ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พะโค"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
EmausBot (คุย | ส่วนร่วม)
r2.7.3) (โรบอต เพิ่ม: kk:Пегу
2T (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
[[ไฟล์:Shwethalyaungbuddhabago.jpg|thumb|right|[[พระนอนชเวตาลียง]] หนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองหงสาวดี]]
[[ไฟล์:Shwethalyaungbuddhabago.jpg|thumb|right|[[พระนอนชเวตาลียง]] หนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองหงสาวดี]]


'''หงสาวดี''' หรือ '''พะโค''' หรืออ่านออกเสียงตามสำเนียง[[พม่า]]ว่า '''หานตาวดี''' ({{lang-my|ပဲခူးမြို့}}, {{lang-en|Bago, Pegu}}) ในอดีตเคยเป็น[[เมืองหลวง]]ของ[[ราชวงศ์ตองอู|อาณาจักรหงสาวดี]]มาก่อน ตั้งอยู่ใกล้เมือง[[เมาะตะมะ]] ทางตอนใต้ของประเทศพม่า ซึ่งอยู่ทางใต้ของ [[แปร|เมืองแปร]], [[คัง|เมืองคัง]], [[ยะไข่]], [[อังวะ]], [[พุกาม]] นครหงสาวดีเป็นเมืองหลวงของ[[เขตหงสาวดี]]
'''หงสาวดี''' หรือ '''พะโค''' หรืออ่านออกเสียงตามสำเนียง[[พม่า]]ว่า '''หานตาวดี''' ({{lang-my|ပဲခူးမြို့}}, {{lang-en|Bago, Pegu}}) ในอดีตเคยเป็น[[เมืองหลวง]]ของ[[อาณาจักรหงสาวดี]]มาก่อน ตั้งอยู่ใกล้เมือง[[เมาะตะมะ]] ทางตอนใต้ของประเทศพม่า ซึ่งอยู่ทางใต้ของ [[แปร|เมืองแปร]], [[คัง|เมืองคัง]], [[ยะไข่]], [[อังวะ]], [[พุกาม]] นครหงสาวดีเป็นเมืองหลวงของ[[เขตหงสาวดี]]


== ประวัติ ==
== ประวัติ ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:09, 11 กันยายน 2555

พระนอนชเวตาลียง หนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองหงสาวดี

หงสาวดี หรือ พะโค หรืออ่านออกเสียงตามสำเนียงพม่าว่า หานตาวดี (พม่า: ပဲခူးမြို့, อังกฤษ: Bago, Pegu) ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรหงสาวดีมาก่อน ตั้งอยู่ใกล้เมืองเมาะตะมะ ทางตอนใต้ของประเทศพม่า ซึ่งอยู่ทางใต้ของ เมืองแปร, เมืองคัง, ยะไข่, อังวะ, พุกาม นครหงสาวดีเป็นเมืองหลวงของเขตหงสาวดี

ประวัติ

หงสาวดีตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำพะโค เป็นเมืองของชาวมอญมาก่อนในอดีต ก่อนที่พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้จะยึดครองได้ ในปี พ.ศ. 2082หลังจากที่พระเจ้าตะเบ็งชเวตี้เข้ามาทำพิธีเจาะพระกรรณที่ฐานพระธาตุมุเตาขณะที่ยังอยู่ในเขตของมอญอยู่ และสถาปนาเป็นศูนย์กลางอำนาจของราชวงศ์ตองอูเดิมเมืองหงสาวดีเก่า(ยุคมอญ)อยู่บริเวณตะวันออกของพระธาตุมุเตา ต่อมาจึงย้ายและสร้างให้ใหญ่กว่าเดิมในยุคพม่า หงสาวดีเจริญรุ่งเรืองสุดขีดในรัชสมัยของพระเจ้าบุเรงนอง เนื่องจากพระองค์ให้ทรงสร้างพระราชวังของพระองค์ที่ชื่อ กัมโพชธานี ซึ่งนับเป็นพระราชวังใหญ่โตมีประตูทางเข้าออกถึง 10 ประตู สร้างโดยเกณฑ์ข้าทาสจากเมืองขึ้นต่าง ๆ โดยหนึ่งในนั้นมีเมืองเชียงใหม่และอยุธยารวมอยู่ด้วย จนถึงสมัยพระเจ้านันทบุเรงหลังศึกยุทธหัตถีแล้ว นัดจินหน่องได้ผูกมิตรกับเมืองยะไข่และอยุธยาเพื่อเข้าตีหงสาวดี แต่มหาเถรเสียมเพรียมได้ยุยงให้ตองอูไม่เข้ากับอยุธยา ดังนั้นเมื่อทัพตองอูมาถึงหงสาวดีก็ได้เข้าตีและล้อมเมืองเอาไว้ เมื่อทางหงสาวดีทราบว่าพระนเรศวรปราบมอญสำเร็จแล้วจึงเปิดประตูเมืองรับทัพตองอู พระเจ้านันทบุเรงมอบสิทธิ์ขาดในการบัญชาการทัพแก่นัดจินหน่องและเชิญพระเจ้านันทบุเรงไปประทับ ณ ตองอู เพื่อเตรียมรับทัพพระนเรศวร ตองอูได้กวาดต้อนพลเรือนและทรัพย์สินไปยังตองอู ทิ้งเมืองให้ยะไข่ปล้นและเผาเมือง ส่วนพระนเรศวรมาถึงหงสาวดีก็เหลือแต่เมืองที่ถูกเผาแล้ว พระนเรศวรจึงยกทัพไปตีตองอูต่อ เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นจุดจบของกรุงหงสาวดี

หลังจากนั้น ศูนย์กลางอำนาจของพม่าได้ย้ายไปยังอังวะ, อมรปุระ และมัณฑะเลย์ตามลำดับ จนถึงวันที่พม่าเสียเอกราชให้แก่อังกฤษ

อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของหงสาวดี คือ พระธาตุชเวมอดอ หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่า พระธาตุมุเตา เป็นพระธาตุที่อยู่มานานคู่กับเมือง เป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชื่อว่าภายในได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ เล่ากันว่าเมื่อครั้งใดที่ พระเจ้าบุเรงนองจะออกทำศึกจะทรงสักการะขอพรจากพระธาตุนี้ทุกครั้ง และเมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้เสด็จมายังที่หงสาวดีนี้ก็ได้ทำการสักการะพระธาตุนี้ด้วย

สัญลักษณ์ของเมือง

เป็นรูปหงส์คู่ มีตำนานเล่าว่า พระพุทธเจ้าทรงเสด็จมาถึงเมืองหงสาวดีที่สมัยก่อนยังคงเป็นชายหาดริมทะเล พระพุทธเจ้าทรงเห็น หงส์สองตัวว่ายน้ำเล่นกัน จึงทำนายออกมาว่าภายหลังจะเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง ชาวหงสาวดีจึงถือเอาตำนานเรื่องนี้มาเป็นสัตว์สัญลักษณ์ นอกจากนี้ ตำนานยังกล่าวว่า หงส์คู่นั้น ตัวเมียขี่ตัวผู้ จึงมีคำทำนายว่าต่อไปผู้หญิงจะเป็นใหญ่ ซึ่งผู้หญิงคนนั้นคือ พระนางชินสอบู (ตะละแม่ท้าว) นั่นเอง

ปัจจุบัน หงสาวดีเป็นเมืองที่ทำรายได้ให้แก่ประเทศพม่าด้วยความที่เป็นเมืองท่องเที่ยว มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และศิลปะ วัฒนธรรม

อ้างอิง

แม่แบบ:Coor title dm