หลี่ หมิง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
หลี่ หมิง
หลี่ หมิง ในวัย 54 ปี
หลี่ หมิง ในวัย 54 ปี
สารนิเทศภูมิหลัง
ชื่อเกิดหลี่ เจี่ย (Lai Chit - 黎捷)
เกิด11 ธันวาคม พ.ศ. 2509 (57 ปี)
ปักกิ่ง ประเทศจีน
จุดกำเนิดฮ่องกง
คู่สมรส-เล่อ จี่เอ๋อ (พ.ศ. 2551–2555)
-หวิง ชาน (พ.ศ. 2562)
คู่ครอง-โจว ไห่เม่ย (พ.ศ. 2533–2536)
-ซูฉี (พ.ศ. 2541–2548)
อาชีพนักร้อง, นักแสดง
ปีที่แสดงพ.ศ. 2529–ปัจจุบัน
ผลงานเด่นด้านละคร:
-บท เหยียนจื่อหัว ใน โจวเสียนนักร้องเสียงทอง (พ.ศ. 2532)
-บท อาหลาง ใน มรสุมสายเลือด (พ.ศ. 2534)
-บท เฉินหลาง ใน เพื่อนรักเพื่อนแค้น (พ.ศ. 2534)
-บท หยวนเจิ้นเซี๊ยะ ใน เทพบุตรผู้พิชิต (พ.ศ. 2536)
ด้านภาพยนตร์:-
-บท หลี่เสี่ยวจิน ใน เถียน มี มี่ 3650 วันรักเธอคนเดียว (พ.ศ. 2539)
-บท เกาจิ้ง ใน คนตัดคนภาคพิเศษ ตอน กำเนิดเกาจิ้ง (พ.ศ. 2540)
-บท หยาง ใน ปิดตำนานสองคนสองคม (พ.ศ. 2546)
สังกัดละคร:-
สถานีโทรทัศน์ทีวีบี (พ.ศ. 2529-2537)
(พ.ศ. 2561-ปัจจุบัน)
ค่ายเพลง:-
-PolyGram (พ.ศ. 2533-2541)
-Sony Music (พ.ศ. 2541- 2547)
-A music(พ.ศ. 2547-ปัจจุบัน)
ฐานข้อมูล
IMDb

หลี่ หมิง (จีน: 黎明;พินอิน ไหล่เหม่ง) มีชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า ลีออน หลี่ (Leon Li) เป็นนักร้อง-นักแสดงชาย ที่เริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมาตั้งแต่ปลายยุคทศวรรษ 80 แต่มาโด่งดังระดับซุปเปอร์สตาร์ทั่วเอเชีย ในยุคทศวรรษที่ 90 เขาเป็นทั้งไอดอลและขวัญใจสาวๆ ในยุคสมัยนั้นเป็นอย่างมาก ทางด้านดนตรีเขาเป็นหนึ่งในสี่ ราชาเพลงป็อปของเกาะฮ่องกง แห่งยุค 90s ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด ส่วนทางด้านการแสดงเขาก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งทางจอแก้วและจอเงิน โดยมีผลงานละครที่ได้รับความนิยมมากมาย เช่น มรสุมสายเลือด, เพื่อนรักเพื่อนแค้น และ เทพบุตรผู้พิชิต เป็นต้น ส่วนผลงานภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมมีอยู่หลายเรื่องด้วยกันแต่ที่โด่งดังและเป็นที่ประทับใจผู้ชมมาจนถึงทุกวันนี้ คือเรื่อง เถียน มี มี่ 3650 วันรักเธอคนเดียว (Comrades: Almost a Love Story 1996)[1][2][2][3][4][5]

หลี่ หมิง เป็นชาวปักกิ่งโดยกำเนิด ต่อมาได้ย้ายตามครอบครัวไปอยู่ฮ่องกงและมีโอกาสไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ หลังจากจบการศึกษาจากวิทยาลัยคิงเวย์ปรินซ์ตัน (Kingway Princeton College) ที่ประเทศอังกฤษแล้ว ได้กลับมาฮ่องกงและเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเข้าร่วมประกวดร้องเพลงในรายการ ค้นคว้าหาดาวครั้งที่ 5 เมื่อปีพ.ศ. 2529 (the New Talent Singing Awards 1986) โดยเขาสามารถคว้าอันดับสามมาครองได้สำเร็จ ทำให้มีโอกาสเป็นนักแสดงจอแก้วของทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) และแจ้งเกิดกับผลงานเรื่อง ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย (Foundlings Progress 1987) หลังจากนั้นก็มีละครที่โด่งดังตามมาอีกหลายเรื่อง เช่น ศึกชิงบัลลังก์ (Bing Kuen 1988), กลับเมืองจีนดีกว่า (Yankee Boy 1989), โจวเสียนนักร้องเสียงทอง (Song Bird 1989), มรสุมสายเลือด (Challenge of Life 1990) และเทพบุตรผู้พิชิต (The Legendary Ranger 1993) เป็นต้น แต่โดยเฉพาะผลงานละครที่เขาได้เล่นคู่กับดาราสาวยอดนิยมแห่งยุคนั้น อย่าง โจว ไห่เม่ย ได้แก่ เรื่องย้อนรักรอยอดีต (Cherished Moments 1990) และเพื่อนรักเพื่อนแค้น (The Breaking Point 1991) ได้ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นคู่ขวัญทั้งในจอและนอกจอที่แฟน ๆ ละครต่างชื่นชอบเป็นอย่างมากและในตอนนั้น หลี่หมิงก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นพระเอกละครยอดนิยมแถวหน้าของทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี แต่ในท้ายที่สุดก็มีข่าวลือว่าทั้งสองได้เลิกลากันในเวลาต่อมาและเขาได้ตัดสินใจหันหลังให้กับวงการจอแก้วนับตั้งแต่นั้นเพื่อไปทุมเทให้กับการเป็นนักร้องและการเล่นภาพยนตร์เป็นหลัก ส่วนทางด้านผลงานเพลงเขาก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด เป็นนักร้องระดับ ราชาเพลงป็อป (King of Canto-pop) ของเกาะฮ่องกง โดยในปีพ.ศ. 2535 (1992) เขาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน นักร้องจตุรเทพ แห่งวงการเพลงจีนของเกาะฮ่องกง (Four Heavenly Kings of Cantopop) หรือ ที่วงการเพลงทั่วโลกเรียกขานว่า สี่ราชาแห่งวงการเพลงป็อปฮ่องกง (Four Kings of Hong Kong pop-music industry) ร่วมกับ จาง เซียะโหย่ว , หลิว เต๋อหัว และ กัว ฟู่เฉิง

ส่วนผลงานทางด้านภาพยนตร์ ในช่วงแรก ๆ นั้นเขาได้รับการสนับสนุนให้เป็นพระเอกรุ่นใหม่ของวงการหนังฮ่องกงในสังกัดสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) ร่วมกับ กัว ฟู่เฉิง , เจิ้ง อี้เจี้ยน , จาง เหว่ยเจี้ยน โดยเขาได้รับบทนำเป็นพระเอกในเรื่อง ถ้าเอ็งเก่ง ก็เอาเธอไป (With or Without You 1992) , เมืองหน้าขนใครทำให้มันเกลี้ยง (The Wicked City 1992) แต่ผลงานที่โดดเด่นที่สุดในช่วงแรกนี้ ได้แก่ ภาพยนตร์เรื่อง ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ภาคพิเศษ (Love And The City 1994) ที่แสดงคู่กับ อู๋เชี่ยนเหลียน นางเอกดังแห่งผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ส่วนผลงานเด่นเรื่องอื่น ๆ ที่เขารับแสดงทั้งบทสมทบและบทนำที่ได้รับความนิยม เช่น ขบวนฆาตไม่นับญาติ (Gun n' Rose 1992) , ซิตี้ฮันเตอร์ ใหญ่ไม่ใหญ่ข้าก็ใหญ่ (City Hunter 1993) , นักฆ่าตาชั้นเดียว (Fallen Angels 1994) , คนตัดคนภาคพิเศษ ตอน กำเนิดเกาจิ้ง (God of Gamblers 3: The Early Stage , 1997) , คนบินตอร์ปิโด (Skyline Cruisers 2000) , อึดคู่อันตราย (Heroic Duo 2003) แสดงคู่กับ เจิ้ง อี้เจี้ยน , ปิดตำนานสองคนสองคม (Infernal Affairs III , 2003) เป็นต้น แต่ภาพยนตร์ที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดีและยังคงประทับใจผู้ชมมาจนถึงทุกวันนี้ คือ เรื่อง เถียน มี มี่ 3650 วันรักเธอคนเดียว (Comrades: Almost a Love Story 1996) ที่เขาได้แสดงนำคู่กับนักแสดงสาวระดับซุปเปอร์สตาร์ทางจอเงิน อย่าง จางม่านอวี้ นอกจากนี้ยังเคยถ่ายมิวสิกวิดีโอคู่กับ ช็อน จี-ฮย็อน (นักแสดงชาวเกาหลี จากภาพยนตร์เรื่อง ยัยตัวร้ายกับนายเจี๋ยมเจี้ยม) ในบทเพลง "If I Can See You Again" อีกด้วย

จากความสำเร็จอย่างสูงในชีวิตของการเป็นทั้งนักร้องและนักแสดงของ หลี่หมิง โดยเฉพาะทางด้านดนตรีทำให้ต่อมาเขาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน 10 นักร้องชายเพลงจีนแห่งเกาะฮ่องกงที่ประสบความสำเร็จและยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปี (ทศวรรษ ที่ 70s, 80s และ 90s) ร่วมกับ แซม ฮุย (Samuel Hui) , หลอ เหวิน (Roman Tam) , อลัน ทัม (Alan Tam) , เลสลี่ จาง (Leslie Cheung) , จาง เซียะโหย่ว (Jacky Cheung), หลิว เต๋อหัว (Andy Lau) , กัว ฟู่เฉิง (Aaron Kwok) , เฉิน อี้ซวิ่น (Eason Chan) และ หว่อง กาเค่ย (Wong Ka Kui) นักร้องนำ "วงบียอนด์ (Beyond)"

ด้านชีวิตส่วนตัว หลี่หมิงเป็นเศรษฐีผู้ร่ำรวยมากคนหนึ่ง และเป็นเจ้าของบ้านที่มีขนาดพื้นที่ 6,000 ตารางฟุต โดยมีแฟนสาว หวิง ชาน ซึ่งทั้งสองพบรักกันในปีพ.ศ. 2559 ตอนที่ฝ่ายหญิงได้เข้าทำงานเป็นผู้ช่วยของเขาจนกระทั่งสองปีต่อมาทั้งคู่ได้มีลูกสาวด้วยกัน 1 คนโดยที่ทั้งสองยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่ต่อมาในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 (2019) ทั้งคู่ตัดสินใจบินไปจดทะเบียนสมรสที่ซานฟรานซิสโก และเข้าพิธีแต่งงานกันที่นั้น

ประวัติ[แก้]

ชีวิตช่วงแรก (พ.ศ. 2509-2527)[แก้]

บรรพบุรุษของหลี่หมิงเป็นชาวจีนแคะ (客家) ที่เดิมมีพื้นเพอาศัยในเขตเหม่ยเชี่ยน (梅县区) เมืองเหมยโจว (梅州市) มณฑลกวางตุ้ง (廣東省) ประเทศจีน

พ่อของหลี่หมิงมีชื่อว่า หลี่ซินเฉิง เขามีเชื้อสายจีน-อินโดนีเซีย จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งในปีพ.ศ. 2493 (1950) ปู่ของหลี่หมิงเป็นเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศก๊กมินตั๋ง ต่อมาพ่อของเขาได้ไปทำงานในอำเภอซีเฉิง (西城區) เป็นเขตที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของใจกลางเมืองกรุงปักกิ่งและได้พบรักกับแม่ของเขาที่อาศัยอยู่ที่นั้นในซอยแกะ (羊肉胡同) ในเขตชานเมืองของกรุงปักกิ่ง และเป็นบ้านเกิดของหลี่หมิง

หลี่หมิง มีชื่อเดิมว่า หลี่เจี่ย (黎捷) เกิดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2509 (1966) ที่กรุงปักกิ่งประเทศจีนและเป็นลูกโทน พอเขาเกิดได้ไม่นานพ่อของเขาได้ย้ายไปทำงานที่ประเทศฮ่องกงจนสร้างตัวได้และมีฐานะร่ำรวย ต่อมาในปีพ.ศ. 2513 (1970) เมื่อหลี่หมิง อายุได้ 4 ขวบคุณแม่ก็ได้พาเขาย้ายตามคุณพ่อไปอยู่ที่ฮ่องกง

แต่แล้วในปีพ.ศ. 2523 (1980) ในขณะที่หลี่หมิง อายุได้ 14 ปี พ่อและแม่ของเขาได้ทำการหย่ากันและหลี่หมิงอยู่ในความดูแลของคุณพ่อ เหตุการณ์นี้ได้สร้างความเสียใจให้แก่หลี่หมิงเป็นอย่างมาก และเพื่อที่จะบรรเทาผลกระทบทางด้านจิตใจของหลี่หมิง คุณพ่อของเขาได้ส่งตัวเขาไปยังสหราชอาณาจักรเพื่อศึกษาต่อที่โรงเรียนมัธยมปรินซ์ตัน (King's Way Princeton College) ซึ่งเป็นวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ที่เซาท์วาร์ค (Southwark) ในย่านเลวิแชม (Lewisham) ที่ ลอนดอน สหราชอาณาจักร จนถึงปีพ.ศ. 2527 (1984) หลี่หมิงในวัย 18 ปี ได้ศึกษาจนจบในระดับชั้นม.6 และไม่ได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี เพราะโรคไซนัสอักเสบที่เขาเป็นอยู่ เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องกลับไปที่บ้านพักแถวจิมซาจุ่ยในฮ่องกงเพื่อทำการรักษา

เข้าสู่วงการบันเทิง (พ.ศ. 2528-2532)[แก้]

หลังจากรักษาสุขภาพจนหายเป็นปกติแล้วเขาได้เริ่มทำงานเป็นพนักงานขายของในบริษัทโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่งและในช่วงนี้เองที่เขาได้พบกับนาย หว่องฮัวฉี (黃華麒) หรือที่รู้จักกันในนาม แฟรงคลิน หว่อง โดยบังเอิญ ซึ่งในตอนนั้นเขาคนนี้เป็นทั้งผู้กำกับภาพยนตร์-ผู้อำนวยการสร้างละครโทรทัศน์ฮ่องกงและยังเป็นผู้อำนวยการด้านการแพร่ภาพกระจายเสียงแห่งฮ่องกงอีกด้วย เขาได้ชักชวน หลี่หมิงให้เข้ามาเล่นเป็นตัวประกอบในภาพยนตร์ที่เขากำกับและยังแนะนำให้หลี่หมิงเข้าไปสมัครคัดเลือกเป็นนักแสดงของทางสถานีโทรทัศน์เอทีวี ที่กำลังเปิดรับสมัครอยู่ในขณะนั้น และแน่นอนเขาก็สามารถผ่านการคัดเลือกเลยต้องออกจากงานประจำที่ทำอยู่เพื่อเข้าไปอบรมหลักสูตรการแสดงในรุ่นเดียวกับ จางเหมี่ยน (張敏) แต่อย่างไรก็ตามเขากลับสอบไฟนอลไม่ผ่านทำให้เขาเรียนไม่จบหลักสูตรการแสดงกับทางค่ายเอทีวี จากนั้นเขาก็ไปยื่นใบสมัครเข้าเรียนหลักสูตรการแสดงที่สถาบันศิลปะการแสดงของฮ่องกง (the Hong Kong Academy for Performing Arts) แต่การสมัครของเขาถูกปฏิเสธ

บนความโชคร้ายยังคงมีความโชคดีอยู่บ้างในช่วงฤดูร้อนของปีพ.ศ. 2528 (1985) หลี่หมิงได้ถูกชักชวนจากแมวมองท่านหนึ่งที่เห็นแววรุ่งของเขาจึงได้แนะนำให้หลี่หมิงเข้าร่วมการประกวดร้องเพลงในรายการ ค้นคว้าหาดาวครั้งที่ 5 ในปีพ.ศ. 2529 (the New Talent Singing Awards 1986) ซึ่งเป็นรายการประกวดร้องเพลงที่คัดเลือกนักร้องหน้าใหม่เข้าสู่วงการบันเทิงจัดการประกวดโดยสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) และผู้ชนะเลิศการประกวดในปีนั้นเป็นผู้หญิง คือ คุณเหวินเผ่ยหลิง (文佩玲) ส่วน หลี่หมิงก็สามารถคว้ารางวัลรองอันดับสองมาครองได้สำเร็จ ซึ่งบนเวทีการประกวด หลี่หมิงมีบุคลิกที่โดดเด่นเป็นอย่างมากอีกทั้งยังมีใบหน้าที่หล่อเหลาสะดุดตาผู้ชมทำให้ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบียื่นข้อเสนอให้เขาเข้ามาเป็นนักแสดงในสังกัดทันที ถือได้ว่าเป็นการเปิดประตูเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัวของเขานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาและเริ่มมีผลงานทางจอแก้วในปีนั้นเลย แต่เนื่องจาก หลี่หมิงไม่ได้เป็นนักเรียนการแสดงของทางค่ายโดยตรง ทำให้ในช่วงแรกทางช่องให้เขาแสดงชิมลางไปก่อนเพื่อดูกระแสตอบรับจากผู้ชมในตัวเขากับผลงานภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง สายรักสายสัมพันธ์ (She’s not my mother 1986) ซึ่งเป็นภาพยนตร์โทรทัศน์จบภายใน 60 นาที และบทบาทรับเชิญในซิทคอม เรื่อง ชีวิตคนเมือง (City Japes 1986) เพื่อเป็นการปูทางก่อนที่จะผลักดันให้เขาได้มีผลงานแสดงละครหลายตอนอย่างเต็มตัว

ต่อมาเขาได้มีโอกาสลงเล่นละครอย่างเต็มตัว และมีผลงานเรื่องแรกในชีวิตการแสดงของเขาคือการรับบทตัวร้ายในละครเรื่อง ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย (Foundlings Progress) เป็นละครที่ออนแอร์ลงสู่จอทีวีในปีพ.ศ. 2530 (1987) และเป็นละครฟอร์มกลาง ๆ ไม่ยาวมาก แต่กลับฮิตถล่มทลายอย่างไม่น่าเชื่อทำให้ทั้งหลี่หมิงและนักแสดงชายดาวรุ่งอีกคน คือ หลินจุ้นเสียน แจ้งเกิดกับผลงานละครเรื่องนี้ทันที ส่วนดารานำในเรื่อง คือ เฉินหมิ่นเอ๋อ และ เซียะหนิงเป็นตัวเอก หลังจากแจ้งเกิดกับละครเรื่องนี้แล้ว หลี่หมิงได้กลายเป็นดาวรุ่งมาแรงคนหนึ่งของทางช่องจากนั้นได้มีโอกาสขยับจากบทตัวร้ายมาเป็นพระรองเล่นประกบกับดาราสาวดาวรุ่งมาแรงอีกคน หลอฮุ่ยเจียน ในละครเรื่อง ทำไมเป็นแค่เพื่อน (A Friend in Need 1988) โดยมีเยิ่นต๊ะหัว เป็นพระเอก และดาราสาว ชีเหม่ยเจิน เป็นนางเอก และยังเป็นละครที่รวมดาราหน้าใหม่ดาวรุ่งมาเล่นอีกหลายคน ได้แก่ เส้า จงเหิง, หลิน จุ้นเสียน และ เหลียง เพ่ยหลิง ตามต่อด้วยภาพยนตร์โทรทัศน์ 53 นาทีจบ เรื่องคู่รักมฤตยู (Deadly Lovers 1988) เมื่อทางช่องเห็นแววรุ่งจากผลตอบรับที่ดีของผู้ชมละคร จึงทำให้เขาได้มีโอกาสรับบทเป็นพระเอกเต็มตัวในละครถัดมาเรื่อง ศึกชิงบัลลังก์ (Bing Kuen 1988) โดยได้ประกบกับดาราสาว เส้าเหม่ยฉี ในขณะที่ทางช่องกำลังผลักดันส่งเสริมเขาอย่างเต็มที่แต่แล้วก็เกิดปัญหาขึ้นในช่วงที่กำลังถ่ายทำละครเรื่องนี้ หลีหมิง เกิดป่วยเป็นไข้อยู่บ่อย ๆ และมากองถ่ายสายเกือบทุกคิว ทำให้ทั้งผู้กำกับไปจนถึงนักแสดงด้วยกันในละครเรื่องนี้ต่างไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อเรื่องมาสายของเขาถึงหูผู้ใหญ่ของทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ทำให้เขาถูกแช่แข็งเป็นเวลา 6 เดือนเพื่อเป็นการสั่งสอน เป็นผลให้ละครถัดมาเรื่อง จอมทัพจิ้นบุ้นกง (Chun Mun Kong Chuen Kei 1989) ที่เขาเล่นประกับ หลอฮุ่ยเจียน ถูกดองไม่ได้ออกอากาศฉายทางฮ่องกง แต่โชคยังดีที่ได้ไปออกอากาศฉายในตลาดต่างประเทศแทนและก็ได้รับความนิยมทั้งใน สิงค์โปร์ และมาเลเซีย ในช่วงที่เขาถูกทางช่องทีวีบีแช่แข็งอยู่นั้นแต่แล้วเขาได้รับการติดต่อเป็นครั้งแรกให้ไปร่วมแสดงละครของทางไต้หวันกับทางสถานีโทรทัศน์ซีทีวี (CTV) ในเรื่อง พายุแห่งชีวิต (風雲時代 1990) ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้รับความนิยมในไต้หวัน

หลังจากโดนทางช่องทีวีบีทั้งแช่แข็งและดองงานละครไม่ให้ออกอากาศเพื่อแก้นิสัยมาสายของเขาแล้ว แต่เมื่อเขากลับเข้ามาเล่นละครอีกครั้งก็ยังคงได้รับการส่งเสริมผลักดันจากทางช่องอย่างเต็มที่และมีผลงานยอดนิยมตามมา ได้แก่ กลับเมืองจีนดีกว่า (Yankee Boy 1989) ประกบ นักแสดงสาวสวย หลี เหม่ยเสียน และ โจวเสียนนักร้องเสียงทอง (Song Bird 1989) ประกบกับดาราสาวหน้าใหม่อย่างเฉิน สงหลิง ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้ต่างทำให้ หลี่หมิงได้รับความนิยมเพิ่มมากยิ่งขึ้น

ยุคทอง (พ.ศ. 2533-2540)[แก้]

ผลงานละครสุดฮิตเรื่อง มรสุมสายเลือด (Challenge of Life 1990) ออนแอร์ลงสู่จอเป็นละครดราม่าเข้มข้นโดยที่เขาได้แสดงฝีมือประชันบทบาทกับหลิวชิงหวิน, หลีเหม่ยเสียน และ หลอฮุ่ยเจียน ซึ่งผลงานละครเรื่องนี้ได้รับการตอบรับจากผู้ชมดีมาก จนมาถึงผลงานละครที่ทำให้เขาเริ่มเข้าสู่ยุคทองทางด้านการแสดงจอแก้วและเป็นคู่ขวัญกับดาราสาวชื่อดังในยุคนั้น อย่าง โจว ไห่เม่ย ในเรื่อง ย้อนรักรอยอดีต (Cherished Moments 1990) และยังเป็นผลงานที่ทำให้ทั้งคู่พบรักกัน หลังจากที่โจวไห่เม่ยเพิ่งเลิกลา กับหลี่ เหลี่ยงเหว่ย มาได้สักพักจนเธอได้มาพบรักกับหลี่หมิงจากการเล่นละครร่วมกันในเรื่องนี้ จนมาถึงละครที่ทำให้ทั้งสองยิ่งดังระเบิดกับผลงานเรื่องถัดมาที่ทั้งคู่ได้แสดงร่วมกันอีกครั้งในเรื่อง เพื่อนรักเพื่อนแค้น (The Breaking Point 1991) หลังจากละครเรื่องนี้เขาได้ก้าวขึ้นเป็นพระเอกยอดนิยมแถวหน้าคนหนึ่งของทางของค่ายทีวีบี และเป็นช่วงที่เขามีชื่อเสียงโด่งดังกับผลงานเพลงของเขาที่มีอัลบั้มออกมาอย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จทุกอัลบั้มจนได้รับฉายาว่าเป็นหนึ่งใน จตุรเทพ ของวงการนักร้องฮ่องกง ร่วมกับ หลิวเต๋อหัว, กัวฟู่เฉิง และ จางเซียะโหย่ว ทั้งสี่คนเป็นขวัญใจวัยรุ่นหนุ่มสาวในยุคนั้นเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าเมื่อผลงานเพลงประสบความสำเร็จทำให้ผลงานทางด้านละครก็ต้องลดลงตามไปด้วยเพราะเขาไม่ค่อยมีเวลารับเล่นละคร แต่ก็ยังพอมีผลงานที่ประสบความสำเร็จอยู่บ้าง เช่น เทพบุตรผู้พิชิต (The Legendary Ranger 1993) ที่รับบทนำประกบกับนักแสดงสาวสวยในยุคนั้นมากมาย อย่าง หลี่ เจียซิน, จู อิน, หง ซิน และ นักร้องสาวดาวรุ่งดวงใหม่ หวัง จิงเหวิน แต่ทว่าละครเรื่องนี้กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าเรื่อง เพื่อนรักเพื่อนแค้น เพราะเนื้อหาของบทละครที่อ่อนนั่นเอง

หลังจากละครเรื่องนี้หลี่หมิงกลับมีชื่อเสียงโด่งดังไปทางด้านผลงานเพลงมากกว่าและต่อมาหลังจากหมดสัญญาการเป็นนักแสดงกับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเขาก็หันไปเอาดีทางด้านภาพยนตร์อย่างเต็มตัวควบคู่ไปกับการร้องเพลง (ซึ่งในความเป็นจริงเขาเคยผ่านการเล่นภาพยนตร์มาบ้างแล้วและประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง) ส่วนละครเรื่องสุดท้ายกับทางค่ายทีวีบีในปีพ.ศ. 2537 (1994) คือเรื่อง สวัสดีคุณครู (Class of Distinction 1994) ที่ประกบกับนักแสดงหน้าใหม่มากมาย อย่าง ซุนซวน, จูเจี้ยนจวิน และ หลีฉีหง หลังจากหันหลังให้กับการเล่นละครก็ประเดิมการแสดงภาพยนตร์เรื่อง รันชายเดียวในหัวใจ (仙人掌 1994) เป็นภาพยนตร์ที่ฉายเฉพาะในฮ่องกง ตามด้วยผลงานภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมเรื่อง ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ภาคพิเศษ (Love And The City , 都市情緣 1994) และ นักฆ่าตาชั้นเดียว (墮落天使 1995) จนมาถึงผลงานที่เขาได้ร่วมแสดงนำกับราชินีจอเงิน อย่าง จางม่านอวี้ ในภาพยนตร์รักโรแมนติก เรื่อง เถียน มี มี่ 3650 วันรักเธอคนเดียว (甜蜜蜜 1996) ผลงานการกำกับของ ปีเตอร์ ชาน โดยใช้เพลงเถียนมี่มี่ ของ เติ้ง ลี่จวิน เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ เมื่อออกฉายได้กลายเป็นหนังที่ได้รับความสำเร็จอย่างท่วมท้นทั้งรายได้และรางวัล จนปีต่อมานิตยสารไทม์ จัดให้เป็นภาพยนตร์แนวรักโรแมนติกที่ดีที่สุดเป็นอันดับสองของโลกในปีพ.ศ. 2540 (1997) ตามต่อด้วยผลงานเรื่อง คนตัดคนภาคพิเศษ ตอน กำเนิดเกาจิ้ง (賭神三之少年賭神 1997) และ ชีวิตข้า...ขอกล้าที่จะรัก (半生緣 1997) ซึ่งทั้งสองเรื่องก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน

ผลงานในยุคหลัง (พ.ศ. 2541-ปัจจุบัน)[แก้]

หลังจากที่ฮ่องกงได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากอังกฤษกลับคืนสู่ประเทศจีน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 (1997) วงการบันเทิงฮ่องกงก็ค่อย ๆ เริ่มเข้าสู่ยุคตกต่ำในตลาดเอเชียมาตั้งแต่นั้น โดยถูกส่วนแบ่งการตลาดเอเชียกับทั้งภาพยนตร์และละครซีรีส์จากประเทศอื่น ๆ เช่น ไต้หวัน, จีน และเกาหลี โดยเฉพาะภาพยนตร์และซีรีส์เกาหลี ในตอนนั้นสามารถไปตีตลาดนอกประเทศเกาหลีได้สำเร็จและไปดังในหลาย ๆ ประเทศในแถบเอเชีย และเกิดกระแสฟีเวอร์ดาราเกาหลีขึ้นมาแทนโดยเฉพาะในประเทศไทย เป็นผลทำให้ทั้งภาพยนตร์และละครดังในฮ่องกงหลายเรื่องไม่ได้ไปแพร่หลายตามตลาดเอเชีย และถึงแม้จะมีผลงานดังในฮ่องกงบางเรื่องได้นำออกสู่ตลาดเอเชีย แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมหรือประสบความสำเร็จเหมือนดั่งในอดีตอีกเลย

ถึงแม้จะมีผลกระทบดังกล่าว แต่สำหรับชาวฮ่องกงยังคงให้ความนิยมในตัวของ หลี่หมิง เหมือนเดิม ผลงานภาพยนตร์ในยุคหลัง ๆ ของเขาที่ยังคงประสบความสำเร็จในฮ่องกงและในบางประเทศมีหลายเรื่อง เช่น คนบินตอร์ปิโด (神偷次世代 2000), นักฆ่า ล่าทะลุมิติ (天使夢 2000), ฝ่าเกมรักกับดักอันตราย (不死情謎 2001), อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต (三更 2002), อึดคู่อันตราย (雙雄 2003), ปิดตำนานสองคนสองคม (無間道III終極無間 2003), 7 กระบี่เทวดา (七劍 2005), จอมใจบัลลังก์เลือด (江山美人 2008), 5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น (十月圍城 2009) และ มังกรสร้างชาติ (建國大業 2009) เป็นต้น และในปีพ.ศ. 2558 (2015) ภาพยนตร์เรื่อง หยางกุ้ยเฟย สนมเอกสะท้านแผ่นดิน (Lady of the Dynasty 2015) ได้สร้างความเกรียวกราวเป็นอย่างมากเมื่อมีฉากอีโรติกที่เขามีเซ็กซ์บนหลังม้าอันแสนเร่าร้อนกับดาราสาวฟ่าน ปิงปิง จนถูกกองเซ็นเซอร์ของจีนตัดฉากนี้ออกไป

หลังจากที่โลดแล่นกับผลงานภาพยนตร์อยู่นาน แต่แล้วในปีพ.ศ. 2561 (2018) หลี่หมิงได้กลับไปร่วมงานแสดงละครกับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีอีกครั้งหลังจากที่เขาไม่ได้ร่วมงานกับทางค่ายทีวีบีมานานถึง 24 ปี โดยประเดิมกับผลงานละครเรื่องสยบฟ้าพิชิตปฐพี (ever night 2018) และมีผลงานแนวสากลแอ็คชั่น ตามมาอีกเรื่อง คือ เทพบุตรล่าล้างทรชน (Overseas security officer 2018) โดยรับบทเป็น เว่ยเทียน อดีตเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการณ์พิเศษคุ้มครองคนระดับวีไอพี (VIP) ที่ไปมีส่วนร่วมในภารกิจระดับชาติ ร่วมแสดงกับ หลี่ไคซิน และ หยางเล่อ

ผลงานด้านการแสดง[แก้]

ละครโทรทัศน์ค่ายทีวีบี[แก้]

ปีพ.ศ. (ค.ศ.) ชื่อละครไทย (ภาษาอังกฤษ) ชื่อละครภาษาจีน หมายเหตุ
2561 (2018) เทพบุตรล่าล้างทรชน (Overseas security officer) 莫語者
สยบฟ้าพิชิตปฐพี (ever night 2018) 將夜
2537 (1994) สวัสดีคุณครู (Class of Distinction) 阿SIR早晨
2536 (1993) เทพบุตรผู้พิชิต (The Legendary Ranger) 原振俠
2534 (1991) เพื่อนรักเพื่อนแค้น (The Breaking Point) 今生無悔
2533 (1990) มรสุมสายเลือด (Challenge of Life) 人在邊緣
ย้อนรักรอยอดีต (Cherished Moments) 回到未嫁時(挑戰未來)
พายุแห่งชีวิต (Period of Glory) 風雲時代 ละครไต้หวันค่ายCTV
2532 (1989) โจวเสียนนักร้องเสียงทอง (Song Bird) 天涯歌女
กลับเมืองจีนดีกว่า (Yankee Boy) 回到唐山
จอมทัพจิ้นบุ้นกง (Chun Mun Kong Chuen Kei) 晋文公傳奇 ไม่ได้ออนแอร์ลงจอในฮ่องกง
2531 (1988) ศึกชิงบัลลังก์ (Bing Kuen) 兵權
คู่รักมฤตยู (Deadly Lovers) 夺命情人 1988 ภาพยนตร์โทรทัศน์ 53 นาที
ทำไมเป็นแค่เพือน (A Friend in Need) 飛越霓裳
2530 (1987) ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย (Foundlings Progress) 男兒本色 เป็นละครเรื่องแรกของ หลี่หมิง
2529 (1986) ชีวิตคนเมือง (City Japes) 城市故事 1986 เป็นซิทคอม
สายรักสายสัมพันธ์ (She’s not my mother) 母與子 1986 ภาพยนตร์โทรทัศน์ 60 นาที

ภาพยนตร์[แก้]

ปีที่ออกฉาย ชื่อไทย ชื่ออังกฤษ ชื่อจีน ชื่อเกาหลี หมายเหตุ
1987 คู่ปิ๊งส์ ฮา +2 Mr. Handsome 美男子 -
1989 ใช้ความเป็นหนุ่มให้คุ้มค่าชาย Four Loves 四千金 -
กระดังงา 100 กะรัต Hearts, No Flowers 少女心 -
1991 รักซื่อๆ เบี้ยวใสๆ Fruit Punch Yes一族 -
ถ้าเอ็งเก่ง ก็เอาเธอไป With or Without You 明月照尖東 -
108 รวยพ่อให้มา The Banquet 豪門夜宴 - เป็นภาพยนตร์ตลกการกุศลที่รวบร่วมนักแสดงฮ่องกงชั้นนำเกือบ 200 คน มาร่วมแสดง
1992 ลูกเขยมังกร บ้าสู้ฟัด Fun & Fury 痴情快婿 -
พ่อครัวทีเด็ด Shogun and His Little Kitchen 伙頭福星 -
เมืองหน้าขน ใครจะทำให้มันเกลี้ยง The Wicked City 妖獸都市 요수도시
ดวงจะพุ่ง อย่ายุ่งได้ไหม The Magic Touch 神算 -
ขบวนฆาตไม่นับญาติ Gun n' Rose 龍騰四海 용등사해
จิ้งจอกภูเขาหิมะ The Sword of Many Lovers 飛狐外傳 비호외전
1993 ซิตี้ฮันเตอร์ ใหญ่ไม่ใหญ่ข้าก็ใหญ่ City Hunter 城市獵人 시티 헌터 รับเชิญ
1994 ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ภาคพิเศษ Love And The City 都市情緣 -
ล่าเร็วกว่านรก Run 仙人掌 -
1995 นักฆ่าตาชั้นเดียว Fallen Angels 墮落天使 타락천사
1996 เถียน มี มี่ 3650 วันรักเธอคนเดียว Comrades: Almost a Love Story 甜蜜蜜 첨밀밀
1997 คนตัดคนภาคพิเศษ ตอน กำเนิดเกาจิ้ง God of Gamblers 3: The Early Stage 賭神3之少年賭神 -
ล่าหัวใจยัยกุ๊กกิ๊ก Killing Me Tenderly 愛你愛到殺死你 -
ชีวิตข้า...ขอกล้าที่จะรัก Eighteen Springs 半生緣 -
1998 สองทรนงไม่ยอมให้โลกทรยศ A Hero Never Dies 真心英雄 -
มากกว่าคำว่ารัก City of Glass 玻璃之城 유리의 성
เลิฟ เจเนอร์เรชั่น วันนั้นหากหัวใจถามหา Love Generation Hong Kong 新戀愛世紀 -
2000 อยากให้รักกลับมา ณ ที่นี้อีกครั้ง Sausalito 一見鍾情 소살리토
คนบินตอร์ปิโด Skyline Cruisers 神偷次世代 -
2001 นักฆ่าล่าทะลุมิติ Dream of a Warrior 天使夢 천사몽 หลี่หมิงร่วมแสดงภาพยนตร์เกาหลีเป็นเรื่องแรก
รักกันให้ทุกวันสีชมพู Everyday Is Valentine 情迷大話王 발렌타인 데이
ฝ่าเกมรักกับดักอันตราย Bullets of Love 不死情謎 -
2002 อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต ตอน Going Home Three 三更 쓰리 เป็นภาพยนตร์สยองขวัญ 3 เรื่องจาก 3 ประเทศ ของ 3 ผู้กำกับ โดยในตอน "Going Home" กำกับการแสดงโดย ปีเตอร์ ชาน
2003 ปิดตำนาน สองคนสองคม (สองคนสองคม ภาค 3) Infernal Affairs III 無間道III:終極無間 무간도 III: 종극무간
อึดคู่อันตราย Heroic Duo 雙雄 쌍웅
นางสาวกำไก่ 2 Golden Chicken 2 金雞2 -
2004 ปาฏิหาริย์รัก...เปลี่ยนใจฉัน..ให้ฝันเป็นเธอ Leaving Me, Loving You 大城小事 -
2005 เซเว่นซวอร์ด 7 กระบี่เทวดา Seven Swords 七劍 칠검
เทพบุตรป้ายเหลือง Moonlight in Tokyo 情義我心知 -
2006 - A Melody Looking 緣邀知音 -
2007 ฝังรักฝากวิญญาณเฮี้ยน The Matrimony 心中有鬼 -
2008 จอมใจบัลลังก์เลือด An Empress and the Warriors 江山美人 연의 황후
เหมยหลันฟาง ร้องรักก้องโลก Forever Enthralled 梅蘭芳 매란방
2009 5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น Bodyguards and Assassins 十月圍城 8인: 최후의 결사단
- The Magic Aster 马兰花 - เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นจีน
มังกรสร้างชาติ The Founding of a Republic 建國大業 건국대업 เป็นภาพยนตร์จีนอภิมหาสงครามครั้งยิ่งใหญ่โดยนักแสดงชั้นนำจากจีนและฮ่องกง หลายชีวิต มาร่วมแสดง สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสที่จีนครบรอบ 60 ปี
2010 ถอดสลักปล้น คนกระแทกมังกร Fire of Conscience 火龍 화룡대결
2011 ฌ้อปาอ๋อง ศึกแผ่นดินไม่สิ้นแค้น White Vengeance 鴻門宴 초한지 - 천하대전
2012 หยางกุ้ยเฟย สนมเอกสะท้านแผ่นดิน Lady of the Dynasty 王朝的女人·楊貴妃 양귀비: 왕조의 여인

เกร็ดความรู้[แก้]

มีหลายคนเข้าใจผิดคิดว่า แซ่ไหล่ กับ แซ่ไหล เป็นนามสกุลเดียวกันเนื่องมาจากมีการออกเสียงที่คล้ายกัน แต่ในความจริงทั้งสองเป็นคนละนามสกุลเพราะใช้ภาษาเขียนกันคนละตัว คือ แซ่ไหล่ (黎) และ แซ่ไหล (赖) ซึ่งตามประวัติทั้งสองตระกูลไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอันใด

อ้างอิง[แก้]

  1. ent5.cn.yahoo.com. "ent5.cn.yahoo.com เก็บถาวร 4 ธันวาคม 2010 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  2. 2.0 2.1 "Leon intro". Xinhua News Agency. 17 กุมภาพันธ์ 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 ตุลาคม 2007. สืบค้นเมื่อ 29 สิงหาคม 2007.
  3. Profile เก็บถาวร 2018-02-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, chinareviewnews.com; retrieved 31 May 2010.
  4. "Leon Lai profile". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 April 2013. สืบค้นเมื่อ 24 March 2013.
  5. "หลี่หมิงแต่งงานครั้งที่สอง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-07-30. สืบค้นเมื่อ February 28, 2019.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]