กรมอู่ทหารเรือ
กรมอู่ทหารเรือ มีทีตั้งอยู่ที่ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เป็นหน่วยงานหนึ่งในสังกัดกองทัพเรือ เดิมชื่อ "อู่เรือหลวง" มีหน้าที่ซ่อมสร้างเรือมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนั้นได้เริ่มมีเรือกลไฟใช้แล้ว ต่อมามีเรือมากขึ้นและเรือมีขนาดใหญ่ขึ้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดฯ ให้สร้างอู่ไม้ขนาดใหญ่ เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีเปิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2433 ซึ่งถือเป็นวันสถาปนากรมอู่ทหารเรือ นับได้ว่าเป็นหน่วยงานทางช่างลำดับต้น ๆ ของประเทศ กรมอู่ทหารเรือซึ่งเดิมตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามพระบรมมหาราชวัง เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันได้ย้ายที่ตั้งกองบังคับการ กรมอู่ทหารเรือ ไปอยู่ในพื้นที่อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมีเจ้ากรมอู่ทหารเรือคนปัจจุบันคือ พลเรือโท อภิรมย์ เงินบำรุง[1] และ รองเจ้ากรมคนปัจจุบันได้แก่ พลเรือตรี สันติ มนต์วิเศษ และ พลเรือตรี อานนท์ พงษ์ทองเจริญ[2]
ส่วนราชการ
[แก้]กรมอู่ทหารเรือ ประกอบด้วยหน่วยย่อยดังนี้
- กองบังคับการ
- กรมแผนการช่าง
- กรมพัฒนาการช่าง
- อู่ทหารเรือธนบุรี
- อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า
- อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช
- ศูนย์พัสดุช่าง
เรือรบที่กรมอู่ทหารเรือสร้าง
[แก้]เรือรบที่ต่อโดยกรมอู่ทหารเรือ มีเช่น
- เรือในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) มี
- เรือตรวจการประมง ชุด ร.ล. สารสินธุ, เทียวอุทก และ ตระเวณวารี ระวางขับน้ำ 50 ตัน
- เรือยามฝั่ง 9 -12 ระวางขับน้ำเต็มที่ 11.25 ตัน
- เรือบรรทุกน้ำมัน ร.ล. ปรง ระวางขับน้ำ 150 ตัน
- เรือในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) มี
- เรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำ ชุด ร.ล. คำรณสินธุ (ลำที่สอง) ระวางขับน้ำ 450 ตัน ต่อในประเทศทั้งสิ้นคือ ร.ล. คำรณสินธุ (ลำที่สอง) และ ร.ล. ทยานชล (ลำที่สอง) ต่อที่อู่อิตัลไทยมารีน ร.ล. ล่องลม (ลำที่สอง) ต่อที่กรมอู่ทหารเรือ
- เรือตรวจการณ์ (ปืน) ชุด ร.ล. หัวหิน ระวางขับน้ำ 530 ตัน ต่อในประเทศ คือ ร.ล. หัวหิน และ ร.ล. แกลง ต่อที่อู่เอเชียนมารีน เซอร์วิส จำกัด มหาชน ร.ล. ศรีราชา ต่อที่กรมอู่ทหารเรือ
- เรือตอปิโดเล็ก ชุด ร.ล. สัตหีบ (ลำที่หนึ่ง) ระวางขับน้ำ 110 ตัน ต่อโดยกรมอู่ทหารเรือ เรือชั้นมีเพียงลำเดียว คือ ร.ล. สัตหีบ (ลำที่หนึ่ง)
- เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ชุด เรือ ต. 91 ระวางขับน้ำ 115 ตัน ต่อโดยกรมอู่ทหารเรือ มี เรือ ต.91, 92, 93, 94, 95, 96, 97, 98, 99
- เรือกวาดทุ่นระเบิดน้ำตื้น ชุด เรือ ท.1 (ลำที่สอง) ระวางขับน้ำ 29.56 ตัน ต่อโดยกรมอู่ทหารเรือ มี เรือ ท.1 (ลำที่สอง) - เรือ ท.5 (ลำที่สอง)
- เรือน้ำมัน ชุด ร.ล. เปริด ระวางขับน้ำ 360 ตัน ต่อโดยกรมอู่ทหารเรือ มี ร.ล. เปริด, ร.ล. เสม็ด (ลำที่สอง)
- เรือน้ำ (ใช้บรรทุกน้ำจืด) ชุด ร.ล. จวง ระวางขับน้ำ 180 ตัน เต็มที่ 360 ตัน ต่อโดยกรมอู่ทหารเรือ มี ร.ล. จวง, ร.ล. จิก
- เรือลากจูง (เรือ TUG) ชุด ร.ล. แสมสาร (ลำที่สอง) ระวางขับน้ำ 328 ตัน ต่อโดยกรมอู่ทหารเรือ มี ร.ล. แสมสาร, ร.ล. แรด
- เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง (ชุดเรือ ตกฝ.991, 994) เรือ ต.991 และ ต.994
- เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง (เรือ ตกก.) ร.ล.กระบี่
- เรือตรวจการณ์ปืน (เรือ ตกป.) ร.ล.แหลมสิงห์[3]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 141 ตอนพิเศษ 262 ง 21 กันยายน พ.ศ. 2567
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 141 ตอนพิเศษ 262 ง 21 กันยายน พ.ศ. 2567
- ↑ เว็บบอร์ดกองบิน 21[ลิงก์เสีย] ข้อมูลกำลังรบทางเรือประเทศอินเดีย ฟิลิปปินส์ และพม่าคะ (ข้อมูลปี 2547) โดย OA
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]https://www.facebook.com/DockyardRtnd
- เว็บไซต์ทางการ
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ กรมอู่ทหารเรือ
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์