รายชื่อแหล่งมรดกโลกในประเทศเคนยา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของประเทศเคนยาทั้งสิ้น 7 แหล่ง[1] ประกอบด้วยมรดกโลกทางวัฒนธรรม 4 แหล่ง และทางธรรมชาติอีก 3 แห่ง

สถานที่ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก[แก้]

แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม[แก้]

*หมายเหตุ: ระบุชื่อสถานที่ตามที่ขึ้นทะเบียนในบัญชีมรดกโลก
สถานที่ ภาพ ที่ตั้ง ประเภท พื้นที่
ha (acre)
ปี (พ.ศ./ค.ศ.) หมายเหตุ อ้างอิง
เมืองเก่าลามู  เคนยา
วัฒนธรรม:
(ii) (iv) (vi)
15.6; พื้นที่กันชน 1,200 2544 (2001) [2]
ป่าศักดิ์สิทธิ์กายาของชาวมีจีเกนดา  เคนยา
วัฒนธรรม:
(iii) (v) (vi)
1,538 2551 (2008) [3]
ป้อมจีซัส มอมบาซา  เคนยา
วัฒนธรรม:
(ii) (iv) (vi)
2.36; พื้นที่กันชน 31 2554 (2011) [4]
แหล่งโบราณคดีธิมลิค โอฮิงกา  เคนยา
วัฒนธรรม:
(iii) (iv) (v)
21; พื้นที่กันชน 33 2561 (2018) [5]

แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ[แก้]

*หมายเหตุ: ระบุชื่อสถานที่ตามที่ขึ้นทะเบียนในบัญชีมรดกโลก
สถานที่ ภาพ ที่ตั้ง ประเภท พื้นที่
ha (acre)
ปี (พ.ศ./ค.ศ.) หมายเหตุ อ้างอิง
อุทยานแห่งชาติทะเลสาบเทอร์แคนา  เคนยา
ธรรมชาติ:
(viii) (x)
161,485 2540/1997, ขยาย 2544/2001 [6]
อุทยานแห่งชาติ / ป่าธรรมชาติเมานต์เคนยา  เคนยา
ธรรมชาติ:
(vii) (ix)
202,334; พื้นที่กันชน 69,339 2540/1997, ขยาย 2556/2013 [7]
ระบบทะเลสาบในเกรตริฟต์แวลลีย์แห่งเคนยา  เคนยา
ธรรมชาติ:
(vii) (ix) (x)
32,034; พื้นที่กันชน 3,581 2554/2011 [8]

สถานที่ที่ได้ขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้น[แก้]

ประเทศเคนยามีสถานที่ที่ได้ขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) เพื่อพิจารณาเป็นมรดกโลกในอนาคตทั้งสิ้น 20 แห่ง [1]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

  1. 1.0 1.1 "World Heritage Properties in Kenya". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2018.
  2. "Lamu Old Town". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2018.
  3. "Sacred Mijikenda Kaya Forests". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2018.
  4. "Fort Jesus, Mombasa". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2018.
  5. "Thimlich Ohinga Archaeological Site". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2018.
  6. "Lake Turkana National Parks". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2018.
  7. "Mount Kenya National Park/Natural Forest". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2018.
  8. "Kenya Lake System in the Great Rift Valley". UNESCO. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2018.