ข้ามไปเนื้อหา

ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก Floyd Mayweather Jr.)
ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์
เกิดฟลอยด์ จอย เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์
24 กุมภาพันธ์​ พ.ศ. 2520 (47 ปี)

สถิติเหรียญโอลิมปิก
โอลิมปิกฤดูร้อน 1996
เหรียญทองแดง - อันดับที่ 3 เฟเธอร์เวท

ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ (อังกฤษ: Floyd Mayweather, Jr.) ยอดนักมวยสากลชาวอเมริกันผู้เป็นเจ้าตำแหน่งแชมเปียนโลก 5 รุ่น และมีสถิติที่ยังไม่เคยแพ้หรือเสมอแก่ใคร เป็นอดีตแชมป์โลก สภามวยโลก (WBC), สมาคมมวยโลก (WBA) รวมถึงของนิตยสารเดอะริง และซูเปอร์แชมป์สมาคมมวยโลก (WBA)[1]

ประวัติ

[แก้]

ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ มีชื่อเต็มว่า ฟลอยด์ จอย เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ (Floyd Joy Mayweather, Jr.) เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2520 ที่เมืองแกรนด์แรพิดส์ รัฐมิชิแกน โดยมีชื่อเดิมแต่แรกเกิดว่า ฟลอยด์ จอย ซินแคลร์ (Floyd Joy Sinclair) ซึ่งนับได้ว่าถือกำเนิดในครอบครัวนักมวย เพราะทั้งบิดา คือ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ ซีเนียร์ และ โรเจอร์ เมย์เวทเธอร์ ผู้ซึ่งเป็นลุง เป็นนักมวยเก่ามาก่อน โดยเฉพาะโรเจอร์นั้น เคยเป็นอดีตแชมป์โลกในรุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวทและรุ่นซูเปอร์ไลท์เวทในยุคทศวรรษที่ 80 และเคยชกกับ ฆูลิโอ เซซาร์ ชาเบซ ยอดตำนานมวยแห่งเม็กซิโกมาแล้วด้วย

เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ เริ่มต้นจากการชกมวยจากมวยสากลสมัครเล่น โดยมี โรเจอร์ ผู้เป็นลุงเป็นเทรนเนอร์ ซึ่งชกได้ดี ประสบความสำเร็จอย่างมาก จนกระทั่งได้ติดทีมชาติสหรัฐอเมริกาในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน ปี 1996 ที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย โดยชกรุ่นเฟเธอร์เวท โดยสามารถผ่านคู่ชกชาติต่าง ๆ จนกระทั่งถึงรอบรองชนะเลิศที่พบกับ เซราฟิม โทโดรอฟ นักมวยชาวบัลแกเรีย ปรากฏว่าเมย์เวทเธอร์นั้นเป็นฝ่ายแพ้แก่โทโดรอฟไป 8-10 หมัด ทำให้ได้แค่เหรียญทองแดง[2](ต่อมาในรอบชิงชนะเลิศ โทโดรอฟ คือคู่ชิงของ สมรักษ์ คำสิงห์ นักมวยชาวไทย และเป็นฝ่ายแพ้แก่สมรักษ์) ซึ่งเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ไม่ยอมรับผลการตัดสิน และประท้วงด้วยการแสดงออกด้วยก้มหน้าตลอดเวลาในพิธีมอบเหรียญรางวัล

ยอดนักมวยสากล

[แก้]
ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ในการชกกับ ฆวน มานูเอล มาร์เกซ ในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552 ที่เอ็มจีเอ็มแกรนด์ ลาสเวกัส

จากนั้น เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ก็หันมาชกมวยสากลอาชีพ โดยมีโรเจอร์เป็นเทรนเนอร์ ซึ่งเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ มีสถิติชนะรวดถึง 17 ครั้ง เป็นการชนะน็อกและทีเคโอถึง 13 ครั้ง ก่อนที่จะชึ้นชิงแชมป์โลกครั้งแรกของ WBC ในรุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวท กับ เจนาโร เฮอร์นันเดซ นักมวยชาวอเมริกันเชื้อสายเม็กซิกัน ผลการชกปรากฏว่าเป็นเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ที่เป็นฝ่ายเอาชนะอาร์ทีดีเฮอร์นันเดซ ซึ่งเป็นนักมวยอดีตแชมป์โลกในรุ่นเดียวกันนี้ และเป็นนักมวยประสบการณ์สูงกว่าไปได้ในยกที่ 8 จากนั้นเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ก็ป้องกันตำแหน่งไว้ได้อีกหลายครั้ง

เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ยังคงขยับรุ่นขึ้นไปชกในรุ่นซูเปอร์ไลท์เวท, เวลเตอร์เวท และซูเปอร์เวลเตอร์เวท ซึ่งก็สามารถคว้าแชมป์โลกมาได้ทุกรุ่น จนกลายเป็นแชมป์โลกถึง 5 รุ่นด้วยกัน ทั้งสถาบันใหญ่และสถาบันย่อย โดยพบกับนักมวยที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายคน อาทิ ออสการ์ เดอ ลา โฮยา, ริคกี ฮัตตัน, แซบ จูดาห์, ฆวน มานูเอล มาร์เกซ, อาร์ตูโร กัตติ, ดีเอโก คอร์ราเรซ, มีเกล กอตโต, ซาอุล อัลบาเรซ, มาร์โกส ไมดานา,แมนนี ปาเกียว, ซึ่งสามารถเอาชนะได้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการชนะคะแนนหรือชนะน็อก ซึ่งเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ นั้นมีรูปแบบการชกที่ว่องไว การออกหมัดทำได้อย่างคมกริบและเฉียบขาด อีกทั้งเป็นนักมวยที่มีการชกแบบป้องกันตัวได้ดีอย่างมากด้วย จนได้รับฉายาว่า "พริตตีบอย" (Pretty Boy) ปัจจุบัน ได้รับการยกย่องจากนิตยสารเดอะริง ว่า เป็นนักมวยที่ดีสุดอันดับหนึ่งของโลกเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ในยุคปัจจุบัน[3] และได้รับการยกย่องให้เป็นนักมวยยอดเยี่ยมแห่งปีหลายต่อหลายครั้งจากสื่อหลายสำนัก

นอกจากนี้แล้วในปี พ.ศ. 2551 ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ยังเคยเข้าร่วมแข่งขันมวยปล้ำกับ บิ๊กโชว์ ยอดนักมวยปล้ำร่างยักษ์ในสังกัดดับเบิลยูดับเบิลยูอี (WWE) ด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นการแสดงก็ตาม[4]

ปัจจุบัน

[แก้]

ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ มีประกาศว่าจะแขวนนวมหลายต่อหลายครั้ง โดยเคยหยุดชกไปนานถึง 2 ปีเต็ม แต่ท้ายที่สุดก็วกกลับมาชกมวยอีกครั้งจนได้[5] โดยสามารถเอาชนะคะแนน เชน มอสลีย์ นักมวยชาวอเมริกันด้วยกันไปได้ และในเดือนกันยายน พ.ศ. 2554 เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ก็เอาชนะทีเคโอยกที่ 4 วิคเตอร์ ออร์ติซ ไปได้ หลังจากชกเข้า 2 หมัดที่กรามในจังหวะที่ออร์ติชไม่ทันได้ระวังตัว หลังจากออร์ติชใช้ศีรษะโขกเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ จนกรรมการต้องจับทั้งคู่แยก และตัดคะแนนออร์ติช และออร์ติชไม่ทันได้ระวังตัว ทำให้ได้กลับมาได้แชมป์โลกของสภามวยโลก ในรุ่นซูเปอร์ไลท์เวทไปอีกครั้ง ซึ่งการชกในครั้งนี้เป็นการชกครั้งแรกของเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ หลังจากหยุดไปนาน 16 เดือนด้วยกัน ซึ่งเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ อ้างว่าโมโหที่ถูกกระทำผิดกติกาก่อน[6]

ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2553 เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ตกเป็นข่าวอื้อฉาวว่าทำร้ายร่างกายอดีตแฟนสาว ท้ายที่สุดถูกศาลนครลาสเวกัสพิพากษาให้เข้าเรือนจำเป็นระยะเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555 - กันยายน ปีเดียวกัน[7]

นอกจากนี้แล้ว เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นนักกีฬาที่ได้รับค่าตัวสูงสุดในปี พ.ศ. 2553 โดยทำรายได้ไปทั้งสิ้น 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,550 พันล้านบาท) ทั้ง ๆ ที่ชกเคลื่อนไหวไปแค่ 2 ครั้งเท่านั้น โดยทำรายได้เหนือกว่าไทเกอร์ วูดส์ นักกอล์ฟอาชีพลชาวอเมริกัน[8]

ปัจจุบัน ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ได้รับการทาบทามให้ชกกับ แมนนี ปาเกียว นักมวยซูเปอร์สตาร์อีกคนของวงการมวยโลกชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งทั้งคู่ปรากฏข่าวคราวว่าจะได้ชกกันอยู่หลายครั้ง แต่ท้ายที่สุดก็ต้องคลาดแคล้วกันไปในที่สุด[9][10]

แต่ในที่สุด ทั้งคู่ก็ได้เซ็นสัญญาชกกันเป็นที่เรียบร้อย โดยกำหนดขึ้นในวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ที่เอ็มจีเอ็มการ์เดนอารีนา ในนครลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา โดยคาดว่าค่าตัวของทั้ง 2 น่าจะไม่น้อยกว่า 250 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8,000 ล้านบาท) สำหรับ เมย์เวทเทอร์ จูเนียร์ จะได้รับส่วนแบ่งร้อยละ 60 ขณะที่ ปาเกียว จะยอมรับส่วนแบ่งที่น้อยกว่า คือ ร้อยละ 40 รวมทั้งยังมีรายได้สิทธิประโยชน์ด้านอื่นตามมาอีก เช่น ค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดผ่านดาวเทียม [11]

ผลการชก ปรากฏว่า ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ เป็นฝ่ายดักชกอยู่วงนอก ขณะที่ปาเกียวเป็นฝ่ายเดินออกหมัดเข้าหา และสามารถไล่เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ พิงเชือกแล้วรัวหมัดได้ในยกที่ 6 และยกที่ 8 เมื่อครบ 12 ยก เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์เป็นฝ่ายเอาชนะคะแนนไปได้อย่างเป็นเอกฉันท์ 118-110, 116-112 และ 116-112 โดยเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ยอมรับว่า แมนนี ปาเกียว เป็นคู่ชกที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่พบมา และได้ประกาศสละแชมป์ทั้งหมดที่ตนครองอยู่ในวันถัดมา เนื่องจากตั้งใจว่าจะชกอีกเพียงครั้งเดียวในเดือนกันยายนปีเดียวกัน ก็จะแขวนนวมไปในที่สุด[12] [13] แต่ก็พร้อมที่จะให้ปาเกียวแก้มืออีกครั้ง[14]

ต่อมา ทาง WBO ก็ได้ประกาศริบเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นเวลเตอร์เวทของ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ เนื่องจากไม่ยอมจ่ายค่าธรรมเนียมจัดการชกในครั้งนี้จำนวน 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,800,000 บาท[15])

ต่อมา เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ประกาศว่าจะชกมวยเป็นครั้งสุดท้ายในวันที่ 12 กันยายน ปีเดียวกัน กับ อังเดร เบอร์โต นักมวยชาวอเมริกันเชื้อสายเฮติ ซึ่งหากสามารถเอาชนะในครั้งนี้ได้ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ จะทำสถิติชนะรวดเทียบเท่า รอคกี มาร์ซีอาโน อดีตนักมวยผิวขาวชาวอเมริกันผู้เป็นตำนานในรุ่นเฮฟวี่เวทในอดีต คือ ชนะรวด 49 ครั้ง ซึ่งเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ก็สามารถเอาชนะคะแนนไปได้อย่างเป็นเอกฉันท์ และหลังการชกเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ก็ได้ยืนยันบนเวทีอีกครั้งว่านี่เป็นการชกครั้งสุดท้ายแล้วของตน [16][17][18] [19]

โดยตลอดระยะเวลา 19 ปี ที่ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ชกนั้น ทำเงินรายได้รวมทั้งหมดกว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 24,500 ล้านบาท) นับเป็นนักกีฬาที่ทำรายได้มากที่สุดของโลก มากกว่านักกีฬาระดับซูเปอร์สตาร์ในประเภทอื่นหลายคน เช่น ลิโอเนล เมสซิ หรือคริสเตียโน โรนัลโด [20]

เสียงวิพากษ์วิจารณ์

[แก้]

อย่างไรก็ตาม ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ เป็นนักมวยที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า เป็นนักมวยที่มีรูปแบบการชกที่น่าเบื่อ เนื่องจากเป็นมวยตั้งรับมากเกินไป จนหาไฟต์ที่ชกครบ 12 ยกแล้วเป็นที่ประทับใจของผู้ชมเมื่อเทียบกับยอดนักมวยของโลกหลายคนในอดีต อีกทั้งยังมีนิสัยชอบอวดความร่ำรวยของตัวเองจนน่าหมั่นไส้อีกด้วย[21]

เกียรติประวัติ

[แก้]
  • มวยสากลสมัครเล่น
  • มวยสากลอาชีพ
  • แชมป์โลก WBC รุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวท​
    • ชิง , 3 ตุลาคม 2541 ชนะอาร์ทีดี เจนาโร เฮอร์นันเดซ ( สหรัฐอเมริกา)​ ยก 8 ที่ โรงแรม​เวสท์เกต ลาสเวกัส​ ลาสเวกัสรัฐเนวาดา​ สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 1 , 19 ธันวาคม 2541 ชนะทีเคโอ แองเจล แมนเฟรดี ( สหรัฐอเมริกา)​ ยก 2 ที่ มิโคสุกิรีสอร์ท ไมแอมีรัฐฟลอริดา​ สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 2 , 17 กุมภาพันธ์​ 2542 ชนะคะแนน การ์โลส ริโอส (ธงของประเทศอาร์เจนตินา อาร์เจนตินา)​ ที่ แวน - แอนเดล อารีนา แกรนด์แรพิดส์ รัฐมิชิแกน​ สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 3 , 22 พฤษภาคม​ 2542 ชนะทีเคโอ​ จัสติน จูโก (ธงของประเทศยูกันดา ยูกันดา)​ ยก 9 ที่ แมนดะเลย์เบย์ ลาสเวกัส รัฐเนวาดา​ สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 4 , 11 กันยายน 2542 ชนะอาร์ทีดี การ์โลส เฆเรนา (ธงของปวยร์โตรีโก ปวยร์โตรีโก)​ ยก 7 ที่ แมนดะเลย์เบย์ ลาสเวกัส รัฐเนวาดา​ สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 5 , 18 มีนาคม​ 2543 ชนะคะแนน เกร์โฆริโอ บาร์กัส (ธงของประเทศเม็กซิโก เม็กซิโก)​ ที่ เอ็มจีเอ็มแกรนด์ ลาสเวกัส ลาสเวกัส รัฐเนวาดา​ สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 6 , 20 มกราคม 2544 ชนะทีเคโอ​ ดิเอโก คอร์ราเลส ( สหรัฐอเมริกา)​ ยก 10 ที่ เอ็มจีเอ็มแกรนด์ ลาสเวกัส ลาสเวกัส รัฐเนวาดา​ สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 7 , 26 พฤษภาคม​ 2544 ชนะคะแนน คาร์ลอส เฮอร์นันเดซ ( สหรัฐอเมริกา)​ ที่ แวน - แอนเดล อารีนา แกรนด์แรพิดส์ รัฐมิชิแกน สหรัฐ สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 8 , 10 พฤศจิกายน​ 2544 ชนะอาร์ทีดี​ เฆซุส ชาเบซ (ธงของประเทศเม็กซิโก เม็กซิโก)​ ยก 9 ที่ บิล เกรแฮม ซีวิกออดิทอร์เรียม ซานฟรานซิสโกรัฐแคลิฟอร์เนีย​ สหรัฐ
  • แชมป์โลก WBC​ และเดอะริง รุ่นไลท์เวท
    • ชิง , 7 ธันวาคม 2545 ชนะคะแนน โฆเซ ลุยส์ กัสติโย (ธงของประเทศเม็กซิโก เม็กซิโก)​ ที่ แมนดะเลย์เบย์​ ลาสเวกัส​ รัฐเนวาดา​ สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 1 , 19 เมษายน 2546 ชนะคะแนน​ บิกตอริอาโน โซซา (ธงของสาธารณรัฐโดมินิกัน สาธารณรัฐโดมินิกัน)​ ที่ เซลแลนด์ อารีนา เฟรสโน รัฐแคลิฟอร์เนีย​ สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 2 , 1 พฤศจิกายน​ 2546 ชนะทีเคโอ​ ฟิลิป นดู (ธงของประเทศแอฟริกาใต้ แอฟริกาใต้)​ ยก 7 ที่ แวน - แอนเดล อารีนา แกรนด์แรพิดส์ รัฐมิชิแกน​ สหรัฐ
  • แชมป์โลก WBC รุ่นซูเปอร์ไลท์เวท​
  • แชมป์โลก IBF​ และ IBO รุ่นเวลเตอร์เวท
    • ชิง , 8 เมษายน 2549 ชนะคะแนน เชน มอสลีย์ ( สหรัฐอเมริกา)​ ที่ โธมัสแอนด์แม็กอารีนา ลาสเวกัส​ รัฐเนวาดา สหรัฐ (แชมป์ IBO ได้มาจากการชิงตำแหน่งที่ว่าง ต่อมาเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ สละแชมป์ IBF)
    • ป้องกันครั้งที่ 1 และชิงแชมป์โลก WBC​ IBA​ และเดอะริงรุ่นเดียวกัน , 4 พฤศจิกายน​ 2549 ชนะคะแนน​ การ์โลส บัลโดมิอาร์ (ธงของประเทศอาร์เจนตินา อาร์เจนตินา) ที่ ​แมนดะเลย์เบย์ ลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐ (ต่อมาเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ สละแชมป์ IBO , IBA)
    • ป้องกันครั้งที่ 1 (WBC , เดอะริง)​ , 8 ธันวาคม​ 2550 ชนะทีเคโอ​ ริกกี แฮตตัน ( สหราชอาณาจักร)​ ยก 10 ที่ เอ็มจีเอ็มแกรนด์ลาสเวกัส​ ลาสเวกัส​ รัฐเนวาดา​ สหรัฐ
  • แชมป์โลก WBC​ รุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท​
  • แชมป์โลก WBC​ รุ่นเวลเตอร์เวท (สมัยที่ 2)
    • ชิง , 17 กันยายน​ 2554 ชนะทีเคโอ​ วิกตอร์ ออร์ติซ ( สหรัฐอเมริกา)​ ยก 4 ที่ เอ็มจีเอ็มแกรนด์ลาสเวกัส​ ลาสเวกัส​ รัฐเนวาดา​ สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 1 และชิงแชมป์เดอะริงรุ่นเดียวกัน , 4 พฤษภาคม​ 2556 ชนะ​คะแนน รอเบิร์ต เกอร์เรโร ( สหรัฐอเมริกา) ที่ เอ็มจีเอ็มแกรนด์ลาสเวกัส​ ลาสเวกัส​ รัฐเนวาดา​ สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 2 และชิงแชมป์โลก WBA (ซูเปอร์แชมป์)​ ในรุ่นเดียวกัน​ , 3 พฤษภาคม 2557 ชนะคะแนน​ มาร์โกส ไมดานา (ธงของประเทศอาร์เจนตินา อาร์เจนตินา)​ ที่ เอ็มจีเอ็มแกรนด์ลาสเวกัส​ ลาสเวกัส​ รัฐเนวาดา​ สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 3 (เป็นการป้องกันตำแหน่ง WBC และเดอะริง รุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวทในเวลาเดียวกัน)​ , 13 กันยายน​ 2557 ชนะคะแนน มาร์โกส ไมดานา (ธงของประเทศอาร์เจนตินา อาร์เจนตินา)​ ที่ เอ็มจีเอ็มแกรนด์ลาสเวกัส​ ลาสเวกัส​ รัฐเนวาดา​ สหรัฐ (ต่อมาเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ สละแชมป์ WBC และเดอะริง รุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท)
    • ป้องกันครั้งที่ 4 และชิงแชมป์องค์กรมวยโลก WBO ในรุ่นเดียวกัน , 2 พฤษภาคม​ 2558 ชนะคะแนน แมนนี ปาเกียว (ธงของประเทศฟิลิปปินส์ ฟิลิปปินส์) ที่ เอ็มจีเอ็มแกรนด์ลาสเวกัส​ ลาสเวกัส​ รัฐเนวาดา​ สหรัฐ (ต่อมาเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ถูกปลดตำแหน่ง​แชมป์ WBO)​
    • ป้องกันครั้งที่ 6 ​, 12 กันยายน​ 2558 ชนะคะแนน อังเดร เบอร์โต​ ( สหรัฐอเมริกา)​ ที่ เอ็มจีเอ็มแกรนด์ลาสเวกัส​ ลาสเวกัส​ รัฐเนวาดา​ สหรัฐ
  • แชมป์โลก ​WBA (ซูเปอร์​แชมป์​) รุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท (สมัยที่ 2)​
    • ชิง , 5 พฤษภาคม​ 2555 ชนะคะแนน​ มีเกล กอตโต​ (ธงของปวยร์โตรีโก ปวยร์โตรีโก)​ ที่ เอ็มจีเอ็มแกรนด์ลาสเวกัส​ ลาสเวกัส​ รัฐเนวาดา​ สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 1 และชิงแชมป์สภามวยโลก (WBC) กับเดอะริง ในรุ่นเดียวกัน​ , ​14 กันยายน​ 2556 ชนะคะแนน ซาอุล อัลบาเรซ (ธงของประเทศเม็กซิโก เม็กซิโก) ที่ เอ็มจีเอ็มแกรนด์ลาสเวกัส​ ลาสเวกัส​ รัฐเนวาดา​ สหรัฐ (ต่อมาเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ สละแชมป์ WBA)

อ้างอิง

[แก้]
  1. "'เมย์เวทเธอร์' ยังเก๋า! ชนะคะแนน 'ไมดานา' ซิวชัยไฟต์ที่ 47". ไทยรัฐ. 14 September 2014. สืบค้นเมื่อ 14 September 2014.
  2. Floyd Mayweather Jr. vs. Serafim Todorov 1996 Olympic (คลิปวิดีโอการชก)
  3. "rating". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-16. สืบค้นเมื่อ 2013-02-08.
  4. หน้า 23 ต่างประเทศ * กีฬา, 'ฟลอยด์'คืนสังเวียนแล้ว แต่ไม่ได้ต่อยนักมวยอาชีพ. มติชนปีที่ 40 ฉบับที่ 14246: วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560
  5. ประวัติจากไทยรัฐ
  6. โมโหถูกโขก!ฟลอยด์เล่นทีเผลออัดออร์ติซกองยก 4 จากสยามสปอร์ต
  7. [1]เก็บถาวร 2014-07-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ถูกจำคุก 3 เดือน จากวอยซ์ทีวี
  8. [ลิงก์เสีย] “ฟลอยด์” ท็อปนักกีฬารายได้สูงสุด จากผู้จัดการออนไลน์
  9. ปาเกียวไหวหรือไม่ หักด่านเมย์เวทเธอร์! จากสยามสปอร์ต
  10. "ปาเกียว"ลั่นพร้อมทุกเมื่อดวล"เมย์เวทเธอร์"หยามชนะไม่ยาก หลังโชว์ลีลาสุดยอดต้อน"คล๊อตเตย์"ขาดลอย จากมติชน
  11. "ดรีมไฟต์! 'ปาเกียว-ฟลอยด์' พร้อมชก 2 พ.ค. นี้". ไทยรัฐ. 2015-02-20. สืบค้นเมื่อ 2015-02-23.
  12. "อึ้งทั้งสังเวียน! 'ฟลอยด์' พลิ้ว ชกชนะคะแนน 'ปาเกียว' เอกฉันท์". ไทยรัฐ. 2015-05-03. สืบค้นเมื่อ 2015-05-03.
  13. "เมย์เวทเธอร์ลั่นสละแชมป์-ชกอีกไฟต์ก่อนแขวนนวม". ทีเอ็นเอ็น24. 2015-05-03. สืบค้นเมื่อ 2015-05-03.
  14. "ฟลอยด์เปิดทาง ท้าปาเกียวแก้มือ". กรุงเทพธุรกิจ. 2015-05-07. สืบค้นเมื่อ 2015-05-07.
  15. "ริบเข็มขัด ! "ฟลอยด์" ถูกปลดแชมป์โลก นัดดวลหมัด ปาเกียว". เจ้าพระยานิวส์. 8 July 2015. สืบค้นเมื่อ 8 July 2015.[ลิงก์เสีย]
  16. http://www.sbnation.com/2015/9/13/9317711/mayweather-beats-berto-results-scores-decision
  17. \ Floyd Mayweather Jr. Confirms Fight Against Andre Berto
  18. "Ellerbe confirms Mayweather will be retiring after Berto".
  19. ""ฟลอยด์" ชนะ "เบอร์โต" ขาดลอย ประกาศอำลาทางการ". ผู้จัดการออนไลน์. 13 September 2015. สืบค้นเมื่อ 13 September 2015.[ลิงก์เสีย]
  20. หน้า 19 ต่อจากหน้า 17 กีฬา, ฟลอยด์ปิดฉากสมใจ. เดลินิวส์ฉบับที่ 24,077: วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 10 ปีมะแม
  21. หน้า 20 กีฬา, ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล...?. "คิดทันเกม" โดย ผยองเดช. เดลินิวส์ฉบับที่ 24,080: วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558 ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 10 ปีมะแม

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]