มิเชลล์ ราดรีเกซ
มิเชลล์ ราดรีเกซ | |
---|---|
![]() ราดรีเกซในปี 2013 งานที่ Comic Con ที่ แซนดีเอโก | |
เกิด | เมยท์ มิเชลล์ ราดรีเกซ กรกฎาคม 12, 1978 แซนแอนโทนีโอ, รัฐเท็กซัส, ประเทศสหรัฐอเมริกา |
อาชีพ | นักแสดง, คนเขียนบทภาพยนตร์, ดีเจ |
ปีปฏิบัติงาน | 1999–ปัจจุบัน |
เว็บไซต์ | www |
เมยท์ มิเชลล์ ราดรีเกซ (อังกฤษ: Mayte Michelle Rodriguez[1]; /rɑːˈdriːɡɛz/) เกิดเมื่อ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 1978[2] รู้จักกันดีในชื่อ มิเชลล์ ราดรีเกซ, เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน เป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์ และเป็นดีเจ[3] เธอเริ่มมีชื่อเสียงจากบทบาทในภาพยนตร์เป็นนักมวยเจ้าปัญหาในภาพยนตร์อิสระเรื่อง Girlfight ในปี 2000 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและทำให้เธอสามารถคว้ารางวัลมาได้หลายรางวัล รวมไปถึงรางวัล Independent Spirit Award ซึ่งจะประกาศก่อนรางวัลออสการ์ 1 วันซึ่งถือเป็นรางวัลสำคัญสำหรับหนังอิสระต้นทุนต่ำ[4] และรางวัล Gotham Award ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับแนวหนังอินดี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งถือว่าเปิดตัวครั้งแรกได้ดี[5] และในปีต่อมา เธอเริ่มได้รับบทนำที่ชื่อว่า เล็ตตี้ โอติซ (รายชื่อตัวละครในเดอะฟาสต์แอนด์เดอะฟิวเรียส) ในภาพยนตร์ดังเรื่อง เร็ว แรง ทะลุนรก (The Fast and the Furious) ในปี 2001, บทบาทของเธอในเวลาต่อมาที่เธอแสดงเรื่อง Fast & Furious ในปี 2009 และ เร็ว..แรงทะลุนรก 6 ในปี 2013
เส้นทางสายอาชีพของเธอ, โรดิเกซเล่นในบทบาทที่ยากลำบาก, เป็นนักแสดงหญิงอิสระคนที่ประสบความสำเร็จในวงการแสดงภาพยนตร์, รวมไปถึงหนังที่เธอแสดงในเรื่อง คลื่นยักษ์รักร้อน(Blue Crush),สวาทหน่วยจู่โจมระห่ำโลก(S.W.A.T.),วันยึดโลก(Battle: Los Angeles), และ อวตาร(Avatar) และเธอยังเป็นที่รู้จักดีในบทบาทนักแสดงภาพยนตร์แนวแอ๊กชั่นตลกสนุกสนาน(action comedy) ในเรื่อง ระห่ำกระฉูด(Machete) และคนระห่ำ ดุกระฉูด(Machete Kills) และ เรน โอแคมโบ(Rain Ocampo) ยังมีในหนังแนวนิยายวิทยาศาสตร์(บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์ films) ในเรื่อง ผีชีวะ(Resident Evil) และผีชีวะ 5( Resident Evil: Retribution)
ราดรีเกซยังมีงานทางซีรีส์ทางรายการโทรทัศน์ที่เล่นเป็นแอนนา โลนิการ์ คอร์เทซ(Ana Lucia Cortez) ในซีชั่น 2 ของหนังซีรีส์เรื่องอสุรกายดงดิบ(Lost) เธอเป็นส่วนหนึ่งของนักแสดงซึ่งมีการแยกเป็นหลายชุดก่อนที่ซีรีส์จะจบลง เธอยังมีการทำงานเกี่ยวกับเสียงมากมาย(voice work) ในวิดีโอเกม เช่น เกม Call of Duty และเกม Halo, และหนัง 3 มิติแอนนิเมชั่น( 3D แอนิเมชัน) เรื่องหอยทากจอมซิ่งสายฟ้า(Turbo) และซีรีส์ทางโทรทัศน์เรื่อง IGPX.[6]
หนังของเธอทำรายมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2013 ความบันเทิงรายสัปดาห์ ได้มีบทความเกี่ยวกับราดรีเกซ ว่าเป็น "นักแสดงหญิงที่โดดเด่นที่สุดในฐานะนักแสดงหญิงประเภทแนวแอ็กชั่นที่เป็นชาวละตินที่เห็นได้ชัดเจนในฮอลลิวูด".[7]
ชีวิตในวัยเด็ก[แก้]
ราดรีเกซ เกิดที่เมืองแซนแอนโทนีโอ (San Antonio) รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา แม่ของเธอ คาเมน มิลาดี้ ราดรีเกซ เป็นคนพื้นเมืองของโดมินิกัน และพ่อของเธอ ราฟาเอล ราดรีเกซ เป็นชาวเปอร์โตริโก ทำงานในกองทัพสหรัฐ[8][9][10] ราดรีเกซได้ย้ายตามแม่ของเธอไปอยู่สาธารณรัฐโดมินิกันเมื่อเธออายุได้ 8 ขวบและอาศัยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งอายุ 11 ปี หลังจากนั้นเธอย้ายไปอยู่ที่เปอร์โตริโกจนอายุได้ 17 ปี และสุดท้ายเธอตั้งรกรากที่เมืองเจอร์ซีย์ (Jersey City) รัฐนิวเจอร์ซีย์ เธอหยุดเรียนไปตอนมัธยมปลายแต่ก็มาเรียนGED ต่อ[11] เธอถูกไล่ออกมา 5 โรงเรียน[12] เธอเข้าเรียนหลักสูตรเร่งรัดที่โรงเรียนทางธุรกิจก่อนที่จะออกจากอาชีพนักแสดง โดยเธอนั้นมีความฝันสูงสุดที่จะเป็นนักเขียนบทและผู้อำนวยการสร้าง[13]
ในช่วงเวลาหนึ่งเธอถูกเลี้ยงโดยคุณยายและถูกนำขึ้นเป็นพยานพระยะโฮวา ตามศาสนาแม่ของเธอ แม้ว่าเธอจะเริ่มละทิ้งศรัทธา[14][15] การทดสอบดีเอ็นเอของโรดิเกซจัดทำขึ้นตามโปรแกรมของรายการโทรทัศน์ที่มีชื่อว่า Finding Your Roots ว่าบรรพบุรุษของเป็น 72.4% ยุโรป, 21.3% แอฟริกัน, and 6.3%เป็นชนพื้นเมืองอเมริกัน[16] ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีบางส่วนขัดแย้งกันระหว่างเชื้อชาติกับครอบครัวของเธอ ตั้งแต่พ่อของเธอเป็นเปอร์โตริโกผิวขาวและแม่ของเธอซึ่งเป็นโดมินิกันซึ่งเป็นผิวสี
อาชีพ[แก้]
ภาพยนตร์และโทรทัศน์[แก้]
มีการเปิดทดสอบหน้ากล้องหรือเรียกว่าแคสติ้งดาราหน้าใหม่ซึ่งเป็นการออดิชั่นครั้งแรกของเธอ ราดรีเกซชนะผู้ที่เข้าสมัคร 350 คนในหนังอิสระทุนต่ำ ที่ชื่อว่า Girlfight.ด้วยการรับบทเป็นไดน่า ก๊อทแมน(Diana Guzman),ซึ่งเป็นบทวัยรุ่นที่ก้าวร้าวแล้วได้รับการฝึกฝนเพื่อจะเป็นนักมวย,[17] ราดรีเกซได้รับรางวัลต่อหลายรางวัลและถูกเสนอชื่อในฐานะนักแสดงอิสระ, รวมทั้งได้รับรางวัลนักแสดงหลักจากงาน National Board of Review และ Deauville Film Festival,[18] และก็ยังมีอีกหลายรางวัล เช่น Independent Spirit Awards,[4] Gotham Awards,[5] Las Vegas Film Critics Sierra Awards, และอีกหลายที่ได้รับ ตัวภาพยนตร์เองก็ได้รับรางวัลสูงสุดจาก Sundance[19] และชนะเลิศรางวัลเยาวชนที่เทศกาลประกวดภาพยนตร์ที่เมืองคานส์(เทศกาลภาพยนตร์เมืองกาน) ในปี 1999, เธอได้รับคัดเลือกในบทบาทที่เป็น Sisqó's ในมิวสิควิดีโอ ชื่อว่า "Thong Song". ในปี 2002, เธอปรากฏตัวในมิวสิควิดีโอเพลงที่มีชื่อว่า "Always On Time".
ราดรีเกซมีบทบาทที่โดดเด่นในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จ รวมถึงบทบาทของเธอที่เป็นแล็ตตี้ โอติซ ในภาพยนตร์เรื่อง เร็ว แรง ทะลุนรก (The Fast and the Furious) ในปี 2001 และในบทของเรน โอคัมโป ในหนังเรื่องผีชีวะ(Resident Evil) ในปี 2002. เธอปรากฏตัวในหนังเรื่องคลื่นยักษ์รักร้อน(Blue Crush) และสวาทหน่วยจู่โจมระห่ำโลก(S.W.A.T.)[20] ในปี 2004, ราดรีเกซได้พากษ์เสียงของเธอในวิดีโอเกมชื่อว่า Halo 2, เล่นในตัวชื่อว่ามารีน(Marine)[21] เธอยังมีการให้เสียงของอลิซ ริคาร์โรว์(Liz Ricarro) ในการ์ตูนเน็ตเวิร์คซีรีส์(การ์ตูนเน็ตเวิร์ค series) ของ IGPX.[6] จากปี 2005 ถึง 2006 เธอได้รับบทเล่นเป็นตำรวจ แอนนา โลนิการ์ คอร์เทซ(Ana Lucia Cortez)[22] ในซีรีส์โทรทัศน์ชื่อ Lost เธอปรากฏตัวในซีชั่นที่ 2 (ตัวละครที่ปรากฏตัวในครั้งแรกเป็นเรื่องย้อนหลังในช่วงจบซีชั่นแรกชื่อว่า "Exodus: Part 1") และมาปรากฏตัวอีกครั้งในฐานะนักแสดงรับเชิญในซีชั่นที่ 5 "The Lie" ในปี 2009 เธอกลับมาอีกครั้งในตอนสุดท้ายของซีรีส์ที่ชื่อตอนว่า "What They Died For", ในปี 2010 เมื่อปี 2006 ราดรีเกซที่ตอนสำคัญที่เป็นเอพพิโซดของตัวเธอเองใน G4's แสดงเป็น Icons.[23]
ในปี 2008,โรดิเกซปรากฏตัวในหนังเรื่อง ซึแอตเติล ปิดเมืองเดือดระอุ(Battle in Seattle)[24] ใน 2009, เธอแสดงในหนังเรื่อง เร็วแรงทะลุนรก 4(เดอะฟาสต์แอนด์เดอะฟิวเรียส), ซึ่งเป็นภาคที่ 4 ของหนังเรื่อง The Fast and the Furious film series.[25][26] หลังจากนั้นอีกปี, ราดรีเกซได้เริ่มในหนังของเจมส์ แคเมลอน ในหนังทุนสร้างสูงแนวไซไฟผจญภัยในเรื่องอวตาร, ซึ่งกลายเป็นหนังที่รายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์(highest-grossing film in history) และก็เป็นหนังที่ราดรีเกซก็ประสบความสำเร็จ เธอให้ความสนใจกับการกับมาในภาพยนตร์เรื่องที่ 2[27][28] ในปี 2009 โรดิเกซได้ร่วมแสดงในหนังของโดมิดิกันที่ชื่อว่า Trópico de Sangre, ซึ่งเป็นหนังอิสระที่สร้างโดยมิราเบลน้องสาวของเธอ(Mirabal sisters)[29][30]
ในปี 2010, ราดรีเกซได้ปรากฏตัวในของโรเบิร์ท ราดรีเกซ (Robert Rodriguez) หนังเรื่อง Machete ซึ่งหนังได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวกและทำเงินไป 44 ล้านเหรียญในบ๊อกออฟฟิต[31] ในปี 2011 ประกบคู่คับ อารอน เอคฮาร์ท (อารอน เอคฮาร์ท) ในหนังแนวแนวนิยายวิทยาศาสตร์ เรื่อง Battle: Los Angeles หนังทำรายได้มากว่า 200 ล้านเหรียญในบ๊อกออฟฟิต ในปี 2012 เธอกลับไปเล่นหนังในบทของร่างโคลนที่เป็นทั้งตัวดีและตัวร้ายในบทของ เรน โอแคมโบ ในหนังเรื่อง ผีชีวะ 5 ตอนสงครามไวรัสล้างนรก (Resident Evil: Retribution) ในปี 2013 เธอรับบทบาทเป็น เล็ตตี้ โอติซ ในเรื่อง เร็ว..แรงทะลุนรก 6 ในปีเดียวกันราดรีเกซมาเล่นหนังในของโรเบิร์ท ราดรีเกซในเรื่อง Machete Kills.
การรับบทบาท[แก้]
หลังจากภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ ที่ชื่อว่า Girlfight ราดรีเกซได้รับบทอย่างต่อเนื่องและมีคาแรคเตอร์แนวทอมบอยที่ทำงานในสถานีตำรวจหรือทำงานในหน่วยงานของกองทัพ ราดรีเกซกล่าวว่าไม่สนใจว่าตัวเองจะได้รับบทบาทอย่างไร แต่เธอจะรับผิดชอบกับบทบาทที่ได้รับอย่างดีที่สุด[32]
"โอ้ไม่นะ, ฉันรู้สึกว่าเพิ่งได้รับบทบาทในหนังเรื่อง Girlfight เมื่อปีที่ผ่านมา. คุณจะยอมให้ตัวเองได้รับบท ถ้าฉันตัดสินใจฉันไม่ต้องการที่จะได้รับบทในวันพรุ่งนี้ ฉันจะต้องเล่นหนังอินดี้ที่ได้รับบทสาวยากจนที่ต้องมีประสบการณ์ที่ทนทุกข์ทรมารและต้องการที่จะเอาชนะผ่านมันมาให้ได้จากการร้องไห้หรือถูกข่มขืน แต่ช่วงท้ายๆ ของวันฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้แสดง ฉันเพียงต้องการใครบางคนฉันเชื่อในสิ่งนั้นฉันอยากให้ทุกคนสนใจหรือสนุกไปกับมัน ฉันอยู่ตรงนี้เพื่อให้ความบันเทิงกับผู้ชมและช่วยให้ผู้หญิงนั้นแข็งแกร่งขึ้น และนั่นคือสิ่งที่ฉันทำในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ฉันบอกกับตัวเองและฉันก็มีกล่องของตัวเองและจะพูดว่าเมื่อมีสิ่งต่างๆที่จะใส่ในจานของฉัน ฉันก็จะพูดว่าไม่ และในที่สุดฉันก็จะเหมือนลูกไก่ที่แข็งแรงที่จะถูกฆ่าและมันก็ไม่ผิดปกติอะไร"
คนเขียนบท[แก้]
ในระหว่าที่กำลังมีทัวร์เพื่อโปรโมทหนังเรื่อง เร็ว..แรงทะลุนรก 6 ราดรีเกซเริ่มได้รับร่วมธุรกิจกับฮอลลีวูดที่จะผันตัวเป็นคนเขียนบาท เธอมีงานเขียนบทอยู่สองเรื่องที่กำลังพัฒนาอยู่และมีแผนที่จะหยุดพักงานแสดงเพื่อจะติดตามผลงานเขียนของเธอ หนึ่งในแนวความคิดอยู่บนพื้นฐานเป็นหนังครอบครัวเธอได้ให้คำอธิบายว่า "เรื่องราว 2012 ที่เกี่ยวข้องกับความบริสุทธิ์ เกี่ยวกับสัตว์และเกี่ยวกับเด็ก",[33] และมีจุดอื่นๆ ที่กับลังปรับปรุงแก้ไขในการที่เอามาทำใหม่เป็นหนังโจรเยอรมันปี 1997 ที่เธอให้คำอธิบายเกี่ยวกับหนังไว้ว่า "เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ 4 สาวที่หนีออกมาจากคุกและกำลังถูกตามล่าตัวทั่วประเทศโดยเอฟบีไอ"[34]
นักจัดรายการ[แก้]
ราดรีเกซได้ผันตัวเข้ามาทำงานเป็นนักจัดรายการ(ดีเจ) ปี 2009 – เป็นไนท์คลับที่เป็นนานาชาติและเป็นดีเจในรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์ที่ช่วงท้ายมีงานปาร์ตี้[35] โรดิเกซระบุว่ามีการมิกเพลงที่เป็นแนวเฮาส์มิวสิค(เฮาส์ (แนวดนตรี)) และมีการบันทึก เธอพูดไว้ว่า "ส่วนใหญ่ฉันชอบเล่นในที่ที่มีคนมากที่เป็นกลุ่มผู้ใหญ่เพื่อฉันจะย้อนกลับไปในยุค 1930s ไปถึงปี 1960s, 1970 และ1980s – เอามาไว้ในบ้าน มีแนวฮิปฮอปแล้วก็อาร์แอนด์บี ฉันชอบที่จะผสมผสานเสียงดนตรีอีเล็กทรอนิค"
การจัดอันดับอันน่าทึ่ง[แก้]
หลายต่อหลายครั้งในช่วงอาชีพของเธอ เธอได้รับการจัดอันดับในนิตยสาร Stuff ว่าเป็น "เป็น 1 ในผู้หญิง 102 คนที่เซ็กซี่ที่สุดในโลก", หนังสือ Maxim" เป็นผู้หญิงที่ติดหนึ่งใน 100 ของผู้หญิงที่เซ็กซี่ที่สุด" และติดอันดับที่ 74 ของนิตยสาร เอฟเอชเอ็ม "ผู้หญิง 100 อันดับแรกที่เซ็กซี่ที่สุดในปี 2009"[ต้องการอ้างอิง]
ชีวิตส่วนตัว[แก้]
ความสัมพันธ์[แก้]
ในช่วงต้นปี 2000 ราดรีเกซได้ยุติการหมั้นกับแฟนหนุ่มที่เป็นชาวมุสลิม โดยเหตุผลหรือข้ออ้างมาจากความแตกต่างทางศาสนาของฝ่ายชายที่เขาขอร้องจากเธอ[36] หลังจากนั้นได้มีข่าวว่าเธออาจมีความสัมพันธ์กับวิน ดีเซล ที่เป็นพระเอกคู่กับเธอในหนังเรื่อง เร็ว แรง ทะลุนรก (Fast and the Furious)[37] และโอลิเวียร์ มาร์ติเนซ (Olivier Martinez) ที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับเธอในหนังเรื่อง ส.ว.า.ท. หน่วยจู่โจมระห่ำโลก (S.W.A.T.) [38][39]
ในเดือนกรกฎาคม 2006, ราดรีเกซได้บอกกับนิตยสาร Cosmopolitan ว่าเธอไม่ใช่เลสเบี้ยน, แต่ว่า"เธอได้เคยมีประสบการณ์กับทั้งสองเพศ" [40] ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2006, เธอได้ถูกเปิดเผยว่าเธอเป็นไบเซ็กชวล กับตอนที่เธอเล่นหนังเรื่องผ่าภิภพแวมไพร์(Bloodrayne)ที่ได้ร่วมงานกับดาราที่ชื่อว่า คริสแตนน่า โลเค่น(Kristanna Loken) ได้สร้างความคิดเห็นหลายความเห็นผู้ที่ให้การสนับสนุน มีการตีความกันอย่างกว้างขวางจากสื่อถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่ก็ไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากคนทั้งคู่[41] ในเดือนมิถุนายน ปี 2007 นิตยสารเลสเบี้ยนที่ชื่อว่าCurve ได้นำเสนอเรื่องราวอ้างว่าราดรีเกซนั้นเป็นไบเซ็กชวล[42] ราดรีเกซได้วิพากษ์วิจารณ์นิตยสารเล่มนี้ว่า"เอาคำพูดยัดใส่ปากของเธอ".[43] เธอก็ได้บอกอีกครั้งว่าเธอไม่ใช่เลสเบี้ยนในเดือนพฤศจิกายน ปี 2008 จากการที่เธอให้สัมภาษณ์กับหนังสือนิตยสารสำหรับผู้หญิงที่ชื่อว่า Cayena ซึ่งเป็นนิตยสารของสาธารณรัฐโดมินิกัน.[44]
ในเดือนตุลาคม 2013, หนังสือเอนเตอร์เทนเมนท์รายสัปดาห์(เอนเตอร์เทนเมนต์วีกลี) ได้ยกคำพูดของเธอที่ว่า "ฉันได้ทั้งสองอย่าง ฉันทำในสิ่งที่ฉันชอบ ฉันแปลกมากที่มานั่งอยู่ตรงนี้และฉันไม่พยายามทนในเมื่อฉันสามารถทำได้ ผู้ชายก็มีอะไรที่น่าทึ่ง เหมือนดังลูกไก่"[7] แล้วเธอก็ได้อธิบายคำพูดของเธอกับนิตยสารที่มีชื่อว่าLatina ว่า "ฉันว่ามันเก่าแล้ว. ในที่สุดมันก็จะทำเกิดความยุ่งยากจนฉันไม่อยากจะกลับไปทำอีก. ฉันอยากจะซื่อสัตย์และมองดูสิ่งที่กำลังจะเกิด."[45] ในเดือนพฤษภาคม ปี 2014, เธอกล่าวว่าการที่เธอให้สัมภาษณ์เธอหวังว่าการกระทำของเธอจะสามารถช่วยคนอื่นๆ ที่เจอในสถานการณ์ที่คล้ายกัน "โดยอาจจะเปิดปากใหญ่โตที่เต็มได้ด้วยไขมันของฉัน เหมือนกับจะทำให้ก้าวผ่านขึ้นไปอีกขั้นโดยที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครบางคนที่เป็นคล้ายๆกัน"[46] เธอได้ให้คำอธิบายหลังจากการให้สัมภาษณ์อีกครั้งนั้นหลังจากนั้นว่าตัวเธอเองเป็นไบเซ็กชวล: "ไบ , ใช่ ฉันตกอยู่ในแบบ B-ของ กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ(กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ)" ราดรีเกซขาดความแปลกใหม่ในบทนักแสดงหญิงที่มีอยู่ในบทภาพยนตร์ เธอกล่าวว่า "มีอะไรที่ผิดปกติกับการเป็นไบเซ็กชวลเหรอ? ฉันหมายถึง,พวกเราต่อต้านสิ่งที่จะมารบกวนในที่ที่เราจะไป"[47]
ประเด็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย[แก้]
ในเดือนมีนาคม ปี 2002, ราดรีเกซได้ถูกจับกุมในข้อหาทำร้ายร่างกายหลังจากที่ต่อสู้ตบตีกับเพื่อนร่วมห้องของเธอ[48] ค่าปรับได้ถูกหยุดไว้เนื่องจากเพื่อนร่วมห้องของเธอปฏิเสธข้อกล่าวหาในชั้นศาล.[49] ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2003, ราดรีเกซขึ้นศาลเพื่อเผชิญหากับข้อกล่าวหาทางอาญา(misdemeanor) 8 ข้อ และถูกจ่ายค่าปรับกับ 2 เหตุการณ์ซึ่งรวมไปถึงกรณีขับรถชนแล้วหนีและชกต่อย.[50] ในเดือนมิถุนายน ปี 2004 , โรดิเกซสารภาพไม่ขอสู้คดี(no contest) ในลอสแอนเจลิสที่ถูกจับกุมใน 3 ข้อหาชนแล้วหนี,เมาแล้วขับ และขับรถโดยที่ใบอนุญาตในการขับขี่ถูกระงับ.[51] เธอถูกจำคุก 48 ชั่วโมง, ต้องบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม(งานบริการชุมชน)ที่ห้องเก็บศพในโรงพยาบาลนิวยอร์ก, เข้าโปรแกรมบำบัดแอลกอฮอล์ 3 เดือน, และได้รับการรอลงอาญา(probation) เป็นเวลา 3 ปี [52]
ในปี 2005 ขณะที่หนังเรื่อง Lost ใน รัฐฮาวาย ราดรีเกซถูกจับกุมจากตำรวจโฮโนลูลู(โฮโนลูลู) หลายครั้ง เธอถูกกล่าวหาเรื่องการขับรถในเขตเกาะเกาะโอวาฮู(เกาะโอวาฮู) ในวันที่ 1 พฤศจิกายนและถูกปรับเป็นเงิน 357 ดอลลาร์สหรัฐ. เธอต้องจ่าย 300 ดอลลาร์สหรัฐในเรื่องการขับในวันที่ 20 ตุลาคมและถูกปรับ 197 เหรียญในวันที่ 24 เดือนสิงหาคม[53]
ในวันที่ 1 ธันวาคม ปี 2005 ราดรีเกซถูกจับกุมจากการขับรถ[54] โรดิเกซได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเธอไม่ยอมรับความผิดเมื่อถูกฟ้องร้อง[55] แต่ในวันของการพิจารณาคดีของเธอในเดือนเมษายน ปี 2006, เธอกลับรับสารภาพและยินดีที่จะจ่ายค่าปรับ เธอเลือกที่จะเป็นจ่ายเงิน 500 ดอลลาร์สหรัฐและถูกคุมขังเป็นเวลา 5 วันแทนที่จะบำเพ็ญประโยชน์เพื่อชุมชน 240 ชั่วโมง.[51] เธอได้อ้างว่าปริมาณสารสเตียรอยด์ที่เธอได้รับในปริมาณที่สูงจากการเบาเทาอาการแพ้มีผลกับพฤติกรรมของเธอ[56] เพราะอุบัติเหตุที่ไกลลัว(Kailua) มันอยู่ในช่วงการคุมความประพฤติของเธอที่ลอสแอนเจลิส เธอถูกตัดสินจำคุกถึง 60 วันในคุก และถูกคุมความประพฤติโปรแกรมการฟื้นฟูเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอร์และอีก 30 ในการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เพื่อชุมชน, รวมถึงงานรณรงค์ต่อต้านแม่เมาแล้วขับ(Mothers Against Drunk Driving) โดยผู้พิพากษาลอสแอนเจลิสในวันที่ 1 พฤษภาคม ปี 2006.[57] เพราะความอึดอัด เธอได้รับการปล่อยตัวจากคุกเพียงหลังจากที่เธอเดินเขาไปในคุกในวันเดียวกัน เธอนำประสบการณ์เข้าไปเขียนในบล็อกของเธอ[58]
ในเดือนกันยายน ปี 2007 ราดรีเกซได้ถูกกล่าวหาว่าละเมิดการถูกคุมความประพฤติโดยการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณชนไม่เสร็จสิ้นและไม่ปฏิบัติตามโปรแกรมบำบัดแฮกอลฮอร์ มีรายงานว่าเธอส่งเอกสารเดิมที่ระบุว่าเธอทำงานบำเพ็ญประโยชน์ในวันที่ 5 เดือนกันยายนในปี 2006, แต่ก็ได้รับการยืนยันว่าเธอทำจริงที่เมืองนิวยอร์กในวันนั้น. ทนายความของเธออ้างว่าเป็นข้อผิดพลาดของฝ่ายธุรการ.[59] ในวันที่ 10 เดือนตุลาคม ปี 2007 เธอถูกตัดสินให้จำคุก 180 วันหลังจากที่เธอละเมิดการคุมความประพฤติของเธอ เธอคาดว่าเวลาในคุก 180 วันเต็มในคุกนั้นไม่เหมาะสมเนื่องจากเธอต้องพักงานเธอและถูกกักบริเวณในบ้าน.[60] อย่างไรก็ตามหลังจากที่เข้าไปในคุกที่เป็นสถานกักกันที่ตั้งอยู่ในเขตลินวูดส์(Lynwood) แคลิฟอเนียร์ ในวันที่ 23 ธันวาคม ปี 2007[61] เธอได้รับการปล่อยตัวหลังจากถูกคุมขังได้ 18 วัน ในวันที่ 9 เดือนมกราคม ปี 2008 เนื่องจากความแออัดในคุก[62]
ผลงานด้านการแสดง[แก้]
ภาพยนตร์[แก้]
ปี | เรื่อง | รับบท | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
2000 | Girlfight | Diana Guzman | |
2001 | The Fast and the Furious | Letty Ortiz | |
2001 | 3 A.M. | Salgado | |
2002 | Resident Evil | Rain Ocampo | |
2002 | Blue Crush | Eden | |
2003 | S.W.A.T. | Officer Chris Sanchez | |
2004 | Control | Teresa | |
2005 | BloodRayne | Katarin | |
2006 | The Breed | Nicki | |
2007 | Battle in Seattle | Lou | |
2008 | Gardens of the Night | Lucy | |
2009 | Fast & Furious | Letty | |
2009 | Los Bandoleros | Short film | |
2009 | Avatar | Captain Trudy Chacon | |
2010 | Machete | Luz/Shé | |
2010 | Trópico de Sangre | Minerva Mirabal | |
2011 | Battle: Los Angeles | Technical Sergeant Elana Santos | |
2012 | Resident Evil: Retribution | Rain Ocampo[63] | |
2013 | InAPPropriate Comedy | Harriet | |
2013 | Fast & Furious 6 | Letty | |
2013 | Turbo | Paz | Voice |
2013 | Machete Kills | Luz/Shé | |
2015 | Furious 7 | Letty | |
2016 | The Assignment | Frank Kitchen / Tomboy | |
2016 | Milton's Secret | Ms. Ferguson | |
2017 | Smurfs: The Lost Village | Smurf Storm[64] | Voice |
2017 | The Fate of the Furious | Letty | |
2018 | Alita: Battle Angel | Gelda | Post-production |
2018 | Widows | Linda | Post-production |
ละครโทรทัศน์[แก้]
ปี | เรื่อง | รับบท | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
2003 | Slavi's Show | Herself | TV show (1 episode) |
2005 | Punk'd | Herself | 1 episode |
2005–06 | Immortal Grand Prix | Liz Ricarro | 26 episodes Voice: English version |
2005–06, 2009–10 |
Lost | Ana Lucia Cortez | Guest (season 1) Main cast (season 2) Special guest star (season 5 & 6): 22 episodes |
2011 | CollegeHumor Original | Jessica | Episode: "Sorority Pillow Fight" |
2012 | Germany's Next Top Model | Herself | Episode: "A Dream Comes True: Hollywood is Waiting" |
2015 | Running Wild with Bear Grylls | Herself | Episode: "Michelle Rodriguez" |
2015 | Super Into | Herself | Episode: "Michelle Rodriguez is Super Into Superbikes" |
อ้างอิง[แก้]
- ↑ "Official Site Biography". Michelle-Rodriguez.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-06-15. สืบค้นเมื่อ February 7, 2007.
- ↑ Rebecca Flint Marx (2008). "Michelle Rodriguez:Biography". MSN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-18. สืบค้นเมื่อ August 27, 2008.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑ "Michelle Rodriguez lands in UAE as guest DJ at two clubs". The National. Abu Dhabi. สืบค้นเมื่อ August 12, 2013.
- ↑ 4.0 4.1 ""Girlfight" a Winner". FilmFestivals.com. สืบค้นเมื่อ December 23, 2010.
- ↑ 5.0 5.1 IFP Gotham Independent Film Awards. "Gothan Awards Recipients" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ December 23, 2010.
- ↑ 6.0 6.1 "The Ghost Cast & Crew List". The Big Cartoon Database. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-17. สืบค้นเมื่อ December 23, 2010.
- ↑ 7.0 7.1 Vilkomerson, Sara (October 1, 2013). "Michelle Rodriguez talks movies, female empowerment, and sex: 'I don't talk about what I do with my vagina'". Entertainment Weekly. สืบค้นเมื่อ 26 February 2014.
- ↑ Angie Romero (April 15, 2009). "Michelle Rodriguez: "I Feel Like I'm Being Born Again"". Latina. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-04-01. สืบค้นเมื่อ November 13, 2010.
- ↑ "Michelle Rodriguez Biography (1978–)". Film Reference. สืบค้นเมื่อ December 25, 2007.
- ↑ Stated on Finding Your Roots with Henry Louis Gates, Jr., May 20, 2012, PBS
- ↑ "Michelle Rodriguez- Biography". Yahoo! Movies. สืบค้นเมื่อ October 13, 2012.
- ↑ Raphael, Amy (April 11, 2009). "Amy Raphael interviews Michelle Rodriguez". The Guardian. UK. สืบค้นเมื่อ November 13, 2010.
- ↑ "Michelle Rodriguez Official Biography". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-05-16. สืบค้นเมื่อ June 6, 2008.
- ↑ "Michelle Rodriguez: in role after role, she has kicked the stereotype of the token female in the teeth, leaving an imprint all her own". September 2003. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-13. สืบค้นเมื่อ December 25, 2007.
- ↑ "The Religious Affiliation of Actress Michelle Rodriguez". World Religions. August 11, 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-18. สืบค้นเมื่อ December 25, 2007.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑ "Adrian Grenier, Michelle Rodriguez, and Linda Chavez (@ the 47:30 mark)". PBS. March 22, 2012.
- ↑ "A Conversation About "Girlfight"; October 27, 2000". Charlierose.com. October 27, 2000. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-09-08. สืบค้นเมื่อ March 8, 2010.
- ↑ ""Girlfight" a Winner". FilmFestivals.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-04-07. สืบค้นเมื่อ December 23, 2010.
- ↑ "'Girlfight,' 'Count on Me' Tie at Sundance". Los Angeles Times. January 30, 2000. สืบค้นเมื่อ December 23, 2010.
- ↑ "S.W.A.T." TV Guide. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-06-13. สืบค้นเมื่อ December 23, 2010.
- ↑ "Interview: Michelle Rodriguez in Halo 2". Gamestar. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-10-09. สืบค้นเมื่อ December 23, 2010.
- ↑ Itzkoff, Dave (November 15, 2005). "She loves acting tough on 'Lost'". Daily News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-04-16. สืบค้นเมื่อ December 23, 2010.
- ↑ "ICONS: Michelle Rodriguez Episode #6004". G4 Media. June 24, 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-08. สืบค้นเมื่อ December 23, 2010.
- ↑ "Battle in Seattle". The Miami Herald. สืบค้นเมื่อ December 23, 2010.
- ↑ Itzkoff, Dave (March 26, 2009). "What a Stunt! Can They Do It Again?". The New York Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-04-16. สืบค้นเมื่อ December 23, 2010.
- ↑ ""Universal Shuffles 2009 Schedule"; December 10, 2008". Sfluxe.com. December 10, 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-03-21. สืบค้นเมื่อ March 8, 2010.
- ↑ Alasdair Wilkins (December 28, 2010). "Michelle Rodriguez wants to return for Avatar 2". io9.com.
- ↑ "Michelle Rodriguez Talks Avatar 2". E!.
- ↑ "Tropico de Sangre". Internet Movie Database. สืบค้นเมื่อ December 23, 2010.
- ↑ "La historia de las hermanas Mirabal". El Tiempo (ภาษาสเปน). สืบค้นเมื่อ December 23, 2010.
- ↑ "Get Your Grindhouse Fix With a New Poster from Robert Rodriguez's Machete". BloodyDisgusting. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-11-04. สืบค้นเมื่อ 2014-08-21.
- ↑ "Michelle Rodriquez Responds". Hollywoodnews.com. July 26, 2010.
- ↑ "Michelle Rodriguez Writing Kids Film". Internet Movie Database. September 18, 2008.
- ↑ "GameCulture Exclusive: 'Avatar' Vet Michelle Rodriguez Talks Modern Warfare and Dodging Earthquakes". Gameculture.com. December 14, 2009. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-12-17. สืบค้นเมื่อ 2014-08-21.
- ↑ Betiku, Fehintola (May 24, 2012). "Too cool for Cannes... Michelle Rodriguez shows off her DJ skills at the Sea Shepherd party in Cannes". Daily Mail. London. สืบค้นเมื่อ August 12, 2013.
- ↑ "Rodriguez Turned Down Muslim Marriage". Cinema.com. June 6, 2008. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-18. สืบค้นเมื่อ 2014-08-21.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑ Wloszczyna, Susan (August 6, 2002). "Vin Diesel, in high gear". ยูเอสเอทูเดย์. สืบค้นเมื่อ February 4, 2007.
- ↑ "Minogue's Martinez linked to Rodriguez". Contact Music. May 2, 2008. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-18. สืบค้นเมื่อ March 3, 2005.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑ Kent, Paul (May 2, 2008). "Kylie and Oli on rocks again". The Daily Telegraph. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-09-05. สืบค้นเมื่อ January 29, 2005.
- ↑ "LOST girl". Cosmopolitan. April 16, 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (reprint)เมื่อ 2007-02-25. สืบค้นเมื่อ February 4, 2007.
- ↑ Kort, Michele (November 15, 2006). "Michelle & Kristanna in love!". The Advocate. PlanetOut Inc. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-02-02. สืบค้นเมื่อ February 4, 2007.
- ↑ "Michelle Rodriguez 'Curve' cover controversial". Monstersandcritics.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-01-11. สืบค้นเมื่อ May 2, 2008.
- ↑ "Michelle Rodriguez Blogs About Curve Article". michelle-rodriguez.com. May 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-18. สืบค้นเมื่อ July 4, 2009.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑ "Michelle Rodríguez: 'RD no debería tener esa mentalidad tan gubernamental'". Cayena. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-19. สืบค้นเมื่อ November 22, 2008.
- ↑ Rodriguez, Priscilla (19 November 2013). "Exclusive: Michelle Rodriguez talks 'Turbo' & coming out: I wanted to be honest". Latina. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-06-07. สืบค้นเมื่อ 4 June 2014.
- ↑ Hernandez, Greg (May 12, 2014). "Michelle Rodriguez chats with GSN at her first LGBTI event since coming out as bisexual". Gay Star News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-01-11. สืบค้นเมื่อ June 2, 2014.
- ↑ Ocamb, Karen (May 20, 2014). "Michelle Rodriguez Asks 'What's Wrong with Being Bi?'". frontiersla.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-06-05. สืบค้นเมื่อ June 2, 2014.
- ↑ Grossberg, Josh (March 20, 2002). ""Girlfight" Star Busted for Girl Fight". E!. สืบค้นเมื่อ February 4, 2007.
- ↑ Grossberg, Josh (April 8, 2002). ""Girlfight" Star Off the Hook". E!. สืบค้นเมื่อ February 4, 2007.
- ↑ Haberman, Lia (November 20, 2003). "Rodriguez: Way 2 Fast 2 Furious". E!. สืบค้นเมื่อ February 4, 2007.
- ↑ 51.0 51.1 ""Lost" actress chooses jail over service". CBS News. Associated Press. April 26, 2006. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-13. สืบค้นเมื่อ July 21, 2006.
- ↑ Hall, Sarah (December 14, 2005). "Rodriguez: Fast and Furious Driver". E!. สืบค้นเมื่อ February 4, 2007.
- ↑ "Michelle Rodriguez settles two traffic cases". MSNBC. Associated Press. December 14, 2005. สืบค้นเมื่อ July 21, 2006.
- ↑ "Two 'Lost' stars charged with drunken driving". MSNBC. Associated Press. December 2, 2005. สืบค้นเมื่อ July 21, 2006.
- ↑ Errico, Marcus (December 29, 2005). ""Lost" Stars Arraigned for DUIs". E!. สืบค้นเมื่อ July 21, 2006.
- ↑ Finn, Natalie (May 22, 2006). "More Jail Time for Michelle Rodriguez". E!. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-01-24. สืบค้นเมื่อ July 29, 2006.
- ↑ Lee, Ken and Silverman, Stephen M. (May 22, 2006). "Michelle Rodriguez Gets 60 Days in Jail". People. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-02-12. สืบค้นเมื่อ February 4, 2007.
{{cite news}}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์) - ↑ ""Michelle Rodriguez Blogs About Arrest and Conviction"; February 16, 2007". Michelle-rodriguez.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-18. สืบค้นเมื่อ March 8, 2010.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑ Lee, Ken (October 27, 2007). "Michelle Rodriguez Sentenced to Six Months in Jail wow". People. สืบค้นเมื่อ February 10, 2008.
- ↑ Finn, Natalie (October 10, 2007). "Slammer Time for Michelle Rodriguez". E!.
- ↑ "Former 'Lost' star Michelle Rodriguez reports for 6-month jail term in California". MSNBC. Associated Press. December 24, 2007. สืบค้นเมื่อ December 25, 2007.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "Michelle Rodriguez out of jail after 18 days". MSNBC. January 10, 2008. สืบค้นเมื่อ February 1, 2008.
- ↑ Miska, Brad (กันยายน 22, 2011). "Michelle Rodriguez Returning for Some 'Retribution'!". Bloody Disgusting. The Collective. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 24, 2011. สืบค้นเมื่อ September 23, 2011.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑ http://www.aussieosbourne.com/2017/01/sony-pictures-animation-unveils-varied.html
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
![]() |
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: มิเชลล์ ราดรีเกซ |
![]() |
วิกิคำคมมีคำคมเกี่ยวกับ มิเชลล์ ราดรีเกซ |
- เว็บไซต์ทางการ
- Michelle Rodriguez ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส
- Michelle Rodriguez ที่ทวิตเตอร์
- Michelle Rodriguez ที่อินสตาแกรม
- Michelle Rodriguez ที่เฟซบุ๊ก
แม่แบบ:ScreenActorsGuildAwards EnsembleTVDrama 2000–2009
[[วิกิพีเดีย:|ข้อมูลบุคคล]] | |
---|---|
ชื่อ | Rodriguez, Michelle} |
ชื่ออื่น | |
รายละเอียดโดยย่อ | Actress |
วันเกิด | July 12, 1978 |
สถานที่เกิด | San Antonio, U.S. |
วันตาย | |
สถานที่ตาย |
- CS1 errors: unsupported parameter
- บทความที่ขาดแหล่งอ้างอิงเฉพาะส่วนตั้งแต่December 2013
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2521
- บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่
- ชาวอเมริกันเชื้อสายยุโรป
- ชาวอเมริกันเชื้อสายชนพื้นเมืองอเมริกัน
- ชาวอเมริกันเชื้อสายปวยร์โตรีโก
- ชาวอเมริกันเชื้อสายโดมินิกัน
- บุคคลจากแซนแอนโทนีโอ
- นักเขียนบทชาวอเมริกัน
- นักแสดงภาพยนตร์หญิงชาวอเมริกัน
- นักพากย์ชาวอเมริกัน
- ดีเจอเมริกัน