมีสมาชิกถึง 98 ประเทศ ข้อตกลงช่วยเหลือ อนุสัญญาความรับผิด และอนุสัญญาจดทะเบียน เป็นการอธิบายเพิ่มเติมจากข้อกฎหมายของสนธิสัญญาอวกาศ ผู้แทนสหประชาชาติมีเจตนาอย่างชัดเจนให้สนธิสัญญาจันทราถูกใช้เป็นสนธิสัญญญาที่ครอบคลุมฉบับใหม่ซึ่งสามารถเข้าแทนที่หรือเสริมสนธิสัญญาอวกาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โดยการอธิบายเพิ่มเติมจากข้อกฎหมายของสนธิสัญญาอวกาศว่าด้วยการจัดสรรทรัพยากรและการห้ามอ้างสิทธิ์ของรัฐเหนืออวกาศ สนธิสัญญาจันทรามีสมาชิกเพียง 12 ประเทศ และหลายฝ่ายเห็นว่าเป็นสนธิสัญญาที่ล้มเหลวเนื่องจากได้รับการยอมรับในวงจำกัด อินเดียเป็นเพียงประเทศเดียวที่ทั้งลงนามในสนธิสัญญาจันทราและประกาศว่าตนมีความสนใจที่จะไปดวงจันทร์ อินเดียยังมิได้ให้สัตยาบันในสนธิสัญญาดังกล่าว กฎหมายการวิเคราะห์สนธิสัญญาของอินเดียยังต้องการเข้าใจถึงผลกระทบต่ออินเดียทางกฎหมาย
นอกเหนือจากนี้ สนธิสัญญาห้ามการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ในชั้นบรรยากาศ ในอวกาศ และใต้น้ำ ("สนธิสัญญาห้ามการทดลองนิวเคลียร์บางส่วน") ค.ศ. 1963 ยังห้ามการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ในอวกาศด้วยเช่นกัน
อ้างอิง[แก้]
- ↑ 1.0 1.1 inesap.org เก็บถาวร 2008-03-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Peaceful Uses of Outer Space and International Law.
- ↑ UN website[ลิงก์เสีย] UN Resolution 1148 (XII).
- ↑ Google books Nuclear Weapons and Contemporary International Law N.Singh, E. WcWhinney (p.289)
- ↑ UN website[ลิงก์เสีย] UN Resolution 1348 (XIII).
- ↑ "United Nations Committee on the Peaceful Uses of Outer Space". United Nations Office for Outer Space Affairs.