ราวณะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ราวณะ
ตัวละครใน รามายณะ
รูปราวณะจากอินเดียใต้ คริสต์ศตวรรษที่ 18
ข้อมูลตัวละครในเรื่อง
เผ่าพันธุ์รากษส
ครอบครัว
คู่สมรสมณโททรี
ธัญญมาลินี
บุตร
ญาติศูรปณขา
รูปราวณะบนราชรถทองเหลืองแห่งรัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดีย สร้างใน ค.ศ. 1923

ราวณะ (สันสกฤต: रावण, Rāvaṇa) เป็นตัวละครหลักฝ่ายร้ายในมหากาพย์เรื่อง รามายณะ ของศาสนาฮินดู โดยเป็นราชารากษสแห่งนครลงกา ซึ่งเชื่อกันว่า ตรงกับประเทศศรีลังกาในปัจจุบัน[1][2]

ราวณะมักเป็นที่พรรณนาว่า มีศีรษะสิบศีรษะ เป็นสาวกของพระศิวะ เป็นมหาปราชญ์ ปกครองบ้านเมืองอย่างเปี่ยมสามารถ ชำนาญบรรเลงวีณา (वीणा vīṇā) และมุ่งหมายจะเป็นใหญ่เหนือทวยเทพ ศีรษะทั้งสิบของเขายังเป็นเครื่องสำแดงถึงศาสตร์ทั้งหกและเวททั้งสี่ นอกจากนี้ ตามความใน รามายณะ ราวณะลักพาสีดา ภริยาของพระราม เพื่อล้างแค้นที่พระรามและพระลักษณ์อนุชาตัดจมูกศูรปณขา กนิษฐาของราวณะ

ชาวฮินดูในหลายส่วนของประเทศอินเดีย ประเทศศรีลังกา และประเทศอินโดนีเซีย เคารพบูชาราวณะ[3][4][5] และถือเป็นสาวกพระศิวะที่ได้รับความเคารพยำเกรงที่สุด เทวสถานพระศิวะหลายแห่งยังตั้งรูปราวณะคู่กับรูปพระศิวะด้วย

ศัพทมูล[แก้]

รูปสลักราวณะที่นครวัด ประเทศกัมพูชา คริสต์ศตวรรษที่ 12

คำว่า "ราวณ" ในภาษาสันสกฤต หมายความว่า "กู่ร้อง" เป็นศัพท์ตรงข้ามของ "ไวศรวณ" (वैश्रवण vaiśravaṇa) ที่แปลว่า "เงี่ยหูฟัง"[6]

เอฟ. อี. พาร์กิเทอร์ (F. E. Pargiter) ข้าราชการชาวอังกฤษ เห็นว่า คำ "ราวณ" อาจมาจากการแปลงคำ "อิไรวน" (Iraivan) ในภาษาทมิฬ ที่แปลว่า "เจ้า" หรือ "ราชา" ให้เป็นสันสกฤต[7]

ราวณะยังเป็นที่รู้จักด้วยชื่ออื่น เช่น "ทศกัณฐ์" แปลว่า "สิบคอ", "ทศพักตร์" แปลว่า "สิบหน้า", "ลงเกศวร" แปลว่า "เจ้าลงกา", "ราวเณศวร" แปลว่า "ท้าวราวณะ" ฯลฯ[8]

รูปลักษณ์[แก้]

ราวณะมักได้รับการพรรณนาว่า มีศีรษะสิบศีรษะ แต่บางรูปก็แสดงเพียงเก้าศีรษะ เพราะเชื่อว่า ถวายศีรษะหนึ่งศีรษะให้พระศิวะไปแล้ว คัมภีร์ต่าง ๆ ว่า เขาเป็นสาวกพระศิวะ เป็นมหาบัณฑิต เป็นผู้ปกครองที่มากสามารถ เป็นนักบรรเลงวีณามือฉกาจ เป็นผู้ทรงภูมิด้านแพทยศาสตร์และรัฐศาสตร์ เป็นเจ้าของงานประพันธ์หลายเรื่อง เช่น ราวณสงฺหิตา ซึ่งว่าด้วยดาราศาสตร์ฮินดู และ อารกปฺรกาศม ซึ่งว่าด้วยการแพทย์สิทธะ ทั้งยังเป็นเจ้าของน้ำอมฤตซึ่งเขากักเก็บไว้ภายในท้องของตัวโดยอาศัยพรจากพระพรหม[9] นอกจากนี้ รามายณะ ของวาลมิกิยังว่า เขามีลิ้นสองแฉก[10]

ใน รามายณะ[แก้]

ฉบับอินเดีย[แก้]

รามายณะ ของอินเดียว่า ราวณะเป็นบุตรของมหาฤๅษีวิศรพ (विस्रव Visrava) มารดาเป็นแทตย์ชื่อ ไกกสี (कैकसी Kaikasī) ชาวเกรตเทอร์โนเอฑา (ग्रेटर नोएडा; Greater Noida) ในรัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย อ้างว่า ท้องถิ่นของตัวเป็นบ้านเกิดราวณะ[11]

ฉบับไทย[แก้]

รามายณะ ฉบับไทย คือ รามเกียรติ์ ว่า ราวณะเป็นอสูร เป็นบุตรของท้าวลัสเตียนกับนางรัชฎา เป็นเจ้านครลงกา ชาติก่อนเป็นยักษ์ชื่อ "นนทก" มีหน้าที่ล้างท้าวเทวดา แต่ถูกเทวดากลั่นแกล้ง จึงตอบโต้ด้วยนิ้วเพชรสังหารที่ได้มาจากพระศิวะ พระศิวะจึงส่งพระวิษณุไปปราบ นนทกแค้นว่า พระวิษณุมีสี่กร ตนมีสองกร จึงสู้ไม่ได้ พระวิษณุสาปให้ชาติหน้าไปเกิดเป็นอสูรมีสิบหน้ายี่สิบมือ แล้วพระวิษณุจะตามไปเกิดเป็นมนุษย์สองแขน คือ พระราม แล้วเข่นฆ่าให้ตายอีก ก็เป็นไปตามนั้นทุกประการ

พงศาวลีตามฉบับไทย
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ท้าวลัสเตียน
 
 
 
 
 
นางรัชฎา
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
นางมณโฑ
 
 
 
ทศกัณฐ์
 
กุมภกรรณ
 
พิเภก
 
ขร
 
ทูษณ์
 
ตรีเศียร
 
นางสำมนักขา
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
นางเบญกาย
 
มังกรกัณฐ์
 
วิรุณจำบัง
 
 
 
 
 
กุมภกาศ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
นางสีดา
 
อินทรชิต
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
บรรลัยกัลป์
 
ทศคีรีวัน
 
ทศคีรีธร
 
สุพรรณมัจฉา


ฉบับเชน[แก้]

รามายณะ ฉบับศาสนาเชน ว่า ทั้งราวณะและพระรามนับถือเชน[12] ราวณะเป็นราชาของชาววิทยาธร[13] และสุดท้ายแล้วถูกพระลักษณ์ น้องชายพระราม สังหาร[14]

การบูชา[แก้]

ชาวฮินดูในหลายส่วนของประเทศอินเดีย ประเทศศรีลังกา และประเทศอินโดนีเซีย เคารพบูชาราวณะ[3][4][5]

วัดไศวนิกายหลายแห่งในประเทศอินเดียบูชาราวณะ และตั้งรูปราวณะไว้คู่กับรูปพระศิวะ[15][16][17]

ในประเทศศรีลังกาก็มีสถานที่เกี่ยวข้องกับราวณะและนางแทตย์ผู้เป็นมารดา เช่น วัดโกเนศวรัม (Koneswaram Temple) เดิมอุทิศแด่พระศิวะ แต่ภายหลังกลายเป็นที่เซ่นสรวงบูชาราวณะกับมารดา และน้ำพุร้อนกันนิยา (Kanniya Hot water spring) เชื่อว่า เกิดจากราวณะเอาดาบทิ่มดินพวยพุ่งขึ้นเป็นสายน้ำในช่วงพิธีศพของมารดา

ชาติพันธุ์[แก้]

สกุลพราหมณ์สโชระ (Sachora Brahmin) ในรัฐคุชราต ประเทศอินเดีย อ้างว่า พวกตัวสืบเชื้อสายมาจากราวณะ และนิยมใช้นามสกุล "ราวณะ" (Ravan)[18]

อ้างอิง[แก้]

  1. Mani, Vettam (1975). Puranic Encyclopaedia: A Comprehensive Dictionary With Special Reference to the Epic and Puranic Literature. Delhi: Motilal Banarsidass. p. 354. ISBN 0-8426-0822-2.
  2. Merriam-Webster's Encyclopedia of World Religions (ภาษาอังกฤษ). Merriam-Webster. 1999. p. 909. ISBN 9780877790440.
  3. 3.0 3.1 "Only the elderly come to mourn Ravana in 'birthplace' Bisrakh". The Indian Express. 2014-10-04. สืบค้นเมื่อ 2016-06-14.
  4. 4.0 4.1 "Ravana in Noida: A book on Greater Noida". hindustantimes.com. 2014-03-15. สืบค้นเมื่อ 2016-06-14.
  5. 5.0 5.1 "Bisrakh seeks funds for Ravan temple - Times of India". The Times of India. สืบค้นเมื่อ 2016-06-14.
  6. Aiyangar Narayan (1909) "Essays On Indo-Aryan Mythology-Vol.", p.413
  7. Roy, Janmajit (2002-01-01). Theory of Avatāra and Divinity of Chaitanya (ภาษาอังกฤษ). Atlantic Publishers & Dist. ISBN 9788126901692.
  8. "Early Tamils of Ilangai". Scribd. สืบค้นเมื่อ 2016-09-05.
  9. Ramayana By Valmiki; Ramcharitmas by Tulsidasa (Lanka Kanda Vibhishana & Rama Samvaad)
  10. หน้า 13 ประชาชื่น, เยี่ยมบ้าน ส.พลายน้อย 88 ปี วันนี้...สบายดี "สนุกกับการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ในทะเลหนังสือ" โดย พนิดา สงวนเสรีวานิช. มติชนปีที่ 40 ฉบับที่ 14318: วันพุธที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
  11. "?". IBN Live. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 September 2014.
  12. Sharma, S.R. (1940), Jainism and Karnataka Culture, Dharwar: Karnatak Historical Research Society, p. 76
  13. Dalal, Roshen (2010), Hinduism: An Alphabetical Guide, India: Penguin Books, p. 338
  14. Ramanujan, A.K. (1991). "Three hundred Rāmāyaṇas: Five examples and Three thoughts on Translation". ใน Paula Richman (บ.ก.). Many Rāmāyaṇas: The Diversity of a Narrative Tradition in South Asia. University of California Press. p. 35. ISBN 978-0-520-07589-4.
  15. Ravana has his temples, too. The Sunday Tribune – Spectrum. 21 October 2007.
  16. Vachaspati.S, Ravana Brahma [in English], 2005, Rudrakavi Sahitya Peetham, Gandhi Nagar, Tenali, India.
  17. Kamalesh Kumar Dave,Dashanan [in Hindi], 2008, Akshaya Jyotish Anusandan Kendra, Quila Road, Jodhpur, India.
  18. People of India: A - G., Volume 4. Oxford Univ. Press. p. 3061.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]