ทิโมธี ชาลาเมต์
บทความนี้หรือส่วนนี้ของบทความต้องการปรับรูปแบบ ซึ่งอาจหมายถึง ต้องการจัดรูปแบบข้อความ จัดหน้า แบ่งหัวข้อ จัดลิงก์ภายใน และ/หรือการจัดระเบียบอื่น ๆ คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นปรับปรุงหรือจัดรูปแบบอื่น ๆ ในบทความให้เหมาะสม |
ทิโมธี ชาลาเมต์ | |
---|---|
ชาลาเมต์ในปี 2019 | |
เกิด | ทิโมธี ฮัล ชาลาเมต์ 27 ธันวาคม ค.ศ. 1995 นิวยอร์กซิตี, สหรัฐ |
พลเมือง |
|
ศิษย์เก่า | มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก |
อาชีพ | นักแสดง |
ปีปฏิบัติงาน | 2007–ปัจจุบัน |
ผลงาน | ฉบับเต็ม |
ญาติ | |
รางวัล | ฉบับเต็ม |
ลายมือชื่อ | |
ทิโมธี ฮัล ชาลาเมต์ (อังกฤษ: Timothée Hal Chalamet; เกิด 27 ธันวาคม พ.ศ. 2538) เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน ศิษย์เก่าจากโรงเรียนมัธยมลาเกอร์เดีย และมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เขาได้รับรางวัลมากมายตลอดอาชีพการแสดงของเขา รวมถึงการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์, รางวัลแบฟตาสามรางวัล, รางวัลลูกโลกทองคำสองรางวัล, รางวัลสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ห้ารางวัล รางวัลภาพยนตร์คริติกส์ชอยส์มูฟวี่ห้ารางวัล
เขาเกิดและโตในนิวยอร์ก ชาลาเมต์เริ่มต้นอาชีพการแสดงในภาพยนตร์สั้นและโฆษณา ก่อนที่จะปรากฏตัวในละครโทรทัศน์เรื่อง โฮมแลนด์ ในปี พ.ศ. 2555 สองปีต่อมาเขาได้เปิดตัวภาพยนตร์คอเมดี-ดรามาเรื่อง เมน, วีเมน & ชิลเดรน และต่อมาก็ปรากฏตัวในนิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง อินเตอร์สเตลลาร์ ทะยานดาวกู้โลก ชาลาเมต์ได้รับความสนใจและมีชื่อเสียงในปี พ.ศ. 2560 ในบท เอลิโอ เพิร์ลแมน จากภาพยนตร์โรแมนติกเกี่ยวกับการก้าวผ่านวัยเรื่อง คอลมีบายยัวร์เนม ของผู้กำกับ ลูกา กวาดาญีโน และในภาพยนตร์เรื่อง เลดี้เบิร์ด ของผู้กำกับ เกรต้า เกอร์วิค บทบาทการแสดงของเขาในคอลมีบายยัวร์เนมส่งให้เขาถูกเสนอขื่อเขาชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมตอนอายุ 22 ปี ทำให้เขากลายเป็นนักแสดงที่อายุน้อยสุดเป็นลำดับสามที่ได้เข้าชิงสาขานั้น หลังจากนั้น เขาก็ได้รับบท นิค เชฟ ในภาพยนตร์ประวัติชีวิตเรื่อง บิวตี้ฟูลบอย ในพ.ศ. 2561 ซึ่งเขาได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ รางวัลสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ และรางวัลแบฟตาจากบทนี้ ในปี พ.ศ. 2562 ชาลาเมต์แสดงเป็นพระเจ้าเฮนรี่ที่ห้าและธีโทดอร์ “ลอรี่” ลอว์เรนซ์ ในภาพยนตร์ย้อนยุคเรื่อง เดอะคิง และ สี่ดรุณี ต่อมาปี พ.ศ. 2564 เขาได้รับบทนำเป็น พอล อะเทรดีส ในภาพยนตร์มหากาพย์ไซไฟเรื่อง ดูน ของผู้กำกับเดอนี วีลเนิฟว์ และได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ เดอะเฟรนช์ดิสแพตช์ ของผู้กำกับ เวสแอนเดอร์สัน และดอนท์ลุคอัพ ของ อดัม แมคเคย์
สำหรับผลงานละครเวที ชาลาเมต์ได้แสดงในละครเวทีเรื่อง โพรไดกอลซัน ของ จอห์น แพทริค แชนเลย์ ทำให้เขาชนะรางวัลลูซิลลอร์เทล และเข้าชิงรางวัลดราม่าลีก
ชีวิตวัยเด็กและการศึกษา
[แก้]ทิโมธี ฮัล ชาลาเมต์ เกิดวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2538 ในนิวยอร์ก เขาใช้ชีวิตที่แมนแฮตตันพลาซ่า อาคารพักอาศัยที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกลางในเฮลส์คิตเชน เขามีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ พอลลีน ชาลาเมต์ ซึ่งมีอาชีพนักแสดงเช่นกัน แม่ของเขา นิโคล เฟลนเดอร์ เป็นชาวนิวยอร์กรุ่นสาม ลูกครึ่งรัสเซียยิวและออสเตรียยิว เธอเป็นนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ที่ NRT (company) และเคยเป็นนักเต้นจากบรอดเวย์ เฟลนเดอร์จบปริญญาตรีเอกภาษาฝรั่งเศสจากมหาวิทยาลัยเยล และเคยทำงานเป็นครูสอนภาษาและสอนเต้น พ่อของเขาเป็นชาวฝรั่งเศสชื่อ มาร์ค ชาลาเมต์ ทำงานที่องค์กรยูนิเซฟ และเคยทำงานที่สำนักข่าว Le Parisien มาร์คมาจากเมืองนีมส์ มีพื้นเพเป็นคริสเตียนนิกายโปรเตสแตนท์ ย่าของทิโมธีที่ย้ายไปฝรั่งเศสเดิมเป็นชาวแคนาดา สำหรับฝั่งแม่ ทิโมธีเป็นหลานของร็อดแมน เฟลนเดอร์และเอมี ลิปแมน ที่เป็นคนทำภาพยนตร์และโปรดิวเซอร์
ชาลาเมต์พูดได้สองภาษาคืออังกฤษกับฝรั่งเศส เขาถือสองสัญชาติคืออเมริกันและฝรั่งเศส ในช่วงที่เติบโตมา ชาลาเมต์มักใช้เวลาช่วงฤดูร้อนที่ Le Chambon-sur-Lignon หมู่บ้านเล็กๆในประเทศฝรั่งเศสห่างจากลียงสองชั่วโมง ในช่วงเวลาที่เขาพักอยู่ในบ้านของปู่และย่า ชาลาเมต์กล่าวว่าเขาพบกับความลำบากเรื่องการปรับตัวกับวัฒนธรรม ชาลาเมต์เข้าเรียนที่โรงเรียน PS 87 William T. Sherman ในชั้นประถม และหลังจากนั้นก็เข้าเรียนที่ MS 54 Booker T. Washington Middle School เขาบรรยายว่าเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างแย่ เนื่องจากโรงเรียนนั้นเข้มงวดมาก ไม่ค่อยเปิดโอกาสให้ความคิดสร้างสรรค์ ต่อมาในปีพ.ศ. 2551 การแสดงของฮีธ เลดเจอร์ ในภาพยนตร์เรื่อง อัศวินรัตติกาล เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาอยากเป็นนักแสดง เขาสมัครเข้าโรงเรียนลาเกอร์เดีย การที่เขาได้เข้าเรียนโรงเรียนนั้นคือจุดเปลี่ยนในชีวิตการแสดงของเขา แฮรี่ ชิฟแมน คุณครูสอนการแสดงของเขาในปีที่สองของลาเกอร์เดีย รู้สึกประทับใจอย่างมากตั้งแต่ตอนที่ชาลาเมต์ไปออดิชั่น ทำให้แฮรี่พยายามผลักดันให้โรงเรียนรับชาลาเมต์เข้าเรียนแม้เขาจะตกรอบสัมภาษณ์(เนื่องจากผลการเรียนในชั้นมัธยมต้น) แฮรี่บอกว่า “ผมให้คะแนนเขาสูงสุดตั้งแต่เคยออดิชั่นเด็กนักเรียนมา” ในช่วงมัธยมปลาย ชาลาเมต์ได้คบกับลูกสาวของมาดอนน่า ลอร์เดส(โลล่า) ลีออน เป็นเวลาหนึ่งปี เขาได้เล่นละครเพลงของโรงเรียนเรื่องคาบาเร่ และสวีทแชริตี้ ก่อนจะจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2556 เขายังเป็นศิษย์เก่าของยังอาร์ทด้วย
หลังจบมัธยมปลาย ชาลาเมต์ในวัย 17 ก็ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียเป็นเวลาหนึ่งปี สาขา มานุษยวิทยาวัฒนธรรม ก่อนจะย้ายไปที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กเพื่อทำตามความฝันในการเป็นนักแสดงของเขาได้อิสระขึ้น หลังจากพบว่าการเรียนที่โคลัมเบียค่อนข้างยากหลังเขาถ่ายทำ อินเตอร์สเตลลาร์ ทะยานดาวกู้โลก เมื่อลาออกจากโคลัมเบียแล้ว ชาลาเมต์ก็ย้ายไปที่ คอนคอร์ส(บรองซ์)
อาชีพ
[แก้]บทบาทแรกๆและพื้นเพการแสดง (พ.ศ. 2551-2559)
ในตอนเด็ก ชาลาเมต์ปรากฎตัวในโฆษณาและภาพยนตร์สั้นแนวสยองขวัญสองเรื่องคือ สวีททูธ และ คลาวน์ ก่อนจะเดบิวท์ครั้งแรกในซีรี่ย์ตำรวจเรื่อง ลอว์แอนด์ออร์เดอร์ (2552) รับบทเหยื่อฆาตกรรม ตามด้วยบทเล็กๆในซีรี่ย์เรื่อง เลิฟวิ่งลีอาห์(2552) ในปีพ.ศ. 2554 เขาได้แสดงละครออฟบรอดเวย์ครั้งแรกในเรื่องเดอะทอล เรื่องราวคอมเมดี้เกี่ยวกับการก้าวผ่านวัย เป็นเรื่องราวในยุค ค.ศ. 1970 โดยเขาเล่นเป็นเด็กชายวัย 12 ปีผู้มีความอยากรู้อยากลองในเรื่องเพศ ชื่อว่านิโคลัส นักวิจารณ์ละครเวทีของนิวยอร์กเดลินิวส์ เขียนไว้ว่า “ชาลาเมต์แสดงเป็นวัยรุ่นที่อยากรู้เรื่องเซ็กส์ได้อย่างมีอารมณ์ขัน” ในปีพ.ศ. 2555 เขาได้ร่วมแสดงในซีรี่ย์ดราม่าเรื่อง รอยัลเพนส์ และซีรี่ย์สายลับทริลเลอร์อย่าง โฮมแลนด์ โดยที่เขารับบทฟลิน วัลเดน ลูกชายหัวขบทของประธานาธิบดี ชาลาเมต์ได้ถูกเสนอชื่อเขาชิง รางวัลสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ ในสาขาการแสดงเป็นกลุ่มพร้อมกับนักแสดงคนอื่นๆในเรื่อง
ในปีพ.ศ. 2557 เขาได้แสดงบทเล็กๆในภาพยนตร์ของเจสัน เรทแมน เรื่อง เมน, วีเมน & ชิลเดรน ในปีเดียวกันนั้น เขาได้รับบททอม คูเปอร์ ลูกชายของตัวละครที่รับบทโดยแมทธิว แม็คคอนาเฮย์ ในภาพยนตร์อินเตอร์สเตลลาร์ของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน ตัวภาพยนตร์ได้รับกระแสวิจารณ์ในเชิงบวก นักวิจารณ์ต่างชื่นชมการแสดงของนักแสดงในเรื่อง และยังทำเงินได้มากกว่า 675 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก ในปีพ.ศ. 2558 ชาลาเมต์ร่วมแสดงบทนำในภาพยนตร์แฟนตาซีสยองขวัญ วันแอนด์ทู ของแอนดรูว์ ดรอซ ปาเลอโม รับบทแซค เด็กหนุ่มที่ร่วมกับพี่สาวค้นพบความสามารถอันลึกลับของครอบครัวตนเองหลังจากแม่ป่วยลง ตัวภาพยนตร์ได้ฉายที่เทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลิน โดยมีกระแสวิจารณ์ที่ปะปนกัน บทต่อมาของเขาคือบทวัยรุ่นของตัวละครที่แสดงโดย เจมส์ ฟรานโก ชื่อสตีเฟน เอลเลียด ในซีรี่ย์ดิ อัดเดอรัลไดอารี่ส์ ของผู้กำกับพาเมลา รามานอฟสกี้ บทสุดท้ายของเขาในปี พ.ศ. 2558 ชาลาเมต์แสดงเป็นชาร์ลี คูเปอร์ หลานชายของตัวละครที่แสดงโดยไดแอน คีย์ตันและจอห์น กู๊ดแมน ในภาพยนต์คริสมาสต์เรื่อง เลิฟเดอะคูเปอร์ ซึ่งได้รับกระแสวิจารณ์ในเชิงลบ
ในกุมภาพันธ์ปีพ.ศ. 2559 เขาได้แสดงเป็นจิม ควิน ในละครเวทีชีวประวัติเรื่อง พรอไดกอลซัน ที่โรงละครแมนแฮตตัน โดยที่ผู้กำกับจอห์น แพททริค แชนเลย์และโปรดิวเซอร์ สก็อต รูดิน เป็นผู้เลือกเขามาแสดง ชาลาเมต์รับบทเป็นแชนเลย์ในวัยรุ่น เด็กหนุ่มที่มีความคิดแตกต่างผู้มาจากย่านบรอนซ์ เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงของนิว แฮมเชียร์ เนื้อเรื่องอยู่ในปีค.ศ. 1963 ชาลาเมต์ได้รับคำวิจารณ์ที่หาได้ยากและชนะรางวัลลูซิลลอร์เทล และเข้าชิงรางวัลดราม่าลีก ชาลาเมต์ยังร่วมแสดงประกบลิลี่ เรบ ในภาพยนตร์เรื่อง มิสสตีเว่น ของจูเลีย ฮาร์ต ในบทบิลลี่ มิทแมน เด็กหนุ่มผู้สับสน สตีเฟ่น ฟาร์เบอร์จากสำนักนิตยสาร เดอะ ฮอลลีวู้ดรีพอร์ตเตอร์ บรรยายการแสดงของชาลาเมต์ไว้ว่า “จับใจ” และ “น่าตกใจ” ในฉากที่ตัวละครกล่าวบทพูดจากอวสานเซลส์แมน ฟาร์เบอร์บอกว่าเป็นหนึ่งในการแสดงที่ดีที่สุดที่เคยเห็น สตีเฟ่น โฮลเดน จาก นิวยอร์กไทมส์ ได้เปรียบเทียบการแสดงของชาลาเมต์กับเจมส์ ดีน
แจ้งเกิด (พ.ศ. 2560-ปัจจุบัน)
หลังจากได้รู้จักโปรเจกต์นี้สามปี ชาลาเมต์ได้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง คอลมีบายยัวร์เนม ของผู้กำกับ ลูกา กวาดาญีโน ดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกันเขียนโดย อังเดร เอซิแมน เนื้อเรื่องเน้นไปที่ เอลิโอ เพิร์ลแมน เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตในอิตาลียุคค.ศ. 1980 โดยเขาได้ตกหลุมรักกับโอลิเวอร์ (อาร์มี่ แฮมเมอร์) นักศึกษาที่มาพักที่บ้านของเขา เพื่อเตรียมตัวรับบท ชาลาเมต์ได้เรียนภาษาอิตาลี เปียโนและกีตาร์ คอลมีบายยัวร์เนมได้ฉายรอบปฐมทัศน์ที่ งานภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 2017 ตัวภาพยนตร์ได้รับการยอมรับจากนักวิจารณ์ นักวิจารณ์ได้ชื่นชมการแสดงของชาลาเมต์เป็นพิเศษ ออลลี่ ริชาร์ด จากนิตยสาร เอ็มไพร์ เขียนว่า “ในภาพยนตร์ที่การแสดงของทุกคนนั้นยอดเยี่ยม ชาลาเมต์กลับทำให้คนอื่นดูเหมือนกำลังแสดงอยู่ไปเลย แค่เขาแสดงคนเดียวก็คุ้มค่ากับการดูเรื่องนี้แล้ว” จอน ฟรอช จาก เดอะ ฮอลลีวู้ดรีพอร์ตเตอร์ กล่าวว่า ไม่มีการแสดงไหนในปีนั้นที่ “รู้สึกมีชีวิตทั้งในด้านอารมณ์ กายภาพและทางปัญญา” ได้เทียบเท่านี้ และใส่ชื่อชาลาเมต์ลงในอันดับการแสดงที่ดีที่สุดประจำปีของนิตยสาร นิตยสารไทม์เองก็ยังกล่าวว่าการแสดงของชาลาเมต์เป็นหนึ่งในการแสดงที่ดีที่สุดของปี ในขณะที่เดอะ นิวยอร์กไทม์ ได้ใส่ชื่อเขาในอันดับนักแสดงที่ดีที่สุดของปี ด้วยการแสดงของเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาชนะรางวัลนักแสดงหน้าใหม่จากก็อทแธม อวอร์ด และรางวัลอินดิเพนเดนต์สปิริตอะวอดส์ สาขานักแสดงนำชาย และได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล รางวัลออสการ์, รางวัลแบฟตา, รางวัลลูกโลกทองคำ, รางวัลสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ และ รางวัลภาพยนตร์คริติกส์ชอยส์มูฟวี่ ในสาขานักแสดงนำชาย ทำให้เขาเป็นนักแสดงที่อายุน้อยสุดเป็นอันดับสามที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม โดยมีอายุน้อยสุดตั้งแต่ มิกกี้ รูนีย์ ได้เข้าชิงในปีค.ศ. 1939
ภาพยนตร์เรื่องที่สองของเขาในปี พ.ศ.2560 ชาลาเมต์รับบทแดเนียล เด็กชายวัยรุ่นที่ต้องพัวพันกับการเป็นพ่อค้ายาในฤดูร้อนหนึ่ง ในภาพยนตร์เรื่อง ฮอตซัมเมอร์ไนท์ โดยเอไลจาห์ ไบนัม โดยเรื่องนี้ได้ฉายในภาพยนตร์ไม่กี่แห่งและได้รับกระแสวิจารณ์ปะปนกันไป อย่างไรก็ตาม ชาลาเมต์ได้รับคำชมจาก เค ออสติน คอลลินแห่งนิตยสารแวนิตี้แฟร์ ว่า “ความละเอียดอ่อน” ในการแสดงของเขานั้นเป็น “อะไรบางอย่างที่พิเศษ” ต่อจากนั้นในปีเดียวกัน เขาได้แสดงเป็นไคล์ ชิเบล เด็กหนุ่มฮิปเตอร์ผู้ร่ำรวยในวงดนตรีและเป็นเด็กหนุ่มที่ตัวละครของ เซอร์ชา โรนัน ในภาพยนตร์เรื่องเลดี้เบิร์ดหลงเสน่ห์ ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยเกรต้า เกอร์วิก นักวิจารณ์ได้ชื่นชมนักแสดงในเรื่องโดยรวม โดยที่ ไท เบอร์ จาก เดอะ บอสตันโกลป กล่าวว่าการแสดงของเขาในเรื่องนั้น “ตลกดี” ในเดือนธันวาคม หนังเรื่องสุดท้ายของชาลาเมต์ในปี 2560 ก็ได้ฉาย คือภาพยนตร์แนวเวสเทิร์นเรื่อง โฮสไทล์ ของ สก็อต คูเปอร์ เขาแสดงเป็นฟิลิฟเป เดอจาร์ดิน สมทบคริสเตียน เบล
ปีพ.ศ. 2561 ชาลาเมต์เข้าร่วมสถาบันศิลปะภาพยนตร์และวิทยาการ ต่อมาในปีนั้น ชาลาเมต์ได้รับบทชายหนุ่มชื่อ นิค เชฟ เด็กหนุ่มที่เสพติดยาเมตาเฟตามีนผู้ซึ่งมีความสัมพันธ์อันระหองระแหงกับผู้เป็นพ่อ นั่นก็คือเดวิด เชฟ (รับบทโดย สตีฟ คาเรล) ในภาพยนตร์ดราม่าเรื่อง บิวตี้ฟูลบอย ภาพยนตร์ถูกกำกับโดยเฟลิกซ์ วาน โกรนิงเกน สร้างจากเรื่องจริงของนิคเชฟเรื่อง memoir of the same name และ Tweak: Growing Up on Methamphetamines โอเวน เกลเบอร์แมน จากนิตยสารวาไรตี้ ได้เปรียบเทียบการแสดงของชาลาเมต์ในเรื่องนี้กับคอลมีบายยัวร์เนมว่า “นิค(บทที่แสดง) ในรูปแบบอย่างเจมส์ ดีน ที่มีความซ่อนเร้นและเป็นเป็นตัวเอง” เป็นการเปลี่ยนแปลงจาก “ความตรงไปตรงมาอันงดงาม” ที่เขาแสดงในบทเอลิโอ เพิร์ลแมน ชาลาเมต์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล รางวัลแบฟตา, รางวัลลูกโลกทองคำ, รางวัลสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ และ รางวัลภาพยนตร์คริติกส์ชอยส์มูฟวี่ ในสาขานักแสดงสมทบชาย
ในปีต่อมา ชาลาเมต์แสดงในภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ของวูดดี้ อัลเลน เรื่อง อะเรนนี่เดย์อินนิวยอร์ก แต่เนื่องจากข้อหาการคุกคามทางเพศของอัลเลน ชาลาเมต์จึงบริจาคค่าตัวให้กับองค์กรการกุศล Time's Up, LGBT Center of New York และ RAINN เขาไม่ได้โปรโมตภาพยนตร์เรื่องนี้ อย่างไรก็ตามมันกลับได้รับความนิยมอันดับหนึ่งนอกสหรัฐ ต่อจากนั้น เขายังแสดงเป็นพระเจ้าเฮนรี่ที่ห้าแห่งอังกฤษ เจ้าชายหนุ่มผู้ไม่อยากสืบบัลลังก์อังกฤษ ในภาพยนตร์เน็ตฟลิกซ์ของเดวิด มิคอด เรื่อง เดอะคิง ดัดแปลงจากบทละครของเชคสเปียร์ ริชาร์ด ลอว์สัน จากนิตยสารแวนิตี้แฟร์ เขียนไว้ว่า “ชาลาเมต์ได้ทำผลงานที่แข็งแกร่ง จากคนที่ดูผอมเก้งก้างจนดูกลายเป็นผู้นำที่น่าเกรงขาม” ในภาพยนตร์เรื่องที่สามของเขาในปี พ.ศ. 2562 ชาลาเมต์รับบท ธีโอดอร์ “ลอรี่” ลอว์เรนซ์ เด็กหนุ่มที่ตกอยู่ในห้วงรัก ในภาพยนตร์เรื่องสี่ดรุณี ดัดแปลงจากวรรณกรรมคลาสสิคของ ลุยซา เมย์ อัลคอตต์ เป็นการร่วมงานครั้งที่สองของเขากับเกอร์วิกและโรนัน ตัวภาพยนตร์ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ ปีเตอร์ เทรเวอร์ จาก โรลลิ่งสโตน และ แอน ฮอร์นาเดย์ จาก เดอะ วอชิงตันโพสต์ ต่างชื่นชมการแสดงของชาลาเมต์ เทรเวอร์กล่าวว่าการแสดงของนักแสดงหนุ่มนั้นมีทั้ง “เสน่ห์ตั้งแต่เกิดและความเปราะบางอันน่าเจ็บปวด” ในขณะที่ฮอร์นาเดย์ชื่นชม “ความอ่อนไหวที่สวยงาม” ในการแสดงกับ “ความขี้เล่น” ในเดือนธันวาคม ชาลาเมต์ได้เป็นพิธีกรของ แซเทอร์เดย์ไนต์ไลฟ์
ปีพ.ศ. 2564 ชาลาเมต์ได้เล่นเป็นนักศึกษากลุ่มปฏิวัติในภาพยนตร์รวมนักแสดงชั้นนำของ เวส แอนเดอร์สัน เรื่อง เดอะ เฟรนช์ดิสแพช ตัวภาพยนตร์ได้โปรโมตระดับโลกในงานเทศกาลเมืองคานส์ปี 2021 โดยได้รับผลวิจารณ์ในเชิงบวก แอนเดอร์สันได้เขียนบทโดยคิดภาพชาลาเมต์ไว้โดยเฉพาะ บริอานน่า ซิกเลอร์ จาก เพส แม็กกาซีน เขียนว่า “ชาลาเมต์เหมาะสมอย่างมากกับบทรูปแบบของแอนเดอร์สัน” ชาลาเมต์ยังรับบทนำเป็น พอล อะเทรดีส ในภาพยนตร์ของ เดอนี วีลเนิฟว์ ดัดแปลงจากนวนิยายไซไฟเรื่อง ดูน โดยมีรอบปฐมทัศน์ที่ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส ครั้งที่ 78 วีลเนิฟว์บอกว่าชาลาเมต์เป็นตัวเลือกแรกและตัวเลือกเดียวในการรับบทพอล อะเทรดีส “ผมต้องการให้ผู้ชมเชื่อว่าชายหนุ่มคนนี้จะสามารถเป็นผู้นำทั้งดวงดาวได้” ดูนได้รับกระแสวิจารณ์ที่ดีมาก เดวิด รูนีย์ จาก เดอะ ฮอลลีวู้ดรีพอร์ตเตอร์ ชื่นชมชาลาเมต์ “เป็นการแสดงที่มีความครุ่นคิดอันน่าดึงดูด เพิ่มหัวใจที่มีสีสันให้เนื้อเรื่องที่เป็นการก้าวผ่านวัย” ลิวอิส ไนท์ จาก เดย์ลี มิเรอร์ “ทิโมธี ชาลาเมต์ได้พิสูจน์ในการรับบทนำชายรุ่นใหม่ของฮอลลีวู้ดแล้ว” ในบทสุดท้ายของปี เขาได้ร่วมแสดงในบทยูล นักสเก็ตพังค์ ในภาพยนตร์เน็ตฟลิกซ์เรื่อง ดอนท์ลุคอัพ จากผู้กำกับอดัม แมคเคย์ โดยได้รับกระแสตอบรับทั้งบวกและลบ โดยนักวิจารณ์เห็นว่านักแสดงนั้นแสดงได้ดี แต่การนำเสนอหัวข้อของแมคเคย์นั้นเป็นด้านเดียวเกินไป จัสติน ชาง จาก ลอสแองเจลิสไทม์ เขียนถึงการแสดงของชาลาเมต์ว่า “ผมจะไม่บ่นเลยถ้าเกิดบทของทิโมธี ชาลาเมต์ในฐานะนักสเก็ตบอร์ดชาวคริสเตียนที่มีความจริงใจที่ได้เข้ามาอยู่ในชีวิตของเดบิสแอสกี้จะมีมากกว่านี้ เขาโผล่มาช้าก็จริงแต่คุณจะรู้สึกขอบคุณอยู่ดี เขาทำให้ตอนจบมีความเมตตามากขึ้น” โดยในบทบาทยูลชาลาเมต์ได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงโดยรวมร่วมกับคนอื่นๆ
ผลงานที่กำลังจะมาถึง
ชาลาเมต์จะรับบทนำในภาพยนตร์โรแมนติกสยองขวัญเรื่อง โบนส์แอนด์ออล ร่วมงานกับ ลูกา กวาดาญีโน อีกครั้ง เขามีตารางเล่นละครเวทีลอนดอนสเตจ ครั้งแรกที่ เดอะ โอลด์ วิก รับบทลีโอ โจเซฟ-คอนเนล ในละครเวทีเรื่อง 4000 ไมล์ โดยเอมี เฮอร์ซ็อก แสดงร่วมกับไอลีน แอทคินส์ รับบทเวรา เดิมกำหนดแสดงเดือนเมษายนปีพ.ศ. 2563 แต่ถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากโควิด-19 เขายังจะรับบทบ็อบ ดีแลน ในภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่อง going electric กำกับโดย เจมส์ แมนโกลด์ แต่ก็ถูกเลื่อนการถ่ายทำออกไปเนื่องจากโควิด-19 เช่นกัน ในเดือนพฤษภาคมปีพ.ศ. 2564 เขาได้รับบทวิลลี่ วองก้า ในภาพยนตร์เรื่องวองก้า กำกับโดยพอล คิง เริ่มถ่ายทำเมื่อตุลาคมปีพ.ศ. 2564 และกำหนดฉายเดือนมีนาคมปี 2565 ในเดือนตุลาคมได้มีประกาศว่าเขาจะรับบทพอล อะเทรดีส ในดูนภาคสอง กำหนดฉายวันที่ 20 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2565
ภาพลักษณ์สาธารณะและแฟชั่น
[แก้]สื่อหลายสำนักได้ยกให้ชาลาเมต์เป็นหนึ่งในนักแสดงที่มีความสามารถที่สุดแห่งยุค ในการแสดงเรื่องบิวตี้ฟูลบอย เคนเนท ทูราน จาก ลอสแองเจลิสไทม์ ได้เขียนไว้ว่า “เขาอาจเป็นนักแสดงชายแห่งยุคนี้” ในปีพ.ศ. 2561 เขาปรากฎชื่อในลำดับของ Forbes นักแสดงฮอลลีวู้ดอายุต่ำกว่า 30 ปีที่มีอิทธิพลสูงสุด
ชาลาเมต์ได้ถูกบรรยายด้วยสื่อว่าเป็นตัวแทนสัญลักษณ์ทางเพศและแฟชั่นไอค่อน ด้วยทรงผม สันกราม และเสน่ห์ทั้งแบบเพศหญิงและชายเป็นจุดเด่น นิตยสารโว้ก ได้ยกให้เขาเป็นผู้ชายที่มีอิทธิพลทางแฟชั่นสูงสุดในปีพ.ศ. 2562 และบอกว่าเขามี “การผสมผสานระหว่างขอบเขตลักษณะทางเพศทั้งชายและหญิง” ยิ่งไปกว่านั้นเขายังแต่งตัวเองโดยไม่มีสไตลิสต์อีกด้วย ในปี พ.ศ. 2563 เขาถูกยกให้เป็นผู้ชายที่แต่งตัวดีที่สุดในโลกโดยนิตยสาร GQ ชาลาเมต์เป็นหนึ่งในโฮสต์ของเม็ต กาล่า ร่วมกับนักร้องสาว บิลลี่ ไอลิช,นักเทนนิสอาชีพ นาโอมิ โอซากะ และนักรณรงค์อแมนด้า กอร์แมน งานนี้เป็นส่วนนึงของ Costume Institute's exhibit In America:Lexicon of Fashion ในเดือนสิงหาคมปีพ.ศ. 2564 ชาลาเมต์ได้เป็นแบรนด์ เอมบาสเซเดอร์ของ คาเทียร์ ในเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2564 ชาลาเมต์ร่วมกับดีไซเนอร์ไฮเดอร์ แอคเคอร์แมน ได้ออกแบบเสื้อฮูดเพื่อนำกำไรไปบริจาคให้องค์กรช่วยเหลือสิทธิสตรีในอัฟกานิสถาน
ชีวิตส่วนตัว
[แก้]ชาลาเมต์อาศัยในนิวยอร์ก เขาเป็นแฟนกีฬาและใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักฟุตบอลในตอนเด็ก เขาเป็นแฟนคลับ New York Knicks และทีมฟุตบอลฝรั่งเศส AS Saint-Étienne ชาลาเมต์ยังเป็นแฟนตัวยงเพลงฮิปฮอปอีกด้วย เขาถือว่าคิด คัดดี้ เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาทำอาชีพนี้ ในปีพ.ศ. 2561-2563 เขาคบหากับ ลิลี่ โรส เดปป์
ผลงาน
[แก้]ภาพยนตร์
[แก้]ปี | เรื่อง | บทบาท | หมายเหตุ | |
---|---|---|---|---|
2014 | Men Women & Children | แดนนี แวนซ์ | ||
Interstellar | ทอมคูเปอร์วัยเด็ก | |||
Worst Friends | แซมวัยเด็ก | |||
2015 | One & Two | แซค | ||
The Adderall Diaries | สตีเฟ่น เอลเลียต วัยรุ่น | |||
Love the Coopers | ชาลี คูเปอร์ | |||
2016 | Miss Stevens | บิลลี่ มิทแมน | ||
2017 | Call me by your name | เอลิโอ เพิร์ลแมน | ||
Hot Summer Nights | แดเนียล มิดเดิลตัน | |||
Lady Bird | ไคล์ ชิเบล | |||
Hostiles | ฟิลิปเป เดอจาร์ดิน | |||
2018 | Beautiful Boy | นิค เชฟ | ||
2019 | A Rainy Day in New York | แกสบี้ เวลส์ | ||
The King | พระเจ้าเฮนรี่ที่ห้า | |||
Little Women | ธีโอดอร์ “ลอรี่” ลอว์เรนซ์ | |||
2021 | The French Dispatch | เซฟฟิเรลลี | ||
Dune | พอล อะเทรดีส | |||
A Man Named Scott | ตัวเอง | สารคดี | ||
Don’t Look Up | ยูล | |||
2022 | Bones & All | ลี | ||
2023 | Wonka | วิลลี่ วองก้า | เข้าฉายแล้ว | |
2024 | Dune: Part Two | พอล อะเทรดีส | เข้าฉายแล้ว | [2] |
โทรทัศน์
[แก้]ปี | เรื่อง | บทบาท | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
2009 | Law & Order | อีริค ฟอลเลย์ | ตอน “Pledge” |
Loving Leah | เจค ลีเวอร์ วัยเด็ก | ภาพยนตร์โทรทัศน์ | |
2011 | What Would You Do? | ไม่ระบุ | ตอน “Ginger Abuse” |
2012 | Royal Pains | ลุค | สี่ตอน |
Homeland | ฟิน วัลเดน | แปดตอน | |
2020 | Graduate Together: America Honors the High School Class of 2020 | ตัวเอง | พิเศษ |
2020-2021 | Saturday Night Live | ตัวเอง (โฮสต์และคาเมโอ) | สองตอน |
ละครเวที
[แก้]ปี | โปรดักชั่น | บทบาท | โรงละคร |
---|---|---|---|
2011 | The Talls | นิโคลัส คลาร์ก | McGinn/Cazale Theatre |
2016 | Prodigal Son | จิม ควิน | โรงละครแมนแฮตตัน |
ผลงานที่กำลังจะมาถึง | 4000 Miles | ลีโอ โจเซฟ คอนเนล | The Old Vic, London |
รางวัลและการเสนอชื่อ
[แก้]ชาลาเมต์ได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากบทของเขาในเรื่องคอลมีบายยัวร์เนม และยังได้เข้าชิงแบฟตา,ลูกโลกทองคำ,สมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์,รางวัลภาพยนตร์คริติกส์ช้อยส์มูฟวี่ในสาขานักแสดงนำชาย ในช่วงเทศกาลรางวัลเดียวกัน ชาลาเมต์ได้รับการจดจำจากบทสมทบในเรื่องเลดี้เบิร์ด ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลคริติกส์ช้อยส์มูฟวี่ในสาขานักแสดงโดยรวม รางวัลสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ในสาขานักแสดงโดดเด่นร่วมกับนักแสดงคนอื่นๆ สำหรับผลงานของเขาในบิวตี้ฟูลบอย เขาได้เข้าชิงแบฟตา,ลูกโลกทองคำ,สมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์,รางวัลภาพยนตร์คริติกส์ช้อยส์มูฟวี่ในสาขานักแสดงสมทบชาย
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Various sources:
- Drell, Cady (July 13, 2018). "This Week in Timothée Hal Chalamet, July 13 Edition". Marie Claire (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 27, 2019. สืบค้นเมื่อ March 23, 2019.
...from France, where incidentally, Timothée Chalamet's father was born. (That’s why Timmy has dual citizenship and speaks fluent French...
- "Oscars: Hollywood s'arrache Timothée Chalamet, un Franco-Américain de 22 ans". L'Express (ภาษาฝรั่งเศส). March 4, 2018. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 22, 2019. สืบค้นเมื่อ March 23, 2019.
- "Rencontre avec Timothée Chalamet, "the next big thing" du cinéma hollywoodien". Les Inrocks (ภาษาฝรั่งเศส). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 13, 2018. สืบค้นเมื่อ March 23, 2019.
- "Dans quels cas un enfant est-il Français ?". www.service-public.fr (ภาษาฝรั่งเศส). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 23, 2019. สืบค้นเมื่อ March 23, 2019.
- Drell, Cady (July 13, 2018). "This Week in Timothée Hal Chalamet, July 13 Edition". Marie Claire (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 27, 2019. สืบค้นเมื่อ March 23, 2019.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อHollywoodReporter-DuneTwo