สับปะรด
สับปะรด | |
---|---|
![]() | |
สับปะรดเป็นพืชที่นิยมปลูกทั่วประเทศไทย | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | พืช (Plantae) |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Angiosperms |
หมวด: | พืชดอก (Magnoliophyta) |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Monocots |
ชั้น: | พืชใบเลี้ยงเดี่ยว (Liliopsida) |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Commelinids |
อันดับ: | Poales |
วงศ์: | Bromeliaceae |
วงศ์ย่อย: | Bromelioideae |
สกุล: | Ananas |
สปีชีส์: | A. comosus |
ชื่อทวินาม | |
Ananas comosus (L.) Merr. | |
ชื่อพ้อง | |
Ananas sativus |
สับปะรด (ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Ananas comosus) เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากบริเวณทวีปอเมริกาใต้ ลำต้นมีขนาดสูงประมาณ 80-100 เซนติเมตร การปลูกสามารถปลูกได้ง่ายโดยการฝังกลบหน่อหรือส่วนยอดของผลที่เรียกว่า จุก เปลือกของผลสับปะรดภายนอกมีลักษณะคล้ายตาล้อมรอบผล
เป็นผลไม้เขตร้อนที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเป็นอันดับสามของโลก โดยรัฐฮาวายเป็นแหล่งเพาะปลูกสับปะรดที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา และในปี ค.ศ. 2016 คอสตาริกา, บราซิล และฟิลิปปินส์มีสัดส่วนการผลิตสับปะรดเกือบ 1 ใน 3 ของโลก[1]
แต่ละท้องถิ่นเรียกสับปะรดแตกต่างกันออกไปเช่น[2]
- ภาคกลาง เรียกว่า "สับปะรด"
- ภาคอีสาน เรียกว่า "บักนัด" ("หมากนัด")
- ภาคเหนือ เรียกว่า "บะนัด, บะขะนัด, บ่อนัด"
- ภาคใต้ เรียกว่า "ย่านัด, หย่านัด, ย่านนัด, ขนุนทอง, มะลิ" (โดย ย่านัด หรือ หย่านัด มีที่มาจากภาษาโปรตุเกส[3])
ลักษณะของสับปะรด[แก้]
รูปลักษณะ ไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูง 90-100 ซม. มีลำต้นอยู่ใต้ดิน ใบเดี่ยวเรียงสลับ ซ้อนกันถี่มากรอบต้น กว้าง 6.5 ซม. ยาวได้ถึง 1 เมตร ไม่มีก้านใบ ดอกช่อออกจากกลางต้น มีดอกย่อยจำนวนมาก ผลเป็นผลรวม รูปทรงกระบอก มีใบเป็นกระจุกที่ปลาย
สับปะรดเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดี เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ เมื่อเจริญเป็นผลแล้วจะเจริญต่อไปโดยตาที่ลำต้นจะเติบโตเป็นต้นใหม่ได้อีก และสามารถดัดแปลงเป็นไม้ประดับได้อีกด้วย
สับปะรดแบ่งออกตามลักษณะความเป็นอยู่ได้ 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือพวกที่มีระบบรากหาอาหารอยู่ในดิน หรือเรียกว่าไม้ดิน, พวกอาศัยอยู่ตามคาคบไม้หรือลำต้นไม้ใหญ่ ได้แก่ ไม้อากาศต่าง ๆ ที่ไม่แย่งอาหารจากต้นไม้ที่มันเกาะอาศัยอยู่ พวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นไม้ประดับ, และพวกที่เจริญเติบโตบนผาหินหรือโขดหิน
ส่วนสับปะรดที่เราใช้บริโภคจัดเป็นไม้ดิน แต่ยังมีลักษณะบางประการของไม้อากาศเอาไว้ คือ สามารถเก็บน้ำไว้ตามซอกใบได้เล็กน้อยมีเซลล์พิเศษสำหรับเก็บน้ำเอาไว้ในใบ ทำให้ทนทานในช่วงแล้งได้ด้วย
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม[แก้]
สับปะรดต้องการอากาศค่อนข้างร้อนอุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 23.9-29.4℃ ปริมาณน้ำฝนที่ต้องการอยู่ในช่วง 1,000-1,500 มิลลิเมตรต่อปี แต่ต้องตกกระจายสม่ำเสมอตลอดปี และมีความชื้นในอากาศสูง
สับปะรดชอบขึ้นในดินร่วน,ดินร่วนปนทราย,ดินปนลูกรัง,ดินทรายชายทะเล และชอบที่ลาดเท เช่น ที่ลาดเชิงเขา สภาพความเป็นกรดด่าง (pH) ของดินควรเป็นกรดเล็กน้อย คือตั้งแต่ 4.5-5.5 แต่ไม่เกิน 6.0
ฤดูกาลของสับปะรด[แก้]
- ช่วงเก็บเกี่ยวในฤดู ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน - มกราคม และกลางเดือนเมษายน - กรกฎาคม สับปะรดจะให้ผลผลิตมาก ในตลาดมีราคาถูก
- ช่วงเก็บเกี่ยวนอกฤดู ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - ต้นเดือนเมษายน และเดือนสิงหาคม - ตุลาคม สับปะรดจะให้ผลผลิตน้อยจึงราคาแพง
แหล่งที่ปลูกสับปะรดในไทย[แก้]
เนื่องจากความทนทาน ทำให้ปลูกได้ในดินแทบทุกแห่งในประเทศไทย แหล่งปลูกสับปะรดที่สำคัญของไทยอยู่ในพื้นที่ใกล้ทะเล ได้แก่
- จังหวัดอุตรดิตถ์
- จังหวัดลำปาง
- จังหวัดพิษณุโลก
- จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
- จังหวัดเพชรบุรี
- จังหวัดชลบุรี
- จังหวัดระยอง
- จังหวัดฉะเชิงเทรา
- จังหวัดจันทบุรี
- จังหวัดตราด
- และจังหวัดต่าง ๆ ในภาคใต้ เช่น ภูเก็ต พังงา ชุมพร
พันธุ์สับปะรดที่นิยมปลูกในประเทศไทย[แก้]
- พันธุ์ปัตตาเวีย หรือเรียกว่า สับปะรดศรีราชา นิยมปลูกทั่วไป ผลใหญ่ ฉ่ำน้ำ เนื้อสีเหลืองอ่อน
- พันธุ์อินทรชิต เป็นสับปะรดพันธุ์พื้นเมือง
- พันธุ์ขาว/ดำ
- พันธุ์ภูเก็ต หรือ พันธุ์สวี นิยมปลูกทางภาคใต้ ใบมีแถบสีแดงที่ตอนกลางใบ กลีบดอกสีม่วงอ่อน ผลเล็กเปลือกหนาเนื้อสีเหลืองเข้ม หวานกรอบ
- พันธุ์นางแล หรือ พันธุ์น้ำผึ้ง นิยมปลูกในจังหวัดเชียงราย ผลกลม ตานูน เปลือกบาง เนื้อสีเหลืองเข้ม รสหวานจัด
- พันธุ์ตราดสีทอง
- พันธุ์ภูแล
- พันธุ์ห้วยมุ่น
- พันธุ์เพชรบุรี ผลย่อยติดกันไม่แน่น แกะออกมารับประทานได้โดยไม่ต้องปอกเปลือก แกนผลรับประทานได้ รสหวานอมเปรี้ยว
สรรพคุณ[แก้]
คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม (3.5 ออนซ์) | |
---|---|
พลังงาน | 202 kJ (48 kcal) |
12.63 g | |
น้ำตาล | 9.26 g |
ใยอาหาร | 1.4 g |
0.12 g | |
0.54 g | |
วิตามิน | |
ไทอามีน (บี1) | (7%) 0.079 มก. |
ไรโบเฟลวิน (บี2) | (3%) 0.031 มก. |
ไนอาซิน (บี3) | (3%) 0.489 มก. |
(4%) 0.205 มก. | |
วิตามินบี6 | (8%) 0.110 มก. |
โฟเลต (บี9) | (4%) 15 μg |
วิตามินซี | (44%) 36.2 มก. |
แร่ธาตุ | |
แคลเซียม | (1%) 13 มก. |
เหล็ก | (2%) 0.28 มก. |
แมกนีเซียม | (3%) 12 มก. |
ฟอสฟอรัส | (1%) 8 มก. |
โพแทสเซียม | (2%) 115 มก. |
สังกะสี | (1%) 0.10 มก. |
ประมาณร้อยละคร่าว ๆ โดยใช้การแนะนำของสหรัฐอเมริกาสำหรับผู้ใหญ่ แหล่งที่มา: USDA Nutrient Database |
สรรพคุณทางสารเคมี[แก้]
มีเอนไซม์ย่อยโปรตีนชื่อบรอมีเลน (bromelain) ช่วยย่อยโปรตีนไม่ให้ตกค้างในลำไส้ และ มีเกลือแร่ วิตามินซีจำนวนมาก และนำไปใช้ในอุตสาหกรรมการแพทย์เพื่อรักษาอาการอักเสบของเนื้อเยื่อ และนำไปใช้ในการผลิตเบียร์เพื่อป้องกันการตกตะกอนทำให้เบียร์ไม่ขุ่น [4]
สรรพคุณทางสมุนไพร[แก้]
- ช่วยบรรเทาอาการแผลเป็นหนอง
- ช่วยขับปัสสาวะ
- แก้ร้อนกระสับกระส่าย กระหายน้ำ
- แก้อาการบวมน้ำ ปัสสาวะไม่ออก
- บรรเทาอาการโรคบิด
- ช่วยย่อยอาหารพวกโปรตีน
- แก้ท้องผูก
- เป็นยาแก้โรคนิ่ว
- แก้ส้นเท้าแตก
- ส่วนของรากสับปะรด นำมาใช้เป็นยาแก้กระษัย บำรุงไตได้[5]
- ช่วยในการฆ่าตัวอ่อนของหนอนแมลงวันได้
อ้างอิง[แก้]
- ↑ "Pineapple production in 2016, Crops/Regions/World list/Production Quantity (pick lists)". UN Food and Agriculture Organization, Corporate Statistical Database (FAOSTAT). 2017. สืบค้นเมื่อ 23 February 2018.
- ↑ http://www.tungsong.com/samunpai/drug/60_Pineapple/pineapple.htm
- ↑ "คิดต่างระหว่างบรรทัด 29 10 58". ฟ้าวันใหม่. 29 October 2015. สืบค้นเมื่อ 31 October 2015.
- ↑ รายงานการศึกษาดูงาน ภายใต้โครงการศึกษาวิจัยแนวทางการสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์สัปปะรด
- ↑ สับปะรด สรรพคุณและประโยชน์ของสับปะรด 32 ข้อ ! กรีนเนอรัลด์ เฮลท์
ตัวแทนจำหน่าย นาย สง่า สีเมฆ หนองหญ้าปล้อง