ไวน์
ไวน์ (อังกฤษ: wine) เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำมาจากการหมักด้วยองุ่น ยีสต์จะกินน้ำตาลในองุ่นและแปรเปลี่ยนเป็นเอทานอล คาร์บอนไดออกไซค์ และความร้อน องุ่นสายพันธุ์ต่าง ๆ และยีสต์หลายสายพันธุ์เป็นปัจจัยหลักในไวน์หลากสไตล์ ความแตกต่างเหล่านี้เป็นผลมาจากปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างการพัฒนาทางชีวเคมีขององุ่น ปฏิกิริยาที่เกี่ยวข้องกับการหมัก สภาพแวดล้อมในการเพาะปลูกองุ่น(terroir) และกระบวนการผลิตไวน์ หลายประเทศออกกฏหมายในการตั้งชื่อเพื่อกำหนดรูปแบบและคุณภาพของไวน์ โดยทั่วไปสิ่งเหล่านี้จะจำกัดแหล่งกำเนิดทางภูมิศาสตร์และสายพันธุ์องุ่นที่ได้รับอนุญาต เช่นเดี่ยวกับแง่มุมอื่น ๆ ของการผลิตไวน์ ไวน์ที่ไม่ได้ทำมาจากองุ่น ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหมักพืชผลเพิ่มเติม รวมทั้งไวน์ข้าว และไวน์ผลไม้อื่น ๆ เช่น พลัม เชอร์รี่ ทับทิม ลูกเกด และเอลเดอร์เบอร์รี่
ไวน์มีการผลิตมานานนับพันปี หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดของไวน์มาจากจีนยุคโบราณ (ค.ศ. 7000 ปีก่อนคริตกาล)[1][2][3][4][5] จอร์เจีย(ค.ศ. 6,000 ปีก่อนคริตกาล)[6][7] เปอร์เซีย(ค.ศ. 5,000 ปีก่อนคริตกาล) และอิตาลี(ค.ศ. 4,000 ปีก่อนคริตกาล) ไวน์โลกใหม่มีความเกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำขึ้นโดยชนพื้นเมืองของอเมริกา แต่ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ไวกิงในเวลาต่อมาของวินแลนด์และขนบประเพณีของเสปนในนิวสเปน.[8][9] ต่อมาในขณะที่ไวน์โลกเก่าได้พัฒนาเทคนิดการปลูกองุ่นมากขึ้น ยุโรปจะคลอบคลุมพื้นที่ผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดถึงสามแห่ง ปัจจุบัน ห้าประเทศที่มีพื้นที่ผลิตไวน์มากที่สุดคือ อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และจีน[10]
ไวน์มีบทบาทที่สำคัญในศาสนามาช้านาน ไวน์แดงมีความเกี่ยวข้องกับเลือดของชาวอียิปต์ยุคโบราณ[11] และถูกนำมาใช้ในการบูชาเทพเจ้าองค์หนึ่งนามว่า ไดอะไนซัส ของชาวกรีก ส่วนโรมัน จะถูกนำมาใช้ในงานฉลองที่มีชื่อว่า แบคัสนาเลีย ศาสนายูดาห์ยังถูกรวมอยู่ในพิธีคีดูช และศาสนาคริสต์ในพิธีมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์ วัฒนธรรมไวน์ของอียิตป์ กรีก โรมัน และอิสราเอลนั้นยังคงเชื่อมโยงถึงรากเหง้ายุคโบราณเหล่านี้ ในทำนองเดียวกัน แหล่งผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี สเปน และฝรั่งเศสก็มีมรดกตกทอดที่เกี่ยวข้องกับไวน์ศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกันกับประเพณีการปลูกองุ่นทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริดกาเริ่มต้นขึ้นภายในนิวสเปน เนื่องจากบาทหลวงและคณะสงฆ์คาทอลิกได้ผลิตไวน์ขึ้นเป็นครั้งแรกในนิวแม็กซิโกและแคลิฟอร์เนีย.[12][13][14]
ประวัติ
[แก้]เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าไวน์เป็นเครื่องดื่มที่มีมาหลายพันปีแล้ว มีการค้นพบโถโบราณบรรจุเมล็ดองุ่นไร่ซึ่งมีอายุนับเนื่องขึ้นไปกว่า 8,000 ปี ก่อนคริสตกาล
นอกจากที่ประเทศอิหร่านแล้ว ยังมีการพบร่องรอยของเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่ได้จากกรรมวิธีการหมักแบบเดียวกับไวน์ในสมัย 7,000 ปีก่อนคริสตกาล ทางตอนเหนือของประเทศจีน
ในยุคอียิปต์โบราณ การเพาะปลูกองุ่นเพื่อทำไวน์มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบระเบียบมาก เทพต่าง ๆ ในตำนานเทพปกรณัม ทั้งโอซิริสของอียิปต์ เทพไดโอนีซุสของกรีก บัคคัสของโรมัน หรือกิลกาเมชของบาบิโลน ล้วนแล้วแต่เป็นเทพแห่งไวน์ นอกจากนั้น ไวน์ยังเป็นสัญลักษณ์ของพระโลหิตของพระเยซูเจ้าตามความเชื่อทางศาสนาคริสต์ ไวน์มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเป็นอันมากในช่วงสองร้อยปีหลัง ชาวโรมันในสมัยก่อนนั้นดื่มไวน์ที่มีรสฉุนจนต้องผสมน้ำทะเลก่อนดื่ม รสชาติของไวน์ดังกล่าวแตกต่างจากไวน์ในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง
ในสมัยศตวรรษที่ 19 ไวน์ถือว่าเป็นเครื่องดื่มบำรุงกำลัง โดยคนงานที่รับจ้างเก็บเกี่ยวพืชผลจะดื่มไวน์ถึงวันละ 6-8 ลิตร และนายจ้างจะจ่ายไวน์ให้เป็นส่วนหนึ่งของค่าแรง เพราะสมัยนั้นน้ำยังไม่ค่อยสะอาดพอที่จะนำมาดื่มได้
ส่วนประกอบของไวน์
[แก้]ส่วนประกอบส่วนใหญ่ของไวน์คือองุ่นสายพันธ์ต่าง ๆ ยีส และส่วนผสมทางเคมีอื่น ๆ ปกติแล้ว ปริมาณของแอลกอฮอล์จะอยู่ระหว่าง 9-15 เปอร์เซ็นต์ต่อปริมาณน้ำ 85 เปอร์เซ็นต์
แอลกอฮอล์ในไวน์ส่วนใหญ่เป็นเอทิลแอลกอฮอล์ และยังพบตัวทำละลายประเภทกลีเซอรอล ซอร์บิทอล และบูตีแลนกลีคอล
นอกจากนั้น ไวน์ยังประกอบด้วย
- น้ำตาลชนิดต่าง ๆ ทั้งกลูโคส ฟรุคโตส ในปริมาณที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ 1-2 กรัมต่อลิตร ในดรายไวน์ที่หมักจนน้ำตาลกลายเป็นแอลกอฮอล์แล้ว จนถึง 50-60 กรัมต่อลิตร ในไวน์หวานที่กระบวนการหมักบ่มยังไม่สมบูรณ์
- กรดต่าง ๆ ทั้งกรดมาลิก กรดซิตตริก กรดทาทาริก กรดน้ำส้ม กรดแลกติก กรดซัคซินิก
- ส่วนผสมอื่น ๆ เช่น แทนนิน แอนโทซีอัน
- รงควัตถุ (pigment) ต่าง ๆ เช่น แอนโทไซยานิน
การแบ่งประเภทไวน์
[แก้]ในหลาย ๆ ประเทศจะแบ่งประเภทไวน์ตามพันธุ์ขององุ่นที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบ และในประเทศฝรั่งเศสมีการแบ่งประเภทไวน์ตามพื้นที่แหล่งผลิตหรือกรู (ฝรั่งเศส: cru) ผู้ผลิต และปีที่ผลิต
พันธุ์องุ่นดำที่มีชื่อเสียงในการทำไวน์แดงหรือไวน์ชมพู ได้แก่
- พันธุ์องุ่นหลักของเมืองบอร์โด (Bordeaux)
- กาแบร์เน-โซวีญง (cabernet-sauvignon)
- กาแบร์เน-ฟรอง (cabernet franc)
- แมร์โลนัวร์ (merlot noir)
- เปอตีแวร์โด (petit verdot)
- โกตหรือมูร์แวด (cot or mourvede)
- พันธุ์องุ่นหลักของแคว้นชองปาญ (Champagne)
- ปีโนนัวร์ (pinot noir)
- [ขาว] ปีโนเมอนีเย (pinot meunier)
- [ขาว] ชาร์ดอเน (chardonnay)
- พันธุ์องุ่นหลักของแคว้นบูร์กอญ (Bourgogne) [โบโชเล Beaujolais]
- กาเมนัวร์ (gamay noir) หรือกาเมโฟรโอ (gamay freaux)
- พันธุ์องุ่นหลักของแคว้นลองเกอด็อก-รูซียง (Languedoc Rousillon) [เวเดแอน: แวงดูนาตูแรล VDN: Vin Doux Naturel]
- ซีรา (syrah)
- เกรอนาช (grenache)
- พันธุ์องุ่นหลักของรัฐแคลิฟอร์เนีย (California)
- ซินฟันเดล (zinfandel) นำมาจากประเทศอิตาลี
พันธุ์ขาว องุ่นที่นิยมนำมาทำไวน์ขาวได้แก่
- พันธุ์องุ่นหลักของเมืองบอร์โด (Bordeaux) [โซแตร์น, อ็องตร์-เดอ-แมร์, ลูปียัก Sauterne, Entre-deux-mer, Loupiac]
- โซวีญงบล็อง (sauvignon blanc)
- เซมียง (sémillon)
- พันธุ์องุ่นหลักของแคว้นบูร์กอญ (Bourgogne) [ชาบลี, มาร์โซล Chablis, Marsault]
- ชาร์ดอเน (chardonnay)
- อาลีโกเต (aligoté)
- พันธุ์องุ่นหลักของแคว้นเปอีเดอลาลัวร์ (Pays de la Loire) [วูเวร Vouvray]
- เชอแนงบล็อง (chenin blanc)
- พันธุ์องุ่นหลักของแคว้นอัลซาซ (Alsace)
- เกเวือร์ซทรามีเนอร์ (gewürztraminer)
- ปีโนกรี (pinot gris)
- รีเอสลิง (riesling)
- มุสกา (muscat)
- ซีลวาเน (sylvaner)
- อามีญ (amigne) (ในรัฐวาเล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์)
- ซาวาแญง (savagnin)
พื้นที่
[แก้]คำว่า "กรู" (ฝรั่งเศส: cru) หมายถึงไวน์เฉพาะถิ่นที่ผลิตในพื้นที่ซึ่งกำหนดไว้ โดยพื้นที่แต่ละแห่งจะมีลักษณะแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อม สภาพพื้นดิน สภาพอากาศ ซึ่งทำให้องุ่นที่ปลูกในพื้นที่นั้น ๆ ให้รสชาติและลักษณะไวน์ที่เป็นลักษณะเฉพาะและเป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น ไวน์ของผู้ผลิตในประเทศต่าง ๆ (ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ ชิลี แคลิฟอร์เนีย - สหรัฐอเมริกา) สร้างความหลากหลายให้กับรสชาติไวน์ตามลักษณะของพื้นที่ผลิต (แสงแดด ความชื้น คุณภาพดิน) โดยการดื่มไวน์ชิมไวน์เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง จุดประสงค์เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบของไวน์และประเมินคุณภาพเพื่อให้เกิดความสุนทรีในการดื่ม คนที่เป็นนักชิมไวน์มืออาชีพ (Master of wine) คนเหล่านี้จะมีคำว่า MW วงเล็บต่อท้ายชื่อ ซึ่งทั่วโลกมีอยู่ 100 กว่าคน และในเอเชียมีเพียง 10 คนเท่านั้น
ในฝรั่งเศส พื้นที่ผลิตมักจะสัมพันธ์กับพันธุ์องุ่น โดยในพื้นที่หนึ่ง ๆ อาจจะปลูกองุ่นเพียงพันธุ์เดียว หรือหลายพันธุ์เป็นการเฉพาะ ตัวอย่างเช่น ไวน์มาดีรอง (ฝรั่งเศส: madiran) จากแถบเทือกเขาพีเรนีส จะทำจากองุ่นพันธุ์ตานา (ฝรั่งเศส: tannat) เท่านั้น
ผู้ผลิตจะตั้งชื่อไวน์ตามชื่อพื้นที่สำหรับไวน์บูร์กอญ (ฝรั่งเศส: Bourgogne) หรือเรียกในภาษาอังกฤษว่าเบอร์กันดี (อังกฤษ: Burgundy) ส่วนไวน์บอร์โด (ฝรั่งเศส: Bordeaux) ตั้งตามชื่อปราสาท (ฝรั่งเศส: châteaux - ชาโต)
แหล่งผลิตไวน์
[แก้]พื้นที่ที่ใช้ในการเพาะองุ่นสำหรับหมักไวน์เนื่องจากดินที่ใช้ทำให้รสองุ่นต่างกัน ดังนั้น ไวน์ที่ผลิตในยุโรป (Old-world) เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี จะรสต่างจากไวน์ที่ผลิตในที่อื่น ๆ (New-world) เช่น แอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย แคลิฟอร์เนีย ชิลี เป็นต้น หากคุณต้องเลือก ไวน์จาก Old-world อาจจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าไวน์จากประเทศ New-world จะไม่อร่อยเพราะก็มีไวน์จากอเมริกาและออสเตรเลียที่ได้รับรางวัลมากมาย
- ไวน์ที่ผลิตในอเมริกา ให้มองหาไวน์จากออเรกอน (Oregon) หรือไร่นาปาในแคลิฟอร์เนีย (Napa Valley, California)
- ไวน์ที่ผลิตในฝรั่งเศส ให้มองหาไวน์จาก Bordeaux, Burgundy, และ Champagne
- ไวน์ที่ผลิตในอิตาลี ให้มองหาไวน์จาก Tuscany, Chianti
- ไวน์ที่ผลิตในออสเตรเลีย ให้มองหา Shiraz
ปีที่ผลิต
[แก้]ปีที่ผลิต (ฝรั่งเศส: Millésime; อังกฤษ: Vintage) คือ ปีที่มีการเก็บองุ่นซึ่งนำมาใช้ทำไวน์นั้น ๆ เป็นตัวบ่งบอกถึงลักษณะอากาศในปีต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของคุณภาพไวน์ โดยปกติผู้ผลิตจะเขียนชื่อปีที่ผลิตไว้บนฉลาก กฎหมายของสหภาพยุโรปไม่ได้กำหนดให้แจ้งปีที่เก็บเกี่ยวองุ่นที่ใช้ทำไวน์แต่อย่างใด
ชนิดของไวน์
[แก้]ไวน์แดง
[แก้]ไวน์แดง (อังกฤษ: red wine)
ตัวอย่างไวน์แดงที่ได้รับความนิยม
- บาโรโล (Barolo) - อิตาลี
- บรูเนลโลดีมอนตัลชีโน (Brunello di Montalcino) - อิตาลี
- โบโชเล (Beaujolais) - ฝรั่งเศส
- บอร์โด (Bordeaux) - ฝรั่งเศส
- บูร์กอญ (Bourgogne) หรือบูร์กันดี (Burgundy) - ฝรั่งเศส
- กาแบร์เนโซวีญง (Cabernet Sauvignon) - ฝรั่งเศส แคลิฟอร์เนีย ออสเตรเลีย มอลโดวา แอฟริกาใต้
- การ์เมเนเร (Carmenere) - ชิลี
- กีอันตี (Chianti) - อิตาลี
- แมร์โล (Merlot) - ฝรั่งเศส แคลิฟอร์เนีย วอชิงตัน ชิลี แอฟริกาใต้
- ปีโนนัวร์ (Pinot Noir) - ฝรั่งเศส แคลิฟอร์เนีย ออริกอน แอฟริกาใต้
- พิโนเทจ (Pinotage) - แอฟริกาใต้
- เรียวคา (Rioja) - สเปน
- ซีรา/ชีรัซ (Syrah/Shiraz) - ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย แคลิฟอร์เนีย แอฟริกาใต้
- วัลโปลีเชลลา (Valpolicella) - อิตาลี
- ซินฟันเดล (Zinfandel) - แคลิฟอร์เนีย
ไวน์ขาว (White wine)
[แก้]ผลิตจากองุ่นขาวหรือองุ่นแดงแต่เอาเฉพาะน้ำองุ่น แบ่งออกเป็นหลายชนิด
- ไวน์ขาวอ่อน (Vin Blanc Tranquille or Doux)
- ไวน์ขาวแห้ง (Vin Blanc Sec or Demi-sec)
- ไวน์ขาวหวาน (VDN, Porto, Xeres)
- ไวน์ขาวอัดก๊าซ (Champagne, Vouvrey)
- ลิเกอร์จากองุ่นขาว (Cognac, Armagnac, Pineau)
ตัวอย่างไวน์ขาวที่ได้รับความนิยม
- ชาร์ดอเน (Chardonnay) - ฝรั่งเศส แคลิฟอร์เนีย ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้
- ชาบลี (Chablis) - ฝรั่งเศส
- เชอแนงบล็อง (Chenin Blanc) - แอฟริกาใต้ ฝรั่งเศส
- ฟรัสกาตี (Frascati) - อิตาลี
- เกเวือร์ซทรามีเนอร์ (Gewürztraminer) - ฝรั่งเศส เยอรมนี แอฟริกาใต้
- ลีบเฟรามิลค์ (Liebfraumilch) - เยอรมนี
- ออร์วีเอโต (Orvieto) - อิตาลี
- ปีโนกรี/ปีนอตกรีโจ (Pinot Gris/Pinot Grigio) - ฝรั่งเศส อิตาลี ออริกอน
- ปุยยี-ฟุยเซ (Pouilly-Fuissé) - ฝรั่งเศส
- รีสลิง (Riesling) – ฝรั่งเศส เยอรมนี
- โซวีญงบล็อง (Sauvignon Blanc) - ฝรั่งเศส แคลิฟอร์เนีย นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้
- เซมียง (Sémillon) - แอฟริกาใต้
- โซอาเว (Soave) - อิตาลี
- แวร์ดิกกีโอเดย์กัสเตลลีดีเจซี (Verdicchio dei castelli di Jesi) - อิตาลี
สปาร์กลิงไวน์ (Sparkling wine)
[แก้]เป็นไวน์ชนิดมีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์อัดอยู่
ตัวอย่างสปาร์กลิงไวน์ที่ได้รับความนิยม
- อัสตีสปูมันเต (Asti spumante) - อิตาลี
- กาบา (Cava) - สเปน
- แชมเปญ/ชองปาญ (Champagne) - ฝรั่งเศส สปาร์กลิงไวน์ที่ผลิตขึ้นที่แคว้นนี้เท่านั้นจึงจะได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อว่า แชมเปญ
- ฟรันชากอร์ตา (Franciacorta) - อิตาลี
- โปรเซกโก (Prosecco) - อิตาลี
- เซคท์ (Sekt) - เยอรมัน
- สปาร์กลิงไวน์ (Sparkling wine) – แคลิฟอร์เนีย ออริกอน วอชิงตัน นิวเม็กซิโก
ไวน์สีกุหลาบ (rosé)
[แก้]- บูซุยโออาตซะเดโบโฮติน (Busuioacă de Bohotin) : โรมาเนีย
- ลาเกรนโรซาโต (Lagrein Rosato) : อิตาลี
- โรเซ (Rosé) : ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส โปรตุเกส แอฟริกาใต้ สเปน สหรัฐอเมริกา ตุรกี
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Li, Hua; Wang, Hua; Li, Huanmei; Goodman, Steve; Van Der Lee, Paul; Xu, Zhimin; Fortunato, Alessio; Yang, Ping (2018). "The worlds of wine: Old, new and ancient". Wine Economics and Policy. 7 (2): 178–182. doi:10.1016/j.wep.2018.10.002. ISSN 2212-9774.
- ↑ Li, Yuanbo; Bardaji, Isabel (2018). "New wine world from Asia Development, regional comparison and opportunities for the wine industry in China" (PDF). Universidad Politécnica de Madrid: 1.
{{cite journal}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
(help) - ↑ Cañete, Eduardo; Chen, Jaime; Martín, Cristian; Rubio, Bartolomé (2018). Smart Winery: A Real-Time Monitoring System for Structural Health and Ullage in Fino Style Wine Casks (PDF). MDPI. p. 2.
- ↑ Castro-Sowinski, Susana (17 November 2016). Microbial Models: From Environmental to Industrial Sustainability. Springer. p. 42. ISBN 9789811025556.
- ↑ Hames, Gina (2010). Alcohol in World History. Routledge. p. 17. ISBN 9781317548706.
- ↑ "Georgia made 'world's oldest wine'". BBC News. 13 November 2017.
- ↑ Schuster, Ruth (13 November 2017). "Earliest Wine in World Found in 8,000-year-old Neolithic Georgia" – โดยทาง Haaretz.
- ↑ Groeneveld, Emma (September 10, 2018). "Vinland". World History Encyclopedia. สืบค้นเมื่อ May 7, 2020.
- ↑ Thach, Liz (May 25, 2018). "A brief history of American winemaking". The Conversation. สืบค้นเมื่อ May 7, 2020.
- ↑ Johnson, H. (1989). Vintage: The Story of Wine. Simon & Schuster. pp. 11–6. ISBN 978-0-671-79182-7.
- ↑ "Isis & Osiris". University of Chicago.
- ↑ Congressional Serial Set. U.S. Government Printing Office. 1903. p. 263. สืบค้นเมื่อ May 6, 2020.
- ↑ Adams, Fiona (April 29, 2019). "New Mexico's Deep Winemaking History". Wine Enthusiast. สืบค้นเมื่อ May 6, 2020.
- ↑ California Vineyardists Association; Associated California Fruit Industries (1980). Wines and Vines. Hiaring Company. สืบค้นเมื่อ May 6, 2020.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Wine vintages, vintage charts - (อังกฤษ ฝรั่งเศส)
- Varieties of red wines - (อังกฤษ ฝรั่งเศส)
- Wine storage - (อังกฤษ ฝรั่งเศส)