โรคแคงเกอร์ในพืชสกุลส้ม
โรคแคงเกอร์ในพืชสกุลส้ม | |
---|---|
![]() แผลบนใบพืช | |
ชื่อสามัญ | โรคแคงเกอร์มะนาว, โรคขี้กลากในส้ม |
เชื้อก่อโรค | Xanthomonas axonopodis pv. citri |
พืชอาศัย | พืชสกุลส้ม ได้แก่ ส้ม มะนาว มะกรูด และส้มโอ |
รหัส EPPO | XANTCI |
พื้นที่แพร่ระบาด | ไทย อินโดนีเซีย จีน อินเดีย รวมทั้งบราซิล อาร์เจนตินา อุรุกวัยและสหรัฐ |

โรคแคงเกอร์ในพืชสกุลส้ม, โรคแคงเกอร์มะนาว หรือ โรคขี้กลากในส้ม[1] (อังกฤษ: citrus canker) เป็นโรคที่มีผลต่อพืชหลายชนิดในสกุลส้ม ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Xanthomonas axonopodis ทำให้เกิดแผลบนใบ ลำต้น และผลของต้นส้ม มะนาว มะกรูด และส้มโอ ซึ่งคล้ายกับอาการของโรคแคงเกอร์ชนิดอื่นคือ เป็นหย่อมแผลตกสะเก็ดนูนของเนื้อเยื่อที่ตายเป็นสีน้ำตาลแก่ แม้ว่าโรคแคงเกอร์ในพืชสกุลส้มจะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความอยู่รอดของต้นพืชในสกุลส้ม ทำให้ใบและผลร่วงก่อนเวลาอันควร ผลที่เป็นโรคแคงเกอร์นั้นกินได้อย่างปลอดภัย แม้ดูไม่น่ากิน
เชื่อกันว่าเชื้อแบคทีเรียของโรคนี้มีต้นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เชื้อนี้มีความทนทาน (ความสามารถในการอยู่รอด) สูงมากในพื้นที่ระบาด ความพยายามในการกำจัดโรคนี้อาจต้องใช้การรื้อทำลายทิ้งทั้งสวน[2] ปัจจุบันพบการระบาดของโรคแคงเกอร์ในพืชสกุลส้มในหลายทวีปตั้งแต่ไทย อินโดนีเซีย จีน อินเดีย รวมทั้งบราซิล อาร์เจนตินา อุรุกวัยและสหรัฐ[3][4] เป็นเชื้อที่ส่าคัญมากชนิดหนึ่งของการกักกันพืชในประเทศสหรัฐ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ซึ่งมีการตรวจสอบการนำเข้าผลส้มหรือกิ่งพันธุ์ส้มอย่างเข้มงวด[5]
ชีววิทยาและอนุกรมวิธาน
[แก้]
Xanthomonas axonopodis | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ ![]() | |
ชื่อทวินาม | |
Xanthomonas axonopodis (C H Hasse, 1915) | |
ชื่อพ้อง | |
Pseudomonas citrii |
การค้นพบ
[แก้]คลารา เอช. ฮาสเซ (Clara H. Hasse) ระบุว่าโรคแคงเกอร์ในพืชสกุลส้มไม่ได้เกิดจากเชื้อรา แต่เกิดจากการก่อโรคของแบคทีเรีย[6][7] งานวิจัยของเธอที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการวิจัยทางการเกษตร ปี 1915 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองพืชสกุลส้มในหลายรัฐของสหรัฐในขณะนั้น[ต้องการอ้างอิง]
ลักษณะทางชีววิทยา
[แก้]Xanthomonas axonopodis เป็นแบคทีเรียแกรมลบรูปแท่งที่มีโพลาร์แฟลกเจลลา ความยาวจีโนมของแบคทีเรียชนิดนี้ประมาณ 5 คู่เมกะเบส กลุ่มชนิดของโรคแคงเกอร์ในพืชสกุลส้มของแบคทีเรีย X. axonopodis สามารถแบ่งออกในระดับ pathovar[8] ได้ดังนี้
- โรคแคงเกอร์ในพืชสกุลส้มชนิดเอเชีย (แคงเกอร์ เอ; Canker A) คือ X. axonopodis pv. citri เกิดจากกลุ่มของสายพันธุ์ที่พบในเอเชีย ซึ่งเป็นกลุ่มเชื้อที่แพร่หลาย (ครอบคลุมชนิดของพืชอาศัย–ที่สุด[5]) และรุนแรงที่สุด
- แคนโครซิส บี (Cancrosis B) เกิดจากกลุ่มของ X. axonopodis pv. aurantifolii พบในอเมริกาใต้เป็นโรคที่เกิดจากเลมอน, มะนาวแป้น, ส้มซ่า และส้มโอ
- แคนโครซิส ซี (Cancrosis C) เกิดจากสายพันธุ์ภายใน X. axonopodis pv. aurantifolii เช่นกัน ติดเชื้อเฉพาะในมะนาวและส้มซ่าเท่านั้น
- สายพันธุ์ เอ* (A* strains) ค้นพบในโอมาน ซาอุดีอาระเบีย อิหร่าน และอินเดีย แพร่เชื้อได้เฉพาะมะนาวแป้นเท่านั้น
ลักษณะอาการและพยาธิวิทยา
[แก้]เชื้อแบคทีเรีย Xanthomonas axonopodis สามารถเข้าทำลายได้ทุกส่วนของต้น ทั้งใบ กิ่ง และผล ซึ่งใบอ่อนมีความอ่อนไหวมากที่สุดเนื่องจากปากใบที่กว้างกว่า[3][4] มักพบเชื้อนี้เข้าทำลายในช่วงที่ฝนตกติดต่อกันและอากาศชื้น โดยเข้าทำลายที่ใบจากทางปากใบหรือผ่านปากแผลที่เกิดจากหนอน เช่น หนอนชอนใบส้ม (Phyllocnistis citrella)[3][4][9] อาการเริ่มแรกที่ใบและใบอ่อนมักพบเป็นจุดฉ่ำน้ำขนาด 2–3 มิลลิเมตร สีขาวหรือเหลืองอ่อน[10] และกลายเป็นแผลตกสะเก็ดนูนสีน้ำตาลอ่อนถึงแก่ ปกติแล้วจะมีรัศมี (วงแหวน) สีเหลืองรอบแผล แผลจะขยายตัวอย่างช้า ๆ และใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นวงซ้อน ๆ กัน ไม่มีรูปทรงแน่นอน ต่อมาทั้งส่วนนั้นจะเหลืองแห้งและหลุดร่วง ส่วนอาการที่เกิดตามกิ่งอ่อนและผลจะพบแผลตกสะเก็ดนูนขึ้นสีน้ำตาลเช่นเดียวกัน แผลที่กิ่งและผลอาจแตกเป็นแผลทำให้เกิดยางไหล ลุกลามไปยังใบทำให้ใบหลุดร่วงและกิ่งแห้งตายไปในที่สุด[11] ท่าให้ต้นพืชทรุดโทรม และแคระแกรน[5] โดยธรรมชาติไม่พบอาการของโรคที่ราก[10]
ในห้องปฏิบัติการที่มีการควบคุม อาการโรคจะปรากฏขึ้นภายใน 14 วันหลังฉีดเชื้อเข้าในต้นพืชตัวอย่างที่อ่อนแอ ในสภาพแวดล้อมภาคสนามพบว่ามีความหลากหลายทั้งเวลาในการแสดงอาการและอาการที่ชัดเจนต่างจากโรคทางใบอื่น ๆ อาจกินเวลาหลายเดือนหลังจากการติดเชื้อ และผันแปรตามปัจจัยอื่น ๆ เช่น อุณหภูมิที่ต่ำลงจะเพิ่มเวลาแฝงของโรค[3] เป็นต้น แบคทีเรียโรคแคงเกอร์ในพืชสกุลส้มสามารถคงอยู่ได้ในแผลเก่าและพื้นผิวพืชอื่น ๆ เป็นเวลาหลายเดือน โดยเฉพาะที่กิ่งสามารถเป็นแหล่งแพร่เชื้อในฤดูกาลปลูกต่อไปได้[3]
การก่อโรค
[แก้]แบคทีเรีย Xanthomonas axonopodis มีความสามารถในการเกาะเป็นกลุ่มหนาแน่นที่เรียกว่า ฟิล์มชีวภาพ ยึดติดแน่นกับพืชอาศัย (โฮสต์) ฟิล์มชีวภาพเป็นผลมาจากการผลิตพอลีแซคคาไรด์นอกเซลล์ (แซนแทน) ซึ่งเป็นตัวเสริมศักยภาพก่อโรคและเพิ่มอัตราการอยู่รอดของการอิงอาศัยบนสิ่งมีชีวิตอื่น (เอพิไฟต์) ของแบคทีเรีย X. axonopodis pv. citri ก่อนการพัฒนาเป็นโรคแคงเกอร์ในพืชสกุลส้ม นอกจากนี้แบคทีเรียยังหลั่งโปรตีนสร้างเอฟเฟกต์เสมือนตัวกระตุ้นการคัดลอกรหัส (TALe) ผ่านระบบหลั่งสารคัดหลั่งประเภทที่ 3 (T3SS) โปรตีนนี้ทำหน้าที่โต้ตอบกับกลไกภายในเซลล์ของพืชอาศัยเพื่อเหนี่ยวนำการคัดลอกรหัสของยีนที่ควบคุมฮอร์โมนพืช เช่น จิบเบอเรลลิน และออกซิน[12][13]
วงจรโรค
[แก้]แบคทีเรีย Xanthomonas axonopodis สามารถอยู่รอดข้ามฤดูเพาะปลูกในบริเวณที่มีการแพร่ระบาดซึ่งปรากฏเป็นแผลเปื่อยบนใบหรือลำต้น แบคทีเรียจะค่อย ๆ ไหลซึมออกจากแผลเมื่อมีความชื้นอิสระ ในขณะฝนตกลมสามารถพัดพาเชื้อเหล่านี้ไปยังพืชอาศัยที่อ่อนแอต้นอื่น ๆ แบคทีเรียจะแพร่เชื้อเข้าสู่พืชเหล่านี้ผ่านทางปากใบและปากแผล การตัดแต่งกิ่งหรือการเล็มใบสามารถตัดหรือเปิดออกถึงเนื้อเยื่อมีโซฟิลล์ ทำให้เกิดบาดแผลซึ่งพืชอาจติดเชื้อได้โดยตรง ฝนยังสามารถทำให้เกิดน้ำคั่งบนผิวใบ ดันให้น้ำผ่านเข้าทางปากใบ และช่วยการติดเชื้อผ่านช่องเปิดธรรมชาตินี้ การติดเชื้อสามารถเกิดขึ้นได้บนผล ใบ กิ่ง และต้นอ่อน ใบและลำต้นอ่อนไหวต่อการติดเชื้อมากที่สุดเมื่ออยู่ในระยะหกสัปดาห์แรกของการงอกใหม่ โดยเฉพาะใบอ่อนเนื่องจากปากใบที่กว้างกว่า[3][4] มักพบการติดเชื้อในผลในช่วง 90 วันหลังจากกลีบดอกร่วง (ช่วงการติดผล)[14] วงรอบ ๆ ของรอยโรคบนผลเกิดจากการติดเชื้อซ้ำ ๆ หลายรอบ และยังสามารถบ่งชี้อายุของการติดเชื้อจากรอยโรคที่แตกต่างกันบนผลเดียวกันได้
สภาพแวดล้อมที่เหมาะต่อการก่อโรค
[แก้]สภาพอากาศที่เหมาะที่สุดต่อการกระจายตัวของ X. axanopodis คือ สภาพอากาศที่มีฝนชุกประกอบกับลมแรง[1] โดยกล่าวกันว่าแบคทีเรียนี้สามารถกระจายตัวได้โดยทันทีจากฝนตกและลมกระโชก แต่ปริมาณของ X. axanopodis จะลดลงอย่างนวดเร็วเมื่อลมที่พัดฝนกระจายตัวหรือเบาบางลง สภาพอากาศที่เหมาะรองลงมาคือ สภาพอากาศร้อน โดยเฉพาะช่วงอุณหภูมิ 28–30°ซ[10][15] (สูงสุดที่ 38°ซ) ตัวอย่างกรณีของโรคแคงเกอร์ในพืชสกุลส้มจะรุนแรงกว่าในพื้นที่ที่มีฝนตกชุกและมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูง เช่น ในรัฐฟลอริดาซึ่งมักเกิดโรคแคงเกอร์อย่างรวดเร็วที่สุดคือ ช่วงกลางถึงปลายฤดูใบไม้ผลิ (โดยเฉพาะในระยะพืชแตกใบอ่อน[1]) รองลงมาคือในช่วงฤดูใบไม้ร่วง แต่เกิดอย่างช้า ๆ ในฤดูหนาว[16]
ในกรณีที่แบคทีเรียนี้การเข้าทำลายทางปากแผล ความชื้นมีอิทธิพลในการติดเชื้อน้อยมาก[10]
การตรวจหาเชื้อ
[แก้]โรคนี้สามารถตรวจพบได้ในพุ่มใบและบนผลโดยมีลักษณะเป็นแผล การตรวจหาแต่เนิ่น ๆ และวิธีการตรวจหาที่รวดเร็วจะทำให้แก้ไข, ป้องกัน, ก่าจัด หรือกักกันได้ทันสถานการณ์[5]
การตรวจหาเชื้อที่ใช้โดยทั่วไปโดยการแยกเชื้อและปลูกเชื้อกลับบนต้นอ่อนส้ม (หรือพืชสกุลส้มชนิดอื่น ๆ) ให้ต้นอ่อนส้มแสดงอาการ ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจหาเชื้อนานถึง 14–21 วัน การทดสอบวินิจฉัยเพิ่มเติมทำได้โดยการตรวจหาแอนติบอดี, การวิเคราะห์โครงสร้างกรดไขมัน และวิธีทางพันธุกรรมโดยใช้ปฏิกิริยาลูกโซ่พอลีเมอเรส (PCR) เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและอาจช่วยในการระบุสายพันธุ์โรคแคงเกอร์ในพืชสกุลส้มได้
ความอ่อนไหวต่อโรค
[แก้]พืชสกุลส้มแต่ละชนิดมีระดับความอ่อนไหวหรือความทนทานต่อโรคแคงเกอร์แตกต่างกัน พืชบางชนิดทนทานต่อโรคนี้มาก บางชนิดอ่อนแอต่อโรคนี้ แต่โดยทั่วไปในมะนาวทุกพันธุ์ปลูกมักพบโรคนี้[11] จากข้อมูลผลการทดสอบโรคแคงเกอร์ในพืชสกุลส้มซึ่งทำแบบกว้าง ๆ โดยไม่เจาะจงทดสอบทุกชนิดและพันธุ์ปลูก พบความอ่อนไหวต่อโรคดังนี้
ความอ่อนไหวต่อโรค | ชนิดและพันธุ์ปลูก |
---|---|
อ่อนไหวสูง | เกรปฟรูต (Citrus x paradisi), มะนาวแป้น (C. aurantiifolia), มะกรูด (C. hystrix), เลมอน (C. limon) |
อ่อนไหว | มะนาวตาฮิติ (C. latifolia), ส้มสามใบ (Poncirus trifoliata และ P. trifoliata พันธุ์ผสม), ส้มจีน, ส้มแก้ว, แทนเจโล (C. reticulata พันธุ์ผสม), ส้มเช้ง (C. sinensis), ส้มซ่า (C. aurantium) |
ทนทาน | มะงั่ว (C. medica), ส้มแมนดาริน (C. reticulata) |
ทนทานสูง | มะปี๊ด (สกุล X Citrofortunella), ส้มจี๊ด (สกุล Fortunella) |
ข้อมูล: [17][18][3] |
การแพร่กระจายและการควบคุมการระบาด
[แก้]โรคแคงเกอร์ในพืชสกุลส้มสามารถแพร่กระจายได้ตามกระแสลม น้ำค้าง ฝน จากแมลง และมนุษย์ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเคลื่อนย้ายกิ่งที่มีโรคโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์โดยอุปกรณ์ที่ปนเปื้อน และโดยการขนส่งพืชที่ติดเชื้อหรือพืชที่ดูเหมือนมีสุขภาพดีจากแหล่งหนึ่งไปยังสถานที่อื่น ๆ เป็นระยะทางไกลได้ เนื่องจากเวลาแฝงของโรค พืชอาจดูเหมือนแข็งแรง แต่แท้จริงแล้วติดเชื้อได้ ในประเทศไทยช่วงการระบาดมักเป็นช่วงฤดูฝน ในเดือนพฤษภาคม–กันยายน[11]
ไม่มีการรักษาทางเคมีที่มีประสิทธิภาพสำหรับต้นไม้ที่ติดเชื้อโรคแคงเกอร์ อย่างไรก็ตามการตัดกิ่ง ใบ หรือผลที่ติดเชื้อออก โดยตัดให้ต่ำกว่าแผลเปื่อย 1 นิ้ว หลังจากการตัดแต่ละครั้ง ให้ฆ่าเชื้อเครื่องมือตัดแต่งกิ่งโดยการแช่น้ำยาฟอกขาว (คลอรีน) หนึ่งส่วนต่อน้ำ 9 ส่วน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายการติดเชื้อไปยังส่วนที่แข็งแรงของต้นไม้ การตัดแต่งกิ่งกิ่งที่ติดเชื้ออาจยืดอายุต้นไม้ได้ แต่ไม่อาจหยุดการติดเชื้อได้ และอาจเป็นการเพิ่มความเครียดให้ต้นไม้นั้น การกำจัดต้นพืชที่มีอาการรุนแรงทิ้ง เช่น ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ยืนต้นตาย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของการติดเชื้อไปยังต้นไม้ที่แข็งแรงรอบข้าง ต้นไม้ที่ไม่ได้รับความเครียดจากความแห้งแล้ง แมลงศัตรูพืช หรือการขาดสารอาหารมักจะมีโอกาสติดเชื้อน้อยกว่า[19][20]
แม้ว่าสารฆ่าเชื้อราหรือสารฆ่าเชื้อแบคทีเรียสามารถรักษาโรคแคงเกอร์บางชนิดได้ แต่โดยทั่วไปวิธีที่ง่ายและได้ผลเมื่อพบเห็นโรคเกิดขึ้น คือ การเก็บใบ กิ่ง และผลที่ติดเชื้อไปเผาทำลาย เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค[11]
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 "โรคแคงเกอร์ หรือ โรคขี้กลากในส้ม (Canker)". Kaset Go แอปชุมชนออนไลน์ของเกษตรกร. 2021-03-15.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)[ลิงก์เสีย] - ↑ "Citrus canker - DAWE". www.awe.gov.au.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 3.6 โฆสิตเจริญกุล, ณัฏฐิมา. "โรคแคงเกอร์ของพืชตระกูลส้ม". ebook.lib.ku.ac.th (ภาษาอังกฤษ).
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 Citrus Canker. U.S. Department of Agriculture, 9 มีนาคม 2022.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 5.3 ณัฎฐิมา โฆษิตเจริญกุล, ทิพวรรณ กันหาญาติ, บูรณี พั่ววงษ์แพทย์, รุ่งนภา ทองเคร็ง. การตรวจสอบเชื้อแบคทีเรีย Xanthomomnas axonopodis pv. citri ด้วยเทคนิค Real-time PCR. กลุ่มวิจัยโรคพืช สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร, 2556.
- ↑ PSEUDOMONAS CITRI, THE CAUSE OF CITRUS CANKER (archive.org book reader)PSEUDOMONAS CITRI, THE CAUSE OF CITRUS CANKER (archive.org text version), Clara Hasse, Journal of Agricultural Research, 1915-10, Volume 4, p. 97.
- ↑ CITRUS CANKER, Frederick Wolf, Journal of Agricultural Research, 1916-10, Volume 6, p. 68.
- ↑ Gottwald, T.R, Graham, J.H. and Schubert, J.S. (2002). Citrus canker: The pathogen and its impact. Online. Plant Health Progress doi:10.1094/PHP-2002-0812-01-RV
- ↑ Sapapporn N., Thanikkun N. Bioactive compound produced by isolated Pseudomonas sp. for controlling citrus canker pathogen Xanthomonas sp. www.research.kpru.ac.th, 2017.
- ↑ 10.0 10.1 10.2 10.3 ไพโรจน์ จ๋วงพานิช, วิวัฒน์ แดงสุภา. การศึกษาเบื้องต้นโรคแคงเกอร์ของส้ม. แผนกกีฎวิทยาและโรคพืช มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
- ↑ 11.0 11.1 11.2 11.3 โรคแคงเกอร์มะนาว (Canker) เก็บถาวร 2022-08-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. กรมวิชาการเกษตร, 2560.
- ↑ Pereira, Andre; Carazzolle, Marcelo; Abe, Valeria; Oliveira, Maria; Domingues, Mariane; Silva, Jacqueline; Benedetti, Celso (2014). "Identification of putative TAL effector targets of the citrus canker pathogens shows functional convergence underlying disease development and defense response". BMC Genomics. 15 (15): 157. doi:10.1186/1471-2164-15-157. PMC 4028880. PMID 24564253.
- ↑ Rigano, Luciano; Siciliano, Florencia; Enrique, Ramón; Sendín, Lorena; Filippone, Paula; Torres, Pablo; Qüesta, Julia; Marano, Maria Rosa (2007). "Biofilm formation, epiphytic fitness, and canker development in Xanthomonas axonopodis pv. citri". Molecular Plant-Microbe Interactions. 10 (20): 1222–1230. doi:10.1094/MPMI-20-10-1222. PMID 17918624.
- ↑ Das, A.K. (January 2003). "Citrus canker - A review" (PDF). Journal of Applied Horticulture. 5: 52–60. doi:10.37855/jah.2003.v05i01.15.
- ↑ "Citrus canker". Citrus canker (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
- ↑ Bock, Clive H; Parker, P.E; Gottwald, Tim R (2005). "Effect of simulated wind-driven rain on duration and distance of dispersal of Xanthomonas axonopodis pv. citri from canker-infected citrus tree". Plant Disease. 89 (89): 71–80. doi:10.1094/PD-89-0071. PMID 30795287.
- ↑ Gottwald, Tim R.; Graham, James H.; Schubert, Timothy S. (2017-08-08). "Citrus Canker: The Pathogen and Its Impact". Plant Health Progress. 3: 15. doi:10.1094/php-2002-0812-01-rv. S2CID 85240202.
- ↑ Gottwald, T.R. et al. (2002). Citrus canker: The pathogen and its impact. Online. Plant Health Progress
- ↑ Damon L. Smith, Jennifer Olson. Seiridium canker of Junipers and Cypress. Oklahoma State University, Plant Disease and Insect Advisory, Vol. 7, No. 26. July 15, 2008.
- ↑ Jennifer Olson. Biscongiauxia (Hypoxylon) Dieback and Canker of Pecan. Oklahoma State University, Jul 8, 2013.
ลิ้งค์ภายนอก
[แก้]- Species Profile- Citrus Canker (Xanthomonas axonopodis), National Invasive Species Information Center, United States National Agricultural Library. Lists general information and resources for Citrus Canker.
- Electronic Data Information Source - Citrus Canker, University of Florida IFAS Extension
- Type strain of Xanthomonas axonopodis at BacDive - the Bacterial Diversity Metadatabase