ข้ามไปเนื้อหา

ภาษามันดาอิก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ภาษามันดาอิก
ࡋࡉࡔࡀࡍࡀ ࡃ ࡌࡀࡍࡃࡀࡉࡉ
Lishāna’d Mandāyì
ประเทศที่มีการพูดอิรักและอิหร่าน
ภูมิภาคอิรัก – แบกแดด, บัสรา อิหร่าน – ฆูเซสถาน
ชาติพันธุ์ชาวมันดาอี
จำนวนผู้พูด5,500  (2001–2006)[1]
ตระกูลภาษา
รูปแบบก่อนหน้า
ระบบการเขียนอักษรมันดาอิก
รหัสภาษา
ISO 639-3อย่างใดอย่างหนึ่ง:
mid – ภาษามันดาอิก
myz – ภาษามันดาอิกคลาสสิก
นักภาษาศาสตร์mid ภาษามันดาอิกใหม่
 myz ภาษามันดาอิกคลาสสิก
แผนที่ชุดภาษาใกล้สูญของโลก (2010) ของยูเนสโกจัดให้ภาษานี้อยู่ในสถานะใกล้สูญขั้นวิกฤต[2]

ภาษามันดาอิก หรือเฉพาะเจาะจงคือ ภาษามันดาอิกคลาสสิก เป็นภาษาที่ใช้ในศาสนามันดาอี ใกล้เคียงกับภาษาแอราเมอิก และได้รับอิทธิพลจากภาษากลุ่มอิหร่านอื่น ๆ ทั้งในด้านไวยากรณ์และรากศัพท์ ภาษามันดาอิกคลาสสิก จัดอยู่ในภาษากลุ่มเซมิติกตะวันออก สาขาตะวันออกเฉียงเหนือ ใกล้เคียงกับภาษาแอราเมอิกที่ใช้พูดในบาบิโลเนียและภาษาในเมโสโปเตเมียอื่น ๆ มีความใกล้เคียงกับภาษาซีเรียค ที่เป็นภาษาของชาวคริสต์ในตะวันออกกลาง

ภาษามันดาอิกใหม่

[แก้]

ภาษามันดาอิกใหม่พัฒนามาจากภาษามันดาอิก ที่จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับภาษาแอราเมอิก ภาษาแอราเมอิกเคยใช้เป็นภาษากลางในยุคอัสซีเรียและอะคีเมนิด และเป็นภาษาสำหรับการติดต่อระหว่างชาติ หลังจากนั้น ภาษาแอราเมอิกพัฒนาออกไปเป็นสองกลุ่มใหญ่คือ กลุ่มตะวันตกได้แก่ภาษาทัลมูดิกในปาเลสไตน์ ภาษาปาเลสไตน์ของชาวคริสต์ และภาษาซามาริทัน กับกลุ่มตะวันออก ได้แก่ ภาษาบาบิโลเนียยุคสุดท้าย ภาษาซีเรียคและภาษามันดาอิก

ภาษาที่ยังเหลืออยู่ของภาษาแอราเมอิกกลุ่มตะวันออกได้แก่ ภาษาแอราเมอิกใหม่กลาง (ภาษาตูโรโยและภาษามลาโซ) ภาษาแอราเมอิกใหม่ตะวันออกเฉียงเหนือ (เป็นกลุ่มใหญ่สุด ซึ่งรวมทั้งภาษาแอราเมอิกใหม่ในหมู่ชาวยิวและภาษาแอราเมอิกใหม่อัสซีเรียและภาษาแอราเมอิกใหม่คัลเดีย) และภาษามันดาอิกใหม่ ส่วนภาษาที่เหลือรอดของกลุ่มตะวันตกมีภาษาเดียวคือภาษาแอราเมอิกใหม่ตะวันตกที่ใช้พูดในบางหมู่บ้านในดามัสกัส ในบรรดาภาษาที่เหลือรอดเหล่านี้ ภาษามันดาอิกใหม่จัดว่าเป็นภาษาที่สืบทอดมาจากภาษาแอราเมอิกโดยตรง ในทางไวยากรณ์ ภาษามันดาอิกใหม่มีลักษณะอนุรักษนิยมเมื่อเทียบกับภาษาอราเมอิใหม่กลุ่มตะวันออกอื่น ๆ โดยยังคงใช้การเชื่อมต่อปัจจัยแบบภาษาเซมิติกยุคเก่า

ภาษามันดาอิกใหม่เหลืออยู่สามสำเนียง ใช้พูดในเมืองซุซตาร์ ชาห์ วาลติ และเดซฟูล ในฆูเซสถานตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศอิหร่าน ชุมชนชาวมันดาอีในเมืองเหล่านี้อพยพออกในช่วง พ.ศ. 2523 และเข้าไปตั้งถิ่นฐานในเมืองอะห์วาซและโคร์รัมชาห์ ซึ่งเป็นผลมาจากสงครามอิรัก-อิหร่าน

ตัวอย่างข้อความ

[แก้]

ข้อความข้างล่างนำมาจากปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนข้อที่ 1 ในภาษามันดาอิก[3]

มันดาอิก: ".ࡊࡅࡋ ࡀࡍࡀࡔࡀ ࡌࡀࡅࡃࡀࡋࡇ ࡀࡎࡐࡀࡎࡉࡅࡕࡀ ࡅࡁࡊࡅࡔࡈࡂࡉࡀࡕࡀ ࡊࡅࡉ ࡄࡃࡀࡃࡉࡀ. ࡄࡀࡁ ࡌࡅࡄࡀ ࡅࡕࡉࡓࡀࡕࡀ ࡏࡃࡋࡀ ࡏࡉࡕ ࡓࡄࡅࡌ ࡅࡆࡁࡓ ࡁࡄࡃࡀࡃࡉࡀ‎"

ปริวรรต: "kul ānāʃā māudālẖ āspāsiutā ubkuʃᵵgiātā kui hdādiā. hāb muhā utirātā ʿdlā ʿit rhum uzbr bhdādiā."

แปลไทย: "มนุษย์ทั้งปวงเกิดมามีอิสระและเสมอภาคกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ ต่างในตนมีเหตุผลและมโนธรรม และควรปฏิบัติต่อกันด้วยจิตวิญญาณแห่งภราดรภาพ"

อ้างอิง

[แก้]
  1. ภาษามันดาอิก ที่ Ethnologue (18th ed., 2015) (ต้องสมัครสมาชิก)
    ภาษามันดาอิกคลาสสิก ที่ Ethnologue (18th ed., 2015) (ต้องสมัครสมาชิก)
  2. "Atlas of the world's languages in danger". unesdoc.unesco.org. p. 42. สืบค้นเมื่อ 2023-03-02.
  3. "OHCHR | Universal Declaration of Human Rights – Mandaic". OHCHR (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-01-31.

วรรณกรรม

[แก้]
  • Theodor Nöldeke. 1862. "Ueber die Mundart der Mandäer," Abhandlungen der Historisch-Philologischen Classe der königlichen Gesellschaft der Wissenschaften zu Göttingen 10: 81–160.
  • Theodor Nöldeke. 1964. Mandäische Grammatik, Halle: Waisenhaus; reprint Darmstadt: Wissenschaftliche Buchgesellschaft with Appendix of annotated handnotes from the hand edition of Theodor Nöldeke by Anton Schall.
  • Svend Aage Pallis. 1933. Essay on Mandaean Bibliography. London: Humphrey Milford.
  • Franz Rosenthal. 1939. "Das Mandäische," in Die aramaistische Forschung seit Th. Nöldeke’s Veröffentlichungen. Leiden: Brill, pp. 224–254.
  • Ethel S. Drower and Rudolf Macuch. 1963. A Mandaic Dictionary. Oxford: Clarendon Press.
  • Rudolf Macuch. 1965. Handbook of Classical and Modern Mandaic. Berlin: De Gruyter.
  • Rudolf Macuch. 1989. Neumandäische Chrestomathie. Wiesbaden: Harrasowitz.
  • Macuch, Rudolf (1993). Neumandäische Texte im Dialekt von Ahwaz. Wiesbaden: Harrassowitz. ISBN 3447033827.
  • Joseph L. Malone. 1997. Modern and Classical Mandaic Phonology, in Phonologies of Asia and Africa, edited by Alan S. Kaye. Winona Lake: Eisenbrauns.
  • Rainer M. Voigt. 2007."Mandaic," in Morphologies of Asia and Africa, in Phonologies of Asia and Africa, edited by Alan S. Kaye. Winona Lake: Eisenbrauns.
  • Kim, Ronald (2008). "Stammbaum or Continuum? The Subgrouping of Modern Aramaic Dialects Reconsidered". Journal of the American Oriental Society. 128 (3): 505–510.
  • Müller-Kessler, Christa (2009). "Mandaeans v. Mandaic Language". Encyclopaedia Iranica.
  • Charles G. Häberl. 2009. The Neo-Mandaic Dialect of Khorramshahr. Wiesbaden: Harrassowitz.
  • Häberl, Charles G. (2012). "Neo-Mandaic". The Semitic Languages: An International Handbook. Berlin-Boston: Walter de Gruyter. pp. 725–737. ISBN 9783110251586.
  • Burtea, Bogdan (2012). "Mandaic". The Semitic Languages: An International Handbook. Berlin-Boston: Walter de Gruyter. pp. 670–685. ISBN 9783110251586.
  • Al-Mubaraki, Brayan Majid (2001). A Mandaean Language Teaching Book. Sydney. ISBN 0-9585705-9-0.
  • Al-Mubaraki, Brayan Majid; Mubaraki, Brayan; Al-Mubaraki, Majid Fandi (2006). A Mandaic Dictionary. Sydney: Mandaic Aramaic. ISBN 1-876888-10-5.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]