ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเมือง"
Miwako Sato (คุย | ส่วนร่วม) ย้อนการก่อกวน 1 ครั้งของ Kingdom SomsongPhoophomMaharaj (พูดคุย) ไปยังรุ่นโดย 202.29.234.7 ด้วยสจห. ป้ายระบุ: ทำกลับ |
PhakkaponP (คุย | ส่วนร่วม) แก้ ลบหรือเก็บส่วนที่ไม่เป็นสารานุกรมและขาดอ้างอิงตาม WP:REF / เพิ่มส่วนนำตาม enwiki / ปรับ ref style จาก APA เป็น wiki |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{แถบด้านข้างการเมือง}} |
|||
{{มุมมองสากล}} |
|||
'''การเมือง''' ({{etymology|grc|{{wiktgrc|πολιτικά}} ({{grc-transl|πολιτικά}})|งานที่เกี่ยวกับรัฐหรือแผ่นดิน}}) คือชุดของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ[[การวินิจฉัยสั่งการ|การตัดสินตกลงใจ]]ใน[[กลุ่มสังคม]]หรือ[[อำนาจ|ความสัมพันธ์ทางอำนาจ]]ในหมู่กลุ่มปัจเจก เช่น การจัดสรร[[ทรัพยากร]]หรือ[[สถานะทางสังคม|สถานะ]] แขนงวิชาใน[[สังคมศาสตร์]]ที่ศึกษาการเมืองและรัฐบาลจะหมายถึงวิชา[[รัฐศาสตร์]] |
|||
'''การเมือง''' ({{lang-en|politics}}) คือ กระบวนการและวิธีการ ที่จะนำไปสู่การตัดสินใจของกลุ่มคน คำนี้มักจะถูกนำไปประยุกต์ใช้กับ[[รัฐบาล]] แต่กิจกรรมทางการเมืองสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไปในทุกกลุ่มคนที่มีปฏิสัมพันธ์กัน ซึ่งรวมไปถึงใน [[บรรษัท]], แวดวงวิชาการ และในวงการ[[ศาสนา]] |
|||
การเมืองอาจถูกใช้ในทางบวกในบริบทของ "ทางออกทางการเมือง" ซึ่งหมายถึงการประนีประนอมและโดยสันติวิธี<ref>{{harvnb|Leftwich|2015|p=68}}.</ref> หรือในฐานะ "ศิลปะหรือวิทยาศาสตร์ของการปกครอง" แต่บางครั้งมักมีความหมายเชิงลบแฝงอยู่ด้วย<ref name="HagueHarrop2013">{{harvnb|Hague|Harrop|2013|p=1}}.</ref> มีการจำกัดความมโนทัศน์อยู่หลากหลายแบบ และแนวทางการศึกษาที่ไม่เหมือนกันทำให้เกิดมุมมองที่แตกต่างกันบนพื้นฐานว่าการเมืองควรที่จะนำมาใช้อย่างกว้างขวางหรือถูกจำกัดไว้ ควรจะเป็นการศึกษารัฐศาสตร์เชิงประจักษ์หรือเชิงปทัสถาน และในการศึกษารัฐศาสตร์อะไรมีความสำคัญมากกว่ากันระหว่างความขัดแย้งหรือความร่วมมือ |
|||
'''ฮาโรลด์ ลาสเวลล์''' (Harold LasSwell) พหุปราชญ์อเมริกันคนหนึ่ง ได้นิยามการเมืองว่า เป็นการตัดสินว่า "ใครจะได้อะไร เมื่อใด และอย่างไร" |
|||
มีกระบวนวิธีหลากหลายที่ใช้ในการเมือง ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมมุมมองทางการเมืองของตนในหมู่ผู้คน, [[การเจรจา]]กับตัวแสดงทางการเมืองอื่น, การออก[[กฎหมาย]] และการใช้กำลังทั้งภายนอกและภายนอก รวมถึง[[การสงคราม]]กับคู่ปรปักษ์<ref name="Hammarlund1985">{{harvnb|Hammarlund|1985|p=8}}.</ref><ref name="Brady2017">{{harvnb|Brady|2017|p=47}}.</ref><ref name="HawkesworthKogan2013">{{harvnb|Hawkesworth|Kogan|2013|p=299}}.</ref><ref name="Taylor2012">{{harvnb|Taylor|2012|p=130}}.</ref><ref>{{harvnb|Blanton|Kegley|2016|p=199}}.</ref> การเมืองถูกนำมาใช้ในระดับทางสังคมที่กว้าง ตั้งแต่[[Clan|กลุ่มเครือญาติ]] (clan) และ[[เผ่าชน]] (tribe) ในสังคมแบบดั้งเดิม รวมถึง[[รัฐบาลท้องถิ่น]] บรรษัท และสถาบันสมัยใหม่ ไปจนถึง[[รัฐเอกราช]]และ[[การเมืองระหว่างประเทศ|ในระดับระหว่างประเทศ]] |
|||
วิชาแนะแนวคือ วิชาที่ศึกษาพฤติกรรมทางการเมือง และวิเคราะห์การได้มาซึ่งอำนาจและการนำอำนาจไปใช้ ซึ่งหมายถึง ความสามารถที่จะบังคับให้ผู้อื่นกระทำตามสิ่งที่ตนตั้งใจ |
|||
ใน[[รัฐชาติ]]สมัยใหม่ ผู้คนมักก่อร่าง[[พรรคการเมือง]]เพื่อแสดงอุดมการณ์ของตน สมาชิกพรรคมักเห็นพ้องให้มีจุดยืนเดียวกันในประเด็นปัญหาต่าง ๆ และยินยอมที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและผู้นำในทิศทางเดียวกัน [[การเลือกตั้ง]]มักเป็นการแข่งขันระหว่างพรรคการเมือง |
|||
== แนวความคิดเบื้องต้นเกี่ยวกับการเมือง == |
|||
[[ระบบการเมือง]]เป็นกรอบซึ่งจำกัดวิธีทางการเมือง (political method) ที่ยอมรับได้ในสังคม [[ประวัติศาสตร์ปรัชญาทางการเมือง]]สามารถย้อนรอยได้จนถึงสมัยโบราณช่วงแรกเริ่ม ด้วยผลงานอันเป็นต้นแบบในการศึกษารัฐศาสตร์ในปัจจุบัน เช่น''[[อุตมรัฐ]]'' ของ[[เพลโต]], ''[[โพลิติกส์]]'' ของ[[อาริสโตเติล]], งานต้นฉบับตัวเขียนทางรัฐศาสตร์ของ[[ขงจื๊อ]]และ''[[อรรถศาสตร์ (ศาสตรนิพนธ์)|อรรถศาสตร์]]'' ของ[[จาณักยะ]]<ref>{{harvnb|Kabashima|White III|1986}}</ref> |
|||
เราอาจเคยสงสัยและตั้งคำถามว่า เหตุใดมนุษย์จึงต้องปกครองกัน ทำไมไม่ปล่อยให้มนุษย์อยู่กันเอง กระทั่งอาจเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า การเมืองกับการปกครองเป็นเรื่องใกล้ตัว ซึ่งหลายคนจำเพาะในกลุ่มผู้ที่ขาดความสนใจต่อความเป็นมาในกิจการทางการเมืองอาจฟังดูไม่กระจ่างนัก ว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวประการใด. |
|||
== ที่มาของคำ == |
|||
คำตอบต่อความสงสัยข้อแรกนั้นโยงใยไปถึงข้อความต่อมากล่าวคือ มนุษย์นั้นโดยธรรมชาติเป็นสัตว์สังคม ที่ต้องอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นหมู่คณะ เมื่อมนุษย์มาอยู่ร่วมกัน หากมิได้กำหนดกติกาอะไรสักอย่างขึ้นมากำกับการอยู่ร่วมกันของมนุษย์แล้วนั้น มนุษย์ด้วยกันเองยังเชื่อว่าน่าจะก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายขึ้นในสังคมและการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ เนื่องจากโดยธรรมชาติของมนุษย์นั้น ป่าเถื่อน ขลาดกลัวและไม่เป็นระเบียบดังที่ [[โธมัส ฮอบส์]] (Thomas Hobbes) นักปรัชญาการเมืองโบราณ ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1588-1679 ได้เคยกล่าวไว้ในผลงานปรัชญาการเมืองเลื่องชื่อเรื่อง “Leviathan” ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1651 ว่า เมื่อมนุษย์จำเป็นต้องอาศัยอยู่ร่วมกันในสังคมภายใต้กติกาแล้ว ก็จำเป็นจะต้องกำหนดตัวผู้นำมาทำหน้าที่ควบคุมดูแลให้สังคมหรือการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ดำเนินไปได้ด้วยความเรียบร้อย เช่นที่กล่าวมาเราคงพอจะทราบบ้างแล้วว่าเหตุใดจึงเกิดมีระบบการปกครองขึ้น |
|||
คำว่าการเมืองในภาษาอังกฤษ ''politics'' มีรากศัพท์มาจากผลงานคลาสสิกของ[[อาริสโตเติล]] "[[โพลิติกส์]]" ซึ่งเกิดเป็นศัพท์ใหม่ใน[[ภาษากรีก]] "{{Transliteration|grc|''politiká''}}" ({{lang-grc|Πολιτικά|label=none|italic=yes|lit=งานที่เกี่ยวกับรัฐหรือแผ่นดิน}}) ต่อมาในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 15 งานเขียนของอาริสโตเติลที่นำมาตีพิมพ์ใหม่จะใช้[[ภาษาอังกฤษสมัยใหม่ตอนต้น]]ว่า "Polettiques"<ref>Buhler, C. F., ed. 1961 [1941]. ''[[Dictes and Sayings of the Philosophers|The Dictes and Sayings of the Philosophers]].'' London: [[Early English Text Society]], [https://books.google.com/books?id=M7G0AAAAIAAJ ''Original Series'' No. 211] {{Webarchive|url=https://web.archive.org/web/20160905030633/https://books.google.com/books?id=M7G0AAAAIAAJ&q= |date=5 September 2016 }}.</ref> ซึ่งต่อมากลายเป็นคำว่า ''Politics'' ใน[[ภาษาอังกฤษสมัยใหม่]] |
|||
=== นิยาม === |
|||
และโดยนัยที่มนุษย์จำต้องปกครองกันนั้น หากเกิดปัญหาขึ้นในระหว่างมนุษย์ด้วยกัน หรือการจะทำให้สังคมมีความเจริญก้าวหน้าขึ้นไป หลีกเลี่ยงมิได้เสียที่จะต้องเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจทางการเมือง อันมีความหมายและบริบทที่สะท้อนออกมาในเรื่องของการใช้อำนาจเพื่อการปกครองประชาชน การเมืองการปกครองซึ่งเป็นสภาพการณ์และผลที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ (Eulau 1963, 3) จึงเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับชีวิตของมนุษย์อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ซึ่งก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่ผู้ใดก็ตาม จำเป็นต้องให้ความสนใจกับเรื่องการเมืองการปกครองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เนื่องจากสิ่งใดที่ออกมาจากสถาบันทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติที่ทำหน้าที่ในการตรากฎหมายต่าง ๆ เพื่อบังคับใช้ มาจากรัฐบาลในรูปของนโยบายสาธารณะ (Public Policies) โครงการพัฒนา (Developmental Program) และงานต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นหรือดำเนินไปโดยภาคราชการ รวมไปถึงการตัดสินคดีความหรือข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคลต่อบุคคล และบุคคลกับรัฐ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นเรื่องที่การเมืองส่งผลกระทบต่อทุกคนอย่างที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ |
|||
* [[แฮโรลด์ ลาสเวลล์]]: "ใครได้อะไร เมื่อไหร่ และอย่างไร"<ref>{{harvnb|Lasswell|1963}}.</ref> |
|||
* [[เดวิด อิสตัน]]: "การจัดสรรคุณค่าให้แก่สังคมผ่าน[[อำนาจหน้าที่]]"<ref name="Easton 1981">{{harvnb|Easton|1981}}.</ref> |
|||
* [[วลาดีมีร์ เลนิน]]: "รูปแบบเศรษฐกิจที่รวมศูนย์ที่สุด"<ref>{{harvnb|Lenin|1965}}.</ref> |
|||
* [[อ็อทโท ฟ็อน บิสมาร์ค]]: "ขีดความสามารถในการเลือกอย่างทันทีภายใต้สภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเป็นภัยน้อยที่สุด และมีประโยชน์มากที่สุด"<ref>Reichstag speech by Bismarck, January 29, 1886, in: ''Bismarck, The Collected Works''. Friedrichsruher edition, vol. 13: Speeches. Edited by Wilhelm Schüßler, Berlin 1930, p. 177.</ref> |
|||
* [[เบอร์นาร์ด คริก]]: "รูปแบบกฎเด่นเฉพาะที่ซึ่งผู้คนกระทำร่วมกันผ่านขั้นตอนทางสถาบันเพื่อแก้ไขปัญหาความแตกต่าง"<ref>{{harvnb|Crick|1972}}.</ref> |
|||
* [[เอเดรียน เลฟต์วิช]]: "ประกอบด้วยกิจกรรมความร่วมมือ การเจรจา และความขัดแย้งทั้งปวงทั้งภายในและระหว่างสังคมด้วยกัน"<ref>{{harvnb|Leftwich|2004}}.</ref> |
|||
== แนวคิด == |
|||
{{ต้องการอ้างอิงส่วน}} |
|||
มนุษย์นั้นโดยธรรมชาติเป็นสัตว์สังคม ที่ต้องอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นหมู่คณะ เมื่อมนุษย์มาอยู่ร่วมกัน หากมิได้กำหนดกติกาอะไรสักอย่างขึ้นมากำกับการอยู่ร่วมกันของมนุษย์แล้วนั้น มนุษย์ด้วยกันเองยังเชื่อว่าน่าจะก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายขึ้นในสังคมและการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ เนื่องจากโดยธรรมชาติของมนุษย์นั้น ป่าเถื่อน ขลาดกลัวและไม่เป็นระเบียบดังที่ โธมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes) นักปรัชญาการเมืองโบราณ ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1588-1679 ได้เคยกล่าวไว้ในผลงานปรัชญาการเมืองเลื่องชื่อเรื่อง “Leviathan” ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1651 ว่า เมื่อมนุษย์จำเป็นต้องอาศัยอยู่ร่วมกันในสังคมภายใต้กติกาแล้ว ก็จำเป็นจะต้องกำหนดตัวผู้นำมาทำหน้าที่ควบคุมดูแลให้สังคมหรือการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ดำเนินไปได้ด้วยความเรียบร้อย เช่นที่กล่าวมาเราคงพอจะทราบบ้างแล้วว่าเหตุใดจึงเกิดมีระบบการปกครองขึ้น |
|||
และโดยนัยที่มนุษย์จำต้องปกครองกันนั้น หากเกิดปัญหาขึ้นในระหว่างมนุษย์ด้วยกัน หรือการจะทำให้สังคมมีความเจริญก้าวหน้าขึ้นไป หลีกเลี่ยงมิได้เสียที่จะต้องเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจทางการเมือง อันมีความหมายและบริบทที่สะท้อนออกมาในเรื่องของการใช้อำนาจเพื่อการปกครองประชาชน การเมืองการปกครองซึ่งเป็นสภาพการณ์และผลที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์<ref>{{harvnb|Eulau|1963|p=3}}.</ref> จึงเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับชีวิตของมนุษย์อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ซึ่งก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่ผู้ใดก็ตาม จำเป็นต้องให้ความสนใจกับเรื่องการเมืองการปกครองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เนื่องจากสิ่งใดที่ออกมาจากสถาบันทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติที่ทำหน้าที่ในการตรากฎหมายต่าง ๆ เพื่อบังคับใช้ มาจากรัฐบาลในรูปของนโยบายสาธารณะ (Public Policies) โครงการพัฒนา (Developmental Program) และงานต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นหรือดำเนินไปโดยภาคราชการ รวมไปถึงการตัดสินคดีความหรือข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคลต่อบุคคล และบุคคลกับรัฐ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นเรื่องที่การเมืองส่งผลกระทบต่อทุกคนอย่างที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ |
|||
โดยบริบทดังกล่าวการศึกษาเรื่องการเมืองและการปกครองของประเทศ จึงเป็นสิ่งที่ถูกบรรจุอยู่ในแทบทุกสาขาวิชาในระดับอุดมศึกษาให้นักศึกษาได้ร่ำเรียน ทำความรู้ความเข้าใจในฐานะที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งในสังคม และเป็นเรื่องภาคราชการทั้งหลายต่างรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป ภายใต้ความมุ่งประสงค์ที่จะหยั่งรากประชาธิปไตยในสังคมไทย และหากได้มองย้อนไปถึงแนวคิดของนักปรัชญาการเมืองโบราณเช่น [[อริสโตเติล]] (Aristotle) ปรัชญาเมธีชาวกรีกโบราณ ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งวิชารัฐศาสตร์” ผู้กล่าวไว้ว่า มนุษย์ตามธรรมชาติเป็นสัตว์การเมืองต้องอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มหรือชุมชน อันแตกต่างไปจากสัตว์โลกอื่น ๆ ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ด้วยสัญชาตญาณเป็นหลัก หากแต่มนุษย์ นอกจากจะอยู่ด้วยสัญชาตญาณแล้ว ยังมีเป้าหมายอยู่ร่วมกันอีกด้วย ดังนั้นการอยู่ร่วมกันของมนุษย์จึงมิใช่มีชีวิตอยู่ไปเพียงวันๆหนึ่งเท่านั้น หากแต่เป็นการอยู่ร่วมกันเพื่อจะให้มีชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย เราก็จะมองเห็นภาพของการเมืองในแง่หนึ่งว่าการเมืองนั้นก็คือ การอยู่ร่วมกันของมนุษย์ในชุมชนหรือสังคมเพื่อให้มีความสงบสุข |
โดยบริบทดังกล่าวการศึกษาเรื่องการเมืองและการปกครองของประเทศ จึงเป็นสิ่งที่ถูกบรรจุอยู่ในแทบทุกสาขาวิชาในระดับอุดมศึกษาให้นักศึกษาได้ร่ำเรียน ทำความรู้ความเข้าใจในฐานะที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งในสังคม และเป็นเรื่องภาคราชการทั้งหลายต่างรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป ภายใต้ความมุ่งประสงค์ที่จะหยั่งรากประชาธิปไตยในสังคมไทย และหากได้มองย้อนไปถึงแนวคิดของนักปรัชญาการเมืองโบราณเช่น [[อริสโตเติล]] (Aristotle) ปรัชญาเมธีชาวกรีกโบราณ ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งวิชารัฐศาสตร์” ผู้กล่าวไว้ว่า มนุษย์ตามธรรมชาติเป็นสัตว์การเมืองต้องอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มหรือชุมชน อันแตกต่างไปจากสัตว์โลกอื่น ๆ ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ด้วยสัญชาตญาณเป็นหลัก หากแต่มนุษย์ นอกจากจะอยู่ด้วยสัญชาตญาณแล้ว ยังมีเป้าหมายอยู่ร่วมกันอีกด้วย ดังนั้นการอยู่ร่วมกันของมนุษย์จึงมิใช่มีชีวิตอยู่ไปเพียงวันๆหนึ่งเท่านั้น หากแต่เป็นการอยู่ร่วมกันเพื่อจะให้มีชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย เราก็จะมองเห็นภาพของการเมืองในแง่หนึ่งว่าการเมืองนั้นก็คือ การอยู่ร่วมกันของมนุษย์ในชุมชนหรือสังคมเพื่อให้มีความสงบสุข |
||
== ความหมายของการเมือง == |
|||
ในทางทฤษฎีรัฐศาสตร์ มุมมองที่ใช้พิจารณาการเมืองหรือพูดเป็นศัพท์ทางวิชาการก็คือแนวการศึกษาวิเคราะห์การเมือง (Approach to Political Analysis) ก็ย่อมแตกต่างกันออกไปบ้างตามแต่ใครจะเห็นว่าแนวการมองการเมืองนั้นเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงต่อการอธิบายความเป็นการเมืองได้มากที่สุด โดยคำว่า “การเมือง” นี้ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ได้ให้ความหมายไว้แตกต่างกันไปบ้างในรายละเอียด ตามแต่จะใช้ตัวแบบใดในการศึกษาวิเคราะห์ปรากฏการณ์ทางการเมือง และด้วยตัวแบบที่เป็นกรอบในการศึกษาวิเคราะห์นี้ จะยังผลให้กรอบการมองคำว่าการเมืองต่างกันไป ในขณะที่สาระสำคัญของคำจำกัดความเป็นไปในทำนองเดียวกันกล่าวคือเป็นเรื่องของการใช้อำนาจแบบสองทางระหว่างฝ่ายที่เป็นผู้ปกครอง (Rulers) และฝ่ายผู้ถูกปกครอง (Ruled) ดังจะได้ยกมากล่าวถึง ซึ่งสำหรับผู้ศึกษารัฐศาสตร์มือใหม่แล้ว การทำความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของคำว่าการเมืองนั้น จึงดูจะเป็นเรื่องที่สร้างความสับสนอยู่มิใช่น้อย เนื่องมาจากความหมายของการเมืองที่ปรากฏอยู่ในตำราเล่มต่าง ๆ ที่เขียนขึ้นเผยแพร่นั้นมีอยู่หลากหลายต่างกันไปตามความเจตนารมณ์และมุ่งประสงค์ในการนำความหมายของการเมืองเพื่อไปอธิบายปรากฏการณ์ของผู้ให้คำนิยามความหมายของการเมือง ดังได้กล่าวไปแล้ว |
|||
คำจำกัดความของการเมืองที่ชัดเจนและรัดกุมมากที่สุดโดยนัยที่ได้กล่าวไปนี้ พิจารณาได้จากทัศนะของชัยอนันต์ สมุทวณิช (2517, 61) ที่ว่า การเมืองเป็นเรื่องเกี่ยวกับรูปของรัฐและการจัดระเบียบความสัมพันธ์ภายในรัฐระหว่างผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง โดยเมื่อสังคมมนุษย์ยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีรัฐบาล คนเราจึงต้องแบ่งออกเป็นสองพวกใหญ่ ๆ คือ ผู้ที่ทำหน้าที่บังคับกับผู้ถูกบังคับเสมอ |
|||
ผู้เรียบเรียงได้รวบรวมและประมวลคำนิยามหรือความหมายของคำว่าการเมือง มานำเสนอโดยจำแนกได้เป็น 6 กลุ่ม ดังนี้ |
|||
'''กลุ่มแรก''' การเมืองเป็นเรื่องของอำนาจ โดยเป็นการต่อสู้กันเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและอิทธิพลในการบริหารกิจการบ้านเมือง โดยคำนิยามของการเมืองในเชิงอำนาจที่น่าสนใจอันหนึ่ง ที่ได้ให้คำอธิบายที่ชัดเจนมากได้แก่นิยามของ เพนนอคและสมิธ (Pennock and Smith 1964, 9) ที่กล่าวว่า การเมือง หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับอำนาจ สถาบันและองค์กรในสังคม ซึ่งได้รับการยอมรับว่ามีอำนาจเด็ดขาดครอบคลุมสังคมนั้น ในการสถาปนาและทำนุรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม มีอำนาจในการทำให้จุดประสงค์ร่วมกันของสมาชิกในสังคมได้บังเกิดผลขึ้นมา และมีอำนาจในการประนีประนอมความคิดเห็นที่แตกต่างกันของคนในสังคม |
|||
อีกหนึ่งคำนิยามการเมืองที่ถือได้ว่าครอบคลุมและช่วยให้เห็นภาพความเกี่ยวพันของการเมืองกับบุคคลในสังคมได้แก่ ณรงค์ สินสวัสดิ์ (2539, 3) ที่กล่าวว่า การเมืองเป็นการต่อสู้ช่วงชิง การรักษาไว้และการใช้อำนาจทางการเมือง โดยที่อำนาจทางการเมืองหมายถึง อำนาจในการที่จะวางนโยบายในการบริหารประเทศหรือสังคม อำนาจที่จะแต่งตั้งบุคคลเพื่อช่วยในการนำนโยบายไปปฏิบัติ และ อำนาจที่จะใช้ข้าราชการ งบประมาณหรือเครื่องมืออื่น ๆ ในการนำนโยบายไปปฏิบัติ แนวการมองการเมืองเป็นเรื่องของอำนาจ (Power Approach) ดังที่ได้ยกตัวอย่างไปนี้ เป็นแนวทางการศึกษาหนึ่งที่ได้รับความนิยมชมชอบในหมู่นักรัฐศาสตร์และนักสังคมศาสตร์ทั่วไป ที่เห็นว่าการเมืองเป็นเรื่องหรือมีบริบทเกี่ยวกับการใช้อำนาจเพื่อการปกครองประชาชน ก็มักให้คำนิยามของการเมืองว่าเป็นปฏิสัมพันธ์ในเชิงการใช้อำนาจของรัฐาธิปัตย์ ต่อผู้อยู่ใต้อำนาจซึ่งก็คือประชาชนนั่นเอง โดยคำนิยามเช่นนี้ สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ออกมาจากสถาบันทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติที่ทำหน้าที่ในการตรากฎหมายต่าง ๆ เพื่อบังคับใช้ มาจากรัฐบาลในรูปของนโยบายสาธารณะ (Public Policies) โครงการพัฒนา (development program) และงานต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นหรือดำเนินไปโดยภาคราชการ รวมไปถึงการตัดสินคดีความหรือข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคลต่อบุคคล และบุคคลกับรัฐ จึงล้วนแต่เป็นเรื่องที่การเมืองส่งผลกระทบต่อนักศึกษาและบุคคลทั่วไป โดยบริบทดังกล่าวการศึกษาเรื่องการเมืองและการปกครองของประเทศ จึงเป็นสิ่งที่ถูกบรรจุอยู่ในแทบทุกสาขาวิชาในระดับอุดมศึกษาให้นักศึกษาได้ร่ำเรียน ทำความรู้ความเข้าใจในฐานะที่อย่างน้อยก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งในสังคม และเป็นความรู้หนึ่งที่ประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยสมควรสั่งสมให้แก่พลเมืองของรัฐ เพื่อประโยชน์เป็นพื้นฐานของการมีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย |
|||
นักรัฐศาสตร์บางท่านมองว่า แท้จริงนั้น การเมืองเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องการต่อสู่แย่งชิงกันของกลุ่มผลประโยชน์ (Interest Group) ที่ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่าง ๆ ในอันที่จะแย่งชิงกันเข้าสู่อำนาจการบริหารประเทศ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ให้ผลผลิตจากระบบการเมือง (Political Outputs-ผลผลิตของระบบการเมือง เป็นคำศัพท์เทคนิคทางรัฐศาสตร์ตามทัศนะของอีสตัน (David Easton) นักรัฐศาสตร์อเมริกัน ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของแนวคิดทฤษฎีการเมืองเชิงระบบ (the Systems Theory) อันได้แก่ นโยบาย กฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ โครงการหรือแผนงานพัฒนาของภาครัฐและภาคราชการ ซึ่งผลในทางที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มของตนมากที่สุด เราเรียกการวิเคราะห์การเมืองแนวทางนี้ว่าเป็น การวิเคราะห์เชิงกลุ่มผลประโยชน์ ซึ่งดูไปก็เป็นส่วนสำคัญหนึ่งของแนวการมองการเมืองเชิงอำนาจที่จะกล่าวถึงต่อไป ความหมายของการเมืองในมุมมองนี้ จึงเป็นว่า การเมืองการเมืองคือการที่บุคคลใดหรือกลุ่มใดในสังคม ซึ่งอาจมีผลประโยชน์ร่วมกัน หรือขัดกันก็ตาม หรือมีความเห็นเหมือนกันหรือไม่เหมือนกันก็ตาม มาทำการต่อสู้เพื่อสรรหาบุคคลมาทำหน้าที่ในการปกครองและเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจที่จะให้เขาสามารถตัดสินใจในเรื่องของส่วนรวมได้โดยชอบธรรม ซึ่งจัดเป็นแนวที่นักรัฐศาสตร์เชิงพฤติกรรมการเมือง (Political Scientist) นิยมกัน |
|||
'''กลุ่มที่สอง''' มองว่า การเมืองเป็นเรื่องของการจัดสรรทรัพยากรของรัฐหรือสิ่งที่มีคุณค่าทางสังคม ดังเช่นมุมมองของอีสตัน (David Easton) ซึ่งได้อธิบายไว้ว่า การเมือง เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ในการจัดสรรแจกแจงสิ่งที่มีคุณค่าต่าง ๆ ให้กับสังคมอย่างชอบธรรม (The authoritative allocation of values to society) ความหมายของการเมืองดังที่ยกตัวอย่างมานี้ เป็นนิยามที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากสำนักพหุนิยม (Pluralism) อย่างไรก็ดี ชัยอนันต์ สมุทวณิช (2535, 4-5) อธิบายว่า เราจะใช้ความหมายการเมืองดังกล่าวนี้ได้ก็ต่อเมื่อ ในสังคมนั้น ๆ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้รับผลกระทบจากทั้งทางตรงและทางอ้อม มีความเห็นพ้องต้องกันและยอมรับในกติกาที่กำหนดการใช้อำนาจเพื่อแบ่งปันสิ่งที่มีคุณค่าเท่านั้น ส่วนในสังคมที่ยังไม่มีความเห็นพ้องต้องกันเกี่ยวกับกติกาการกำหนดสิ่งที่มีคุณค่าในสังคม ชัยอนันต์ อธิบายว่า การเมืองยังคงเป็นเรื่องของการแข่งขันกันเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการแบ่งปันคุณค่าที่ให้ประโยชน์แก่ฝ่ายตนมากที่สุด เท่าที่จะเป็นได้ หรือ “The competition for the authority to determine the authoritative allocation of values to society” โดยนัยเช่นนี้ การเมืองจึงมีสองระดับ ระดับแรก การเมืองอยู่ภายใต้การแข่งขัน ขัดแย้งของฝ่ายต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจทางการเมืองที่ทุก ๆ ฝ่ายยอมรับได้ ในขณะที่การเมืองในความหมายอย่างแรกดังทัศนะของนักคิดกลุ่มพหุนิยมที่ได้กล่าวไปแล้ว ดูจะยอมรับในจุดเน้นว่ารัฐ เป็นการรวมกันหรือประกอบกันของกลุ่มหลากหลายในสังคม และรัฐมิได้เป็นเครื่องมือทางการบริหาร โดยที่มิได้เป็นตัวกระทำทางการเมือง (actors) ที่จะชี้นำการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจ แต่รัฐเป็นเพียงรัฐบาล (State as government) ที่ทำหน้าที่เพียงเอื้ออำนวยความสะดวกในการแข่งขันกันของกลุ่มหลากหลายเท่านั้น (ชัยอนันต์ สมุทวณิช 2535, 6) |
|||
นอกจากนี้ คำนิยามการเมืองในกลุ่มที่สอง ซึ่งได้รับการกล่าวถึงอย่างสูงยังได้แก่ ทัศนะของลาสเวลล์ (Harold D. Lasswell) ที่กล่าวว่า การเมือง เป็นเรื่องของการศึกษาเกี่ยวกับอิทธิพลและผู้มีอิทธิพล และการเมืองเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับว่า ใคร ทำอะไร เมื่อไร และอย่างไร (Politics is, who gets “What”, “When” and “How”) |
|||
'''กลุ่มที่สาม''' มองว่า การเมืองเป็นเรื่องของความขัดแย้ง ทั้งนี้เนื่องจากทรัพยากรของชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด ขณะที่ผู้คนซึ่งต้องการใช้ทรัพยากรนั้นมีอยู่มากและความต้องการใช้ไม่มีขีดจำกัด การเมืองจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการที่คนในสังคมไม่อาจตกลงกันได้หรือเกิดมีความขัดแย้งขึ้น อย่างไรก็ดี การมองการเมืองในลักษณะนี้มีข้อโต้แย้งอยู่มากว่า หากไม่อาจยุติข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ บ้านเมืองย่อมตกอยู่ในสภาวะยุ่งยากวุ่นวาย ต่อมาจึงมีผู้ให้มุมมองการเมืองใหม่ว่าเป็นเรื่องของการประนีประนอมความขัดแย้งมากว่าเป็นเรื่องของความขัดแย้ง |
|||
'''กลุ่มที่สี่''' มองว่าการเมืองเป็นเรื่องของการประนีประนอมผลประโยชน์ เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เกิดความขัดแย้งจากการดำเนินงานทางการเมืองที่ไม่มีทางออก |
|||
'''กลุ่มที่ห้า''' ถือว่าการเมืองเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐและการบริหารประเทศในกิจกรรมหลัก 3 ด้านคือ งานที่เกี่ยวกับรัฐ การบริหารประเทศในส่วนที่เกี่ยวกับนโยบาย และการอำนวยการบริหารราชการแผ่นดินซึ่งเป็นการควบคุมให้มีการดำเนินงานตามนโยบาย ซึ่งหากพิจารณาให้ละเอียดแล้ว การเมืองโดยนัยยะความหมายประการนี้ เป็นเรื่องที่คาบเกี่ยวกับการเมืองในความหมายเชิงอำนาจ ซึ่งก็เป็นเพราะอำนาจทางการเมืองนั้น ได้ถูกนำไปใช้ผ่านกระบวนการนโยบายและการแต่งตั้งคัดสรรผู้นำนโยบายไปปฏิบัติ (ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ) ในรูปของอำนาจและการปฏิบัติงานทางการปกครอง และแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองและการบริหารหรือการปกครองที่ยากจะแยกออกจากกันได้ |
|||
'''กลุ่มที่หก''' การเมืองเป็นเรื่องของการกำหนดนโยบายของรัฐ กล่าวคือ การเมืองคือกิจกรรมใดใดที่เกี่ยวกับการกำหนดนโยบาย หน่วยงานและเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในการกำหนดนโยบาย โดยนัยหนึ่ง การเมืองก็คือกระบวนการกำหนดนโยบายของรัฐ นั่นเอง |
|||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
||
{{รายการอ้างอิง}} |
|||
* ชัยอนันต์ สมุทวณิช.2517. '''ความคิดอิสระ : รวมบทความทางการเมืองระหว่างปี 2511-2516'''. กรุงเทพฯ: พิฆเณศ |
|||
=== รายการอ้างอิง === |
|||
* ชัยอนันต์ สมุทวณิช. 2535. '''รัฐ'''. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
|||
{{refbegin|30em}} |
|||
* ณรงค์ สินสวัสดิ์. 2539. '''การเมืองไทย: การวิเคราะห์เชิงจิตวิทยา'''. กรุงเทพฯ: วัชรินทร์การพิมพ์ |
|||
* {{cite book |last1=Atkinson |first1=Sam |title=The politics book |date=2013 |publisher=DK |isbn=978-1-4093-6445-0 |pages=1–5 |oclc=868135821}} |
|||
* Eulau, Heinz. 1963. '''The Behavioral Persuation in Politics'''. New York: Random House |
|||
* {{cite book |last1=Béteille |first1=André |title=Companion Encyclopedia of Anthropology |publisher=Taylor & Francis |year=2002 |isbn=978-0-415-28604-6 |editor1-last=Ingold |editor1-first=Tim |pages=1042–1043 |chapter=Inequality and Equality |author-link=Andre Beteille |chapter-url=https://books.google.com/books?id=hKzSc02tbaMC&pg=PA1042 |via=Google Books |access-date=4 May 2020 |archive-date=19 August 2020 |archive-url=https://web.archive.org/web/20200819115018/https://books.google.com/books?id=hKzSc02tbaMC&pg=PA1042 |url-status=live }} |
|||
* Pennock, Roland J., and Smith, David G. 1964. '''Political Science.''' New York: McMillan |
|||
* {{cite book |last1=Blanton |first1=Shannon L. |url=https://books.google.com/books?id=_iVTCwAAQBAJ&pg=PA199 |title=World Politics: Trend and Transformation, 2016–2017 |last2=Kegley |first2=Charles W. |publisher=Cengage Learning |year=2016 |isbn=978-1-305-50487-5 |access-date=26 February 2018 |archive-url=https://web.archive.org/web/20190702151756/https://books.google.com/books?id=_iVTCwAAQBAJ&pg=PA199 |archive-date=2 July 2019 |url-status=live }} |
|||
* {{cite book |last1=Bobbio |first1=Norberto |author-link=Norberto Bobbio |translator-last1=Cameron |translator-first1=A. |translator-link1=Allan Cameron (author) |title=[[Left and Right: The Significance of a Political Distinction]] |date=1997 |publisher=University of Chicago Press |location=Chicago |isbn=978-0-226-06246-4}} |
|||
* {{cite book |last1=Brady |first1=Linda P. |url=https://books.google.com/books?id=iNA3DwAAQBAJ&pg=PT47 |title=The Politics of Negotiation: America's Dealings with Allies, Adversaries, and Friends |publisher=[[University of North Carolina Press]] |year=2017 |isbn=978-1-4696-3960-4 |page=47 |access-date=25 February 2018 |archive-url=https://web.archive.org/web/20190702141049/https://books.google.com/books?id=iNA3DwAAQBAJ&pg=PT47 |archive-date=2 July 2019 |url-status=live }} |
|||
* {{cite journal |last1=Branch |first1=Jordan |title=Mapping the Sovereign State: Technology, Authority, and Systemic Change |journal=[[International Organization (journal)|International Organization]] |year=2011 |volume=65 |issue=1 |pages=1–36 |doi=10.1017/S0020818310000299 |jstor=23016102 |s2cid=144712038 |url=https://www.jstor.org/stable/23016102 |access-date=7 February 2021 |language=en |issn=0020-8183 |archive-date=10 November 2021 |archive-url=https://web.archive.org/web/20211110001040/https://www.jstor.org/stable/23016102 |url-status=live |doi-access=free }} |
|||
** {{cite magazine |date=Summer 2011 |title=How Maps Made the World |magazine=The Wilson Quarterly |url=https://www.wilsonquarterly.com/quarterly/_/how-maps-made-the-world |access-date=10 March 2022 |archive-date=30 July 2022 |archive-url=https://web.archive.org/web/20220730081755/https://www.wilsonquarterly.com/quarterly/_/how-maps-made-the-world |url-status=live }} |
|||
* {{cite thesis |url=https://escholarship.org/uc/item/2tt0p94m |title=Mapping the Sovereign State: Cartographic Technology, Political Authority, and Systemic Change |last1=Branch |first1=Jordan Nathaniel |year=2011 |type=PhD thesis |publisher=[[University of California, Berkeley]] |access-date=5 March 2012 |ref=none |language=en |archive-date=4 January 2018 |archive-url=https://web.archive.org/web/20180104175945/https://escholarship.org/uc/item/2tt0p94m |url-status=live }} |
|||
* {{cite journal |last1=Carneiro |first1=Robert L. |s2cid=11536431 |date=21 August 1970 |title=A Theory of the Origin of the State: Traditional theories of state origins are considered and rejected in favor of a new ecological hypothesis |url=https://www.science.org/doi/10.1126/science.169.3947.733 |journal=Science |volume=169 |issue=3947 |pages=733–738 |doi=10.1126/science.169.3947.733 |issn=0036-8075 |pmid=17820299 |language=en |access-date=30 April 2020 |archive-date=17 November 2019 |archive-url=https://web.archive.org/web/20191117104150/https://science.sciencemag.org/content/169/3947/733 |url-status=live }} |
|||
* {{cite encyclopedia |editor1-last=Craig |editor1-first=Edward |title=Anarchism |encyclopedia=The Shorter Routledge Encyclopedia of Philosophy |year=2005 |page=14 |isbn=978-1-134-34409-3 |quote=Anarchism is the view that a society without the state, or government, is both possible and desirable.}} |
|||
* {{cite book |last1=Crick |first1=Bernard |title=In defence of politics |date=1972 |publisher=University of Chicago Press |isbn=0-226-12064-3 |oclc=575753}} |
|||
* {{cite book |last1=Dahl |first1=Robert A. |author1-link=Robert A. Dahl |title=Democracy and its critics |date=1989 |publisher=Yale University Press |location=New Haven |isbn=0-300-04938-2}} |
|||
* {{cite book |last1=Dahl |first1=Robert A. |title=Modern political analysis |date=2003 |publisher=Prentice Hall |isbn=0-13-049702-9 |oclc=49611149}} |
|||
* {{cite book |last1=Daniel |first1=Glyn |url=https://books.google.com/books?id=wx9FAAAAMAAJ |title=The First Civilizations: The Archaeology of their Origins |publisher=Phoenix Press |year=2003 |isbn=1-84212-500-1 |location=New York |pages=xiii |no-pp=true |author-link=Glyn Daniel |orig-date=1968 |access-date=3 May 2020 |archive-date=29 June 2014 |archive-url=https://web.archive.org/web/20140629061346/http://books.google.com/books?id=wx9FAAAAMAAJ |url-status=live }} |
|||
* {{cite book |last1=Downs |first1=Anthony |author-link=Anthony Downs |title=An Economic Theory of Democracy |year=1957 |publisher=Harper Collins College |location=New York |isbn=978-0-06-041750-5 |language=en}} |
|||
* {{cite book |last1=Easton |first1=David |title=The political system: an inquiry into the state of political science |date=1981 |publisher=University of Chicago Press |isbn=978-0-226-18017-5 |oclc=781301164 |edition=3rd}} |
|||
* {{cite journal |last1=Gross |first1=Leo |title=The Peace of Westphalia |date=January 1948 |url=http://www.kentlaw.edu/faculty/bbrown/classes/IntlOrgSp07/CourseDocs/IGross_PeaceofWestphalia1648_1948.pdf |journal=The American Journal of International Law |volume=42 |issue=1 |pages=20–41 |doi=10.2307/2193560 |jstor=2193560 |s2cid=246010450 |access-date=5 May 2020 |archive-date=6 August 2020 |archive-url=https://web.archive.org/web/20200806111018/http://www.kentlaw.edu/faculty/bbrown/classes/IntlOrgSp07/CourseDocs/IGross_PeaceofWestphalia1648_1948.pdf |url-status=live }} |
|||
* {{cite book |last1=Hague |first1=Rod |url=https://books.google.com/books?id=IUEdBQAAQBAJ&pg=PA1 |title=Comparative Government and Politics: An Introduction |last2=Harrop |first2=Martin |date=2013 |publisher=Macmillan International Higher Education |isbn=978-1-137-31786-5 |access-date=25 February 2018 |archive-url=https://web.archive.org/web/20190707194650/https://books.google.com/books?id=IUEdBQAAQBAJ&pg=PA1 |archive-date=7 July 2019 |url-status=live }} |
|||
* {{cite book |last1=Hague |first1=Rod |title=Political Science: A Comparative Introduction |date=2017 |isbn=978-1-137-60123-0 |pages=200–214 |publisher=Macmillan Education UK |oclc=970345358}} |
|||
* {{cite book |last1=Hammarlund |first1=Bo |url=https://books.google.com/books?id=BnRlAAAAIAAJ |title=Politik utan partier: studier i Sveriges politiska liv 1726–1727 |publisher=Almqvist & Wiksell International |year=1985 |isbn=978-91-22-00780-7 |access-date=25 February 2018 |archive-url=https://web.archive.org/web/20190703043410/https://books.google.com/books?id=BnRlAAAAIAAJ |archive-date=3 July 2019 |url-status=live }} |
|||
* {{cite book |last1=Hawkesworth |first1=Mary |url=https://books.google.com/books?id=vXgKAgAAQBAJ&pg=PA299 |title=Encyclopedia of Government and Politics: 2-volume Set |last2=Kogan |first2=Maurice |date=2013 |publisher=Routledge |isbn=978-1-136-91332-7 |location=London |access-date=25 February 2018 |archive-url=https://web.archive.org/web/20190702181253/https://books.google.com/books?id=vXgKAgAAQBAJ&pg=PA299 |archive-date=2 July 2019 |url-status=live }} |
|||
* {{cite book |last1=Heywood |first1=Andrew |title=Political Ideologies: An Introduction |publisher=Macmillan International Higher Education |year=2017 |isbn=978-1-137-60604-4 |edition=6th |location=Basingstoke |oclc=988218349}} |
|||
* {{cite book |last1=Jones |first1=Bill |title=British Politics Today |last2=Kavanagh |first2=Dennis |publisher=Manchester University Press |others=Kavanagh, Dennis. |year=2003 |isbn=978-0-7190-6509-5 |edition=7th |location=Manchester |oclc=52876930}} |
|||
* {{cite book |title=Political System and Change: A World Politics Reader |editor1-last=Kabashima |editor1-first=Ikuo |editor2-last=White III |editor2-first=Lynn T. |date=1986 |publisher=Princeton University Press |jstor=j.ctt7ztn7s |isbn=978-0-691-61037-5}} |
|||
* {{cite journal |last1=Kemmelmeier |first1=Markus |author-link=Markus Kemmelmeier |last2=Burnstein |first2=Eugene |last3=Krumov |first3=Krum |last4=Genkova |first4=Petia |last5=Kanagawa |first5=Chie |last6=Hirshberg |first6=Matthew S. |last7=Erb |first7=Hans-Peter |last8=Wieczorkowska |first8=Grazyna |last9=Noels |first9=Kimberly A. |display-authors=1 |year=2003 |title=Individualism, Collectivism, and Authoritarianism in Seven Societies |journal=[[Journal of Cross-Cultural Psychology]] |volume=34 |issue=3 |pages=304–322 |doi=10.1177/0022022103034003005 |s2cid=32361036}} |
|||
* {{cite book |last1=Kissinger |first1=Henry |title=World Order |date=2014 |publisher=Penguin |isbn=978-0-698-16572-4}} |
|||
* {{cite book |last1=Lasswell |first1=Harold D. |title=Politics: who gets what, when how. : With postscript |year=1963 |orig-date=1958 |publisher=World |oclc=61585455}} |
|||
* {{cite book |last1=Leftwich |first1=Adrian |title=What is politics? : the activity and its study |year=2004 |publisher=Polity |isbn=0-7456-3055-3 |oclc=1044115261}} |
|||
* {{cite book |last1=Leftwich |first1=Adrian |title=What is politics? : the activity and its study |year=2015 |publisher=Polity Press |isbn=978-0-7456-9852-6 |oclc=911200604}} |
|||
* {{cite book |last1=Lenin |first1=Vladimir I. |title=Collected works. September 1903 – December 1904 |date=1965 |oclc=929381958}} |
|||
* {{cite dictionary |last1=Lewis |first1=Charlton T. |last2=Short |first2=Charles |title=pŏlītĭcus |dictionary=A Latin Dictionary |url=https://www.perseus.tufts.edu/hopper/text?doc=Perseus%3Atext%3A1999.04.0059%3Aentry%3Dpoliticus |url-status=live |archive-url=https://web.archive.org/web/20150924204836/http://www.perseus.tufts.edu/hopper/text?doc=Perseus:text:1999.04.0059:entry%3Dpoliticus |year=1879 |archive-date=24 September 2015 |access-date=19 February 2016 |publisher=Clarendon Press |via=Perseus Digital Library |language=en }} |
|||
* {{cite book |last1=Love |first1=Nancy Sue |title=Understanding Dogmas and Dreams |publisher=CQ Press |year=2006 |isbn=978-1-4833-7111-5 |edition=2nd |location=Washington, District of Columbia |oclc=893684473}} |
|||
* {{cite book |last1=Morlino |first1=Leonardo |title=Political science. |date=2017 |publisher=Sage Publications Inc |isbn=978-1-4129-6213-1 |oclc=951226897}} |
|||
* {{cite book |last1=Morlino |first1=Leonardo |title=Political science : a global perspective |last2=Berg-Schlosser |first2=Dirk |last3=Badie |first3=Bertrand |date=2017 |isbn=978-1-5264-1303-1 |location=London, England |pages=64–74 |oclc=1124515503 |publisher=SAGE }} |
|||
* {{cite book |last1=Nelson |first1=B. |url=https://books.google.com/books?id=cvtYZmiOjT8C&pg=PA17 |title=The Making of the Modern State: A Theoretical Evolution |last2=Nelson |first2=Brian R. |date=2006 |publisher=Palgrave Macmillan |isbn=978-1-4039-7189-0 |language=en |access-date=30 April 2020 |archive-date=19 August 2020 |archive-url=https://web.archive.org/web/20200819025903/https://books.google.com/books?id=cvtYZmiOjT8C&pg=PA17 |url-status=live }} |
|||
* {{cite journal |last1=Osiander |first1=Andreas |title=Sovereignty, International Relations, and the Westphalian Myth |journal=International Organization |volume=55 |issue=2 |pages=251–287 |year=2001 |doi=10.1162/00208180151140577|s2cid=145407931 }} |
|||
* {{cite journal |last1=Petrik |first1=Andreas |date=3 December 2010 |title=Core Concept 'Political Compass'. How Kitschelt's Model of Liberal, Socialist, Libertarian and Conservative Orientations Can Fill the Ideology Gap in Civic Education |url=http://www.jsse.org/index.php/jsse/article/view/541/538 |url-status=dead |journal=Journal of Social Science Education |language=en |page=4 |doi=10.4119/jsse-541 |archive-url=https://web.archive.org/web/20190622050457/http://www.jsse.org/index.php/jsse/article/view/541/538 |archive-date=22 June 2019 }} |
|||
* {{cite book |last1=Pettitt |first1=Robin T. |url=https://books.google.com/books?id=YFYdBQAAQBAJ&pg=PA60 |title=Contemporary Party Politics |date=2014 |publisher=Macmillan International Higher Education |isbn=978-1-137-41264-5 |location=London |access-date=28 February 2019 |archive-url=https://web.archive.org/web/20190703031727/https://books.google.com/books?id=YFYdBQAAQBAJ&pg=PA60 |archive-date=3 July 2019 |url-status=live |via=Google Books }} |
|||
* {{wikicite |ref={{harvid|Roberts|Hogwood|1997}} |reference=Roberts and Hogwood, ''European Politics Today'', [[Manchester University Press]], 1997.}} |
|||
* {{cite journal |last1=Sznajd-Weron |first1=Katarzyna |last2=Sznajd |first2=Józef |date=June 2005 |title=Who is left, who is right? |journal=Physica A: Statistical Mechanics and Its Applications |volume=351 |issue=2–4 |pages=593–604 |bibcode=2005PhyA..351..593S |doi=10.1016/j.physa.2004.12.038 |language=en}} |
|||
* {{cite book |last1=Taylor |first1=Steven L. |url=https://books.google.com/books?id=CV281jLqLPgC&pg=PT130 |title=30-Second Politics: The 50 most thought-provoking ideas in politics, each explained in half a minute |publisher=Icon Books Limited |year=2012 |isbn=978-1-84831-427-6 |page=130 |access-date=25 February 2018 |archive-url=https://web.archive.org/web/20190706214027/https://books.google.com/books?id=CV281jLqLPgC&pg=PT130 |archive-date=6 July 2019 |url-status=live }} |
|||
* {{cite book |last1=Tore |first1=Bjorgo |title=Terror from the Extreme Right. |date=2014 |publisher=Taylor and Francis |isbn=978-1-135-20930-8 |location=Hoboken |oclc=871861016}} |
|||
* {{cite book |last1=van der Eijk |first1=Cees |title=The Essence of Politics |publisher=Amsterdam University Press |location=Amsterdam |url=https://www.jstor.org/stable/j.ctvf3w22g |doi=10.2307/j.ctvf3w22g.4 |year=2018 |section=What Is Politics? |pages=9–24 |jstor=j.ctvf3w22g |s2cid=157611448 |access-date=5 February 2021 |archive-date=2 February 2021 |archive-url=https://web.archive.org/web/20210202211010/https://www.jstor.org/stable/j.ctvf3w22g |url-status=live }} |
|||
* {{cite book|last1=Eulau |first1=Heinz |title=The Behavioral Persuation in Politics |publisher=New York: Random House | year=1963 |isbn=978-1014386427}} |
|||
{{refend}} |
|||
== ดูเพิ่ม == |
== ดูเพิ่ม == |
||
* [[การเมืองไทย]] |
* [[การเมืองไทย]] |
||
{{อุดมการณ์ทางการเมือง}} |
|||
{{วิทยาศาสตร์สังคม}} |
{{วิทยาศาสตร์สังคม}} |
||
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 23:31, 6 มกราคม 2567
ส่วนหนึ่งของชุดการเมือง |
การเมือง |
---|
สถานีย่อยการเมือง |
การเมือง (จาก กรีกโบราณ πολιτικά (politiká)หมายถึง "งานที่เกี่ยวกับรัฐหรือแผ่นดิน") คือชุดของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินตกลงใจในกลุ่มสังคมหรือความสัมพันธ์ทางอำนาจในหมู่กลุ่มปัจเจก เช่น การจัดสรรทรัพยากรหรือสถานะ แขนงวิชาในสังคมศาสตร์ที่ศึกษาการเมืองและรัฐบาลจะหมายถึงวิชารัฐศาสตร์
การเมืองอาจถูกใช้ในทางบวกในบริบทของ "ทางออกทางการเมือง" ซึ่งหมายถึงการประนีประนอมและโดยสันติวิธี[1] หรือในฐานะ "ศิลปะหรือวิทยาศาสตร์ของการปกครอง" แต่บางครั้งมักมีความหมายเชิงลบแฝงอยู่ด้วย[2] มีการจำกัดความมโนทัศน์อยู่หลากหลายแบบ และแนวทางการศึกษาที่ไม่เหมือนกันทำให้เกิดมุมมองที่แตกต่างกันบนพื้นฐานว่าการเมืองควรที่จะนำมาใช้อย่างกว้างขวางหรือถูกจำกัดไว้ ควรจะเป็นการศึกษารัฐศาสตร์เชิงประจักษ์หรือเชิงปทัสถาน และในการศึกษารัฐศาสตร์อะไรมีความสำคัญมากกว่ากันระหว่างความขัดแย้งหรือความร่วมมือ
มีกระบวนวิธีหลากหลายที่ใช้ในการเมือง ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมมุมมองทางการเมืองของตนในหมู่ผู้คน, การเจรจากับตัวแสดงทางการเมืองอื่น, การออกกฎหมาย และการใช้กำลังทั้งภายนอกและภายนอก รวมถึงการสงครามกับคู่ปรปักษ์[3][4][5][6][7] การเมืองถูกนำมาใช้ในระดับทางสังคมที่กว้าง ตั้งแต่กลุ่มเครือญาติ (clan) และเผ่าชน (tribe) ในสังคมแบบดั้งเดิม รวมถึงรัฐบาลท้องถิ่น บรรษัท และสถาบันสมัยใหม่ ไปจนถึงรัฐเอกราชและในระดับระหว่างประเทศ
ในรัฐชาติสมัยใหม่ ผู้คนมักก่อร่างพรรคการเมืองเพื่อแสดงอุดมการณ์ของตน สมาชิกพรรคมักเห็นพ้องให้มีจุดยืนเดียวกันในประเด็นปัญหาต่าง ๆ และยินยอมที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและผู้นำในทิศทางเดียวกัน การเลือกตั้งมักเป็นการแข่งขันระหว่างพรรคการเมือง
ระบบการเมืองเป็นกรอบซึ่งจำกัดวิธีทางการเมือง (political method) ที่ยอมรับได้ในสังคม ประวัติศาสตร์ปรัชญาทางการเมืองสามารถย้อนรอยได้จนถึงสมัยโบราณช่วงแรกเริ่ม ด้วยผลงานอันเป็นต้นแบบในการศึกษารัฐศาสตร์ในปัจจุบัน เช่นอุตมรัฐ ของเพลโต, โพลิติกส์ ของอาริสโตเติล, งานต้นฉบับตัวเขียนทางรัฐศาสตร์ของขงจื๊อและอรรถศาสตร์ ของจาณักยะ[8]
ที่มาของคำ[แก้]
คำว่าการเมืองในภาษาอังกฤษ politics มีรากศัพท์มาจากผลงานคลาสสิกของอาริสโตเติล "โพลิติกส์" ซึ่งเกิดเป็นศัพท์ใหม่ในภาษากรีก "politiká" (Πολιτικά, 'งานที่เกี่ยวกับรัฐหรือแผ่นดิน') ต่อมาในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 15 งานเขียนของอาริสโตเติลที่นำมาตีพิมพ์ใหม่จะใช้ภาษาอังกฤษสมัยใหม่ตอนต้นว่า "Polettiques"[9] ซึ่งต่อมากลายเป็นคำว่า Politics ในภาษาอังกฤษสมัยใหม่
นิยาม[แก้]
- แฮโรลด์ ลาสเวลล์: "ใครได้อะไร เมื่อไหร่ และอย่างไร"[10]
- เดวิด อิสตัน: "การจัดสรรคุณค่าให้แก่สังคมผ่านอำนาจหน้าที่"[11]
- วลาดีมีร์ เลนิน: "รูปแบบเศรษฐกิจที่รวมศูนย์ที่สุด"[12]
- อ็อทโท ฟ็อน บิสมาร์ค: "ขีดความสามารถในการเลือกอย่างทันทีภายใต้สภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเป็นภัยน้อยที่สุด และมีประโยชน์มากที่สุด"[13]
- เบอร์นาร์ด คริก: "รูปแบบกฎเด่นเฉพาะที่ซึ่งผู้คนกระทำร่วมกันผ่านขั้นตอนทางสถาบันเพื่อแก้ไขปัญหาความแตกต่าง"[14]
- เอเดรียน เลฟต์วิช: "ประกอบด้วยกิจกรรมความร่วมมือ การเจรจา และความขัดแย้งทั้งปวงทั้งภายในและระหว่างสังคมด้วยกัน"[15]
แนวคิด[แก้]
ส่วนนี้ไม่มีการอ้างอิงจากเอกสารอ้างอิงหรือแหล่งข้อมูล โปรดช่วยพัฒนาส่วนนี้โดยเพิ่มแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือ เนื้อหาที่ไม่มีการอ้างอิงอาจถูกคัดค้านหรือนำออก |
มนุษย์นั้นโดยธรรมชาติเป็นสัตว์สังคม ที่ต้องอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นหมู่คณะ เมื่อมนุษย์มาอยู่ร่วมกัน หากมิได้กำหนดกติกาอะไรสักอย่างขึ้นมากำกับการอยู่ร่วมกันของมนุษย์แล้วนั้น มนุษย์ด้วยกันเองยังเชื่อว่าน่าจะก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายขึ้นในสังคมและการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ เนื่องจากโดยธรรมชาติของมนุษย์นั้น ป่าเถื่อน ขลาดกลัวและไม่เป็นระเบียบดังที่ โธมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes) นักปรัชญาการเมืองโบราณ ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1588-1679 ได้เคยกล่าวไว้ในผลงานปรัชญาการเมืองเลื่องชื่อเรื่อง “Leviathan” ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1651 ว่า เมื่อมนุษย์จำเป็นต้องอาศัยอยู่ร่วมกันในสังคมภายใต้กติกาแล้ว ก็จำเป็นจะต้องกำหนดตัวผู้นำมาทำหน้าที่ควบคุมดูแลให้สังคมหรือการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ดำเนินไปได้ด้วยความเรียบร้อย เช่นที่กล่าวมาเราคงพอจะทราบบ้างแล้วว่าเหตุใดจึงเกิดมีระบบการปกครองขึ้น และโดยนัยที่มนุษย์จำต้องปกครองกันนั้น หากเกิดปัญหาขึ้นในระหว่างมนุษย์ด้วยกัน หรือการจะทำให้สังคมมีความเจริญก้าวหน้าขึ้นไป หลีกเลี่ยงมิได้เสียที่จะต้องเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจทางการเมือง อันมีความหมายและบริบทที่สะท้อนออกมาในเรื่องของการใช้อำนาจเพื่อการปกครองประชาชน การเมืองการปกครองซึ่งเป็นสภาพการณ์และผลที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์[16] จึงเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับชีวิตของมนุษย์อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ซึ่งก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่ผู้ใดก็ตาม จำเป็นต้องให้ความสนใจกับเรื่องการเมืองการปกครองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เนื่องจากสิ่งใดที่ออกมาจากสถาบันทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติที่ทำหน้าที่ในการตรากฎหมายต่าง ๆ เพื่อบังคับใช้ มาจากรัฐบาลในรูปของนโยบายสาธารณะ (Public Policies) โครงการพัฒนา (Developmental Program) และงานต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นหรือดำเนินไปโดยภาคราชการ รวมไปถึงการตัดสินคดีความหรือข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคลต่อบุคคล และบุคคลกับรัฐ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นเรื่องที่การเมืองส่งผลกระทบต่อทุกคนอย่างที่ไม่อาจมองข้ามไปได้
โดยบริบทดังกล่าวการศึกษาเรื่องการเมืองและการปกครองของประเทศ จึงเป็นสิ่งที่ถูกบรรจุอยู่ในแทบทุกสาขาวิชาในระดับอุดมศึกษาให้นักศึกษาได้ร่ำเรียน ทำความรู้ความเข้าใจในฐานะที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งในสังคม และเป็นเรื่องภาคราชการทั้งหลายต่างรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป ภายใต้ความมุ่งประสงค์ที่จะหยั่งรากประชาธิปไตยในสังคมไทย และหากได้มองย้อนไปถึงแนวคิดของนักปรัชญาการเมืองโบราณเช่น อริสโตเติล (Aristotle) ปรัชญาเมธีชาวกรีกโบราณ ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งวิชารัฐศาสตร์” ผู้กล่าวไว้ว่า มนุษย์ตามธรรมชาติเป็นสัตว์การเมืองต้องอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มหรือชุมชน อันแตกต่างไปจากสัตว์โลกอื่น ๆ ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ด้วยสัญชาตญาณเป็นหลัก หากแต่มนุษย์ นอกจากจะอยู่ด้วยสัญชาตญาณแล้ว ยังมีเป้าหมายอยู่ร่วมกันอีกด้วย ดังนั้นการอยู่ร่วมกันของมนุษย์จึงมิใช่มีชีวิตอยู่ไปเพียงวันๆหนึ่งเท่านั้น หากแต่เป็นการอยู่ร่วมกันเพื่อจะให้มีชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย เราก็จะมองเห็นภาพของการเมืองในแง่หนึ่งว่าการเมืองนั้นก็คือ การอยู่ร่วมกันของมนุษย์ในชุมชนหรือสังคมเพื่อให้มีความสงบสุข
อ้างอิง[แก้]
- ↑ Leftwich 2015, p. 68.
- ↑ Hague & Harrop 2013, p. 1.
- ↑ Hammarlund 1985, p. 8.
- ↑ Brady 2017, p. 47.
- ↑ Hawkesworth & Kogan 2013, p. 299.
- ↑ Taylor 2012, p. 130.
- ↑ Blanton & Kegley 2016, p. 199.
- ↑ Kabashima & White III 1986
- ↑ Buhler, C. F., ed. 1961 [1941]. The Dictes and Sayings of the Philosophers. London: Early English Text Society, Original Series No. 211 เก็บถาวร 5 กันยายน 2016 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน.
- ↑ Lasswell 1963.
- ↑ Easton 1981.
- ↑ Lenin 1965.
- ↑ Reichstag speech by Bismarck, January 29, 1886, in: Bismarck, The Collected Works. Friedrichsruher edition, vol. 13: Speeches. Edited by Wilhelm Schüßler, Berlin 1930, p. 177.
- ↑ Crick 1972.
- ↑ Leftwich 2004.
- ↑ Eulau 1963, p. 3.
รายการอ้างอิง[แก้]
- Atkinson, Sam (2013). The politics book. DK. pp. 1–5. ISBN 978-1-4093-6445-0. OCLC 868135821.
- Béteille, André (2002). "Inequality and Equality". ใน Ingold, Tim (บ.ก.). Companion Encyclopedia of Anthropology. Taylor & Francis. pp. 1042–1043. ISBN 978-0-415-28604-6. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 August 2020. สืบค้นเมื่อ 4 May 2020 – โดยทาง Google Books.
- Blanton, Shannon L.; Kegley, Charles W. (2016). World Politics: Trend and Transformation, 2016–2017. Cengage Learning. ISBN 978-1-305-50487-5. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 July 2019. สืบค้นเมื่อ 26 February 2018.
- Bobbio, Norberto (1997). Left and Right: The Significance of a Political Distinction. แปลโดย Cameron, A. Chicago: University of Chicago Press. ISBN 978-0-226-06246-4.
- Brady, Linda P. (2017). The Politics of Negotiation: America's Dealings with Allies, Adversaries, and Friends. University of North Carolina Press. p. 47. ISBN 978-1-4696-3960-4. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 July 2019. สืบค้นเมื่อ 25 February 2018.
- Branch, Jordan (2011). "Mapping the Sovereign State: Technology, Authority, and Systemic Change". International Organization (ภาษาอังกฤษ). 65 (1): 1–36. doi:10.1017/S0020818310000299. ISSN 0020-8183. JSTOR 23016102. S2CID 144712038. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 November 2021. สืบค้นเมื่อ 7 February 2021.
- "How Maps Made the World". The Wilson Quarterly. Summer 2011. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 July 2022. สืบค้นเมื่อ 10 March 2022.
- Branch, Jordan Nathaniel (2011). Mapping the Sovereign State: Cartographic Technology, Political Authority, and Systemic Change (PhD thesis) (ภาษาอังกฤษ). University of California, Berkeley. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 January 2018. สืบค้นเมื่อ 5 March 2012.
- Carneiro, Robert L. (21 August 1970). "A Theory of the Origin of the State: Traditional theories of state origins are considered and rejected in favor of a new ecological hypothesis". Science (ภาษาอังกฤษ). 169 (3947): 733–738. doi:10.1126/science.169.3947.733. ISSN 0036-8075. PMID 17820299. S2CID 11536431. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 November 2019. สืบค้นเมื่อ 30 April 2020.
- Craig, Edward, บ.ก. (2005). "Anarchism". The Shorter Routledge Encyclopedia of Philosophy. p. 14. ISBN 978-1-134-34409-3.
Anarchism is the view that a society without the state, or government, is both possible and desirable.
- Crick, Bernard (1972). In defence of politics. University of Chicago Press. ISBN 0-226-12064-3. OCLC 575753.
- Dahl, Robert A. (1989). Democracy and its critics. New Haven: Yale University Press. ISBN 0-300-04938-2.
- Dahl, Robert A. (2003). Modern political analysis. Prentice Hall. ISBN 0-13-049702-9. OCLC 49611149.
- Daniel, Glyn (2003) [1968]. The First Civilizations: The Archaeology of their Origins. New York: Phoenix Press. xiii. ISBN 1-84212-500-1. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 June 2014. สืบค้นเมื่อ 3 May 2020.
- Downs, Anthony (1957). An Economic Theory of Democracy (ภาษาอังกฤษ). New York: Harper Collins College. ISBN 978-0-06-041750-5.
- Easton, David (1981). The political system: an inquiry into the state of political science (3rd ed.). University of Chicago Press. ISBN 978-0-226-18017-5. OCLC 781301164.
- Gross, Leo (January 1948). "The Peace of Westphalia" (PDF). The American Journal of International Law. 42 (1): 20–41. doi:10.2307/2193560. JSTOR 2193560. S2CID 246010450. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 6 August 2020. สืบค้นเมื่อ 5 May 2020.
- Hague, Rod; Harrop, Martin (2013). Comparative Government and Politics: An Introduction. Macmillan International Higher Education. ISBN 978-1-137-31786-5. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 July 2019. สืบค้นเมื่อ 25 February 2018.
- Hague, Rod (2017). Political Science: A Comparative Introduction. Macmillan Education UK. pp. 200–214. ISBN 978-1-137-60123-0. OCLC 970345358.
- Hammarlund, Bo (1985). Politik utan partier: studier i Sveriges politiska liv 1726–1727. Almqvist & Wiksell International. ISBN 978-91-22-00780-7. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 July 2019. สืบค้นเมื่อ 25 February 2018.
- Hawkesworth, Mary; Kogan, Maurice (2013). Encyclopedia of Government and Politics: 2-volume Set. London: Routledge. ISBN 978-1-136-91332-7. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 July 2019. สืบค้นเมื่อ 25 February 2018.
- Heywood, Andrew (2017). Political Ideologies: An Introduction (6th ed.). Basingstoke: Macmillan International Higher Education. ISBN 978-1-137-60604-4. OCLC 988218349.
- Jones, Bill; Kavanagh, Dennis (2003). British Politics Today. Kavanagh, Dennis. (7th ed.). Manchester: Manchester University Press. ISBN 978-0-7190-6509-5. OCLC 52876930.
- Kabashima, Ikuo; White III, Lynn T., บ.ก. (1986). Political System and Change: A World Politics Reader. Princeton University Press. ISBN 978-0-691-61037-5. JSTOR j.ctt7ztn7s.
- Kemmelmeier, Markus; และคณะ (2003). "Individualism, Collectivism, and Authoritarianism in Seven Societies". Journal of Cross-Cultural Psychology. 34 (3): 304–322. doi:10.1177/0022022103034003005. S2CID 32361036.
- Kissinger, Henry (2014). World Order. Penguin. ISBN 978-0-698-16572-4.
- Lasswell, Harold D. (1963) [1958]. Politics: who gets what, when how. : With postscript. World. OCLC 61585455.
- Leftwich, Adrian (2004). What is politics? : the activity and its study. Polity. ISBN 0-7456-3055-3. OCLC 1044115261.
- Leftwich, Adrian (2015). What is politics? : the activity and its study. Polity Press. ISBN 978-0-7456-9852-6. OCLC 911200604.
- Lenin, Vladimir I. (1965). Collected works. September 1903 – December 1904. OCLC 929381958.
- Lewis, Charlton T.; Short, Charles (1879). "pŏlītĭcus". A Latin Dictionary (ภาษาอังกฤษ). Clarendon Press. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 September 2015. สืบค้นเมื่อ 19 February 2016 – โดยทาง Perseus Digital Library.
- Love, Nancy Sue (2006). Understanding Dogmas and Dreams (2nd ed.). Washington, District of Columbia: CQ Press. ISBN 978-1-4833-7111-5. OCLC 893684473.
- Morlino, Leonardo (2017). Political science. Sage Publications Inc. ISBN 978-1-4129-6213-1. OCLC 951226897.
- Morlino, Leonardo; Berg-Schlosser, Dirk; Badie, Bertrand (2017). Political science : a global perspective. London, England: SAGE. pp. 64–74. ISBN 978-1-5264-1303-1. OCLC 1124515503.
- Nelson, B.; Nelson, Brian R. (2006). The Making of the Modern State: A Theoretical Evolution (ภาษาอังกฤษ). Palgrave Macmillan. ISBN 978-1-4039-7189-0. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 August 2020. สืบค้นเมื่อ 30 April 2020.
- Osiander, Andreas (2001). "Sovereignty, International Relations, and the Westphalian Myth". International Organization. 55 (2): 251–287. doi:10.1162/00208180151140577. S2CID 145407931.
- Petrik, Andreas (3 December 2010). "Core Concept 'Political Compass'. How Kitschelt's Model of Liberal, Socialist, Libertarian and Conservative Orientations Can Fill the Ideology Gap in Civic Education". Journal of Social Science Education (ภาษาอังกฤษ): 4. doi:10.4119/jsse-541. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 June 2019.
- Pettitt, Robin T. (2014). Contemporary Party Politics. London: Macmillan International Higher Education. ISBN 978-1-137-41264-5. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 July 2019. สืบค้นเมื่อ 28 February 2019 – โดยทาง Google Books.
- Roberts and Hogwood, European Politics Today, Manchester University Press, 1997.
- Sznajd-Weron, Katarzyna; Sznajd, Józef (June 2005). "Who is left, who is right?". Physica A: Statistical Mechanics and Its Applications (ภาษาอังกฤษ). 351 (2–4): 593–604. Bibcode:2005PhyA..351..593S. doi:10.1016/j.physa.2004.12.038.
- Taylor, Steven L. (2012). 30-Second Politics: The 50 most thought-provoking ideas in politics, each explained in half a minute. Icon Books Limited. p. 130. ISBN 978-1-84831-427-6. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 July 2019. สืบค้นเมื่อ 25 February 2018.
- Tore, Bjorgo (2014). Terror from the Extreme Right. Hoboken: Taylor and Francis. ISBN 978-1-135-20930-8. OCLC 871861016.
- van der Eijk, Cees (2018). "What Is Politics?". The Essence of Politics. Amsterdam: Amsterdam University Press. pp. 9–24. doi:10.2307/j.ctvf3w22g.4. JSTOR j.ctvf3w22g. S2CID 157611448. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 February 2021. สืบค้นเมื่อ 5 February 2021.
- Eulau, Heinz (1963). The Behavioral Persuation in Politics. New York: Random House. ISBN 978-1014386427.