ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร)"
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 57: | บรรทัด 57: | ||
== ยศ == |
== ยศ == |
||
* นายหมวดเอก |
* นายหมวดเอก |
||
* รองหัวหมื่น |
|||
==เกียรติยศ== |
==เกียรติยศ== |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:57, 23 กรกฎาคม 2563
พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) | |
---|---|
ไฟล์:ปิติ วาทยากร.jpg | |
เกิด | 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2426 อำเภอบ้านทะวาย กรุงเทพมหานคร ประเทศสยาม |
เสียชีวิต | 25 ธันวาคม พ.ศ. 2511 (85 ปี 165 วัน) กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย |
บุตร | 10 คน |
บิดามารดา |
|
พระเจนดุริยางค์ (ปีติ วาทยะกร) (มักเขียนเป็น "ปิติ") ชื่อเดิม ปิเตอร์ ไฟท์ (Peter Feit) หรือ ปิเตอร์ ไฟท์ วาทยะกร[1] (13 กรกฎาคม พ.ศ. 2426 - 25 ธันวาคม พ.ศ. 2511) บุคคลสำคัญในวงการดนตรีของประเทศไทย ผู้ริเริ่มการบันทึกเพลงไทยเดิมด้วยโน้ตสากลโดยเทียบเสียงให้ตรงกับเครื่องดนตรีไทยทุกชิ้น เรียกว่า เพลงไทยประสานเสียง (Thai Music Harmony) ของ กรมศิลปากร
เป็นอาจารย์วิชาดนตรีผู้ทุ่มเทสนับสนุนศิษย์เอก ครูเอื้อ สุนทรสนาน และครูชลหมู่ ชลานุเคราะห์ (นักเชลโล่ ,ผู้เรียบเรียงและอำนวยเพลงวงดุริยางค์สากลกรมศิลปากร) ครูประสาน สุทัศน์ ณ อยุธยา (นัก Cello, Double Bass และผู้เรียบเรียงเสียงประสานแห่งวงดุริยางค์สากลกรมศิลปากร) รวมทั้งเป็นผู้วางรากฐานวงดุริยางค์ทหารอากาศ และวงดุริยางค์ตำรวจ
ประวัติ
วัยต้น
เกิดที่ตำบลบ้านทะวาย อำเภอบ้านทะวาย จังหวัดพระนคร เป็นบุตรของนายจาคอบ ไฟท์ (Jacob Feit หรือ Veit) ชาวอเมริกันเชื้อสายเยอรมัน[2] กับนางทองอยู่ ชาวไทยเชื้อสายมอญ[3] มีภรรยาสามคนคือ นางเบอร์ธา, นางบัวคำ และนางลิ้ม มีบุตรธิดารวมทั้งสิ้น 10 คน
เริ่มเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก เมื่อ พ.ศ. 2433 จบการศึกษาหลักสูตรภาษาฝรั่งเศสและภาษาอังกฤษเมื่อ พ.ศ. 2433
เริ่มเรียนดนตรีกับบิดาเมื่ออายุ 10 ขวบ ต่อจากนั้นได้ศึกษาดนตรีด้วยตนเองมาโดยตลอดจนมีความรู้และความชำนาญอย่างแตกฉาน และได้เดินทางไปศึกษาต่อมหาวิทยาลัยดนตรีเฟรเดริก ชอแป็ง ที่กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์
วัยหนุ่ม
สมัครเข้าเป็นครูโรงเรียนอัสสัมชัญขณะอายุได้ 18 ปี เมื่อ พ.ศ. 2444 หลังจากนั้นอีกสองปีจึงเข้ารับราชการในกรมรถไฟหลวง กระทั่งได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ขุนเจนรถรัฐ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2456
ปี พ.ศ. 2460 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้โอนมาเป็นครูในกรมมหรสพพร้อมกับรับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงเจนดุริยางค์ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2460 ในตำแหน่งครูวงเครื่องสายฝรั่งหลวง และทำหน้าที่ผู้สอนวิชาดนตรีสากลให้สามัคยาจารยสมาคมและผลักดันให้วิชาขับร้อง (ด้วยโน้ต) เป็นวิชาเลือกในการสอบเลื่อนวิทยฐานะทั้งชุดของครูประถมและครูมัธยม
ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระเจนดุริยางค์ ถือศักดินา ๖๐๐ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2465
วัยปลาย
โอนสังกัดไปสอนในวงดุริยางค์ทหารอากาศเมื่อ พ.ศ. 2483 เมื่ออายุได้ 57 ปี จนเกษียณอายุราชการ หลังเกษียณแล้วได้รับเชิญเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยศิลปากร
ต่อมาวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 ได้รับพระบรมราชานุญาตให้กลับคืนมีบรรดาศักดิ์ดังเดิม[4]
ปี พ.ศ. 2493 กรมตำรวจได้ขอยืมตัวให้ไปช่วยก่อตั้งวงดุริยางค์สากลกรมตำรวจและทำงานด้านดนตรี จนถึงแก่กรรมเมื่ออายุได้ 85 ปี 5 เดือน
ผลงาน
- ประพันธ์ทำนองเพลงชาติไทย[5]
- ประพันธ์ทำนอง เพลงเถลิงศก
- ริเริ่มสร้าง เพลงไทยประสานเสียง (Thai Music Harmony) สำหรับการบรรเลงเพลงไทยด้วยเครื่องดุริยางค์สากล โดยเคาะระนาดเทียบเสียงโน้ตสากลทุกตัวเพื่อให้เสียงตรงต้นฉบับเพลงไทยเดิมอย่างไม่ผิดเพี้ยน เป็นเอกลักษณ์ของเพลงไทยเดิมที่บรรเลงด้วยวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร
- ประพันธ์เพลงไทยประสานเสียงเพลง ศรีอยุธยา ประกอบภาพยนตร์ เรื่อง พระเจ้าช้างเผือก (2484) บทและอำนวยการสร้างโดย นายปรีดี พนมยงค์ , บ้านไร่นาเรา (2485) ของกองภาพยนตร์กองทัพอากาศ ทุ่งมหาเมฆ
- เรียบเรียงทำนองเพลงไทยประสานเสียง ได้แก่ แขกเชิญเจ้า ,ปฐม ,ต้นบรเทศ ,ขับไม้บัณเฑาะว์ ,พม่ารำขวาน ,ธรณีกรรแสง/พสุธากรรแสง ,พม่าประเทศ ฯลฯ รวมทั้งเพลงประกอบการแสดง /ละครเวที
- เรียบเรียงตำราวิชาดนตรีสากลเป็นภาษาไทย เช่นทฤษฎีการดนตรีตอนต้น การประสานเสียงเบื้องต้น รวมทั้ง ตำราประสานเสียง 3 เล่มจบ
บรรดาศักดิ์
- 30 มีนาคม พ.ศ. 2456 ขุนเจนรถรัฐ ถือศักดินา ๔๐๐[6]
- 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2460 หลวงเจนดุริยางค์[7]
- 30 ธันวาคม พ.ศ. 2465 พระเจนดุริยางค์ ถือศักดินา ๖๐๐[8]
ยศ
- นายหมวดเอก
- รองหัวหมื่น
เกียรติยศ
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฎ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 3 ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ต.จ.ว.)
- พ.ศ. ๒๔๗๓ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.)[9]
- พ.ศ. ๒๔๖๙ – เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ))[10]
- พ.ศ. ๒๔๖๒ – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 4 (ว.ป.ร.4)[11]
- พ.ศ. ๒๔๖๙ – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 5 (ป.ป.ร.5)[12]
อ้างอิง
- พระเจนดุริยางค์ ประมวลประวัติครู คุรุสภาจัดพิมพ์ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี กระทรวงศึกษาธิการ. กรุงเทพฯ โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2535. หน้า 95
- ↑ "ส่งเครื่องราชอิศริยาภรณ์ไปพระราชทาน" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 43 (0 ง): 454. 2 พฤษภาคม 2469.
- ↑ Mandy Radics (18 July 2009). "Der Auswanderer-Sohn und die Hymne". Trierischer Volksfreund (ภาษาGerman).
{{cite news}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ Gustaf Dietrich. "Die thailändische Nationalhymne – ihre Wurzeln reichen nach Trier" (ภาษาGerman). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 October 2014. สืบค้นเมื่อ 12 December 2016.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ข้าราชการกลับคืนมีบรรดาศักดิ์" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 62 (11 ง): 127. 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488. สืบค้นเมื่อ 10 ธันวาคม 2561.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ เพลงชาติไทย เนื้อร้อง ประวัติที่มาจากอดีตสู่ปัจจุบัน
- ↑ ตั้งและเลื่อนบรรดาศักดิ์ (หน้า ๕๗)
- ↑ พระราชทานบรรดาศักดิ์
- ↑ พระราชทานบรรดาศักดิ์ (หน้า ๒๘๘๙)
- ↑ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (หน้า ๓๐๘๐)
- ↑ พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา
- ↑ พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ (หน้า ๓๓๒๑)
- ↑ พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2426
- บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2511
- นักแต่งเพลงชาวไทย
- บรรดาศักดิ์ชั้นพระ
- ชาวไทยเชื้อสายเยอรมัน
- ชาวไทยเชื้อสายมอญ
- บุคคลจากโรงเรียนอัสสัมชัญ
- ความสัมพันธ์เยอรมนี–ไทย
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ท.ช.
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ท.ม.
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ต.จ.ว.
- บุคคลจากกรุงเทพมหานคร
- ชาวไทยเชื้อสายอเมริกัน