โจว ไห่เม่ย์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก โจว ไห่เม่ย)
โจว ไห่เม่ย์
โจว ไห่เม่ย์ ใน พ.ศ. 2554
โจว ไห่เม่ย์ ใน พ.ศ. 2554
สารนิเทศภูมิหลัง
เกิด6 ธันวาคม พ.ศ. 2509
โจวไห่เม่ย์
ฮ่องกงของบริเตน
เสียชีวิต11 ธันวาคม พ.ศ. 2566 (57 ปี)
กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
อาชีพนักแสดง, นางแบบ
ปีที่แสดง2528 - 2566
ผลงานเด่น- บท ฟางเซียะหนิง เรื่อง คู่ทรนง (พ.ศ. 2529)
- บท ฉีเจียอวี้ เรื่อง ค่าของคน (พ.ศ. 2530)
- บท เจ้าแม่วังผีเสื้อ เรื่อง อิทธิฤทธิ์เจ้ายุทธภพ (พ.ศ. 2531)
- บท อาหัว เรื่อง คู่แค้นสายโลหิต (พ.ศ 2532)
- บท เสิ่นเหวินอี้ เรื่อง เพื่อนรักเพื่อนแค้น (พ.ศ. 2534)
- บท จิวจี้เยียก เรื่อง ดาบมังกรหยก (พ.ศ. 2536-2537) ฉบับไต้หวัน
สังกัดสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (พ.ศ. 2528-2540, 2551-2552, 2555-2557)
สถานีโทรทัศน์เอทีวี (พ.ศ. 2541-2544)
ฐานข้อมูล
IMDb

โจว ไห่เม่ย์ (จีน: 周海媚, พินอิน: Zhōu Hǎimèi, กวางตุ้ง: Chow1 Hoi2 Mei6; 6 ธันวาคม พ.ศ. 2509 - 11 ธันวาคม พ.ศ. 2566) หรือในชื่อภาษาอังกฤษ แคที โจว (Kathy Chow) นักแสดงหญิงชื่อดังชาวฮ่องกงที่อดีตเคยมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมากในระดับเอเชีย โดยในช่วงปลายทศวรรษ 1980 ถึงต้นทศวรรษ 1990 (พ.ศ. 2532-พ.ศ. 2536) เธอได้รับการยกย่องให้ติดท็อปเท็นนักแสดงหญิงที่โด่งดังทางสายงานละครมากที่สุดในฮ่องกง ติดต่อกันถึง 3 ปี ยังเคยได้รับการโหวตให้เป็นหญิงสาวในฝันของชายหนุ่มในไต้หวันอีกด้วย ช่วงกลางยุคทศวรรษ 90s จากการเปลี่ยนภาพลักษณ์เป็นแนวเซ็กซี่ ทำให้เธอมีฉายาให้ว่า "ชารอน สโตนแห่งเอเชีย" ขึ้นมา และกลายเป็นฉายาที่ใช้เรียกแทนตัวเธอตลอดมา [1][2][3][4][5][6][7][8]

ประวัติ[แก้]

โจวไห่เม่ย์ เกิดเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2509 ที่ฮ่องกงในครอบครัวฐานะดี เธอมีชื่อเล่นว่า "อาเม่ย" (Amei) เป็นลูกคนกลางของครอบครัวโดยมีพี่ชายและน้องสาวอีกอย่างละ 1 คน ในวัยเด็กสุขภาพของเธอไม่ค่อยดีนักเพราะเธอมีโรคประจำตัวเป็นภูมิแพ้หรือไซนัส (Sinusitis) แต่เธอใฝ่ฝันที่จะเข้าวงการบันเทิง เพราะเธอชอบการเต้นรำเป็นอย่างมาก และมีกีฬาโปรดคือบาสเกตบอล เธอมักใช้เวลาว่างจากการเรียนไปเล่นบาสเกตบอลอยู่เป็นประจำจึงทำให้เธอตัวสูงกว่าเด็กสาวในวัยใกล้ ๆ กันแต่ด้วยปัญหาสุขภาพที่มีมาแต่เกิดทำให้เธอไม่สามารถเล่นบาสเก็ตบอลได้อย่างสม่ำเสมอ ด้วยความที่เธอสนิทกับพี่ชายและมักจะไปเล่นคลุกคลีกับเด็กผู้ชายเป็นประจำ จึงทำให้เธอมีนิสัยเหมือนเด็กผู้ชายที่ทั้งห้าวและซุกซนเป็นอย่างมาก ดังนั้นคุณพ่อของเธอซึ่งมีเชื้อสายบรรพบุรุษเป็นขุนนางเก่ามาก่อนจึงคอยอบรมเลี้ยงดูโจวไห่เม่ย์อย่างเข็มงวดตั้งแต่วัยเด็กจนโตเป็นวัยรุ่นเพื่อที่จะปลูกฝังให้เธอมีนิสัยที่อ่อนหวานเรียบร้อยและเป็นกุลสตรี มากขึ้น

ด้วยวัย 18 ปีสุขภาพของเธอเริ่มดีขึ้นหลังจากเรียนจบในระดับชั้นมัธยมปลายแล้วในขณะที่เธอกำลังมองหามหาวิทยาลัยที่จะเข้าไปศึกษาต่อในระดับชั้นปริญญาตรีแต่แล้วพ่อของเธอได้ชวนเธอไปสมัครลงแข่งขันประกวดนางงามฮ่องกงในปีพ.ศ. 2528 (Miss Hong Kong Beauty Contest 1985) แต่ด้วยปัญหาสุขภาพที่เธอมีและเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเธอจึงลังเล ต่อมาพ่อของเธอจึงแอบไปสมัครให้กับเธอและบอกเธอในภายหลังเมื่อถึงวันคัดเลือกรอบแรก เธอไม่มีความมั่นใจเลยแต่พ่อของเธอสนับสนุนลูกสาวของเขาอย่างเต็มที่และพยายามสร้างความมั่นใจให้กับตัวเธอ และบนเวทีการประกวดด้วยหน้าตาที่จิ้มลิ้มน่ารักและสูงยาวเข่าดี ทำให้ในตอนแรกที่ลงเข้าแข่งขันเธอเป็นหนึ่งในตัวเก็งที่คาดว่าจะสามารถคว้ามงกุฎชนะเลิศของปีนั้นและเธอก็สามารถฝ่าด้านผู้สมัครหลายร้อยคนเข้าสู่รอบ 30คนได้อย่างง่ายดาย แต่พอมาถึงในวันคัดเลือกรอบชิงชนะเลิศจริงเธอกลับตกรอบและไม่มีรายชื่อติดใน 15 คนสุดท้ายที่เข้าชิงมงกุฎ สาเหตุเพราะด้วยบุคลิกของเธอที่ดูไม่ฉลาดโดยเฉพาะการตอบคำถามที่ขาดไหวพริบไม่โดนใจคณะกรรมการจึงทำให้เธอไม่สามารถฝ่าด่านผู้สมัครคนอื่น ๆ ที่ตอบคำถามได้ดีกว่าได้ อย่างไรก็ตามด้วยความสวยพร้อมที่เธอมีทำให้โชคเข้าข้างเธออยู่บ้าง เพราหลังจากการประกวดเสร็จสิ้นเธอก็ได้รับการติดต่อจากฝ่ายโปรดิวเซอร์ของทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีให้เข้าไปเซ็นต์สัญญาเป็นนักแสดง 2 ปีกับทางช่องทันทีและต้องเข้าฝึกอบรมการแสดงกับทางค่ายในหลักสูตรระยะสั้น 6 เดือนเมื่อแม่ของเธอรู้ว่าเธอเลือกที่จะเข้าสู่วงการบันเทิงและไม่คิดจะเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ถึงกับโกรธมากและไม่เห็นด้วยแต่ในที่สุดแม่ของเธอก็ยินยอมโดยทั้งสองมีข้อตกลงกันว่า "ภายในสองปีนี้ถ้าเธอไม่สามารถเป็นดาราที่มีชื่อเสียงได้เมื่อหมดสัญญากับทางช่องทีวีบีให้เธอถอนตัวออกจากวงการและกลับไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีให้จบ" และโจวไห่เม่ย์รับปากตกลงกับเงื่อนไขนี้

เมื่อเธอได้เข้าชั้นเรียนในโรงเรียนการแสดงของทีวีบี เพียง 3 เดือนต่อมาในขณะที่เธอยังคงเรียนการแสดงอยู่นั่น ทางช่องทีวีบี ก็ได้ให้เธอประเดิมบทบาทการแสดงครั้งแรกในชีวิต กับบท "หยางจิ่วเม่ย" น้องเล็กแห่งตระกูลหยาง ซึ่งเป็นบทตัวประกอบเล็ก ๆ ออกไม่กี่ฉากในละครดังเรื่องขุนศึกตระกูลหยาง (The Yang's Saga 1985) ซึ่งเป็นละครโปรเจกต์ใหญ่ประจำปีที่สร้างขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษครบรอบ 18 ปีของทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี อีกทั้งยังเป็นละครที่สามารถเอานักแสดงดัง ๆ ในค่ายเกือบทั้งหมดมาร่วมแสดงด้วยกันโดยมีดาราชายกลุ่ม 5 พยัคฆ์ทีวีบีแสดงนำ นับได้ว่าเป็นผลงานละครเรื่องแรกในชีวิตการแสดงของเธอ ซึ่งบทที่เธอได้รับมักจะเป็นหญิงสาวซื่อไร้เดียงสาไม่ทันคนโดนหลอกและถูกข่มขืนอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการร่วมแสดงในผลงานละครเรื่อง คู่ทรนง ( The Feud of Two Brothers 1986) ที่แจ้งเกิดให้กับได้เธออย่างเต็มตัวกับบทบาทสมทบที่น่าเห็นใจ และค่าของคน (The Price of Growing Up 1987) ที่เธอได้รับบทคล้าย ๆ กันแต่โดดเด่นมากขึ้น รวมไปถึงผลงานละครสากลเรื่อง เจ้าแม่ฮ่องกง (The Upheaval 1986) ที่นางเอกในเรื่อง คือ เฉิน อวี้เหลียน ละครเรื่องนี้ทำให้เธอได้พบรักกลางกองถ่ายกับพระเอกของเรื่องนี้คือ หลี่เหลียงเหว่ย ซึ่งตอนนั้นโจวไห่เม่ย์เพิ่งเข้าวงการมาได้ไม่นานและฝ่ายชายคอยดูแลเอาใจใส่เธออย่างมากในช่วงที่ถ่ายทำละครเรื่องนี้ด้วยกัน ทำให้โจวไห่เม่ย์ตกหลุมรักเขาและตัดสินใจคบหากับเขาในเวลาต่อมา และในช่วงนี้เธอมีผลงานเด่นเรื่อง อื่น ๆ ตามมา เช่น ลิขิตฮ่องเต้ (Heir to the Throne Is 1986) ที่มีนางเอกคือ หลันเจี๋ยอิง โดยหลายต่อหลายเรื่องที่ผ่านมาเธอจะได้เป็นแค่นางรองเท่านั้นเองจนเธอรู้สึกน้อยใจและคิดว่าถ้าภายในสองปีนี้เธอยังไม่ได้รับบทเป็นนางเอกเต็มตัว เธอจะถอนตัวออกจากวงการบันเทิงไปทำอย่างอื่นและในช่วงของปลายปีนั้นเอง ทางช่องได้คัดเลือกเธอให้เข้าร่วมแสดงนำกับบทนางรอง ประกบกับนางเอกหลักคือ หลิวเจียหลิง ในละครสากลแนวดราม่าฟอร์มใหญ่ 50 ตอนจบที่กำลังจะเปิดกล้องและจะออนแอร์ลงจอโทรทัศน์ในปีหน้าเรื่อง "คู่แค้นสายโลหิต" โดยมี หวงเย่อหัว แสดงนำเป็นพระเอก และดาราชายดาวรุ่ง เวินเจ้าหลุน รับบทนำเป็นตัวร้าย รวมถึงดาราสาวสวย เส้าเหม่ยฉี ได้เข้ามาร่วมแสดงในบทสมทบด้วยอีกคน ในช่วงกลางปีพ.ศ. 2532 (1989) ผลงานละครสากลฟอร์มใหญ่แห่งปีเรื่อง คู่แค้นสายโลหิต (Looking Back in Anger 1989) ได้ออนแอร์ลงสู่จอโทรทัศน์และได้สร้างปรากฏการณ์เป็นละครสากลแนวดราม่าที่มีเรตติ้งผู้ชมสูงสุดประจำปีทำให้เหล่านักแสดงนำทั้ง 5 คนในเรื่องนี้ ได้แก่ หวงเย่อหัว เวินเจ้าหลุน หลิวเจียหลิง เส้าเหม่ยฉี และเธอ ต่างมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมากกับบทบาทที่แต่ละคนได้แสดง และจากความสำเร็จของละครเรื่องนี้ได้ทำให้หวงเย่อหัว กลับมาเป็นพระเอกเบอร์หนึ่งแห่งค่ายทีวีบีอีกครั้งหลังจากที่เขาได้เสียแชมป์ความนิยมทางด้านเรตติ้งละครให้กับเหลียงเฉาเหว่ยมานาน และยังทำให้นักแสดงชายที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนักอย่าง เวินเจ้าหลุน โด่งดังเป็นพลุแตกทั่วเอเชียกับบทบาทตัวร้ายที่แสดงได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังส่งให้ หลิวเจียหลิง เส้าเหม่ยฉีและเธอได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงหญิงเบอร์แรกของทางค่ายทีวีบีอีกด้วย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะพอดีกับเหล่านักแสดงหญิงแถวหน้าของทางช่องหลายคนได้ทยอยออกจากสถานีโทรทัศน์ทีวีบี เช่น เฉิน อวี้เหลียน เติ้ง ชุ่ยเหวิน เจิ้ง หัวเชียน ชี เหม่ยเจินและคนอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งหลิวเจียหลิง ที่ดังสุด ๆ กับเรื่องคู่แค้นสายโลหิตเช่นกัน ก็หันไปเอาดีทางด้านเล่นภาพยนตร์ จึงเป็นโอกาสดีที่ทั้งโจวไห่เม่ย์ กับเส้าเหม่ยฉี ได้ขยับขึ้นมาเป็นนักแสดงหญิงเบอร์แรกได้อย่างง่ายดายหลังจากที่ทั้งสองดาราสาวเป็นนักแสดงเบอร์รองมานานหลายปีแล้วนับตั้งแต่นั้นทางช่องทีวีบี ก็ได้ยื่นบทนางเอกให้กับเธอจนได้กลายเป็นนางเอกคิวทองและมีผลงานยอดนิยมตามมามากมาย ได้แก่ ละครสากลความยาว 30 ตอนเรื่อง เพลิงรักเพลิงแค้น (Where I Belong 1990) โดยเธอเล่นประกบ ว่านจื่อเหลียง และ จางเจ้าฮุยตามต่อด้วยละครยาวแนวสากลเรื่อง เลือดนักสู้ (Rain in the Heart 1990) ที่เธอได้แสดงนำร่วมกับ กัวจิ้นอันและหลินเจียหัว ซึ่งเรื่องหลังนี้ถือว่าประสบความสำเร็จมากเรื่องหนึ่งของปีนั้นว่ากันว่าเพราะมีโจวไห่เม่ย์เล่นด้วย ปีนี้โจวไห่เม่ย์ ได้มีโอกาสแสดงนำร่วมกับดารานักร้องชายชื่อดัง หลี่หมิงในเรื่อง ย้อนรักรอยอดีต (Cherished Moments 1990) มาถึงละครที่ทำให้ทั้งสองยิ่งดังระเบิดกับผลงานเรื่องถัดมาที่ทั้งคู่ได้แสดงร่วมกันอีกครั้งในเรื่อง เพื่อนรักเพื่อนแค้น (The Breaking Point 1991) หลังจากละครเรื่องนี้ส่งให้ หลี่หมิงได้ก้าวขึ้นเป็นพระเอกยอดนิยมแถวหน้าคนหนึ่งของทางช่องทีวีบี ผลงานอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ฤทธิ์กระบี่ฟ้าคำรณ (The Sword Of Conquest 1991) หลังจากละครเรื่องนี้ในราวกลางปีพ.ศ. 2534 โจวไห่เม่ย์ เกิดรู้สึกเบื่อกับคาแรกเตอร์หญิงสาวผู้อ่อนหวาน ซึ่งเป็นบทเดิม ๆ ที่ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีมอบให้เธอเล่น เมื่อหมดสัญญากับทางช่องเธอจึงตัดสินใจออกจากค่ายไปเพื่อจะหันไปรับงานแสดงทางด้านอื่น ๆ ดูบ้างเช่น งานทางด้านภาพยนตร์หรืองานละครกับค่ายอื่น ที่สามารถยื่นบทตัวละครที่แตกต่างบทตัวละครเดิม ๆ ที่เคยเล่นกับช่องทีวีบีเพราะเธออยากจะพัฒนาฝีมือการแสดงและได้ไปเล่นละครในไต้หวันทำให้เธอได้มีโอกาสแสดงละครกับทางไต้หวันอีกเรื่อง คือ ดาบมังกรหยก (กระบี่อิงฟ้า ดาบฆ่ามังกร) เวอร์ชันในปี 1994 ที่มีความยาวถึง 64 ตอน กับการสวมบทบาทเป็น จิวจี้เยียก ร่วมแสดงนำกับ หม่าจิ่งเทา (Steve Ma) และเยี่ยถง (Cecilia Yip) ซึ่งทั้งสองคนเป็นดาราชื่อดังทางฝั่งไต้หวัน หลังจากละครกำลังภายในฟอร์มใหญ่เรื่องนี้ลงสู่จอทำให้ชื่อเสียงของโจวไห่เม่ย์กลับมาโด่งดังทั่วเอเชียอีกครั้ง

ต่อมาโจวไห่เม่ย์ กลับคืนสู่วงการจอแก้วฮ่องกงในสังกัดทีวีบีอีกครั้งและแจ้งเกิดอีกรอบกับผลงานกึ่งสากลย้อนยุคเรื่อง ม่านรัก ม่านประเพณี (Plain Love 1995) ที่ร่วมแสดงนำกับ หลอเจียเหลียง ในบทพระเอก และจางจ้าวฮุย ในบทพระรอง ซึ่งเป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีทั้งในฮ่องกงและประเทศอื่น ๆ ทั่วเอเชียทำให้ชื่อของเธอเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง แต่ทว่าก็มีข่าวซุบซิบออกมาในช่วงนั่นว่า ในระหว่างการถ่ายทำละครเรื่องนี่ โจวไห่เม่ย์ป่วยบ่อยและมากองสายตลอดจนทำให้เกิดมีปัญหากับพระรองของเรื่องนี้ ผลงานละครที่เธอประสบความสำเร็จในเฉพาะ ฮ่องกงอย่างมากในช่วงเวลานั้น ได้แก่ ละครกึ่งสากลแนวแฟนตาซีอภินิหารเรื่อง "อาถรรพณ์รักวิญญาณสาว" (Time Before Time 1997) โดยเธอแสดงนำคู่กับหลินเจียต้ง (Gordon Lam) นอกจากเรื่องนี้จะทำให้ชื่อของเธอกลับมาได้รับความนิยมอย่างสูงอีกครั้งในฮ่องกง ในปีเดียวกันเมื่อเธอกลับมารุ่งอีกครั้ง โจวไห่เม่ย์ได้ถูกติดต่อให้ถ่ายโฆษณามือถือกับมาซาโตชิ นางาเสะ (Masatoshi Nagase) อีกทั้งยังมีการนำเข้าผลงานเก่า ๆ ของเธอทั้งงานเพลงอัลบั้มชุดแรก และมิวสิกวิดีโอเข้ามาเผยแพร่ แถมเธอยังได้ออกอัลบั้มภาพสุดหวือหวาและกลายเป็นดาราเซ็กซี่ไปในพริบตา ฉีกภาพลักษณ์สาวอ่อนหวานเดิม ๆ โดยสิ้นเชิง รวมทั้งมีงานถ่ายแบบนิตยสารและโฆษณาต่างๆ นับว่าโจวไห่เม่ย์ไปโกยเงินในประเทศญี่ปุ่นได้เป็นกอบเป็นกำ ด้วยภาพลักษณ์สุดเซ็กซี่ทำให้สื่อของทางไต้หวันและฮ่องกง ถึงขนาดยกให้เธอเป็น "ชาลอน สโตนแห่งเอเชีย" อีกทั้งเธอยังกลายเป็นพรีเซนเตอร์ชาวเอเชียคนแรกให้แก่นาฬิกายี่ห้อดัง EBEL (คนที่ 2 คือ จางม่านอวี้) เมื่อหมดงานกับทางญี่ปุ่นเธอต้องรีบกลับมาฮ่องกง เพื่อเข้าร่วมถ่ายทำในละครสากลฟอร์มใหญ่ประจำปีที่มีความยาว 62 ตอนจบเรื่อง เลือดรักเลือดทรนง (Secret of the Heart 1998) ที่เธอได้ร่วมแสดงนำกับ หวงเย่อหัว, หลอเจียเหลียง และ กัวอ้ายหมิง แต่ในขณะที่กำลังถ่ายทำละครเรื่องนี้อยู่ จู่ ๆ โจวไห่เม่ย์ก็เกิดล้มป่วยขึ้นมาและถูกตรวจพบว่าเป็นโรคเอสแอลอี หมอจึงสั่งให้เธอรับงานน้อยลงจนกว่าร่างกายจะดีขึ้น ทำให้ในช่วงนั้นระหว่างการถ่ายทำละครเรื่องนี้จึงเกิดปัญหาขึ้นมาเพราะเธอมาเข้ากองถ่ายสายเป็นประจำ ดังนั้นทางผู้กำกับจึงตัดสินใจสั่งให้คนเขียนบทเขียนให้เธอตายในตอนที่ 40 และเขียนบทใหม่ให้ดาราสาว กัวอ้ายหมิง นักแสดงหญิงในเรื่องนี้อีกคนเป็นนางเอกแทนเมื่อผลงานละครเรื่อง ตีแสกตะวัน ลงสู่จอปรากฏว่าเรทติ้งของละครเรื่องนี้สูงลิ่ว ช่วยให้ช่องเอทีวีสามารถเอาชนะเรตติ้งของทางช่องทีวีบีได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีจากสุขภาพที่แย่ลงทำให้เธอไม่สามารถรับงานแสดงละครได้ปีละหลายเรื่องเหมือนในอดีต แต่เธอก็ยังคงมีผลงานละครกับทางสถานีโทรทัศน์เอทีวี อีก 2 เรื่องตามมาและหนึ่งในนั้นคือเรื่อง เมืองมายา (Showbiz Tycoon 2000) โดยเธอร่วมแสดงนำกับเถาต้าหวี่,ฟางจงซิน และ หลีเหย้าเสียง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน

หลังจากปีพ.ศ. 2544 (2000) ด้วยสุขภาพที่อ่อนแอทำให้เธอไม่ค่อยรับงานเหมือนก่อน แต่ในยุคหลัง ๆ เธอยังคงมีผลงานละครกับทั้งทางฝั่งฮ่องกง, ไต้หวันและจีน แต่ส่วนใหญ่จะเน้นรับงานแสดงละครกับทางประเทศจึนและไต้หวันเป็นหลัก และละครต่าง ๆ เหล่านั้นก็จะดังเฉพาะในประเทศที่ตนเองผลิต ผลงานในยุคหลังของเธอที่โดดเด่นและพอจะเป็นที่รู้จักอยู่บ้าง ได้แก่ละครกำลังภายในรีเมคเรื่อง มังกรหยก ฉบับปีพ.ศ. 2551 (2008) ของไต้หวัน ที่เธอได้รับบท เปาเซียะเยียก, ละครแนวราชวงศ์เรื่อง บูเช็คเทียน พ.ศ. 2557 (2014) โดยเธอรับบทเป็น หยางซูเฟย (พระชายาลำดับที่ 2 ในองค์จักรพรรดิ) โดยเรื่องนี้เธอได้ประชันบทบาทเข้มข้นกับดาราสาวชื่อดัง ฟ่านปิงปิง, ในปี 2561 (2018) ร่วมแสดงรับบท จักรพรรดินีแห่งสรวงสวรรค์ ในซีรีส์แฟนตาซีเรื่อง มธุรสหวานล้ำ สลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้าง (Ashes of Love) และในปีพ.ศ. 2562 (2019) เธอก็กลับมาเป็นที่เกรียวกราวอีกครั้งกับการสวมบทบาท แม่ชีมิกจ้อ (มิกจ้อซือไท่) ในซีรีส์ ดาบมังกรหยก เวอร์ชัน 2562 (2019)

นอกจากงานแสดงแล้ว ปัจจุบันเธอได้เปิดสตูดิโอเป็นของตัวเอง ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของเธอมานาน และเธอเสียชีวิตในปี 2566 หรือ 2023 เดือนธันวาคม วันที่ 17 ในวัย 57 ปี

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย[แก้]

ผลงานละครของเธอที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในฮ่องกงและทั่วโลก คือเรื่อง "คู่แค้นสายโลหิต " กับบทบาท อาหัว แต่ผลงานละครที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของเธอในไต้หวัน คือเรื่อง "ดาบมังกรหยก" ฉบับไต้หวัน เวอร์ชันปีพ.ศ. 2537 (1994) กับบทบาท จิวจี้เยียก

การเสียชีวิต[แก้]

โจว ไห่เม่ย์ ถูกพบหมดสติในบ้านพักเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2566 แต่แพทย์ไม่สามารถกู้ชีวิตของเธอได้ จนวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2566 ทีมงานของเธอออกแถลงการณ์ว่าเธอจากไปแล้ว

ผลงานด้านการแสดง[แก้]

ละครโทรทัศน์[แก้]

ภาพยนตร์[แก้]

  • 2021 Heroes Return (卸甲归来)
  • 2020 Love in Blood (修罗新娘)
  • 2019 Bone China (骨瓷)
  • 2019 The Rookies (素人特工)
  • 2019 The Magic School (捉妖学院)
  • 2019 The Incredible Monk 3 (济公之降龙有悔)
  • 2017 Mr.Pride VS Miss Prejudice (傲娇与偏见)
  • 2015 Hot Blood Band (熱血男人幫)
  • 2013 The Legend of Dunhuang (敦煌傳奇)
  • 2011 Legendary Amazons (楊門女將之軍令如山)
  • 2011 To Love or Not (一夜未了情)
  • 2007 Crazy Money & Funny Men (大話股神)
  • 2004 A Decisive Move (同步凶間)
  • 2004 City Crisis (中年危機)
  • 2003 We're Not the Worst (五個墮落的男女)
  • 2002 Memento (35米厘兇心人)
  • 2001 Vampire Controller (趕屍先生)
  • 2000 A Game of No Rule (無法無天)
  • 2000 Sound from the Dark (陰風耳)
  • 1998 Nude Fear (追兇20年)
  • 1998 The Sleepless Town (不夜城)
  • 1998 Beast Cops (野獸刑警)
  • 1998 Cheap Killers (愈墮落愈英雄)
  • 1998 The Love and Sex of the Eastern Hollywood (愛在娛樂圈的日子)
  • 1997 Cause We Are So Young (求戀期)
  • 1996 First Option (飛虎)
  • 1995 Don't Give a Damn (冇面俾)
  • 1994 Love Recipe (愛情色香味)
  • 1994 The Private Eye Blues (非常偵探)
  • 1993 Fight Back to School III (逃學威龍Ⅲ之龍過雞年)
  • 1993 Insanity (觸目驚心)
  • 1992 James Wong in Japan & Korea (帶你嫖韓日)
  • 1991 The Holy Virgin Versus the Evil Dead (魔唇劫)
  • 1990 King of Gambler (賭王)
  • 1990 The Wildgoose Chase (不文小丈夫)
  • 1989 My Dear Son (我要富貴)
  • 1989 Nobody's Hero (情義我心知)
  • 1988 The Truth (法內情)
  • 1988 How to Pick Girls Up! (求愛敢死隊)
  • 1986 Cadets on the Beat (豬仔出更)

อัลบั้มเพลง[แก้]

  • 1995 Sunrise Love (日出愛情)
  • 1997 Loving You (迷戀你)

รางวัลที่ได้รับ[แก้]

ปีพ.ศ. รางวัล
2019 รางวัลการแสดงยอดเยี่ยม THE THIRD INTERNET FILM FESTIVAL 2019
2015
2011 การประชุมวิชาการนักสังคมสงเคราะห์ของจีนครั้งที่ 2 ประจำปี 2553
2010 รางวัลนักแสดงผู้อุทิศตนให้กับงานการกุศลสำหรับผู้พิการ
2010 รางวัลละครเก่ายอดนิยมเรื่อง (คู่แค้นสายโลหิต) ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปี 1990 ในรายการภาพยนตร์จีน - ฝรั่งเศส
2010 รางวัลเทศกาลแฟชั่นสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมรางวัลภาพยนตร์แฟชั่น
2002 รางวัลนักแสดงหญิงทรงอิทธิพล (เป็นเจ้าภาพโดยนิตยสารสุภาพบุรุษ)
2002 People's Car Alliance Award (จัดทำโดยนิตยสาร Che Wang)
1997 ดาวนับพัน Hui He Taiqing - รางวัลการแสดงยอดเยี่ยม "Grand Changlong"
1994 ไต้หวัน - ศิลปินหญิงฮ่องกงที่โด่งดังที่สุดในใต้หวัน
1994 ไต้หวัน - อันดับที่สี่ในคนรักในฝันของชาวใต้หวัน
1993 Minsheng Daily - ศิลปินหญิงที่โด่งดังที่สุดในไต้หวัน
1991 Minsheng Daily ศิลปินทีวียอดนิยมสิบอันดับแรกในปีที่ 1991 ของละครดราม่าไร้สาย
1991 ศิลปินทีวียอดนิยมอันดับสี่จัดทำโดย壹 Weekly
1990 ศิลปินหญิงทีวียอดนิยมอันดับสองจัดโดย second Weekly
1988 รางวัลไต้หวัน Golden Dragon Award ฮ่องกงรางวัลนักแสดงทีวียอดเยี่ยม

อ้างอิง[แก้]

  1. "ยังช้ำรัก'หลี่เหลียงเหว่ย 'โจวไห่เม่ย์ ประกาศชาตินี้ไม่ขอมีสามีอีก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-10-28. สืบค้นเมื่อ 2012-02-11.
  2. "ประวัติดาราสาวโจวไห่เม่ย์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-10-26. สืบค้นเมื่อ 2019-07-03.
  3. เธอจะไม่สามารถมีลูกได้ในชีวิตนี้มิฉะนั้นจะมีความเสี่ยงต่อการมีเลือดออก
  4. เกล็ดเลือดต่ำทำให้เธอมีบุตรไม่ได้
  5. รักทั้ง 7 ของโจวไห่เหม่ย
  6. เรื่องราวในอดีตของเธอ
  7. ประวัติของเธอ
  8. เรื่องราวในอดีตของเธอ

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]